เมื่อตั้งสติได้คะน้าก็ถูกพามาที่ห้องโถงใหญ่พร้อมกับสองสามีภรรยา หลังจากนั้นไม่นานคนที่เธอไม่อยากเจอหน้าที่สุดถึงปรากฏตัวขึ้น แค่เพียงเขาขยับทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ เธอก็เผลอขยับกายหนี ด้วยกลัวว่าเขาจะเข้ามาทำอะไรบ้าๆ เหมือนที่ชอบทำ“แกน่ะหยุดอยู่ตรงนั้นเลย ไม่เห็นรึไงว่าทำให้น้องกลัว!” คำตวาดของผู้เป็นแม่ที่นานๆ ครั้งจะได้ยินเป็นบุญหูนั้น ทำเอากิตติคุณไม่กล้าที่จะเดินต่อ สุดท้ายก็ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่เท่านั้น “เอาล่ะ เมื่อมากันครบแล้วก็เริ่มคุยกันเลยดีกว่า หนูต้องการอะไรพูดมาได้เลย ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น!” หนนี้เป็นพ่อของเขาที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าบ้านนี้นอกจากแม่แล้วก็มีแต่พ่อนี่แหละที่ออกคำสั่งกับเขาได้ “หนูไม่ต้องการอะไรค่ะ นอกจากคำสัญญาจากปากของลูกชายท่าน ว่านับจากนี้เขาจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเราสองคนแม่ลูกอีก” เพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น ที่เธอต้องการจากคนอย่างเขา และคิดว่ามันคงไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงอะไร หากเขาจะยอมทำให้กัน “ผมไม่ยอม! ในท้องนั่นก็ลูกผม หลานพ่อ! จะให้ไม่เข้าไปยุ่งได้ไง ผมไม่ยอม! ขอใหม่! แล้วก็ช่วยตั้งสต
“ขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้ต้องผิดหวัง ขอโทษที่ฉันตอแหลไม่เก่งเหมือนแม่นี่ แต่จะว่าไปแล้ว ดูๆ ไปก็เหมาะสมกันดี หญิงร้ายชายโง่!” กล้าตะวันไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไปนอกจากหันกลับไปหาคนเจ็บอีกครั้ง แน่นอนว่าการที่อีกฝ่ายต้องมาเจอกับอะไรเช่นนั้นในไร่ของเขานั้น เป็นเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบอย่างเสียไม่ได้ “พอจะเดินไหวไหมครับคุณนุช เดี๋ยวผมพาไปทำแผลที่สำนักงานนะครับ”คนถูกถามเพียงแต่พยักหน้ารับ ก่อนจะทิ้งตัวซบลงที่อกแกร่งของคนที่เธออยากจะได้มาครอบครองแทบขาดใจ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะเข้าใกล้เส้นชัยเข้าไปทุกที “มันจะมีสักครั้งไหม ที่นายคิดอยากจะปกป้องฉัน! เหมือนที่ชอบทำกับคนอื่น…” คำถามนี้เองที่มันหยุดอีกคนเอาไว้ ก่อนที่ในนาทีถัดมา คำตอบของเขา มันจะค่อยๆ ฆ่าเธอให้ตายลงอย่างช้าๆ “คุณคงไม่อยากรู้คำตอบหรอก…” นี่สินะ…คือคำตอบ! หลังจากสองคนนั้นพากันขับรถออกไป อินทุอรก็ถูกพามานั่งสงบสติอารมณ์ที่ห้องรับแขก โดยมีคุณจิตตรียังขนาบข้างไม่ห่าง “ถ้าเรย์บอกว่าไม่ได้ทำ คุณแม่จะเชื่อเรย์ไหมคะ” คนทั้งโลกจะไม่เชื่อเธอยังไงก็ได้ เธอไม่สน แต่ถ้
“ถึงจะช่วยเอาคืนให้ไม่ได้ เพราะกำลังท้องอยู่ แต่คะน้าจะช่วยเป็นพยานให้ค่ะ ว่าคุณเรย์ของคะน้าไม่ได้ทำ ถึงต่อให้ทำก็ไม่ใช่ฝ่ายที่เริ่มก่อนแน่!” คนได้ฟังรู้สึกซึ้งใจอยู่ไม่น้อย เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะหลงเชื่อละครฉากใหญ่ ที่ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นจงใจสร้างขึ้น เธอยังมีคะน้า มีเจ แล้วก็มีลุงบุญส่งที่เชื่อว่าเธอไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอที่มันจะทำให้เธอมีกำลังใจขึ้น “ขอบคุณมากนะคะน้าที่เชื่อใจฉัน ว่าแต่เธอเถอะ ไปอยู่ที่นู้น พวกเขาดีกับเธอรึเปล่า” ที่ถามก็เพราะเธอเป็นห่วง ลองถ้าคนพวกนั้นไม่ดีกับแม่คะน้าของเธอดูสิ แม่จะตามไปด่าให้อายเลย! “ทุกคนดีกับคะน้ามากค่ะ โดยเฉพาะคุณท่านทั้งสอง คุณเรย์ไม่ต้องห่วงนะคะ” ได้ยินแบบนี้เธอก็ค่อยเบาใจหน่อย เพราะถ้าทางนั้นไม่ดีกับคนของเธอ ก็อย่าหวังเลยว่าเธอจะยอมยกคะน้าให้ “ฉันดีใจด้วยนะ” “คุณเรย์อย่าคิดมากนะคะ นายก็แค่ยังไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของผู้หญิงคนนั้น แต่คะน้าเชื่อนะคะ ว่าคนแบบนั้นสักวันจะต้องแพ้ภัยตัวเอง!” ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ เธอก็ได้แต่หวังว่านา
เพราะถูกสั่งให้นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บ้านมาเป็นเวลานานร่วมเดือน จึงไม่แปลกที่อินทุอรจะเบื่อ และทุกครั้งที่รู้สึกเบื่อ คอกม้า เป็นสถานที่เดียวที่เธอมา แต่ทว่าวันนี้นั้นกลับมีบางสิ่งที่แปลกไป “นุชรักคุณกล้าค่ะ รักมาตลอด รักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า!” ใครเลยจะไปคิดว่าจะได้มาเห็นฉากสารภาพซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แถมคนที่เพิ่งจะถูกสารภาพรัก ยังเป็นพ่อสามีตัวดีของตัวเองอีกด้วย! “ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณนุช…แต่ผมแต่งงานแล้ว” เป็นกล้าตะวันที่ตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยถึงต่อให้วันนี้เขาจะยังครองตัวเป็นโสดอยู่ เขาก็คงไม่มีทางมองคนตรงหน้าเป็นอย่างอื่นนอกเหนือไปจากเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นอยู่ดี ระยะเวลาหลายปีที่ได้รู้จักกันมา หากว่ามันจะก่อเกิดเป็นความรักก็คงเป็นไปนานแล้ว คงไม่รอให้มีอีกคนเข้ามาแทรกอย่างที่คนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิด “คุณรักเธอเหรอคะ!” “….” “นุชรู้ว่าคุณไม่ได้รักเธอ ที่ต้องแต่งงานด้วยก็เพราะสถานการณ์บังคับ นุชรับได้นะคะ จะให้นุชอยู่ในสถานะไหนก็ได้ ขอแค่ให้นุชได้อยู่ข้างๆ คุณก็พอ” เธอลงทุนหมดหน้าตักเพื่อพาตัวเองมายืนอยู่ตร
บ้านที่เคยอยู่ในช่วงวัยเด็ก ทำให้คนที่เพิ่งจะก้าวขาลงจากรถอดที่จะหวนกลับไปคิดถึงคืนวันเก่าๆ ของตัวเองไม่ได้ แม้ช่วงเวลาเหล่านั้น เธอจะไม่ได้รับความรักจากผู้เป็นแม่อย่างที่ควรเป็น แต่ก็ยังมีใครอีกหลายคนที่ให้ความรักและความอบอุ่นจนเธอไม่รู้สึกขาด “โผล่หัวกลับมาบ้านได้สักทีนะนังตัวดี ฉันคิดว่าแกจะลืมทางกลับบ้านแล้ว!” คำถากถางจากผู้เป็นแม่ ทำให้ความสงสัยที่ว่าบางทีท่านอาจไม่ได้ป่วยจริงหมดลง แต่ถึงจะรู้แบบนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ท่านอยู่ดี “แม่สบายดีนะคะ” “หึ เห็นสภาพฉันแบบนี้แล้วยังกล้าที่จะถามอีกรึไง แต่ก็ช่างเถอะ! ไหนๆ แกก็กลับมาแล้ว เย็นนี้เตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะให้คนของเสี่ยชาญมารับแกไปอยู่กับท่าน!” เพราะนางมีเวลาไม่มาก ไหนจะเส้นตายที่เจ้าของเงินขีดไว้ให้กันนั่นอีก การพูดตรงๆ ถึงความต้องการของตัวเอง จึงเป็นสิ่งแรกๆ ที่คิดจะทำ และทำอย่างไม่ลังเล ไม่สนด้วยว่าสิ้นคำบอกกล่าวนี้มันจะทำให้อีกคนเจ็บแค่ไหน “เรย์แค่กลับมาเยี่ยมแม่เฉยๆ ค่ะ ไม่ได้กลับมาเพื่อจะไปอยู่กับใครทั้งนั้น เย็นนี้เรย์ก็ต้องกลับแล้ว…” เธอบอกไป
“หนูรู้ใช่ไหมลูก ว่าแม่รักหนูที่สุด” อินทุอรได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา ชีวิตเธอมีแค่น้าจิตรีก็เพียงพอแล้ว ส่วนคนอื่นๆ เธอจะถือเสียว่ามันเป็นเวรกรรมของเธอ ที่ทำให้เธอต้องไปเจอคนพวกนั้น ในส่วนของแม่แท้ๆ นั้นหลังจากทำใจได้แล้วเธอจะลองตามหาท่านดู เชื่อว่าตัวเองจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริง และไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วสิ่งนั้นมันจะทำให้เจ็บปวดสักแค่ไหน เธอจะไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจ จะคิดเสียว่าอย่างน้อยๆ ท่านก็เป็นแม่ ที่ให้เธอได้เกิดมา “เรย์ก็รักคุณแม่ค่ะ…ขอบคุณนะคะที่รักและดูแลเรย์มาตลอด เรย์รักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ” ภาพของคนสองคนที่นั่งกอดกันกลมอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกนั้น ตกอยู่ในสายตาของกล้าตะวันตลอดเวลา เขาเฝ้ารอจนแน่ใจว่าสภาพจิตใจของภรรยาดีขึ้นมากแล้ว ถึงได้ตัดสินใจบอกบางสิ่งกับเธอ บางสิ่งที่ได้แต่เก็บงำมันเอาไว้กับตัวเองมาโดยตลอด “พี่มีความลับจะบอก อยากฟังไหมครับ” ชายหนุ่มอาศัยช่วงเวลากลางคืนที่ได้อยู่กันตามลำพังเอ่ยถามขึ้น ซึ่งเมื่อถามจบอีกคนก็รีบขยับตัวเข้ามาหากันแทบจะทันที “อยากค่ะ” เป็นกันรู้กันดีว่าความลับของสามีเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดาค
ตอนจบของชีวิตคู่คนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่สำหรับเธอแล้วมันคือการเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม คนเดิมที่เหมือนจะทำตัวน่ารักมากขึ้น นับตั้งแต่คืนนั้นคืนที่เขาตัดสินใจสารภาพความรู้สึกที่มีให้เธอได้รับรู้ ในขณะที่เธอเองก็สารภาพหลายๆ สิ่งที่ได้แต่เก็บงำไว้กับตัวเองกลับไปบ้าง เริ่มจากการสารภาพว่าเธอเองก็รักเขามานานแล้วเหมือนกัน รักตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าแต่ก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ เพราะเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบหน้ากันสักเท่าไหร่ “แม่บอกว่าวันนี้หนูแอบออกไปเที่ยวที่คอกม้าอีกแล้ว เป็นความจริงรึเปล่าครับ” คนมีความผิดติดตัวหรือจะกลัวต่อคำถามที่ถูกส่งตรงมาให้กัน อินทุอรซะอย่าง ก็พยักหน้ายอมรับไปเลยสิคะ “จริงค่ะ” เป็นอีกครั้งแล้วที่ความดื้อของเมียทำให้เขาปวดหัว “หนูชอบถูกพี่ลงโทษเหรอคะ…” จะให้บอกยังไงดี ว่านั่นแหละมันคือสิ่งที่เธอต้องการจากเขาที่สุดสุดท้ายเมื่อไม่กล้าพอที่จะบอกออกไปตรงๆ เพราะกลัวเสียหน้า หญิงสาวถึงได้ขยับตัวเข้าหา พร้อมๆ กับเกี่ยวชุดนอนตัวบางออกไปจากตัวโชว์ซะเลย ให้มันรู้กันไปสิว่าทำถึงขนาดนี้แล้วเขาจะยังเมินเฉยต่อกันได้อีก ถ้าเป็นแบบนั้นร
ภาพของคู่หมั้นหนุ่ม ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหากันในร้านอาหารนั้นทำให้คนมองเริ่มรู้สึกว่าไม่แน่บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย ที่เธอจะมีโอกาสได้ใกล้กับเขาแบบนี้ แต่ถึงจะรู้สึกเช่นนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เขาอยู่ดี “รอพี่นานไหมครับแหวว” กิตติคุณเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ สายตาที่มองคนตรงหน้า ยังคงไว้ด้วยความรักและเอ็นดูไม่เปลี่ยน เขารู้จักอีกฝ่ายมานาน ย่อมรู้สึกแย่ที่ต้องมาบอกสิ่งกับเธอ “ไม่นานเท่าที่พี่กิตรอแหววหรอกค่ะ…” หากวันนี้รักที่เขาเคยมีต่อกันจะลดลงเธอก็คงไม่กล้าที่จะกล่าวโทษ เพราะเป็นเธอเองที่ขอเวลาออกไปใช้ชีวิต เปิดช่องว่างให้มีใครอีกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา เป็นเธอที่ปล่อยให้บางสิ่งหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย “พี่กิตมีเรื่องอะไรจะบอกแหววเหรอคะ พูดมาได้เลยค่ะ แหววพร้อมแล้ว”คนถูกถามเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นในนาทีถัดมาเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าเขาควรต้องจบเรื่องวุ่นๆ ลง ไม่ควรยื้อเวลาเพื่อปิดกั้นโอกาสที่จะได้เจอคนดีๆ ของน้อง “พี่ขอโทษครับแหวว คือว่าพี่…” คำพูดมากมายที่เตรียมไว้มีอันต้องขาดหาย เมื่ออยู่ๆ คนตรงหน้า
“ไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่มีวันปล่อย ไม่ว่าเธอหรือลูก ไม่มีวัน!” แต่สุดท้ายความหวังที่มีก็ต้องพังลงไม่เป็นท่า เพราะอีกคนไม่ยอมปล่อยกันตามคำขอ ไหนจะสายตาเอาเรื่องที่เขากำลังใช้มองกันอีก “ทำไมคะ!” “เพราะฉันรักเธอ!” สิ้นคำสารภาพรัก บรรยากาศโดยรอบก็พลันเงียบสงัดลงแทบจะทันที “คุณกิต…รู้ตัวไหมคะว่าพูดอะไรออกมา!” เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และหากเขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นก็ไม่ควรที่จะพูดมันออกมา ในส่วนของเธอแค่ตกใจเท่านั้น ไม่เชื่อเลยสักนิดว่าคำรักที่เพิ่งจะได้ยินจากปากเขามันจะเป็นเรื่องจริง เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง แล้ววันนี้จะอยู่ๆ ก็พูดออกมา เธอไม่เชื่อเด็ดขาด ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมารักเธอได้! “รู้สิ ฉันรู้ตัวดีทุกอย่าง ฉันรักเธอ” “แต่คู่หมั้นของคุณ…” “เรื่องของฉันกับน้องแหววจบแล้ว จากนี้ไปจะมีแค่เรื่องของเรา ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะน้า ฉันสัญญาว่าจะรัก และดูแลคะน้ากับลูกให้ดีที่สุด” คนถูกถามชั่งใจอยู่นานเพราะยังคงตั้งตัวไม่ติดกับคำสารภาพรัก ที่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเขาจะพ
ภาพของคู่หมั้นหนุ่ม ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหากันในร้านอาหารนั้นทำให้คนมองเริ่มรู้สึกว่าไม่แน่บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย ที่เธอจะมีโอกาสได้ใกล้กับเขาแบบนี้ แต่ถึงจะรู้สึกเช่นนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เขาอยู่ดี “รอพี่นานไหมครับแหวว” กิตติคุณเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ สายตาที่มองคนตรงหน้า ยังคงไว้ด้วยความรักและเอ็นดูไม่เปลี่ยน เขารู้จักอีกฝ่ายมานาน ย่อมรู้สึกแย่ที่ต้องมาบอกสิ่งกับเธอ “ไม่นานเท่าที่พี่กิตรอแหววหรอกค่ะ…” หากวันนี้รักที่เขาเคยมีต่อกันจะลดลงเธอก็คงไม่กล้าที่จะกล่าวโทษ เพราะเป็นเธอเองที่ขอเวลาออกไปใช้ชีวิต เปิดช่องว่างให้มีใครอีกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา เป็นเธอที่ปล่อยให้บางสิ่งหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย “พี่กิตมีเรื่องอะไรจะบอกแหววเหรอคะ พูดมาได้เลยค่ะ แหววพร้อมแล้ว”คนถูกถามเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นในนาทีถัดมาเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าเขาควรต้องจบเรื่องวุ่นๆ ลง ไม่ควรยื้อเวลาเพื่อปิดกั้นโอกาสที่จะได้เจอคนดีๆ ของน้อง “พี่ขอโทษครับแหวว คือว่าพี่…” คำพูดมากมายที่เตรียมไว้มีอันต้องขาดหาย เมื่ออยู่ๆ คนตรงหน้า
ตอนจบของชีวิตคู่คนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่สำหรับเธอแล้วมันคือการเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม คนเดิมที่เหมือนจะทำตัวน่ารักมากขึ้น นับตั้งแต่คืนนั้นคืนที่เขาตัดสินใจสารภาพความรู้สึกที่มีให้เธอได้รับรู้ ในขณะที่เธอเองก็สารภาพหลายๆ สิ่งที่ได้แต่เก็บงำไว้กับตัวเองกลับไปบ้าง เริ่มจากการสารภาพว่าเธอเองก็รักเขามานานแล้วเหมือนกัน รักตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าแต่ก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ เพราะเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบหน้ากันสักเท่าไหร่ “แม่บอกว่าวันนี้หนูแอบออกไปเที่ยวที่คอกม้าอีกแล้ว เป็นความจริงรึเปล่าครับ” คนมีความผิดติดตัวหรือจะกลัวต่อคำถามที่ถูกส่งตรงมาให้กัน อินทุอรซะอย่าง ก็พยักหน้ายอมรับไปเลยสิคะ “จริงค่ะ” เป็นอีกครั้งแล้วที่ความดื้อของเมียทำให้เขาปวดหัว “หนูชอบถูกพี่ลงโทษเหรอคะ…” จะให้บอกยังไงดี ว่านั่นแหละมันคือสิ่งที่เธอต้องการจากเขาที่สุดสุดท้ายเมื่อไม่กล้าพอที่จะบอกออกไปตรงๆ เพราะกลัวเสียหน้า หญิงสาวถึงได้ขยับตัวเข้าหา พร้อมๆ กับเกี่ยวชุดนอนตัวบางออกไปจากตัวโชว์ซะเลย ให้มันรู้กันไปสิว่าทำถึงขนาดนี้แล้วเขาจะยังเมินเฉยต่อกันได้อีก ถ้าเป็นแบบนั้นร
“หนูรู้ใช่ไหมลูก ว่าแม่รักหนูที่สุด” อินทุอรได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา ชีวิตเธอมีแค่น้าจิตรีก็เพียงพอแล้ว ส่วนคนอื่นๆ เธอจะถือเสียว่ามันเป็นเวรกรรมของเธอ ที่ทำให้เธอต้องไปเจอคนพวกนั้น ในส่วนของแม่แท้ๆ นั้นหลังจากทำใจได้แล้วเธอจะลองตามหาท่านดู เชื่อว่าตัวเองจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริง และไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วสิ่งนั้นมันจะทำให้เจ็บปวดสักแค่ไหน เธอจะไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจ จะคิดเสียว่าอย่างน้อยๆ ท่านก็เป็นแม่ ที่ให้เธอได้เกิดมา “เรย์ก็รักคุณแม่ค่ะ…ขอบคุณนะคะที่รักและดูแลเรย์มาตลอด เรย์รักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ” ภาพของคนสองคนที่นั่งกอดกันกลมอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกนั้น ตกอยู่ในสายตาของกล้าตะวันตลอดเวลา เขาเฝ้ารอจนแน่ใจว่าสภาพจิตใจของภรรยาดีขึ้นมากแล้ว ถึงได้ตัดสินใจบอกบางสิ่งกับเธอ บางสิ่งที่ได้แต่เก็บงำมันเอาไว้กับตัวเองมาโดยตลอด “พี่มีความลับจะบอก อยากฟังไหมครับ” ชายหนุ่มอาศัยช่วงเวลากลางคืนที่ได้อยู่กันตามลำพังเอ่ยถามขึ้น ซึ่งเมื่อถามจบอีกคนก็รีบขยับตัวเข้ามาหากันแทบจะทันที “อยากค่ะ” เป็นกันรู้กันดีว่าความลับของสามีเป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดาค
บ้านที่เคยอยู่ในช่วงวัยเด็ก ทำให้คนที่เพิ่งจะก้าวขาลงจากรถอดที่จะหวนกลับไปคิดถึงคืนวันเก่าๆ ของตัวเองไม่ได้ แม้ช่วงเวลาเหล่านั้น เธอจะไม่ได้รับความรักจากผู้เป็นแม่อย่างที่ควรเป็น แต่ก็ยังมีใครอีกหลายคนที่ให้ความรักและความอบอุ่นจนเธอไม่รู้สึกขาด “โผล่หัวกลับมาบ้านได้สักทีนะนังตัวดี ฉันคิดว่าแกจะลืมทางกลับบ้านแล้ว!” คำถากถางจากผู้เป็นแม่ ทำให้ความสงสัยที่ว่าบางทีท่านอาจไม่ได้ป่วยจริงหมดลง แต่ถึงจะรู้แบบนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ท่านอยู่ดี “แม่สบายดีนะคะ” “หึ เห็นสภาพฉันแบบนี้แล้วยังกล้าที่จะถามอีกรึไง แต่ก็ช่างเถอะ! ไหนๆ แกก็กลับมาแล้ว เย็นนี้เตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะให้คนของเสี่ยชาญมารับแกไปอยู่กับท่าน!” เพราะนางมีเวลาไม่มาก ไหนจะเส้นตายที่เจ้าของเงินขีดไว้ให้กันนั่นอีก การพูดตรงๆ ถึงความต้องการของตัวเอง จึงเป็นสิ่งแรกๆ ที่คิดจะทำ และทำอย่างไม่ลังเล ไม่สนด้วยว่าสิ้นคำบอกกล่าวนี้มันจะทำให้อีกคนเจ็บแค่ไหน “เรย์แค่กลับมาเยี่ยมแม่เฉยๆ ค่ะ ไม่ได้กลับมาเพื่อจะไปอยู่กับใครทั้งนั้น เย็นนี้เรย์ก็ต้องกลับแล้ว…” เธอบอกไป
เพราะถูกสั่งให้นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บ้านมาเป็นเวลานานร่วมเดือน จึงไม่แปลกที่อินทุอรจะเบื่อ และทุกครั้งที่รู้สึกเบื่อ คอกม้า เป็นสถานที่เดียวที่เธอมา แต่ทว่าวันนี้นั้นกลับมีบางสิ่งที่แปลกไป “นุชรักคุณกล้าค่ะ รักมาตลอด รักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า!” ใครเลยจะไปคิดว่าจะได้มาเห็นฉากสารภาพซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แถมคนที่เพิ่งจะถูกสารภาพรัก ยังเป็นพ่อสามีตัวดีของตัวเองอีกด้วย! “ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณนุช…แต่ผมแต่งงานแล้ว” เป็นกล้าตะวันที่ตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยถึงต่อให้วันนี้เขาจะยังครองตัวเป็นโสดอยู่ เขาก็คงไม่มีทางมองคนตรงหน้าเป็นอย่างอื่นนอกเหนือไปจากเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นอยู่ดี ระยะเวลาหลายปีที่ได้รู้จักกันมา หากว่ามันจะก่อเกิดเป็นความรักก็คงเป็นไปนานแล้ว คงไม่รอให้มีอีกคนเข้ามาแทรกอย่างที่คนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิด “คุณรักเธอเหรอคะ!” “….” “นุชรู้ว่าคุณไม่ได้รักเธอ ที่ต้องแต่งงานด้วยก็เพราะสถานการณ์บังคับ นุชรับได้นะคะ จะให้นุชอยู่ในสถานะไหนก็ได้ ขอแค่ให้นุชได้อยู่ข้างๆ คุณก็พอ” เธอลงทุนหมดหน้าตักเพื่อพาตัวเองมายืนอยู่ตร
“ถึงจะช่วยเอาคืนให้ไม่ได้ เพราะกำลังท้องอยู่ แต่คะน้าจะช่วยเป็นพยานให้ค่ะ ว่าคุณเรย์ของคะน้าไม่ได้ทำ ถึงต่อให้ทำก็ไม่ใช่ฝ่ายที่เริ่มก่อนแน่!” คนได้ฟังรู้สึกซึ้งใจอยู่ไม่น้อย เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะหลงเชื่อละครฉากใหญ่ ที่ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นจงใจสร้างขึ้น เธอยังมีคะน้า มีเจ แล้วก็มีลุงบุญส่งที่เชื่อว่าเธอไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอที่มันจะทำให้เธอมีกำลังใจขึ้น “ขอบคุณมากนะคะน้าที่เชื่อใจฉัน ว่าแต่เธอเถอะ ไปอยู่ที่นู้น พวกเขาดีกับเธอรึเปล่า” ที่ถามก็เพราะเธอเป็นห่วง ลองถ้าคนพวกนั้นไม่ดีกับแม่คะน้าของเธอดูสิ แม่จะตามไปด่าให้อายเลย! “ทุกคนดีกับคะน้ามากค่ะ โดยเฉพาะคุณท่านทั้งสอง คุณเรย์ไม่ต้องห่วงนะคะ” ได้ยินแบบนี้เธอก็ค่อยเบาใจหน่อย เพราะถ้าทางนั้นไม่ดีกับคนของเธอ ก็อย่าหวังเลยว่าเธอจะยอมยกคะน้าให้ “ฉันดีใจด้วยนะ” “คุณเรย์อย่าคิดมากนะคะ นายก็แค่ยังไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของผู้หญิงคนนั้น แต่คะน้าเชื่อนะคะ ว่าคนแบบนั้นสักวันจะต้องแพ้ภัยตัวเอง!” ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ เธอก็ได้แต่หวังว่านา
“ขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้ต้องผิดหวัง ขอโทษที่ฉันตอแหลไม่เก่งเหมือนแม่นี่ แต่จะว่าไปแล้ว ดูๆ ไปก็เหมาะสมกันดี หญิงร้ายชายโง่!” กล้าตะวันไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไปนอกจากหันกลับไปหาคนเจ็บอีกครั้ง แน่นอนว่าการที่อีกฝ่ายต้องมาเจอกับอะไรเช่นนั้นในไร่ของเขานั้น เป็นเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบอย่างเสียไม่ได้ “พอจะเดินไหวไหมครับคุณนุช เดี๋ยวผมพาไปทำแผลที่สำนักงานนะครับ”คนถูกถามเพียงแต่พยักหน้ารับ ก่อนจะทิ้งตัวซบลงที่อกแกร่งของคนที่เธออยากจะได้มาครอบครองแทบขาดใจ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะเข้าใกล้เส้นชัยเข้าไปทุกที “มันจะมีสักครั้งไหม ที่นายคิดอยากจะปกป้องฉัน! เหมือนที่ชอบทำกับคนอื่น…” คำถามนี้เองที่มันหยุดอีกคนเอาไว้ ก่อนที่ในนาทีถัดมา คำตอบของเขา มันจะค่อยๆ ฆ่าเธอให้ตายลงอย่างช้าๆ “คุณคงไม่อยากรู้คำตอบหรอก…” นี่สินะ…คือคำตอบ! หลังจากสองคนนั้นพากันขับรถออกไป อินทุอรก็ถูกพามานั่งสงบสติอารมณ์ที่ห้องรับแขก โดยมีคุณจิตตรียังขนาบข้างไม่ห่าง “ถ้าเรย์บอกว่าไม่ได้ทำ คุณแม่จะเชื่อเรย์ไหมคะ” คนทั้งโลกจะไม่เชื่อเธอยังไงก็ได้ เธอไม่สน แต่ถ้
เมื่อตั้งสติได้คะน้าก็ถูกพามาที่ห้องโถงใหญ่พร้อมกับสองสามีภรรยา หลังจากนั้นไม่นานคนที่เธอไม่อยากเจอหน้าที่สุดถึงปรากฏตัวขึ้น แค่เพียงเขาขยับทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ เธอก็เผลอขยับกายหนี ด้วยกลัวว่าเขาจะเข้ามาทำอะไรบ้าๆ เหมือนที่ชอบทำ“แกน่ะหยุดอยู่ตรงนั้นเลย ไม่เห็นรึไงว่าทำให้น้องกลัว!” คำตวาดของผู้เป็นแม่ที่นานๆ ครั้งจะได้ยินเป็นบุญหูนั้น ทำเอากิตติคุณไม่กล้าที่จะเดินต่อ สุดท้ายก็ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่เท่านั้น “เอาล่ะ เมื่อมากันครบแล้วก็เริ่มคุยกันเลยดีกว่า หนูต้องการอะไรพูดมาได้เลย ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น!” หนนี้เป็นพ่อของเขาที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าบ้านนี้นอกจากแม่แล้วก็มีแต่พ่อนี่แหละที่ออกคำสั่งกับเขาได้ “หนูไม่ต้องการอะไรค่ะ นอกจากคำสัญญาจากปากของลูกชายท่าน ว่านับจากนี้เขาจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเราสองคนแม่ลูกอีก” เพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น ที่เธอต้องการจากคนอย่างเขา และคิดว่ามันคงไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงอะไร หากเขาจะยอมทำให้กัน “ผมไม่ยอม! ในท้องนั่นก็ลูกผม หลานพ่อ! จะให้ไม่เข้าไปยุ่งได้ไง ผมไม่ยอม! ขอใหม่! แล้วก็ช่วยตั้งสต