มือใหญ่ควานหาร่างนุ่มของคนที่ทำให้เขามีความสุขจนลืมเวลา ก่อนจะต้องเสียอารมณ์เล็กน้อยเมื่อไม่พบนวลนางเนื้ออุ่นนิ่มคิ้วหนาเข้มเรียงตัวกันสวยเลิกขึ้น พร้อมหนังตาที่มันกะพริบสู้กับแสงเรืองรองที่สาดส่องเข้ามา แม้จะเหน็ดเหนื่อยกับกิจกรรมใต้ร่มผ้าอันเร่าร้อนหนักหน่วง แต่เพราะได้นอนหลับเต็มอิ่มภามเลยตื่นมาพร้อมกับความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ถ้าหากนันทิยายังคงนอนอยู่ เขาคงจะชักชวนหญิงสาวไปท่องฟากฟ้าได้อีกสักสองสามรอบ โดยไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย ก็หญิงสาวเร่าร้อนเร้าอารมณ์เขาขนาดนั้นภามลุกขึ้นนั่งเอนตัวอิงพนักเตียง สูดปากนิดๆ เมื่อร่องรอยที่นันทิยาทำไว้บนแผ่นหลังกว้าง สีข้างและบางส่วนของแผงอกกว้างที่มีรอยเล็บจิกลากเป็นทางยาวพาดไปถึงสะเอว “เธอนี่อารมณ์แรงใช่เล่นนะไทนี่ เล่นเอาหลังฉันแสบระบมเลย” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ วาดปลายนิ้วไปตามรอยแผล ด้วยรอยยิ้มกระจ่างเต็มใบหน้ามือใหญ่ยกขึ้นพาดบนเข่า คิดถึงแต่กายเนื้ออุ่นระอุและเสียงร้องหวานหูของนันทิยาให้กายใหญ่เริ่มเกิดอาการคึกคักกระหายอยากขึ้นมาอีกแล้ว ชายหนุ่มบิดกายอย่างเกียจคร้านสองสามครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นพาร่างกำยำลุกจากเตียงเดินไปหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของห
“อยู่ไหนน่ะไทนี่ ออกมา อย่าให้ฉันต้องมีโมโหนะ” ชายหนุ่มแผดเสียงร้องเรียก แต่ก็ไร้เงาของนันทิยา แล้วสายตาเผอิญเหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวพับครึ่งติดอยู่ที่หน้ากระจกเงา เขียนกำกับไว้ถึงชานนท์ แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ทำตัวเป็นคนไม่มีมารยาทสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น ยื่นมือไปหยิบอ่านจดหมายมาเปิดอ่าน ก่อนจะแผดเสียงร้องอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อได้อ่านข้อความในจดหมายจบ“ไทนี่!” ประกายในดวงตาคมกริบเป็นสีแดงเจิดจ้าเหมือนกับเพลิงไฟ กรามหนาขบกัดบดเบียดจนแก้มสากนูนเด่น กวาดสายตาแข็งกร้าวไล่มองไปตามตัวอักษรสั้น ๆ บนกระดาษสีขาวอีกครั้ง‘นนท์น้องรัก...กว่าน้องจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ พี่คงจะกำลังเดินทางไปพักรักษาตัวเพื่อลืมคนบางคนออกไปจากใจ ให้เขาเป็นเพียงแค่คนที่พี่รู้จัก คนที่พี่จะมองหน้าเขาแล้วไม่มีความรู้สึกเจ็บในหัวใจ คนที่จะเป็นเพียงอดีตเจ้านาย พี่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนนท์แล้วนะ...จำคำสัญญาที่พี่รับปากไว้ได้ใช่ไหม ถ้าหากว่าพี่ภามทำให้พี่เจ็บอีก พี่...พี่จะยอมตัดใจ พี่ทำตามสัญญาแล้วนะ แต่พี่ขอเวลาสักหน่อยเพื่อที่จะลบเขาออกไปจากใจ’เกือบจะขยำกระดาษนั้นทิ้งไปด้วยความโมโหที่มันพุ่งปรี่เหมือนกับปรอทที่ถูกไฟ
“เจ้านายทำอะไรเพื่อนก้อย ถอยออกไปเลยนะคนบ้า” หญิงสาวหันไปแว้ดถามเสียงเขียวอีกครั้ง พร้อมส่งสายตาเป็นประกายเจิดจ้าบอกให้รู้ว่ากำลังโกรธระคนเจ็บจี๊ดๆ เหมือนกับมีเข็มกำลังทิ่มแทงอยู่ในใจโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนั้น และตอนนี้ก็ไม่คิดที่จะหาคำตอบด้วย“เพื่อนคุณล้มน่ะ ผมเลยช่วยก็เท่านั้นเอง” รัฐภาสตอบ สองมือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พาร่างหนาใหญ่ของตัวเองเดินไปหยุดที่ประตูบ้าน แนบแผ่นหลังกับขอบประตู ดวงตาจับจ้องมองร่างสาวคนที่นอนอยู่ ก่อนจะตวัดไปมองรวิกานต์ที่ชักสีหน้ายักษ์ใส่เขาแต่รัฐภาสกลับยิ้มใส่อย่างรู้สึกชอบใจที่รวิกานต์มีอาการกระฟัดกระเฟียดเหมือนกำลัง...หึง! ดวงตาคมกริบไล่มองการแต่งกายของอีกฝ่าย เสื้อยืดตัวใหญ่หลวมโคร่งที่แม้จะผ่านการใช้งานดูได้จากขอบชายทั้งแขนและด้านล่างของตัวเสื้อยืดจนย้วยแต่ก็ยังคงความสะอาดสะอ้าน ไล่ลงไปคือกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยอย่างโลมเลีย“งั้นก็ขอบคุณ” พูดเสร็จแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจ หวังว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าไม่เป็นที่ต้องการของเธอแล้ว จะได้รีบ ๆ กลับบ้านไปเสียที แต่ดูเหมือนว่ารัฐภาสยามนี้จะหน้าหนาเหลือเกิน ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้
“กลับก็ได้ แต่ออกไปส่งหน่อยสิ”“แกอยู่คนเดียวไปก่อนนะไทนี่ เดี๋ยวฉันขอไปส่งคนนอกออกจากบ้านฉันก่อน” รวิกานต์เดินตามร่างหนาใหญ่ไปติด ๆ เกือบจะแซงหน้าด้วยซ้ำ เพราะความที่อยากจะให้รัฐภาสกลับออกไปจากบ้านอย่างเร็วที่สุด“ทำไมล่ะก้อย แค่เดินมาส่งผมนิดเดียวเองทำหน้าเหมือนกับถ่ายไม่ออกอย่างนั้นแหละ เอ๊ะ...หรือว่าไม่อยากให้ผมกลับก็ได้นะ” ดวงตาคมกริบเหลียวมองหน้าของคนที่เดินมาส่งเขาบูดบึ้งแล้วทนไม่ไหวอยากจะยั่วให้อีกฝ่ายสติขาดผึง ด่าเขามาได้ก็ดี“ไม่ใช่สักหน่อย เจ้านายน่ะอย่ามาตีขลุมใส่ก้อยนะ รีบ ๆ กลับไปนั่นแหละดีแล้ว ก้อยจะได้มีเวลาคุยกับเพื่อน ถ้าให้ดีนะ พรุ่งนี้ลางานสักวันได้ไหมล่ะ”“ไม่ได้” รัฐภาสตอบกลับในทันที แถมชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนถามด้วย มือใหญ่คว้าแขนยาวเรียวของคนที่ฉกตัวถอยหนีแต่ก็ไม่ทัน กักกันร่างโปร่งบางด้วยหนึ่งแขนและกายใหญ่ ปลายมือใหญ่อีกข้างจับรั้งปลายคางมนขึ้น“อย่าให้รู้นะว่าคิดจะขาดงานอีก ไม่งั้นเจอดีแน่”“เจ้านายไม่ใช้เจ้าชีวิตของก้อยนะ ที่จะมาจำกัดว่าต้องทำโน่นทำนี่น่ะ”รวิกานต์ส่งค้อนด้วยสายตา วงหน้าสวยงองุ้มจนปากและจมูกแทบจะถึงกันอยู่แล้ว หัวใจเริ่มสั่นขึ้นมาอีกแล้ว ไม่รู
ดวงตาหลับพริ้มเหมือนตกอยู่ในห้องแห่งความฝัน กายโปร่งบางเอนลงไปตามความยาวนุ่มของโซฟา สองแขนเรียวโอบรัดรอบกายใหญ่ กดรั้งศีรษะทุยให้ปากหนาร้อนได้แนบชิดกับทรวงอกอวบอิ่มอย่างถนัดถนี่ สองขาเรียวยาวแยกห่างจนกายใหญ่เคลื่อนไปพำนักอย่างแนบชิด ในท้องน้อยเหมือนกับมีลูกไฟไหลเวียนวนอยู่ชานนท์หลงเพริดอยู่ในความหวานนุ่ม ฝ่ามือใหญ่สอดไปด้านหลัง ปลดตะขอเสื้อชั้นในที่ตอนนี้บางส่วนเปียกชื้นจากน้ำลายเขาปลดปล่อยบัวตูมเต่งตึงให้เป็นอิสระ สองมือตระกองช้อนทรวงสล้างจนชูชันตรงหน้า ทาบทับริมฝีปากหนาร้อนไล่จากฐานทรวงถึงปลายยอด ขบกัดดูดเม้มปลายยอดสีทับทิมจนมาแข็งตัวเป็นไตหายไปในอุ้งปากหนา ลูบไล้ฝ่ามือไปตามผิวกายเนียนนุ่มเหมือนกับใยไหมปลายนิ้วคลึงเคล้นผิวหน้าท้องแบนราบเรียบเกือบจะสอดแทรกเข้าไปในตัวกางเกงแล้วแต่ก็ชะงักเอาไว้ได้ทัน รู้ดีว่าถ้าขืนแหย่นิ้วไปที่ส่วนลี้ลับของกายสาวเมื่อไหร่ มีหวังเขารักหญิงสาวจนลืมเวลาอีกแน่ แล้วคราวนี้เรื่องที่ยังไม่อยากให้ใครรู้ ไม่ใช่ไม่อยากให้รู้แต่เพราะต้องการให้ความสัมพันธ์ของเขากับรสรินยังคงเป็นความลับไปก่อนจนกว่าจะได้แต่งงานกันให้ถูกต้องต่างหาก ไม่อยากให้หญิงสาวถูกคนอื่นมองไม่ดี
รักเขา...แต่พอเห็นเขา อยู่ใกล้เขาทีไรหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกเสียทุกทีไป แต่คิดไปคิดมาก็น่ารักดีใช่หยอก น้องสาวเขาในส่วนที่เกี่ยวกับชานนท์จะทำตัวเหมือนกับผู้ชายเสียเอง ในขณะที่ชานนท์ก็เปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิง ลงล็อกและเข้ากันดีเป็นที่สุด“คะ” รสรินตอบกลับเสียงสูง ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าค้าง หันมองพี่ชายสลับกับชานนท์อย่างไม่ค่อยจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก็มันงงนี่นา“ที่พี่ภามพูดหมายความว่ายังไงคะพี่นนท์ พี่อายน้องรสจริง ๆ หรือคะ”จ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบ เอานะพอจะรู้แล้วว่าจุดอ่อนชานนท์คืออะไร อย่างนี้ก็สนุกซิ พวงแก้มอิ่มเต็มป่องออก ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นลากไล้บนอกกว้าง ดวงตากลมโตแพรวพราวระยับเหมือนกับดวงดาวนับสิบมาส่องสว่างอยู่“ว่าไงคะพี่นนท์ขา...ถ้าไม่ตอบนะ น้องรสจะจูบพี่นนท์โชว์พี่ภามและพี่ไทนี่เลย เอาไหมคะ” ถามอย่างก๋ากั่นทั้งที่ความจริงนะไม่กล้าทำหรอก“ครับน้องรส พี่นนท์อายน้องรสครับ” ชานนท์รีบตอบรับไปทันทีเมื่อมือเล็กเริ่มที่จะเคลื่อนไหวตามร่างกายทีละน้อย จนสองแขนเรียวยาวโอบรอบลำคอแกร่ง“พี่นนท์อายอะไรคะ น้องรสก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นนี่นา” มันอดที่จะสงสัยไม่ได้จริง ๆชานนท์พูดไม่ออก จะบอ
“ฉันไม่ใช่หมานะหนูรส ที่จะต้องหาอะไรมาครอบปากไว้” คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ยังจะมากวนอารมณ์อีก ภามถลึงตาใส่น้องสาว“อ๊ะ โกรธจริง ๆ ด้วย” เมื่อไหร่ที่ภามโกรธคนพูดจากพี่จะกลายเป็นฉันทันที แต่แทนที่จะกลัวรสรินกลับหัวเราะคิกคัก“ว่าแต่พี่ไทนี่ทำอะไรให้โกรธอีกล่ะค่ะ ถึงได้หันมาฟาดงวงฟาดงากับน้องน่ะ บอกเสียก่อนนะ น้องไม่ยอมให้พี่กัดแงด ๆ โดยที่ไม่โต้ตอบหรอกนะคะคุณพี่ชายขา” โกรธหรือ...ยิ่งโกรธเธอก็ยิ่งจะยั่วชานนท์ยกมือขึ้นมือตบมือเล็กเบา ๆ เป็นการห้ามปราม เมื่อเห็นว่าภามโกรธจนหน้าเป็นสีแดงเข้ม“เกิดอะไรขึ้นครับพี่ภาม” ไม่ทันจะได้นั่งภามก็ยื่นกระดาษสีขาวมาตรงหน้า คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างไม่เข้าใจแต่ก็รับมาคลี่อ่านดู ก่อนที่จะสลับมองระหว่างกระดาษและหน้าภาม ก็มันจดหมายถึงเขานี่นา แล้วไปอยู่กับภามได้ยังไงกัน มิหนำซ้ำคนที่เขียนให้ก็เป็นนันทิยาอีก“เกิดอะไรขึ้นครับพี่ภาม” ชานนท์ถามเสียงแข็ง ในดวงตาคมกริบเป็นประกายเรืองรองสีแดงจัด“แล้วจดหมายนี่ไปอยู่ในมือพี่ได้ยังไง”“เกิดอะไรขึ้นคะพี่นนท์” รสรินถามและไม่รอคำตอบจากชานนท์ มือเล็กเรียวรีบดึงจดหมายไปอ่าน เพียงแค่ดวงตากลมโตไล่มองไปตามข้อความในจดหมายสลับมองห
“บอกให้คนบางคนตามไปทำร้ายพี่สาวพี่อีกน่ะหรือน้องรส” ชานนท์แขวะคนที่ยืนรอคำตอบจนหูผึ่งและตอบกลับสั้น ๆ อย่างไม่คิดจะถนอมน้ำใจคนยืนฟัง“ไม่ละ” ความจริงแล้วเขาก็ไม่รู้หรอกนะว่านันทิยาไปอยู่ที่ไหน แม้จะอยากรู้แทบจะขาดใจแต่คิดว่าการไม่รู้จะดีกว่า เวลามีใครถามถึงก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าไม่รู้ ไม่ใช่ไม่เป็นห่วง แต่รู้ดีว่านันทิยาจะต้องปลอดภัย เขาเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ“พี่นนท์ไม่เป็นห่วงพี่ไทนี่หรือคะ”นั่นไงคำถามแรกมาแล้ว รอยยิ้มนิด ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าคร้ามแกร่ง “ห่วงสิ พี่สาวทั้งคนพี่จะไม่ห่วงได้ไง แต่ระหว่างห่วงแล้วต้องไปตามหาเพื่อให้พี่สาวต้องมาเผชิญหน้ากับคนใจร้าย ทำให้เจ็บทั้งกายและใจ พี่ยอมที่จะไม่รู้และปล่อยให้พี่ไทนี่ทำใจให้ลืมอย่างที่ในจดหมายบอกไว้ดีกว่า”“แต่น้องรสไม่ยอม” สองมือเล็กกางกั้นไม่ยอมให้ร่างใหญ่ไปง่าย ๆ ใบหน้าสวยงองุ้มบึ้งตึง ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า“ถ้าพี่นนท์ไม่ยอมบอกก็ไม่ต้องไปไหนเลย”“เพราะนนท์เองก็ไม่รู้ว่าไทนี่ไปไหน” ภามที่นั่งเงียบเอ่ยขึ้นไหล่กว้างเลิกขึ้นสูง สองมือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหันกลับมามองคนถาม “รู้แล้วทำไม ไม่รู้แล้วทำไมล่ะครับ” ตอบแบบกวน ๆ พร้อม
“ไม่เลยไทนี่ พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่รู้ตัวว่าทำผิด ทำร้ายไทนี่ให้ต้องอับอายและเจ็บปวด” สองมือใหญ่จับมือเล็กมาทาบบนอกกว้าง“พี่ขอโทษนะไทนี่ น้องจะยกโทษให้พี่ได้ไหม ให้โอกาสกับคนที่รู้ตัวช้าและกลับตัวกลับใจคนนี้ได้พูดได้แสดงออกถึงความรักที่มีแก่ไทนี่...ไทนี่จะยอมให้โอกาสพี่...ให้โอกาสผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ดูแลและรักไทนี่ตลอดไปได้ไหม”ถึงจะได้ยินชัด ๆ จนเต็มสองหูแต่นันทิยาก็ยังไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าคำว่ารักที่หนักแน่นที่หลุดออกมาจากปากหนา ให้หัวใจไม่รักดีของเธอก็ละลายกลายเป็นน้ำแล้วก็ตาม เพราะภามคือคนเบื่อง่ายหน่ายเร็ว แรกรักแรกต้องการคำหวานมีให้เสมอ แต่ยามเมื่อรักคลายน้ำต้มผักที่ว่าหวานก็ยังกลายเป็นขม“ไทนี่จะเชื่อได้หรือคะว่าพี่ภามจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องร้องไห้ อับอายและเจ็บช้ำอีก”“ถึงพี่จะให้คำมั่น แต่อดีตที่ผ่านมามันคือความทรงจำอันเลวร้ายที่พี่มอบให้ไทนี่...มันคงจะมีอย่างเดียวที่ทำให้ไทนี่มั่นใจ นั่นคือจากนี้ไปพี่ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความจริงใจที่พี่มอบให้สุดที่รักของพี่คนนี้” สองมือใหญ่ทาบบนใบหน้านวลเนียนนุ่ม“ขอแค่ไทนี่ให้โอกาสพี่เท่านั้นพอ...พี่สัญญาจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องน
ริมฝีปากหนาทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอแย้มจะต่อว่าและผลักไสเขาให้ออกห่าง ขบกัดกลีบปากบนสลับล่าง สอดแทรกปลายลิ้นเลาะเล็มซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่มโดยที่นันทิยาเองก็ไม่ขัดขืน และยังจะให้ความร่วมมือส่งปลายลิ้นเล็กๆ มาเลาะเลี้ยวเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากระคายเสียอีก เป็นนานกว่าที่เขาจะหักห้ามใจถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย‘โอ๊ย! ไทนี่จ๋า อย่าตอบสนองพี่แบบนี้สิยาหยี เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวปล้ำไทนี่ก่อนจะได้คุยกันนะคนดี’ภามถึงกับร้อนฉ่าไปทั่วทั้งกายเมื่อนันทิยาตอบสนองกลับอย่างไม่มีแง่งอน สัดส่วนความเป็นชายเริ่มขยายตัวนูนเด่นดันตัวผ้าขนหนูออกมาแนบชิดลำขากลมกลึง“คุยกันดี ๆ ไม่คิดหนีและไม่ทำร้ายร่างกายพี่ด้วย พี่จะปล่อย ตกลงไหม” ภามกัดฟันข่มกลั้นความต้องการไว้อย่างสุดความสามารถ ลมหายใจหอบแรงจนกล้ามเนื้อไหวกระเพื่อมนันทิยาขบกัดริมฝีปาก จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นแล้วเห็นถึงความรักและจริงใจรักหรือ...เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อย่างภามนี่นะรักเธอ เป็นไปไม่ได้ เธอคงจะตาฝาดไปเท่านั้น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่สายตาที่เอื้อเอ็นดูระหว่างคนที่เคยเติบโตมาด้วยกันเท่านั้นเอง วงหน้าสวยหมองเศร้าลงทันตา รีบตอบคำ
“มองอะไรไม่เคยเห็นคนหรือไง” เมื่ออีกฝ่ายยังเงียบก็อดที่จะตวาดแว้ดไปด้วยความหงุดหงิดระคนวาบหวิวในทรวง แต่เมื่อนึกได้ว่ามาด้วยเรื่องใดก็สูดลมหายใจเขาเต็มปอด ข่มความโมโหเอาไว้ภายในทั้งที่อารมณ์นั้นเดือดปุด ๆ และวาบหวิวจากสายตาคมกริบเอ่ยถามออกไปเสียงแข็ง ห้วนและกระด้าง“พี่ภามทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง จะแกล้งกันไปถึงไหน” หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจที่สุดท้ายแล้วภามก็ยังไม่ได้ปรับปรุงตัวเองยังทำร้ายหัวใจเธอซ้ำอีก“หือ...ทำอย่างนี้ได้ยังไง?” ภามแสร้งทวงคนถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง เดินไปนั่งบนเตียงนอนใหญ่ที่เขาเพิ่งจะเปลี่ยนสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมข้าวของอีกหลายชิ้นในห้องเพื่อให้เกียรตินันทิยาที่จะไม่ต้องมานอนทับบนเตียงที่เขาเคยพาผู้หญิงคนอื่นมานอน“พี่ภามอย่ามาเล่นลิ้นนะ ไทนี่ซีเรียดนะ” นันทิยาตวาดแว้ดชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่ยังอารมณ์ดีที่กวนโมโหจนเธอแทบจะปรี๊ดแตกแล้ว ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ากรุ่นระอุด้วยไอโกรธที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในเรือนกาย ร่ำ ๆ อยากจะเข้าไปทำร้ายคนหน้าเป็น‘ไม่รู้จะยิ้มอะไรหนักหนา ปากน่ะหุบเสียบ้างก็ได้คนบ้านี่’“ไม่ได้เล่นลิ้น
“รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก้อยก็เป็นเจ้าของหัวใจฉันจนหมดทั้งดวง เลยต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อทุกอย่างทุกทางจนก้อยหลงติดกับไปไหนไม่รอดไง”ปากหนาทาบจากพวงแก้มนุ่มสีพีชสุกไล่ไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กดลงไปแผ่วเบา นุ่มนวลและอ่อนโยน ตอนที่แผนการนี้ผุดขึ้นมาในสมองเขากลัวแทบตายว่ารวิกานต์จะดื้อดึงดื้อรั้นไม่ยอมง่าย ๆ แต่กาลกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง แม้จะงอนและโกรธอยู่บ้าง แต่รวิกานต์กลับเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างที่คิด คงจะเป็นเพราะเธอรักเขา...แต่คำนี้นอกจากการกระทำแล้วมันก็ต้องได้ยินจากปากด้วย ถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ได้คิดไปเอง“ว่าไง ยังไม่ตอบให้ชื่นใจเลยนะ รักผมไหม...แล้วเราจะแต่งงานกันใช่ไหมก้อย” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บนผิวกายเนียนนุ่ม ครอบครองฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจสาวที่มันอวบอิ่มใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ริมฝีปากจุมพิตเลาะเล็มขบกัดกลีบปากเนียนนุ่มจนรวิกานต์ถึงกับตัวสั่น ยกสองมือดันกายใหญ่ให้ออกห่างอย่างยากเย็น“คุยกันก่อนสิคะเจ้านาย เล่นรุกถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก้อยทำอะไรไม่ถูกนะคะ” หัวใจรวิกานต์เต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วยิ่งกว่ามีใครยิงปืนกลเสียอีก ใบหน้าแดงปลั่งก้มงุดไม่กล้ามองสบสายตามคมกริบที่จ้องทะลุไปถ
ปากและใจบอกว่าไม่...อย่าไปยอมให้รัฐภาสเห็นเธอเป็นเพียงแค่ของเล่นใกล้มือที่จะหยิบมาเชยชมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่ถูกเขากอดจูบเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นมันก็พร้อมที่จะหลอมละลายกลายเป็นไอ สองมือที่วางทาบอยู่บนลำตัวเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อล่ำสันไปจนโอบรอบบ่ากว้าง เผลอตัวตอบรับจุมพิตหวานแผดร้อนที่แทบจะสูบเอาลมหายใจออกจากปอดจนหมดสิ้นรัฐภาสถอนจุมพิตเคลื่อนไปตามพวงแก้มอิ่มนุ่ม สันจมูกโด่งและสุดท้ายประทับบนดวงตากลมโตที่มันบวมช้ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก“ขอโทษนะก้อยที่ฉันมาช้า อย่าโกรธฉันนะคนดี” ปลายนิ้วยาวร้อนไล้ไปบนกลีบปากอวบอิ่มแดงระเรื่อที่ขบกัดหนี“ปล่อยก้อยได้แล้วเจ้านาย...คุณรัฐภาส” รีบเปลี่ยนเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานในบริษัทเขาแล้ว และไม่คิดที่จะไปลาออกให้มันถูกต้องด้วย จะทำอะไรก็ทำไม่แคร์“แล้วก็รีบออกไปจากบ้านก้อยด้วย ก้อยไม่ได้เป็นอะไรกับคุณอีกแล้ว” สองมือเล็กผลักดันกายใหญ่ให้ออกห่างและรัฐภาสก็ยอมให้ แต่...กายใหญ่ขยับลุกขึ้นพร้อมกับเกี่ยวเอากายโปร่งกลมกลึงขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง จับรั้งไม่ให้เบือนหน้าหนี พร้อมสอดแขนใหญ่กระชับเอวเล็กคอด“หู...หายไปแค่
เปลือกตาบางปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ ๆ ก่อนจะลืมตาที่แดงก่ำ รอบ ๆ ขอบตาบวมช้ำขึ้นมาสู้กับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับอาการปวดหัวริ้ว ๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง มือเล็กยกขึ้นจับลำคอแห้งผากเหมือนกับมีกระดาษมาถูไถอยู่เลยไปถึงพวงแก้มนิ่มที่เย็นจัด ไล่ไปจนถึงดวงตากลมโตที่ถึงตอนนี้ก็ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือติดอยู่กายกลมกลึงพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องมาจนตาถึงกับพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกจากจมูกที่ตอนนี้มีสิ่งไม่พึงประสงค์อุดอยู่ เสียงท้องร้องประท้วงให้เธอรีบไปหาอะไรใส่ลงไปเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่แบบนี้ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากแตกแห้งเพราะขาดการบำรุง พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็ยังลำบากยากเย็น เพราะร่างกายหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจากการไม่เอาใจใส่ตัวเอง แม้อาหารก็ไม่คิดจะหามาใส่ท้องเธอร้องไห้มากี่วันแล้ว...ร้องและรอว่าเขาคนนั้นจะมาหา บอกเล่าว่าสิ่งที่เธอเห็นในวันนั้นไม่เป็นความจริง เขายังเป็นคนโสดไม่มีพันธะใดๆ กับใคร แต่รอแล้วรอเล่า จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งคืนและล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี แต่ก็ไม่มีวี่แววรัฐภาสจะมา...
“เป็นอะไรไปน่ะนนท์ ไปขอน้องรสแต่งงานมาหน้าตาก็ควรจะยิ้มแย้มเหมือนกับคนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวสิ แต่ไหงกลับมาหน้าตาเหมือนกับตูดหมึกแบบนี้ล่ะ หรือว่าน้องรสไม่ยอมตกลงหือ” นันทิยาเอ่ยแซวน้องชายที่เมื่อตอนไปเธอเห็นหน้าตาระรื่นบานเกือบจะเท่ากระด้ง แต่พอกลับไหงหน้าตาเหมือนกับคนอมบอระเพ็ดมาก็ไม่รู้“เพราะพี่ไทนี่นั่นแหละ”“อ้าว...นนท์ไปขอน้องรสแต่งงานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ” คนเป็นพี่ถามอย่างไม่เข้าใจ“ตัวเองไม่มีฝีมือเองมากกว่ามั้ง สาวเขาเลยไม่มั่นใจที่จะฝากชีวิตน่ะ”ชานนท์ชักสีหน้าใส่พี่สาวที่ยังคงยิ้มระรื่นไม่รู้สึกรู้สา “ก็พี่ภามน่ะสิ”“พี่ภามทำไม”“พี่ภามบอกว่าไม่มีธรรมเนียมบ้านไหนที่น้องจะแต่งงานก่อนพี่”นันทิยาพยักหน้าหงึกอย่างเข้า เธอก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็คงไม่มีใครได้แต่งงานกันแล้วละ“พี่ภามยังจะส่งน้องรสไปดูงานต่างประเทศอีกสามปีด้วย” ชานนท์บอกด้วยหน้าตาอ่อนระโหยโรยแรง กายใหญ่ทรุดตัวลงนั่งไม่ไกลจากที่พี่สาว แหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง“เอ๊ะ...พี่ภามเป็นบ้าอะไร มันเรื่องของนนท์กับน้องรสไม่ใช่หรือไง จะบ้าไปใหญ่แล้ว” นันทิยาก่นว่าด้วยความหงุดหงิดระคนโกรธ
“ครับ ต่อไปนี้พี่นนท์จะไม่หึงดะแบบนั้นอีกแล้ว พี่นนท์จะเชื่อใจน้องรส หากมีอะไรที่ทำให้เราไม่เข้าใจกันจริง ๆ พี่นนท์จะรอเวลาให้อารมณ์ที่มันร้อนลดลงแล้วเราค่อยมาคุยปรับความเข้าใจกัน” ใช่...อะไร ๆ มันก็ต้องดีถ้าคุยกันโดยไม่ใช้อารมณ์โกรธ หึงหวงและประชดประชัน“สัญญานะคะ ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก” นิ้วก้อยเล็กยื่นออกไปและชานนท์ก็ยื่นนิ้วก้อยของเขาออกมาเกี่ยวด้วย“ครับ...สัญญาว่าจะเชื่อใจน้องรส” ปลายนิ้วยาวใหญ่จับตรึงปลายคางมน โน้มใบหน้ามาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มหวานอย่างแสนจะคิดถึง เพียงแค่สามวันเท่านั้นที่ห่างหายจากกายสาวหอมกรุ่นนุ่มนิ่มรัดรึงกายแกร่งก็ทำให้เขาถึงกับโหยหิวเหมือนกับคนที่อดอยากมานานแรมเดือน อย่างนี้จะต้องรีบทำให้รสรินกลับมาอยู่เคียงข้างกายให้เร็วที่สุดและไม่มีวันที่จะจากไกลกันอีกแล้ว“พี่นนท์รักน้องรสครับ...ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว น้องรสก็ตกลงแต่งงานกับพี่ได้แล้วใช่ไหมครับ”“ค่ะ” รสรินตอบกลับอย่างเอียงอาย ในหัวใจพองโตเหมือนกับลูกโป่งที่มันถูกบรรจุแก๊สจนเต็ม รอยยิ้มแต่งแต้มทั้งวงหน้าและดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับสุกสกาวเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า เปี่ยมล้นไปด้วยคว
“น้องรสครับ เมื่อไหร่น้องรสจะหายโกรธพี่นนท์ล่ะครับ” ชานนท์เดินมาจับมือเล็กเรียว แต่ถูกอีกฝ่ายปัดออกและเมินหน้าหนีเสียอีก ทำเอาเขาถึงกับหน้าเสียไปได้ไม่น้อย ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้รสรินถึงได้โกรธนานนัก สามวันแล้วที่ไม่ยอมพูดคุยกับเขาเอาแต่หนีหน้าท่าเดียว“น้องรสไม่ได้โกรธ” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นสูง สองมือสอดไขว้ระหว่างอก ไม่ได้โกรธแต่อึดอัดและไม่ชอบที่ชานนท์แสดงพฤติกรรมอย่างนั้น ทำอย่างกับว่าเธอน่ะใจง่ายนักนิ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ต้องกระโดดเข้าใส่ อย่างนี้มันไม่เชื่อใจกันนี่นาแล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง“ถ้าไม่โกรธแสดงว่างอน...แล้วเมื่อไหร่น้องรสจะหายงอนพี่นนท์ล่ะครับ รู้ไหมว่าน้องรสเป็นอย่างนี้พี่นนท์กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะครับ”“ไม่รู้ไม่ชี้” รสรินยังคงเบือนหน้าหนี เพราะรู้ใจตัวเองดีว่าถ้าหากเจอบทออดอ้อนและวงหน้าเศร้า ๆ ของชานนท์อีกเพียงไม่ถึงห้านาที ใจที่พยายามจะให้เข้มแข็งไม่ยอมรับคำง้อง่ายๆ ก็จะพานอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟ“น้องรสครับ ดีกันนะครับคนดี๊คนดี” สองแขนใหญ่โอบรัดรอบกายโปร่งบาง วางมือใหญ่ทาบทับบนมือเล็กเรียว วางคางแนบกับบ่ากว้าง“จะให้พี่นนท์ทำอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่น้องรสยกโทษให้พี