CHAPTER 3
เด็กดอย
สิบนาทีต่อมา
ต่อจากนี้เรนไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดของคนบางคนได้มากน้อยแค่ไหน เพลิงบอกว่าเพื่อนเขามีแต่คนหน้าเถื่อน ซ้ำยังขู่สำทับตลอดทางว่าทุกคนไว้หนวดเครารุงรัง แต่ภาพที่ได้เห็นเมื่อมาถึงที่หมายช่างต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว
บ้านสองชั้นขนาดกลางเต็มไปด้วยเหล่าชายชาตรีหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงยาวเข่าดีห่างไกลจากที่หญิงสาวจินตนาการไว้หลายส่วน นอกจากจะโดนหลอกว่ามีแต่เพื่อนชายซ่องสุมอยู่กันเหมือนกองโจร เท่าที่ได้เห็นในขณะนี้ก็มีผู้หญิงนั่งรวมกลุ่มอยู่ด้วยอีกสองคน แน่นอนว่าอารมณ์ของสตรีเพศย่อมทำให้บรรยากาศแบบผู้ชายผ่อนคลายลง
“ไหนเพลิงว่ามีแค่เพื่อนผู้ชายไง?” คนตัวเล็กกระซิบเสียงแผ่ว กระตุกชายเสื้อของคนข้างกายส่งสายตาตั้งคำถาม
“ก็ที่นี่มันอยู่แค่ผู้ชาย” เพลิงให้คำอธิบาย “ส่วนสองคนนั้นพวกมันอยู่บ้าน” เพลิงหมายถึงเพื่อนต่างเพศ กล่าวจบก็กวักมือเรียกสองคนที่ว่าให้เดินเข้าหา
“ใครอะ?” คนแรกเป็นผู้หญิงรูปร่างสูงระหงสีหน้าท่าทางนิ่งสนิท แม้จะสวยไม่หยอก แต่ใบหน้ามีเอกลักษณ์โดดเด่นกลับเรียบเฉยไร้อารมณ์
“นี่อาโป” เพลิงแนะนำให้คนมาใหม่ได้เป็นฝ่ายรู้จักก่อน จากนั้นจึงพยักพเยิดไปยังอีกคนที่อยู่ในสภาพสะลึมสะลือ “นั่นคะนิ้ง”
อาโป ไม่ได้ยินดียินร้ายต่อการปรากฏตัวของผู้มาเยือนเพียงแค่พยักหน้าให้หนึ่งที ต่างจาก คะนิ้ง ที่แม้ในตอนแรกจะมีอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่ก็ยังยิ้มกว้างให้อย่างเป็นมิตร
“อย่าบอกนะว่าเด็กใหม่มึง?” คะนิ้งใช้ไหล่กระแทกร่างสูงที่พาคนแปลกหน้ามาทำความรู้จัก นิ้งไม่ยักรู้ว่านิสัยแข็งเป็นไม้แบบเพลิงจะชอบผู้หญิงท่าทางนุ่มนิ่มเหมือนเต้าหู้แบบนี้
“เด็กก็เหี้ยแล้ว นี่เพื่อนกู” เพลิงไขข้อข้องใจให้คนหนึ่งฟัง และนั่นส่งผลให้สีหน้าของอีกหลายคนซึ่งกำลังมองแขกผู้มาเยือนพากันร้อง ‘อ๋อ’ อย่างพร้อมเพรียง
“หน้าแบบมึงไม่น่ามีเพื่อนน่ารักขนาดนี้” ใครสักคนเอ่ยขัดจังหวะ ก่อนเจ้าของเสียงจะแซงคิวเข้าทำความรู้จักก่อนใครเพื่อน “สวัสดีครับ เราชื่อเติร์กนะ”
“สวัสดีค่ะ” เรนยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร ทว่ายังไม่ทันได้ยื่นมือตอบรับสัมผัสจากฝ่ามือของ เติร์ก เพลิงกลับปัดมือเพื่อนทิ้ง
“อะไรวะไอ้เพลิง…” เติร์กขมวดคิ้วใส่ และแม้พยายามยื่นมือขอจับอีกครั้ง แต่เพลิงก็จูงมือเรนเดินหนี ทั้งยังแนะนำคนอื่นให้หญิงสาวได้รู้จักต่อหน้าตาเฉย
“นั่น ไฉ”
ไฉ พยักหน้ารับพอเป็นพิธีก่อนจะก้มหน้าก้มตาเลื่อนสมาร์ตโฟนต่อ ท่าทางไร้อารมณ์ไม่ต่างจากอาโปซึ่งเดินไปทรุดกายนั่งลงที่ข้างกัน
“ที่หน้าตาฉลาด ๆ ชื่อไอ้เทมป์”
“อือ” เรนพยักหน้าตาม
ที่เพลิงว่าดูฉลาดอาจเป็นเพราะ เทมป์ คนที่ว่าสวมแว่นตา แต่แม้จะสวมแว่นทว่าออราความหล่อก็ยังพุ่งกระจาย และดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ถึงได้ทำทีเต๊ะท่าวางมาดขึ้นมา
“ขอบคุณที่ชม แต่กูหล่อมากกว่าดูฉลาด” ว่าพลางก็กอดอกทำทรง แต่ยังไม่ทันขาดคำเสียงของคะนิ้งก็ดังแทรกขึ้น
“ขอร้อง มึงมั่นอะไรขนาดนั้น”
แม้จะโดนแขวะ แต่คนที่ดูจะหลงตัวเองอยู่หลายส่วนก็กระตุกยิ้มขึ้นได้ “มึงไม่เคยได้ยินหรือไง? ปรัชญาเขาว่าไว้ คนหล่อมักจะภูมิใจในตัวเอง”
คะนิ้งทำหน้าระอา กระนั้นก็พยักหน้าขอฟัง “ปรัชญาสำนักไหน?”
“สำนักกู”
“หน้าตาฉลาดแต่พูดจาขาดสมองแบบนี้ มิน่าถึงได้จีบใครไม่ติดสักที”
“จ้ะ แม่คนฮอต” เทมป์ว่า
แต่เพื่อนสาวก็พยักหน้ารับไม่คิดถ่อมตัว “กูรู้ตัว”
น่าจะจริงสมคำประชดเยินยอ ในสายตาเรนเห็นด้วยชนิดไร้ข้อกังขา ถึงไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัว เธอก็เห็นเค้าความสวยของคะนิ้ง สวยขนาดนี้อาจเป็นดาวคณะได้เลยทีเดียว
“นั่งนี่” เพลิงดึงมือหญิงสาวให้นั่งลงข้างกันที่โซฟาซึ่งว่างเว้น
เพลิงคิดอยู่แล้วว่าอาจมีคนวางตัวไม่ถูกเลยไม่อยากพามาด้วยตั้งแต่แรก เมื่อมาถึงจึงลอบสังเกตใบหน้าจิ้มลิ้มแทบจะทุกวินาที คนตัวเล็กทำหน้าปั้นยากอยู่บ้าง แต่ถือว่ารับมือได้ดีกว่าสมัยยังเรียนอยู่ที่เชียงใหม่หลายส่วน แม้เพลิงจะมีเพื่อนฝูงเยอะเป็นปกติ แต่เรนนั้นแทบไม่มีเพื่อนเลย อาจเพราะความขี้อายด้วยส่วนหนึ่ง และติดเขาด้วยอีกส่วน
“เพื่อนที่ไหนวะ? ทำไมไม่เห็นเคยเจอ” ไฉตั้งคำถามโดยไม่คิดเงยหน้าจากหน้าจอ
ทว่าคนที่ดูสนใจแขกผู้มาเยือนเป็นพิเศษเห็นจะไม่พ้นเติร์กที่รีบปรี่เข้านั่งบนโต๊ะไม้ตัวกลาง “นั่นดิ น่ารักขนาดนี้มีแฟนยังครับ?”
“เรายังไม่มี” เรนยิ้มตอบ
“หูย! ดีเลยครับ” เจ้าของคำถามทำทีถูไม้ถูมืออย่างหมายมั่น ทว่าการขวางลำจากใครบางคนก็ขัดขึ้นทันควัน
“ต่อให้ไม่มี เขาก็ไม่น่าเอามึงว่ะไอ้เติร์ก” เป็นเทมป์ที่เหยียดยิ้มกว้างตั้งใจกวนตีน ทว่าเติร์กที่ไวพอกันก็หันคว้าของบนโต๊ะปาใส่เจ้าของคำดูแคลนทันที
“อย่าเสือก กูอาจได้สมหวังมีคู่ก็วันนี้”
“ก่อนจะสมหวัง สมประกอบให้ได้ก่อน” เทมป์ยังคงลับฝีปากกับเพื่อนไม่เลือกหน้า ท่าทางฉลาดสุขุมเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น และเติร์กที่ชินชากับนิสัยเพื่อนก็ทำเมินไม่ใส่ใจ หันพูดคุยกับผู้มาเยือนอีกครั้ง
“มาเที่ยวเหรอครับ?” เติร์กแน่ใจว่าไม่เคยเห็นหน้าหญิงสาวมาก่อน
“ไม่ได้มาเที่ยว แต่จะย้ายมาเรียนที่นี่” เพลิงเป็นคนให้คำตอบ “ย้ายมาจากเชียงใหม่”
“หืม?” ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่เว้นแม้แต่ไฉที่ยอมสละเวลาละสายตาจากหน้าจอสมาร์ตโฟนชั่วครู่ ต่างก็รู้กันดีว่าบ้านเกิดของเพลิงอยู่ที่เชียงใหม่เช่นกัน
“มาจากบ้านมึง?”
“กูมาจากในเมือง ส่วนยายนี่เป็นเด็กดอย” เพลิงตอบ และคำที่ว่าก็ทำเอาเด็กดอยหันค้อนตาคว่ำ
“ถ้าเราเป็นเด็กดอย เพลิงก็เหมือนกันนั่นแหละ บ้านเพลิงก็อยู่ข้างบ้านเรา”
“อ๋า…” ผู้ร่วมวงสนทนาขานเสียงรับในลำคอ ตั้งอกตั้งใจฟังกันหน้าสลอน ด้วยไม่ยักรู้ว่าเพลิงมีเพื่อนข้างบ้านหน้าตาน่ารักขนาดนี้
“เป็นเหี้ยไรกัน?” ท่าทางสอดรู้ของเพื่อนเป็นอีกเหตุผลที่เพลิงคร้านจะสาธยายเรื่องส่วนตัว “กูเป็นเพื่อนสนิทกัน”
“อืม…”
“เพื่อนข้างบ้าน”
“อืม…”
“อยู่กันมาตั้งแต่เด็ก”
“อืม…”
“กูไม่เล่าละ” เพลิงตัดจบ เมื่อทุกคู่สายตาพากันมองอย่างมีเลศนัยคล้ายกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด โดยเฉพาะรอยยิ้มกวนตี๊นกวนตีนที่ประดับอยู่บนหน้าไอ้ห่าเทมป์
“โห! ไรวะ เล่าต่อดิ พวกกูอยากฟัง” เติร์กที่นั่งอยู่ใกล้สุดรีบเขย่าขาให้เล่าต่อ แต่เพลิงก็ปัดมือเพื่อนทิ้ง
“เล่าเหี้ยไรอีก ก็มีแค่นี้”
“ไม่ถามมึงก็ได้ กูถามเพื่อนมึงดีกว่า” เติร์กไม่สนใจจะตอแย หันหาคนตัวเล็กที่นั่งเบียดกายอยู่ข้างกันกับเพลิงแทน “ทำไมย้ายมาอะ? บอกว่าเป็นเพื่อนกับไอ้เพลิงแสดงกว่าเราอายุเท่ากันใช่ปะ?”
“อือ” เรนยิ้มรับ สีหน้าเริ่มผ่อนคลายเมื่อได้เห็นท่าทางเวลคัมของทุกคน “ปีที่แล้วเราเรียนไม่ไหวและมีปัญหาที่บ้านด้วย เลยตัดสินใจซิ่วย้ายที่เรียนใหม่เลยดีกว่า”
“อ๋อ…”
“ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อนกัน แล้วตามมาเรียนกับไอ้เพลิงถึงที่นี่ คิดเป็นอื่นไม่ได้เลยนะ” เทมป์ขยับนั่งเท้าคางมอง
คำที่ว่าทำเอาเพลิงเลียริมฝีปากทั้งสีหน้ารำคาญใจ คว้าหมอนได้หนึ่งใบก็จัดการปาใส่เจ้าของเสียงทันที “ไม่ต้องสาระแนชง นี่เพื่อนกู”
“อือ เรากับเพลิงเป็นแค่เพื่อน” ขณะที่เรนเองก็รีบสมทบเสียงช่วยเพราะไม่อยากให้คนบางคนต้องลำบากใจ
บ่อยครั้งใครต่อใครมักจะเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่เสมอ แม้ตัวเธอไม่มีอะไรจะเสียเพราะตกอยู่ในสภาวะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อมานานหลายปี แต่ไม่ใช่กับอีกคน อย่างไรเพลิงก็คงไม่มีวันคิดไปในทางเดียวกัน
“เป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลย”
“แล้วเพิ่งย้ายมาหรือยังไง?” คะนิ้งเห็นใจผู้หญิงด้วยกันจึงพยายามส่งสายตาปรามให้เพื่อนคนอื่นสงบปากสงบคำ “ตอนนี้พักอยู่ที่ไหน?”
“เออนั่นดิ เพิ่งมาถึงเหรอ? ไม่เห็นเจอหน้าที่มอ”
“เราเพิ่งมาถึงวันนี้เลย พอดีเพิ่งจัดการเรื่องอื่น ๆ เสร็จ”
“แล้วได้หอรึยัง? มาอยู่ใกล้กันดิ เดี๋ยวพาเปิดหูเปิดตา แถวนี้มีให้เที่ยวเยอะนะ ไม่ไกลจากนี่ก็ถึงทะเลแล้ว” คนอัธยาศัยดีอย่างคะนิ้งเอ่ยอย่างนำเสนอ ขณะที่เรนเองก็รีบพยักหน้ารับเพื่อสร้างกัลยาณมิตรที่ดี
“ดีเลย เราชอบทะเล หอเราอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไร เพลิงขับรถพามาน่าจะแค่สิบนาที”
“หอใกล้กับไอ้เพลิง?” ไฉที่เงียบมานานเลิกคิ้วถาม ห่างออกไปสักสิบนาทีเห็นจะไม่พ้นย่านหอพักนักศึกษาที่เด็กวิศวะอยู่กันจนเต็ม
“อือ เราตั้งใจจะอยู่หอเดียวกับเพลิง” เรนเอ่ยตอบโดยไม่ทันได้คิดอะไร แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เพื่อนใหม่พากันขานเสียงรับอย่างพร้อมเพรียง
“อ๋า…”
จากนั้นทุกคู่สายตาก็ย้ายมองไปยังคนถูกอ้างถึงราวกับจะให้เจ้าตัวเป็นคนขยายความ และเพลิงก็จำใจต้องพยักหน้ารับแบบส่ง ๆ เพราะถึงอย่างไรเพื่อนเขาคงได้รู้กันอยู่ดี
“เรนอยู่ห้องตรงข้ามกับกู”
CHAPTER 4สัมพันธ์ยาวนานตอนค่ำ หากเป็นเวลาปกติ ช่วงหัวค่ำกระทั่งดึกเพลิงมักจะไม่อยู่ห้อง หากไม่อยู่บ้านเพื่อนก็ไม่พ้นพากันออกตะลอนตระเวนยามราตรี แต่วันนี้ต่างออกไป…คืนนี้นอกจากเขาจะต้องอยู่ประจำที่ห้องเพราะสถานการณ์บังคับแล้ว ยังต้องอดทนฟังเสียงบ่นจากแม่บังเกิดเกล้ามานานกว่าสิบนาทีผ่านหูโทรศัพท์ มารดาโทรหาเขาครั้งสุดท้ายก็สวดยับเป็นชั่วโมง เห็นทีรอบนี้คงไม่ต่าง แต่ที่ต่างเป็นหัวข้อในการสนทนา “รู้แล้วน่า” (รู้ก็ดี แล้วนี่เราไปพูดอะไรหรือเปล่า? ทำไมหนูเรนถึงบอกว่าเราทำตัวดีนักดีหนา) “พูดไร? เรนว่าไงก็ตามนั้นแหละแม่” (เชื่อได้รึ? เรามันเกเร บังคับเพื่อนไม่ให้รายงานพฤติกรรมตัวเองสิไม่ว่า) “ไอ้เพลิงคนนี้จะเอาอะไรไปบังคับลูกสาวยายน้อยได้?” เสียงเนือยจงใจประชด แต่ปลายสายก็สวนกลับอย่างรวดเร็ว (ทำพูดดีไป เห็นเพื่อนตามใจหน่อยไม่ได้ เราน่ะมันตัวดี) “แค่นี้นะยายน้อย จะไปกินข้าว” (อย่าเพิ่ง! แม่ยังพูดไม่จบ!) “งั้นคุยกับลูกสาวคุณแทนไหม?” (อยู่ด้วยกันรึเปล่า?)
CHAPTER 5เพื่อนสนิทวันต่อมา เพลิงรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ประเภทนี้… การใช้ชีวิตอยู่บ้านข้างกันตั้งแต่เด็ก เรียนก็เรียนด้วยกัน ข้าวเช้าก็ร่วมโต๊ะเดียวกัน ไปโรงเรียนก็ไปพร้อมกัน เสียงทุบประตูซ้ำไปซ้ำมานานกว่านาทีในขณะนี้บ่งชัดว่าคนด้านนอกคงไม่คิดรามือง่าย ๆ และเป็นเขาเองที่ยอมแพ้กระชากประตูเปิดเพื่อตัดรำคาญ แกร๊ก! “สนุกไหม?” เสียงแหบต่ำตั้งคำถาม ตาคมหลุบมองฝ่ายที่ตั้งใจมาปลุกเขาให้ตื่นโดยเฉพาะ เรนมักใช้วิธีการน่ารำคาญจนเขานึกอยากจับเจ้าตัวตีตูดให้เข็ดอยู่บ่อย ๆ “เพลิงตื่นรึยัง?” “…” เพลิงไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตอบกลับ สภาพเขาเหมือนคนตื่นเต็มตานักหรืออย่างไรและเห็นได้ชัดว่าเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เมื่อร่างผอมบางในชุดนิสิตก้มตัวลอดผ่านวงแขนกำยำเข้าสู่พื้นที่ด้านใน ขณะที่เพลิงได้แต่ระบายลมหายใจ กระแทกประตูปิดด้วยภาวะจำยอม“ไปอาบน้ำเร็วเข้า จะสายอยู่แล้วนะ” เสียงบ่นที่ได้ยินไม่ต่างไปจากหลายปีก่อน กระทั่งใบหน้าขาวเนียนที่แต้มแต่งเครื่องสำอางพอประมาณก็ไร้เค้าความสลดคนส่วนใหญ่คงอาศัยนาฬิกาธรรมดาเพื่อปลุกให้ตื
CHAPTER 6ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวแม้ยังไม่เข้าใจแต่เรนก็เลือกที่จะเดินตามร่างสูงไป ทิ้งไว้เพียงคำถามให้บรรดาสายตาสงสัยใคร่รู้ต้องทำการบ้านกันเอาเอง และเมื่อทิ้งห่างจากระยะการรับรู้ของเพื่อนปีหนึ่ง เธอก็รีบเดินตีคู่เงยหน้าขึ้นมองคนข้างกาย “เพลิงมีอะไร?” “ไอ้เติร์กจะคุย” “เพลิงเป็นอะไร?” คนตัวเล็กเปลี่ยนคำถามเมื่อสังเกตเห็นว่าเครื่องหน้าหล่อเหลายังคงมีสีหน้าเรียบตึง “ไม่ได้เป็น” เพลิงตอบปัด แต่หญิงสาวก็ขมวดคิ้วจ้องไม่เลิก “โกหกเห็น ๆ เราอยู่กับเพลิงมาตั้งกี่ปีทำไมจะไม่รู้” เพลิงเบื่อกับการรู้ทันไปหมดทุกเรื่องของอีกฝ่าย ไม่ว่าเขาจะโกรธ โมโห เศร้า ดาวน์ กระทั่งว่าดิ่ง ตากลมใสแจ๋วคู่นี้ก็คล้ายกับว่าสามารถสแกนมองทะลุได้ถึงข้างใน “ทำไมไม่รับสาย?” “…” คำถามตรงไปตรงมาทำให้คนฟังเข้าใจในที่สุดว่าเพราะเหตุใดเพลิงถึงได้หงุดหงิดใจนัก ตอนแรกเรนไม่คิดว่าจะมีคนไม่พอใจ ทว่าได้เห็นแบบนี้ ยิ้มหวานชนิดหนึ่งก็ผุดพรายบนใบหน้าขาวเนียนโดยอัตโนมัติ “เพลิงโกรธเหรอ?” “ไม่โกรธ แค่ถามว่าทำไมไม่รับสาย” คนแ
CHAPTER 7ชิดใกล้ ตอนค่ำ หลังจากประตูห้องปิดลง ร่างสูงก็ปรายหางตามองไปยังห้องฝั่งตรงข้ามที่คนด้านในเงียบเชียบหายไปตั้งแต่ช่วงเย็น เสียงระบายลมหายใจพรืดใหญ่ดังยาว ก่อนเจ้าของเสียงจะตัดสินใจเดินไปเคาะบานประตูซึ่งปิดสนิทในนาทีสุดท้ายทว่าเพียง ‘ก๊อก’ แรกดังขึ้น บานประตูห้องที่ว่าก็ถูกเหวี่ยงเปิดออกแทบจะในทันที พร้อมกับเจ้าของห้องโผล่หน้าออกมาให้ได้เห็น “เปลี่ยนใจจะพาเราไปด้วยเหรอ?” เรนยิ้มแป้น กระวีกระวาดสวมใส่รองเท้า จัดการล็อกประตูลงกลอนอย่างรวดเร็ว “ปะ เราพร้อมแล้ว” “…” เพลิงถึงกับพูดไม่ออก เมื่อได้เห็นสภาพของคู่สนทนาที่ราวกับเตรียมความพร้อมที่จะออกไปข้างนอกอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กซึ่งกำลังเงยหน้ามองเขาในขณะนี้ สวมใส่สายเดี่ยวเอวลอยกับกระโปรงยีนสั้นเหนือเข่ากว่าสองคืบ และแค่ได้เห็น เพลิงก็คว้ากุญแจมาจากมือเจ้าของ ถือวิสาสะไขลูกบิดเปิดห้องหมายเลข 13 อีกรอบ “เพลิงทำอะไร?” “ถ้าจะไป ไปหาเสื้อที่มันปิดมิดชิดมากกว่านี้” เสียงเรียบให้การตอบกลับสายตางุนงงของเพื่อนตัวเล็กใบหน้าหล่อมีสีหน้ายุ่งยาก ใช่ว่าเพลิงไม่
CHAPTER 8ดาบสองคมหนึ่งชั่วโมงต่อมา“พอ”“ได้อยู่”“เรน”“เราโอเค”เพลิงคิดผิดเสียเมื่อไร…ต่อเวลาให้แค่ชั่วโมงเดียว คนข้างกายเขาก็นั่งตัวตรงไม่ได้เสียแล้วนอกจากจะต้องระวังไม่ให้หญิงสาวล้มคว่ำเพราะทรงตัวนั่งไม่ได้ เพลิงยังต้องคอยคว้าแก้วออกจากมือเจ้าตัวด้วยอีกอย่าง หากเขาจะประเมินสถานการณ์ผิดไป คงเป็นเรื่องที่คิดว่าจะมีคนขอให้พากลับห้อง แต่เมาจนผิวกายแดงไปทั้งตัว ยายเด็กดอยยังบ้าจี้ตอบรับคำท้าชนจากคนอื่นอยู่ได้ในที่นี้เพลิงไม่จำเป็นต้องห่วงใคร เพื่อนเขาคุ้นเคยกับเหล้าเสียยิ่งกว่าน้ำ ทั้งต้องร่วมสังสรรค์เนื่องในโอกาสเลี้ยงต้อนรับน้องปีหนึ่ง บ้างก็เลี้ยงส่งลารุ่นพี่ปีสี่ที่แม่งก็ยังเรียนอยู่ ไหนจะฉลองวันเกิดเพื่อนที่คณะ ไม่นับรวมวันเกิดอยากจะแดกก็อีก เอาเป็นว่าไม่มีใครน่าเป็นห่วงเท่าคนบางคนอีกแล้ว“เพลิงเอามาสิ” นัยน์ตากลมโตกะพริบมองหน้าเขา ทั้งตั้งท่าจะแย่งแก้วกลับคืน แต่เพลิงที่พยายามใจดีมานานก็ส่งแก้วเจ้าปัญหาให้กับไฉซึ่งจำเป็นต้องรับไม้ต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ไฉดูจะเป็นคนเดียวที่เข้าใจสถานการณ์ของหญิงสาว ทั้งยังเข้าใจในสีหน้าหนักใจของผู้ปกครองกิตติมศักดิ์ก็ด้วยเรนค้อนเคืองเพลิงได้ก
CHAPTER 9ความช่วยเหลือสัปดาห์ต่อมา การย้ายที่อยู่กะทันหันอาจทำให้คนส่วนใหญ่ต้องเสียเวลาในหลายเรื่อง แต่สำหรับเรนไม่คิดว่าเป็นการเสียเวลาแต่อย่างใด…แม้ต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ เพื่อนร่วมชั้นปีหน้าใหม่ กระทั่งว่าต้องตามหาร้านอาหารอร่อยเพื่อฝากท้องเป็นประจำ คนพลังเยอะก็ยังกระตือรือร้นทำทุกสิ่งอย่างชนิดไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทว่าก็มีอยู่หนึ่งคน… ที่เหนื่อยหนักยิ่งกว่าใคร…“ไม่ไป” “พาไปหน่อยสิ ร้านนั้นอร่อยเหมือนร้านประจำที่เชียงใหม่เลย” “…” เพลิงรู้สึกพลาดท่าเสียทีที่เขารู้ใจคนตรงหน้ามากเกินไปเพราะรู้ว่าเรนชอบกินขนมหวาน และเขาเองที่เสนอหน้าพาเจ้าตัวไปกินมาเมื่อหลายวันก่อน แค่วันเดียวเท่านั้นก็จำต้องรับกรรมแว้นมอเตอร์ไซค์พาคนโหยน้ำตาลไปจัดเบาหวานลงกระเพาะในทุกเย็น “ไม่กลัวอ้วนบ้างรึไงถามจริง?”เพลิงนึกแปลกใจอยู่ทุกวัน เรนกินเก่งยิ่งกว่าแชมป์กินจุสิบสมัยซ้อนแต่ตัวกระเปี๊ยกเท่าลูกหมาเตะทีเดียวก็กระเด็น ไม่รู้ว่าเอาไอ้ที่ยัดเข้าปากในแต่ละวันไปเก็บไว้ที่ไหน ขนาดเพิ่งซื้อลูกชิ้นให้กินตั้งหลายไม้ เจ้าตัวก็ยังไม่วายมารบเร้าหาเรื่องจะกิ
CHAPTER 10พิสูจน์ผี 1 ตกดึก สถานที่รกร้างมักมีประวัติ ส่วนมากไม่พ้นเรื่องลึกลับชวนขวัญผวาหากไม่ใช่เรื่องจริง ก็เป็นเรื่องปั้นแต่งเพื่อไม่ให้มีการบุกรุกสถานที่นั้น ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต ทว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างต่าง ๆ นานาก็เชื้อเชิญให้คนอยากรู้อยากลองจำนวนมากตัดสินใจไปท้าพิสูจน์พิสูจน์… ว่าผีนั้นมีอยู่จริง หรือเพียงแค่คิดกันไปเอง…เสียงสนทนาบนรถเอสยูวีคันโตของไฉเงียบเชียบลงตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครทันได้สังเกต รู้อีกทีหญิงสามชายสี่ในคณะก็พากันกลั้นลมหายใจ ทุกคู่สายตามองผ่านกระจกรถเมื่อความเร็วของล้อชะลอจอดสนิทริมข้างทางบนถนนเส้นเปลี่ยวร้างผู้คน กระทั่งรถสัญจรผ่านไปมาสักคันยังไม่มี“กูจะกลับ” คนแรกที่หาเสียงของตัวเองเจอคือเทมป์ซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ“ไอ้ห่าเติร์ก เงินที่มึงได้มันคุ้มแน่?” คนสองที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนักคือเพลิง เขาไม่เชื่อเรื่องผี แต่เมื่อได้เห็นบรรยากาศมืดทึบภายนอกก็อดกังวลใจเรื่องงูเงี้ยวเขี้ยวขออย่างเสียไม่ได้“คุ้ม” เสียงคนนำทางให้การตอบกลับจากตำแหน่งพลขับแม้จะตอบรับด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เติร์กที่เป็นฝ่ายหาข้อมูลจุดหมายปลายทางก็ไม่คาดคิดว่
CHAPTER 11พิสูจน์ผี 2 “ตอนนี้นะครับเราก็เข้ามาสู่ด้านในกันแล้ว ฝั่งนี้ที่เรากำลังเดินอยู่เป็นโถงทางเดินของบ้าน ส่วนมุมด้านขวาเป็นห้องนั่งเล่น ถัดเข้าไปอีกจะเป็นห้องครัว…” เสียงผู้ดำเนินรายการดังสะท้อนก้องไปมาในตัวบ้านซึ่งมีสภาพน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าบรรยากาศด้านนอกหลายเท่าบริเวณด้านในมีเพียงเฟอร์นิเจอร์ผุพังไม่กี่ชิ้นกระจายตามมุมต่าง ๆ อย่างไม่เป็นระเบียบ เถาไม้เลื้อยชอนไชเข้าสู่ด้านในของพื้นที่ผ่านกรอบหน้าต่างบานกระจกซึ่งแตกละเอียด รากไม้ยึดเกาะเลาะเลื้อยตั้งแต่ผนังด้านข้างลามขึ้นสูงจวบจรดเพดาน ส่งผลให้บ้านทั้งหลังมองดูเหมือนกำลังถูกธรรมชาติดูดกลืน ทุกฝีย่างก้าวของทุกคนดังสะท้อนก้องไปมา ลำแสงของไฟฉายสาดส่องอย่างไร้ทิศทางตามแต่ผู้ถือต้องการใช้สายตามองไปยังตำแหน่งใด ความมืดสลัว และแสงจันทร์ซึ่งลอดผ่านหน้าต่างเข้าตกกระทบกับสิ่งต่าง ๆ ทำให้เกิดภาพเงาดำขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง และภาพซึ่งปรากฏไม่ชัดเจนย่อมทำให้จินตนาการของมนุษย์บังเกิดจินตภาพอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงจากการเดินแบบเว้นระยะห่าง บัดนี้ทุกคนต่างขยับเคลื่อนเข้าใกล้โดยไม่ได้นัดหมาย กระทั่งได้ยินบทสนทนาพึมพำระหว่
SPECIAL 3สัญญาใจ 3 สิบสองปีก่อน “ฮึก!” “กลับบ้านได้แล้ว ถ้าเธอยอมกลับ เราจะปั่นจักรยานให้ซ้อนทุกวัน” “เพลิงขี้โม้ ฮึก!” “เราใจดี” เด็กหญิงตัวน้อยสะอึกสะอื้นอยู่บนชิงช้าซึ่งไร้การกวัดแกว่ง โดยมีเด็กชายวัยเดียวกันยืนใช้ปลายเท้าเขี่ยดินเล่นอยู่ที่ด้านหน้า บริเวณรอบด้านเต็มไปด้วยเครื่องเล่นมาตรฐานที่สนามเด็กเล่นทั่วไปพึงมี ตอนนี้เป็นเวลาเกือบพลบค่ำ เด็ก ๆ พากันกลับเข้าบ้านหมดแล้ว เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงสนทนากันเพียงลำพัง เด็กชายรู้ดีว่าหากเขาไม่พาเพื่อนกลับบ้านก่อนค่ำมืดจะต้องโดนผู้เป็นแม่ดุ แต่เพราะอีกฝ่ายยังคงมีคราบน้ำตาปรากฏบนใบหน้าจึงอดทนรออย่างใจเย็น “จะค่ำแล้ว เดี๋ยวน้าศรีเป็นห่วง เธอจะโดนดุ และเราก็จะโดนแม่ตี” เสียงใจดีพยายามเอ่ยถึงบทลงโทษที่ทั้งคู่อาจได้รับหากมัวเถลไถลไม่ตรงต่อเวลาที่มีการตกลงกับพ่อแม่เอาไว้ แม้สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีไม่ต้องกลัวคนนอกเข้าออก อีกทั้งบ้านของทั้งคู่ก็อยู่ไม่ไกลจากสนามส่วนกลาง รวมถึงต่างโตพอจะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าตา
SPECIAL 2สัญญาใจ 2สิบนาทีต่อมาร่างผอมบางของเรนยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม สายตากวาดมองไปยังความคึกคักรอบด้าน เครื่องหน้าหมดจดมียิ้มมุมปากผุดเผยในสีหน้า เพียงคิดว่าเพลิงจะต้องกระดากอายกับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นเธอก็รู้สึกขบขันอย่างบอกไม่ถูกหลังจากการแสดงห้องล่าสุดของระดับชั้นจบลง เพียงแค่ร่างสูงคุ้นตาเดินขึ้นเวทีพร้อมกีตาร์ตัวหนึ่งเพื่อทำโชว์คิวถัดไป เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาว ๆ ต่างก็เริ่มวี้ดว้ายกระหึ่มลั่นไปทั่วทั้งลานอเนกประสงค์ด้านหน้าเวทีเรนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเสียงที่ได้ยิน รวมถึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดจำนวนคนถึงแห่กันมายืนมองแน่นขนัดไปหมด เพื่อนสนิทของเธอเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนเรื่องนี้หญิงสาวไม่เถียง แต่ตอนนี้คงมีแค่เธอคนเดียวที่กำลังหัวเราะกับท่าทีผิดปกติไปจากเคยของคนที่ว่าสายตาของเพลิงกวาดมองไปโดยรอบในจังหวะที่หย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งมีการเตรียมไว้กลางเวที ก่อนสายตาที่ว่าจะจบลงยังตำแหน่งที่เรนกำลังยืนกอดอกมอง“สวัสดีครับ”“กรี๊ด!!!”“พี่เพลิง!!!”“ว้าย!!!”เพียงเสียงคุ้นหูทักทายผ่านไมโครโฟนซึ่งเสียบอยู่บนขาตั้งในระดับพอดีกับริมฝีปาก เสียงวี้ดว้ายของสาว ๆ ก็ตอบรับด้วยเสียงกระหึ
SPECIAL 1สัญญาใจ 1 หลายปีก่อน “เพลิงจะเขินอะไร?” “ไม่เขินได้ไง? คนทั้งโรงเรียน” “รุ่นน้องกรี๊ดเพลิงกันทั้งนั้น ไม่เห็นต้องอาย” “อาย” เพลิงพยักหน้ารับไม่กระดากแม้แต่นิด “เธอลองขึ้นไปร้องเพลงแล้วมีคนเป็นพันนั่งมองอยู่ข้างล่างเวทีดูไหม?” “ทำไมป๊อดงี้? ตัวก็ตั้งโต” “มันใช้คำว่า ‘ป๊อด’ ได้ที่ไหน?” ร่างสูงในชุดนักเรียนยกแขนขึ้นปาดเหงื่อซึ่งชื้นผ่านใบหน้า ท่ามกลางผู้คนซึ่งเดินขวักไขว่ ท่ามกลางเสียงดนตรีสดวงปัจจุบันกำลังบรรเลงอยู่บนเวทีกลางของโรงเรียน สองหนุ่มสาวยืนปรับทุกข์ห่างออกมาทางด้านหนึ่ง “ถ้าเราขึ้นร้องเพลงแทนเพลิงได้ก็คงทำไปแล้ว” คนตัวเล็กทำทีตบเข้าที่อก “ถ้าเป็นเราไม่อายหรอก” “เธอก็พูดได้” เพลิงหรี่ตามองอย่างไม่ศรัทธา แค่จะคุยกับเพื่อนคนอื่น เจ้าตัวยังต้องคอยให้เขาเป็นสะพานเชื่อมอยู่เรื่อย เมื่อโดนสายตาสบประมาทของชายหนุ่มหลุบมอง หญิงสาวในชุดนักเรียนก็ทำทีเปลี่ยนเรื่อง “เพลิงเป็นตัวแทนห้องนะ ทำหน้าที่หน่อยสิ ใจกล้า ๆ หน่อย” “ใครจะเก่งเ
CHAPTER 61ฝันละเมอ 4หนึ่งชั่วโมงต่อมาร้านขนมหวานร้านเดิมยังคงมีคนต่อคิวซื้อจนหางแถวยาวออกไปด้านนอกตัวร้าน เพลงที่เปิดคลอสร้างบรรยากาศเป็นเพลงภาษาถิ่นเหมือนเช่นทุกครั้ง กระทั่งลูกค้าก็ยังคงเป็นหน้าเดิม ๆ สภาพแวดล้อมแสนคุ้นเคยราวกับจะพาใจย้อนไปในวันวาน เหมือนเมื่อวานนี้เองที่สองเพื่อนสนิทในชุดนักเรียนมัธยมปลายพากันแว้นมอเตอร์ไซค์มาตบน้ำตาลเข้ากระแสเลือดในทุกค่ำของทุกวันหลังจากได้กินของหวานปิดท้าย สองหนุ่มสาวลูกค้าขาประจำของร้านยังคงนั่งรอออร์เดอร์ซึ่งสั่งกลับบ้านเป็นปกติธรรมดาอีกสองชุดใหญ่ระหว่างที่เพลิงสนทนาอยู่กับเพื่อนสมัยมัธยมที่บังเอิญเจอ เรนกำลังกวาดสายตามองกระดาษโน้ตหลากสีซึ่งกระจายแปะเต็มพื้นที่ผนังด้านหนึ่งของตัวร้าน โน้ตแต่ละแผ่นล้วนมีข้อความบางอย่างเขียนไว้ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจว่าครั้งหนึ่งเคยมาเหยียบเยือนสถานที่ ทั้งจากลูกค้าที่เป็นขาประจำ รวมถึงลูกค้าขาจรก็ด้วยเช่นกันข้อความโดยส่วนมากเป็นการระบุว่าได้มาเยือนกับใคร มีทั้งที่เป็นคู่รัก มีทั้งที่เป็นกลุ่มเพื่อน มากันเป็นครอบครัว กระทั่งคนที่คล้ายจะประชดชีวิตโสดเขียนว่ามากินกับ หมา ก็มี“ทำไร?”“หืม?” เรนขานเสียงรับในล
CHAPTER 60ฝันละเมอ 3 ตอนค่ำ ตั้งแต่จำความได้ โต๊ะอาหารที่บ้านของเพลิงไม่ได้มีเฉพาะคนในครอบครัวแต่มีสมาชิกอีกสองคนมาร่วมรับประทานมื้อค่ำด้วยกันเสมอ เว้นแค่ช่วงเช้าเท่านั้นที่เพลิงจะเป็นฝ่ายไปฝากท้องที่บ้านหลังข้างกัน เสียงเจื้อยแจ้วคุ้นเคย รวมถึงการกุลีกุจอเป็นลูกมือหยิบจับทุกสิ่งอย่างของเรนเป็นสิ่งที่เพลิงได้เห็นมาจนชินตา นอกจากจะกระตือรือร้นเป็นปกติ คนที่ทำให้มื้ออาหารดำเนินไปด้วยรอยยิ้มก็คือเจ้าตัว เพลิงเคี้ยวข้าวกร้วม ๆ สลับสายตามองคนนั้นทีคนนี้ทีเพื่อสังเกตท่าทีว่าเป็นเวลาเหมาะสมหรือไม่ที่เขาจะเอ่ยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนออกมาบรรยากาศเป็นไปด้วยเสียงพูดคุยสนุกสนาน เรนกำลังช่วยผสมโรงมีอารมณ์ร่วมอยู่กับยายน้อยและน้าศรี ที่ต่างก็อินกับการก่นด่านางร้ายในละครซึ่งเปิดผ่านทางโทรทัศน์ ที่ได้เห็นไม่ใช่ภาพน่าประหลาดใจสำหรับเพลิง ในที่นี้มีเพียงเขาและพ่อเท่านั้นที่มองหน้ากันเองแล้วส่ายหัวไปมา “พ่อ” ในที่สุดเพลิงตัดสินใจหันมองหน้าบิดา เอ่ยในสีหน้านิ่งสนิท “ผมมีไรจะบอก” คนเดียวที่ว่างพอจะสนทนากับลูกชายถึงกับวางช
CHAPTER 59ฝันละเมอ 2ริมฝีปากอุ่นประทับผ่านลำคอเรียวระหง…เพลิงซุกไซ้ใบหน้าสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของคนตัวเล็กที่นอนนิ่งรับสัมผัสแต่โดยดี นัยน์ตาคมเลื่อนมองผิวกายขาวเนียนผุดผ่องเป็นยองใยทุกจุดที่ปลายลิ้นลากผ่าน ค้างนานบริเวณยอดถันสีชมพูหวาน หมดเวลากับการดูดเลียหัวนมสวยสะพรั่งของหญิงสาวนานหลายนาที ขณะที่ปากดูดเม็ดเต่งชูชัน มือหนาก็ขยำนวดเต้าข้างที่ว่างเว้นด้วยความมันมือแต่ละสัมผัสดำเนินไปอย่างเงียบเชียบเพราะสถานที่ไม่เป็นใจ ทว่าทุกวินาทีที่ดำเนินผ่านล้วนเต็มไปด้วยความหวามหวิวในอารมณ์ สายตาของชายหนุ่มหลุบเลื่อนมองตามสัดส่วนโค้งเว้าด้วยประกายตาเร่าร้อนแม้เรนจะกินเข้าไปมากเกินกว่าขนาดตัว แต่บั้นเอวผอมบางกลับไร้ชั้นไขมัน ทั้งยังเว้าสวยมิใช่เพียงแต่เร้าอารมณ์ภายใน ทว่ายังดึงดูดสันจมูกคมให้ไล้ผ่านตามแนวคดโค้ง ริมฝีปากอุ่นกดจูบสลับกับการดูดดึงเนื้อกายผ่องขาวไม่ละสัมผัสแม้แต่วินาที เพลิงชันกายขึ้นนั่ง สองมือคว้าสะโพกคนตัวเล็กขึ้นในระดับเดียวกัน สายตามากด้วยอารมณ์ทอดจับเรือนร่างสุดเซ็กซ์ ตั้งแต่เต้าใหญ่โตที่ประดับด้วยป้านบัวสดสวยขนาดเต็มปากเต็มคำ ทั้งแอ่งสะดือเล็กบนหน้าท้องแบนราบ ร
CHAPTER 58ฝันละเมอ 1 วันต่อมา เชียงใหม่ สองหนุ่มสาวลงเครื่องเหยียบพื้นดินบ้านเกิดตั้งแต่ช่วงเช้าของวันแต่เมื่อถึงบ้าน เพลิงก็ปลีกตัวไปนอนหลับให้เต็มตาสักตื่น เขาตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนเที่ยงตรงพอดิบพอดี กว่าจะจัดการตัวเองเรียบร้อยแดดบ่ายก็เริ่มสาดต่ำผ่านกระจกหน้าต่างในตำแหน่งเดียวกับที่สายตามักหันมองเสมอ ทางด้านซ้ายของบ้านเขาเป็นบ้านอีกหลังที่มีขอบรั้วอยู่ชิดติดกัน ประตูรั้วบ้านหลังนั้นเปิดอ้าบ่งบอกว่ามีคนอยู่อาศัย รถญี่ปุ่นรุ่นเก่าของน้าศรีจอดนิ่งอยู่ในโรงจอด แคนาต้นเดิมสะบัดใบพลิ้วไหวตามสายลมซึ่งพัดเอื่อยหน้าต่างบานคู่ของห้องนอนบนชั้นสองเปิดอ้ารับลม ดอกไม้ปลอมที่ประดับรอบขอบหน้าต่างด้านนอกที่เพลิงตกแต่งให้ตามคำเรียกร้องของคนบางคน บัดนี้แห้งกรอบเพราะผ่านลมฝนมาหลายฤดูเพียงความคิดนึกย้อนถึงภาพคนตัวเล็กที่ยืนเท้าสะเอวออกคำสั่งอยู่ด้านล่าง โดยที่เขาต้องเป็นฝ่ายใช้บันไดลิงไต่ปีนขึ้นไปจัดการ เครื่องหน้าคมคายก็ปรากฏยิ้มกว้างเสียงแหวแว้ดของเรน รวมถึงการโต้เถียงด้วยความรำคาญของเขาที่ต่างก็อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายยังคงชัดเจนในความทรงจำ
CHAPTER 57ความลับ 2หนึ่งชั่วโมงต่อมา วันนี้ไม่มีใครเมา… หลังจากจบการล้วงความลับของบรรดาตัวสอดรู้ เพลิงก็เอ่ยปากชวนหญิงสาวกลับห้องในทันทีเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางในช่วงเช้า อีกทั้งตั้งแต่แรกก็ตั้งใจเพียงเพื่อมาแสดงความยินดีกับเจ้าของร้านเท่านั้นจึงไม่คิดที่จะอยู่ต่อ เพราะเป็นละแวกร้านเหล้าซึ่งทำลานจอดรถไว้ที่ซอยถัดไป ทำให้คนเป็นลูกค้าต้องลำบากเดินไปเอายานพาหนะส่วนตัว แต่ตอนนี้มีแค่คนเดียวที่กำลังเดิน…ร่างสูงก้าวรุดไปด้านหน้าได้อย่างคล่องตัวแม้จะมีอีกคนเกาะติดอยู่บนหลังก็ตามที นานตั้งแต่เพลิงจำความได้ หญิงสาวชอบขี่หลังเขาเสมอ ไม่ว่าตอนเด็ก ตอนโต จะเมา กระทั่งว่าไม่เมา เจ้าตัวก็มักร้องขอการอำนวยความสะดวกแทบทุกครั้งไป บรรยากาศยามคืนค่ำดำเนินผ่านอย่างเชื่องช้า ทุกจังหวะก้าวย่างของคนตัวสูงไม่เร่งร้อนเช่นเดียวกัน สายลมพัดเอื่อยปะทะผ่านร่างกาย รวมถึงเสียงเจื้อยแจ้วที่ร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีราวกับจะขับกล่อมความรู้สึกให้ลอยล่องไปไกล หัวใจพองโตเป็นอย่างไรเพลิงมีโอกาสได้สัมผัสหลายครั้งหลายหนในช่วงระยะเวลาให้หลังที่ผ่านมา เรื่องบางอย่างที
CHAPTER 56ความลับ 1 สัปดาห์ต่อมา เพลิงอยากตั้งประเด็นสอบถามในหัวข้อใครเป็นคนคิดงานเลี้ยงอำลาส่งท้ายพี่ปีสี่ งานที่ตั้งแต่เปิดภาคเรียนเขาได้ร่วมสังสรรค์มานับครั้งไม่ถ้วน จะเลี้ยงส่งกันเพื่ออะไรในเมื่อรุ่นพี่ชั้นปีที่ว่าก็ยังเห็นหน้ากันอยู่ทุกวันวันนี้เป็นอีกคืนที่พวกเขาต้องเข้าร่วมสมาพันธ์ขยันอำลาอีกครั้ง บรรยากาศยามค่ำคืนยังคงเต็มไปด้วยแสงสีเสียง ร้านนั่งชิลล์เปิดใหม่ที่คึกคัก และคนแน่นเป็นพิเศษเพราะโปรโมชันฉลองเปิดร้านเป็นร้านของรุ่นพี่ที่เรียนจบไปเมื่อปีก่อน พี่เจ เจ้าของร้านเป็นประธานรุ่นของรุ่นที่ว่า แม้จะมีงานการทำเป็นหลักแหล่งตามใบประกอบวิชาชีพที่เรียนจบไป แต่ก็ไม่วายเกิดอยากเปิดร้านเหล้าเป็นงานอดิเรก จากโปรโมชันที่แปะโชว์แผ่นเบ้อเร่อที่หน้าร้านบ่งชัดว่าคงทำเป็นงานอดิเรกจริง ๆ “ไว้มาใหม่นะ ช่วงนี้มีโปรทุกวันครับน้อง รับรองประทับใจจนลืมไม่ลง” เจ้าของร้านให้การปฏิเสธลูกค้าเพราะไม่มีที่ว่างพอให้ใครเบียดเข้ามาในร้านได้อีกแล้ว เสียงที่ว่าดังต่อเนื่องมาร่วมสิบนาที ร่างสูงซึ่งสวมใส่เชิ้ตเข้ารูปสีขาวกับสแลกส์ดำเรียบกริบเป็นภา