แมนดี้ ซิมเมอร์กลัวจนสติหลุด สายตาที่มองอกไปนั้นเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจอย่างยิ่ง ชาร์ลี กิบส์รู้สึกพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาประสบกับเรื่องน่าอายเช่นนี้ “ทุกคน ให้ผมช่วยนะ!”ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ้มในขณะที่มองไปที่คนอื่น ๆ เขาจะมองไม่เห็นเจตนาชั่ว ๆ ของคนพวกนี้ได้อย่างไร? เขาไม่ให้เวลาพวกนั้นได้ตอบคำถาม ก่อนเทเหล้าเข้าปากพวกเขาทันที“อึก อึก!” ในไม่ช้าคนเหล่านั้นก็ควบคุมลำไส้ของตัวเองไม่ได้อีก “ซีอีโอชาร์ลีเราเพิ่งจะเริ่มกันเอง! ดื่มอีกรอบเป็นไง?” ฮาร์วีย์ยิ้มขณะถือเครื่องดื่มแห่งชีวิตให้ชาร์ลี ชาร์ลีลงไปกองกับพื้น กอปรไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวังเขาเงยหน้าขึ้นมองฮาร์วีย์ในขณะที่ทำหน้าราวกับไม่เชื่อ 'เขาเป็นมนุษย์หรือเปล่า?' 'นี่มันบ้าไปแล้ว!' 'เขาไม่ได้เมาสักนิด!' "ผม... ทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!" ชาร์ลีส่ายศีรษะในขณะที่ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความกลัว“อย่างนั้นก็แย่สิ ตามข้อตกลงของเรา เราต้องแข่งกันทำคะแนนสิ!” ฮาร์วีย์กำลังยิ้ม “ผม… ผมจะเซ็นสัญญา… ทุกอย่างจะเป็นไปตามเงื่อนไขของคุณ…” ชาร์ลีสั่นราวกับเจ้าเข้า ณ จุดนี้ชาร์ลีไม่รู้ว่าเขาจำคำสั่งของท็อดด์ ฌองได้อย่างไรในใจของเขารู้แค่ว
"หมดกัน! หมดกัน! ฉันแค่อยากจะบอกว่าพี่เขยไม่เหมาะกับพี่เลยสักนิด! พี่ออกจะเจิดจรัสขนาดนี้! “รีบหย่ากับเขาเดี๋ยวนี้เลย!” ซีนเธียร์ ซิมเมอร์พูดอย่างอาย ๆ แมนดี้ ซิมเมอร์เขกศีรษะของซีนเธียร์และตอบ “เธอก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรนี่!”“ไม่ต้องสนใจเรื่องของพี่กับพี่เขยของเธอหรอกน่า เข้าใจไหม?” “เราไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ เธอเอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า!” ซีนเธียร์เดาะลิ้นแล้วตอบ “ก่อนจะเรียนก็ต้องมีตำราให้ศึกษาก่อนสิ! ถ้าพี่เขยไม่มีวิธีดี ๆ ล่ะก็ พี่ต้องยกเขามาให้ฉันเป็นการตอบแทน!” "อะไรนะ?!" แมนดี้คิดว่าเธอได้ยินผิด “ซินเธียร์ เธอเข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูดออกหรือเปล่า?”แมนดี้ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน น้องสาวของเธอมักจะทำตัวไม่ดีเสมอ! เธอพูดอะไรแบบนี้ได้ยังไง? ซินเธียร์ยืดอกและเอียงศีรษะ“แน่นอน ฉันรู้น่าว่าตัวเองพูดอะไร! เขาต้องรับผิดชอบฉันสิ ถ้าฉันเรียนไม่ได้เพราะเขา!” หัวใจของซีนเธียร์เต็มไปด้วยความยินดีเมื่อเธอพูดคำเหล่านั้น แมนดี้คิดว่าเธอคงแค่ล้อเล่นตามประสาผู้หญิงเท่านั้นแมนดี้ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก จากนั้นเธอก็ถอนหายใจและตอบว่า “เอาล่ะ พี่เขยของเธอเมาแล้ว คืนนี้พี่ต้องดูแลเข
ที่บ้านของตระกูลเยตส์จากบัควู้ด เกือบจะกลายเป็นบ้านร้างไปโดยปริยายแล้วในตอนนี้ เมื่อเสาหลักของตระกูลล้มลง ในตระกูลเองก็พลอยซบเซาไปด้วย และบริษัท ซิลเวอร์ นิมบัส เอ็นเตอร์ไพรส์ก็ถูกขโมยไปจากแมนดี้ ซิมเมอร์ และล้มละลายไปในที่สุด ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน ผมของคุณย่าเยตส์ก็เปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับหิมะ ราวกับว่าเธอแก่ขึ้นยี่สิบปีในเวลาอันสั้น ตระกูลเยตส์ที่เคยยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์จากบัควู้ด กลับกลายเป็นตระกูลที่ตกอับในตอนนั้น ทว่าปัจจุบันคนในตระกูลก็ยังอยู่ร่วมกัน“เป็นยังไง? ตระกูลเยตส์จากอเมริกาว่าอย่างไรบ้าง” คุณย่าเยตส์รีบถามฟีบี เยตส์ที่เพิ่งวางสายไป ฟีบีตัวสั่น “พวกเขาตกลงที่จะช่วยเรา แต่มีเงื่อนไขข้อเดียว จากวันนี้ไป เราคงต้องเป็นทาสของตระกูลมัน” “จากนี้ไป เราจะเป็นทาสของตระกูลเยตส์ในอเมริกาแบบเต็มตัว” ท่าทางของคนในตระกูลแปรเปลี่ยนไป “คุณย่าเยตส์ เรารับข้อเสนอนี้ไม่ได้! ตระกูลเยตส์จากบัควู้ดยังมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่ เราจะยอมเป็นเบี้ยล่างตระกูลอื่นเช่นนี้ได้อย่างไร?”"ถูกต้อง! เราเป็นตระกูลข้าราชการ! ถ้าโดนหาว่าทำแบบนี้ ชาติหน้าเราจะอยู่ในรัฐบาลได้ยังไง!” “คุณย่าเยตส์โปรดไตร่ตรอง
ดวงตาของท็อดด์ฉายแววเย็นชา เขากัดฟัน “นายท่านรัสเซล โปรดให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะครับ ครั้งนี้ผมไม่พลาดแน่!”บ่ายวันนั้น ท็อดด์มาถึงรีเจนซี่เอ็นเตอร์ไพรซ์พร้อมกับสัญญาจากครั้งก่อน แมนดี้ต้องไปพบพวกเขา เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ถือหุ้นของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ด้วย “คุณคือแมนดี้ ซิมเมอร์ใช่ไหม เรามาที่นี่ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว คือเราต้องการหุ้นทั้งหมดของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์!” ทอดด์พูดด้วยน้ำเสียงไม่ยอมใคร แมนดี้ได้ฟังแล้วขมวดคิ้ว“นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเพิ่งเข้ารับตำแหน่งในบริษัทนี้ ยิ่งกว่านั้นปัญหาเกี่ยวกับกระแสเงินสดก็กำลังได้รับการจัดการใแล้วในตอนนี้ และในอนาคตอันใกล้นี้ก็จะพัฒนาไปได้อีกมากด้วย แล้วทำไมฉันถึงขายหุ้นให้คุณล่ะคะ?” “ใช่ค้ะ คุณฌอง เมื่อสองสามวันก่อนเราเคยต้องการขายหุ้น แต่ตอนนี้เรามีทางเลือกอื่นแล้ว”“บางทีคุณอาจจำเป็นต้องรู้ทันเหตุการณ์ล่าสุด และเนื่องจากคุณเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเรา คุณจะเอนหลังและเพลิดเพลินไปกับเงินปันผลที่จะได้รับในอนาคตได้นะคะ” แม้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะนอบน้อมถ่อมตน แต่แท้จริงแล้วพวกเขากำลังทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับเขาอย่างอ้อม ๆ ท็อดด์นั่งไขว่ห้
พนักงานส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นั่นตกใจมากทันทีที่ได้ยินคำว่า "ตระกูลตระกูลตระกูลฌองแห่งมอร์ดู" พวกเขาหันไปหาแมนดี้ ดวงตาเต็มไปด้วยความวิตก “ซีอีโอซิมเมอร์! เมื่อเทียบกับปัญหาของเราในครั้งนี้ ทุกสิ่งที่เราเผชิญมาก่อนหน้านี้กลายเป็นเรื่องเล็กไปจนหมด! แต่นี่เรากำลังเผชิญหน้ากับตระกูลตระกูลตระกูลฌองแห่งมอร์ดูเชียวนะ!”“ความน่ากลัวของตระกูลนั้นเหนือกว่าที่ใครจะจินตนาการ! เมื่อพวกเขาเล็งมาที่รีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ คุณไม่คิดว่าเราควรจะขายบริษัททิ้งหรือ?”"ถูกต้อง! ตระกูลตระกูลตระกูลฌองแห่งมอร์ดูซื้อหลายบริษัทในบัควู้ดไป วันนี้เจ้าของบริษัทพถวกนั้นเสียชีวิตจากแรงกดดันเพราะพวกเขาดื้อดึง!”“พวกเขาเป็นหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำของประเทศ H! เราไม่อาจโกรธแค้นพวกเขาได้! และไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาได้แน่!” พนักงานคนหนึ่งเสริมด้วยเสียงต่ำ“ซีอีโอซิมเมอร์ ฉันคิดว่าโชคดีที่คุณท็อดจับตามองคุณนะ” “การได้แต่งงานกับตระกูลฌองถือเป็นโชคที่ไม่เหมือนใครดีนะ แม้ว่าคุณจะจบลงด้วยการเป็นภรรยาไร้นามก็ตาม แถมไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับแม้จะอุทิศตนทำความดีมาหลายปีด้วยซ้ำ!” แมนดี้ทั้งสงบและสุขุม แต่ลึก ๆ แล้วหัวใจของเธอเต็
วันถัดมา แมนดี้ ซิมเมอร์ เข้าบริษัทด้วยใบหน้าที่กอปรไปด้วยรอยคล้ำรอบดวงตา ก่อนที่เธอจะถึงที่ทำงาน ท็อดด์ ฌองก็เข้ามาพร้อมกลุ่มบอดี้การ์ดของเขาก่อนแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนใดในองค์กรกล้าเข้าใกล้เขาเมื่อเห็นบอดี้การ์ดเหล่านั้นมีปืนเหน็บเอว เมื่อมีปืนอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย พวกเขาอาจตายได้ทุกวินาที จริงไหม…? ใครจะกล้าต่อกรกับคนเช่นนี้กัน? พนักงานของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์พร้อมที่จะคุกเข่าต่อหน้าท็อดด์และตระกูลของเขาสันนิษฐานว่าพวกเขาสื่อสารกันเมื่อคืนนี้และตงตกลงกันได้ “ผมสงสัยว่าคุณได้เก็บเอาข้อเสนอของผมไปคิดหรือเปล่าซีอีโอซิมเมอร์” ท็อดด์นั่งลงบนโซฟา เขานั่งไขว่ห้างขณะพินิจพิเคราะห์แมนดี้ใบหน้าของแมนดี้แข็งทื่อ"เอาล่ะ แม้ว่าฉันจะเตรียมขายรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ให้คุณ แต่คุณไม่คิดว่าคุณควรจะมีมารยาทสักหน่อยเหรอคะ?” ท็อดด์ผงะเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าแมนดี้จะเห็นด้วย เขาหัวเราะขึ้น"ยอดเลย! ดูสิว่าคุณพร้อมแค่ไหนซีอีโอ ซิมเมอร์ ผมจะให้ราคากับคุณอย่างงามทีเดียว” “สิบห้าเซ็นต์!” ท็อดด์ควักเหรียญออกมาจากกระเป๋าของเขาและโยนมันลงบนพื้น และมันก็ส่งเสียงดังกึกก้อง เหรียญนั้น
จองหอง! ทรงอิทธิพล! ชั่วช้า! นี่เป็นความคิดของทุกคนเกี่ยวกับตระกูลฌองแห่งมอร์ดูผู้มีร่วมเหตุการทุกคนในที่เกิดเหตุตัวสั่นด้วยความกลัว พวกเขาเคยได้ยินข่าวซุบซิบมาว่าพวกที่ต่อต้านตระกูลฌองแห่งมอร์ดูนั้นหายสาบสูญไปพร้อมกับตระกูลของพวกเขากันหมด พนักงานเหล่านี้ไม่อยากให้เรื่องจบลงแบบนั้นเลย ปึก! เลขาของท็อดด์ยื่นเอกสารสัญญากับแมนดี้และพูดอย่างเป็นกันเองว่า “ได้ยินที่นายน้อยของผมพูดไหม? หยิบเหรียญไป เซ็นข้อตกลง แล้วรีบกลับบ้านไปจัดการตัวเอง ก่อนจะมาพบนายน้อย เข้าใจไหม?”“ถ้าซีอีโอซิมเมอร์ยังไม่เต็มใจเซ็น งั้นคืนนี้นายน้อยของผมจะเชิญคุณไซมอน คุณลิเลียน และคุณซินเธียร์มาทานอาหารเย็นด้วยกัน…”เลขาฯ ของเขาดูสุภาพและให้เกียรติในขณะพูด แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของเขา ทำให้ทุกคนขนหัวลุก ตระกูลของแมนดี้จะลงเอยอย่างไรเมื่อเผชิญหน้ากับคนชั่วช้าเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีนเธียร์ที่ยังเด็กและไร้เดียงสา… เมื่อคิดเช่นนั้น แมนดี้ก็นึกหวาดกลัว"คุณ…!" แมนดี้หันไปหาทอดด์ แต่เธอไม่มีความกล้าที่จะต่อว่าเขา เธอกลัวว่าทอดด์จะแก้แค้นตระกูลของเธอขึ้นมาจริง ๆ เมื่อเผชิญกับคนที่โหดเหี้ยมเช่นเขา แมนดี้ทำอะไรไม่
ฮาร์วีย์เหลือบมองท็อดด์และขมวดคิ้ว "นายคิดว่านายเป็นใคร? ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังคุยกับภรรยาของฉัน ไสหัวไปไหนก็ไป!”“แก...” ท็อดด์โกรธจัด เขากัดฟันแน่นจากนั้นยืนขึ้นและเย้ยหยัน “อยากจะพล่ามอะไรก็เรื่องของแก! พอพูดจบ ฉันจะส่งแกสองคนลงนรก!”“ไม่ดีกว่า ฉันจะไว้ชีวิตแกก่อน เพื่อที่แกจะได้เห็นว่าฉันทรมานภรรยาแกยังไง หลังจากนั้นฉันจะจัดการแก!” ท็อดด์หัวเราะ เขาจะไม่ปล่อยฮาร์วีย์ไปง่าย ๆเพี้ยะ!ฮาร์วีย์ตบหน้าท็อดด์อย่างรุนแรง ภายใต้การสายตาที่ไม่เชื่อของทุกคน เขาคำรามอย่างเย็นชา “ฉันไม่สนว่านายเป็นใคร” “แต่จำไว้!” “นี่คือบัควู๊ด ไม่ว่านายจะใหญ่โตมาจากไหน อยู่ที่นี่นายต้องมีมารยาท!” “ฉันให้เวลานายสามวินาที คุกเข่าขอโทษที่ทำให้ภรรยาฉันตกใจซะ!” “ไม่อย่างนั้น นายจะต้องตายที่นี่!”“ขอโทษเธอซะ!” ขณะนั้นบอดี้การ์ดทุกคนของท็อดด์โกรธจัดและเล็งปืนไปที่ฮาร์วีย์ถ้าท็อดด์เอ่ยปากพวกเขาจะยิงทันที “เขาแย่แน่!” พนักงานทั้งหมดของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ตกใจมาก พวกเขาเกือบฉี่ราดกางเกง และไม่เคยคิดเลยว่าฮาร์วีย์ ยอร์ก สามีที่ยังมีชีวิตอยู่คนนี้จะใจกล้าถึงขนาดตบท็อดด์ ฌองทันทีหลังจากที่เขามาถึง!เ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข