คำพูดของฟินน์นั้นทำให้ไซม่อนและครอบครัวของเขาหน้าถอดสีแลดูหวาดกลัวตำแหน่งของฟินน์ในฐานะเจ้าชายของตระกูลเยตส์ไม่ได้มีไว้เพื่อประดับบารมี ว่ากันว่าเขาเคยเรียนในมหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งโดยกรมตำรวจเซาท์ไลท์ และเป็นแชมป์การแข่งขันการต่อสู้ของกองกำลังตำรวจสองสามสมัยในสมัยที่เขาอยู่ที่นั่นแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนประเภทที่จะออกตัว แต่หากเขาได้เริมจัดการแล้ว เขาจะทำลายล้างหรือแม้กระทั่งฆ่าคู่ต่อสู้ได้อย่างแน่นอนตระกูลเยตส์ส่งฟินน์ไปช่วยเหลือรีเจนซี่ เอ็นเทอร์ไพรส์และออกตัวในครั้งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่าฮาร์วีย์แพ้แน่นอน!การที่ยอมอยู่เฉย ๆ เหมือนเป็นจะต้องการแสดงชัยฮาร์วีย์อาจถูกจัดการจนต้องพิการไปตลอดบั้นท้ายชีวิต ชะตากรรมเลวร้ายยิ่งกว่าความตายมองดูท่าทีเย็นชาของฮาร์วีย์ ฟินน์ตีความไปว่าฮาร์วีย์คงจะตกใจฟินน์เดินเข้าหาฮาร์วีย์ ตบลงที่แก้มฮาร์วีย์เบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย“เพราะเราเป็นญาติกัน นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของฉัน”“นายต้องไปที่สำนักงานใหญ่ของรีเจนซี่ เอ็นเทอร์ไพรส์ และแก้ไขปัญหานี้กับท่านประธานวอร์เนอร์ก่อนเที่ยงคืน”“ถ้าไม่อย่างนั้น นายจะได้เห็นเองว่าจะเกิด
ช่วงเวลาเที่ยงคืน ณ เอ็มเพอเรอร์ คลับเฮาส์ที่นี่เป็นทรัพย์สินของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ และพวกเขาปิดให้บริการในคืนนี้ฟินน์ได้ทิ้งผลประโยชน์ที่ได้มาจากเจคอบเอาไว้พวกเขาเพียงแค่ทำให้พวกซิมเมอร์กลัวเพื่อจัดการกับพวกเขาได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องให้ฟินน์มาปรากฏตัวขึ้นจริง ๆไม่นานฮาร์วีย์ก็มาถึง“อะไรกัน? มีแค่ลูกเขยไร้ประโยชน์ที่มางั้นเหรอ?”“ไม่เป็นไร ฉันจะได้นอนกับผู้หญิงของมันหลังจากบดขยี้แขนขามันเรียบร้อยแล้ว!”เจคอบพูดอย่างไร้ความปราณี เขารู้วิธีทรมานจิตใจของคนและผลักให้คน ๆ นั้นตกลงไปสู่ชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายเมื่อฮาร์วีย์เข้ามา รปภ. นับสิบยืนล้อมเขาไว้ทันทีมีคนล็อกหน้าต่างและประตูทุกบานในอาคารอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหนึไปได้ และต้องมั่นใจว่าจะไม่มีเสียงตะโกนเล็ดลอดออกไปไม่มีใครคิดว่าฮาร์วีย์จะกล้าก้าวเข้ามาโดยไม่สนใจโลกแถมยังนั่งลงต่อหน้าเจคอบ แล้วรินไวน์แดงให้ตัวเองท่าทีที่สงบของเขาทำให้เจคอบชะงักเจคอบเคยเห็นแต่ท่าทีแบบนี้จากพวกคนรวยเท่านั้นลูกเขยไร้ประโยชน์นี่มีสิทธิ์อะไรมาทำตัวแบบนี้?“ตระกูลเยตส์เป็นคนคอยให้การสนับสนุนรีเจนซี่ เอ็นเทอร์ไพรส์ใ
ทันทีที่ฮาร์วีย์พูดจบ เขาเอื้อมมือไปกระชากผมของเจคอบ แล้วโขกเข้ากับโต๊ะหินอ่อนโต๊ะหินอ่อนแตกร้าว เลือดไหลหยดย้อยเต็มหน้าของเจคอบก่อนจะสลบไปฮาร์วีย์สั่งด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ปลุกมันขึ้นมา แล้วจัดการหักแขนหักขามันให้หมด อย่าให้มันช่วยเหลือตัวเองได้อีกตลอดชีวิต”“รับทราบครับ!”ไทสันโค้งคำนับรับคำสั่ง พวกลูกน้องหยิบหม้อชาร้อน ๆ แล้วเทลงบนตัวของเจคอบทันที“อ๊าาาากกก!”เจคอบฟื้นขึ้นมาพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนเกลือกกลิ้งไปบนพื้นตัวของเขาถูกจับแขนขาแล้วถูกหักแขนหักขาไปทีละข้างเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เจคอบก็หมดสติไปอีกครั้ง กลิ่นเหม็นของฉี่ลอยคลุ้งไปรอบตัวฮาร์วีย์ใช้ชุดสูททำความสะอาดรองเท้าของเขา เผยรอยความรังเกียจไปทั่วใบหน้า จากนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไปและแน่นอนเมื่อฮาร์วีย์กลับมาถึงเดอะการ์เดนส์เรสซิเดนส์ พวกซิมเมอร์ที่กระวนกระวายใจอยู่ต่างยืนขึ้นด้วยความตกใจลิเลียนถามทันทีว่า “ฮาร์วีย์ แกยังไม่ไปอีกเหรอ?”“ผมไปแล้ว และจัดการแก้ปัญหาทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว วางใจเถอะครับ เจคอบจะไม่สร้างปัญหาให้เราอีกต่อไป” ฮาร์วีย์ตอบอย่างใจเย็นฮาร์วีย์ไม่ได้พูดบอกเล่าเรื่องอื่น เจคอบจะมา
ฟินน์ยังคงนิ่งสงบและพูดว่า “พ่อครับ แม้ว่าพวก รปภ. ของท่านประธานวอร์เนอร์จะไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้น แต่ฮาร์วีย์ยังเอาชนะคนจำนวนมากกว่าได้ เขามีความสามารถถึงขนาดนี้ได้ยังไง? เขามีคนคอยสนับสนุนช่วยอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า?”คีธหัวเราะ“ฉันถามข้อมูลนี้มาแล้ว เขาเป็นเพียงคนขับรถของคนใหญ่คนโตคนหนึ่งเท่านั้น”“มีคนเห็นพวกนักเลงอยู่ที่คลับเฮาส์นั่น!”“ฮาร์วีย์น่าจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะสู้เจคอบได้ยังไง?”“ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว? ดีจริง ๆ !”ดวงตาของฟินน์เป็นประกายขึ้นทันที“ตระกูลเยตส์คือความหายนะของพวกอันธพาล! เคยส่งพวกมันเข้าคุกมาก่อน แต่ตอนนี้มันกลับสามารถส่งพวกอันธพาลมาได้ตามคำสั่งของมัน!”“พ่อครับ ให้ผมจัดการเอง ผมจะทำให้มันเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้!”คีธตอบอย่างเย็นชาว่า “จำไว้ว่านายต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด อย่าแสดงความเมตตาใด ๆ ถ้าไม่อย่างนั้น ศักดิ์ศรีของเราคงไม่หลงเหลืออยู่!”ไม่นานข่าวนี้ก็ถึงแมนดี้และครอบครัวของเธอทุกคนตกใจจนไม่อยากจะเชื่อ‘นั่นคือวิธีการพูดคุยอย่างป็นมิตรของฮาร์วีย์งั้นหรือ?’‘เขาทำร้ายทุบตีถึงขั้นนี้แล้วยังเรียกว่าพูดคุยอย่างเ
”คุณคิดว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่?” ยานนิคถามพร้อมขมวดคิ้วเขารู้ว่าฟินน์เป็นใคร นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่กล้าทำขึงขังกับฟินน์มากนักฟินน์ตอบอย่างสุภาพว่า “สารวัตรใหญ่ มีคนสร้างความวุ่นวายที่เอ็มเพอเรอร์ คลับเฮาส์ เขาทำให้ท่านประธานวอร์เนอร์ พิการตั้งแต่เอวลงไป ผมกำลังเตรียมคนของผมไปจับเขามาที่นี่และจัดการตามกระบวนการ!”ยานนิคขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมคุณถึงพาคนของเราไปจำนวนมากขนาดนี้ ก็แค่เรื่อง? เพียงแค่ไม่กี่คนไปกับคุณก็พอ ผมต้องใช้คนส่วนที่เหลือ”ฟินน์ชะงักแล้วพูดว่า “สารวัตรครับ พ่อผมสั่งให้ผม”ยานนิคถอนหายใจ“ฟินน์ ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้เกียรติคุณนะ”“แต่วันนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในบัควู้ด”“คุณทราบถึงการเปลี่ยนกองกำลังทหารของเซาท์ไลท์ใช่ไหม? ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังทหารคนต่อไปกำลังจะมาถึงที่สนามบิน คนของเราต้องไปที่นั่นเพื่อดูแลด้านความปลอดภัย”“อะไรนะครับ? เขาจะมาวันเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นคุณควรเอาคนไป ทิ้งบางคนให้ผม”ฟินน์ชะงักเขาไม่กล้าหยุดยานนิคเมื่อยานนิคไปกับพวกลูกน้องพวกนั้น ฟินน์ก็รีบโทรหาคีธทันที“พ่อครับ ผมเพิ่งได้รับข่าวว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเซาท์ไลท์กำลังจะ
เบลลามี่ผงะไปครู่หนึ่ง และหลังจากพยายามนึก เขาก็พูดอย่างครุ่นคิดว่า “โอ้ คุณนั่นเอง นายท่านเยตส์ แม้ว่าผมจะมาจากกองทัพกังนัม แต่ผมเคยได้ยินชื่อของคุณมาบ้าง”“จริงเหรอครับ?”คีธดูตื่นเต้น รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากคีธจะรู้ได้อย่างไรว่าเบลลามี่เคยได้รับการฝึกฝนจากฮาร์วีย์มาก่อน? เบลลามี่เคยได้ยินชื่อเขานั่นเพราะคีธเป็นลุงของแมนดี้คีธคิดว่าชื่อของเขาเป็นที่รู้จักกันดี เขาก็พูดขึ้นทันทีว่า “ถ้าผู้บัญชาการเบลคไม่ว่าอะไร เชิญไปที่บ้านของผมเพื่อพูดคุยกันสักหน่อย จะได้ไหมครับ?”“ผมได้จัดเตรียมอาหารว่างไว้รอรับแล้ว”เบลลามี่ยิ้มและพูดว่า “อย่าพูดอย่างนั้นเลยนายท่านเยตส์ ผมยังไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการ ผมจะต้องรอการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเสียก่อน”“และผมคิดว่ามันไม่เหมาะที่จะพบคุณในตอนนี้ และผมมาที่นี่เพื่อตามหาอดีตหัวหน้าของผม ผมต้องขอโทษด้วย!”เชลดอน ซาเวียร์และคนอื่น ๆ รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ผู้บัญชาการเบลค เป็นไปได้ไหมว่าหัวหน้าของคุณเป็นคนในตำนานคนนั้น?”เบลลามี่พูดอย่างจริงจัง “เขาคือหัวหน้าผู้ฝึกสอนแห่งค่ายศัสตราวุธ ตั้งแต่เขาลาออก เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่เซาท
ในรถคีธถามอย่างสุภาพว่า “ผู้บัญชาการเบลค เราจะไปไหนกัน?”“เดอะการ์เด้น เรสซิเดนซ์” เบลลามี่ตอบคีธไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินชื่อสถานที่นั้น เดอะการ์เด้น เรสซิเด้นเป็นหมู่บ้านที่พักระดับไฮเอนด์ที่สุดในบัควู้ดหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนนี้คือใคร? แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่อย่างสันโดษหลังจากลาออก ที่นี่คงเป็นเพียงที่เดียวเท่านั้นที่เหมาะกับสถานะของเขาเบลลามี่หยุดพูดไปฮาร์วีย์เป็นคนแนะนำให้เขาทำงานรับใช้ในเซาท์ไลท์ในขณะนั้นผู้อาวุโสในกองทัพพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฮาร์วีย์เป็นผู้บัญชาการกองทหารทั้งเก้า แต่ฮาร์วีย์ปฏิเสธระหว่างการเจรจาฮาร์วีย์พูดว่าเบลลามี่เป็นคนเก่งดังนั้นเบลลามี่จึงได้เลื่อนตำแหน่งในโอกาสการเปลี่ยนตำแหน่งในกองทัพในครั้งนี้เบลลามี่รู้สึกขอบคุณไม่เพียงแต่หัวหน้าผู้ฝึกสอนเท่านั้นที่ดูแลพี่น้องอย่างดีในสนามรบ แต่เขายังคงดูแลแม้หลังจากที่เขาออกจากกองทัพแล้วเบลลามี่มาที่นี่ครั้งนี้เพื่อแสดงความขอบคุณและเขายังหวังว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอนจะให้คำแนะนำบางอย่างแก่เขา***ในขณะเดียวกัน ณ เดอะการ์เด้น เรสซิเด้นฟินน์เดินเข้ามาพร้อมกับนายตำรวจหลายสิบคนพวกเขาแสดงบัตรประจำตัวเพื่อที่จะเข้าไ
เมื่อฟินน์โกรธมากจนตอนนี้ที่เขากำลังจะลงมือ รถของคีธก็มาส่งเบลลามี่ที่เดอะการ์เด้น เรสซิเด้นพอดีเบลลามี่ลงจากรถที่ตรงหน้าประตูทางเข้า จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณนายท่านเยตส์ แต่ตัวตนของหัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้นเป็นความลับสุดยอด ดังนั้นผมจึงไม่สามารถเชิญคุณเข้าไปข้างในได้”“ไม่เป็นไรครับ ผมยังคงมีโอกาสได้เห็นหน้าหัวหน้าผู้ฝึกสอนในพิธีแต่งตั้งอยู่ดี!”คีธสุภาพมาก ไม่กล้าส่งใครตามเบลลามี่ไปเพราะคนทั้งสองที่อยู่ข้างในนั้นเป็นระดับหัวหน้าใหญ่ในกองทัพ ตระกูลเยตส์ไม่สามารถทำให้พวกเขาขุ่นเคืองได้แต่คีธก็ไม่ได้ออกไปทันที เขาสั่งว่า “พวกนายอยู่ข้างนอก ผู้บัญชาการเบลคออกมา แล้วหลังจากนั้นพวกนายไปส่งเขา”ในขณะเดียวกันที่ประตูบ้านของฮาร์วีย์ฟินน์มองฮาร์วีย์ด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า “จริง ๆ แล้วคนแบบนายไม่คู่ควรที่ฉันจะมาจัดการด้วยตัวเอง!”“แต่นายกลับยังไม่รู้ตัวว่าควรยืนอยู่ตรงไหน และนายกลับมายั่วยุตระกูลเยตส์อีกครั้ง!“ด้วยความผูกพันในครอบครัวของเรา ถ้านายต้องคุกเข่าขอโทษแล้วหย่ากับแมนดี้ซะ ฉันอาจจะยอมปล่อยนายไป!”ฮาร์วีย์มองฟินน์นิ่ง จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและตบหลังมือทันทีเพีย
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข