“พี่นนท์ขา...” อยากจะห้ามว่าอย่าทำอย่างที่เธอกำลังคิดอยู่ แต่ทว่ามือใหญ่ที่มันยังฟอนเฟ้นเคล้นคลึงอกอวบเคลื่อนตัวขึ้นไปกดคลึงปลายยอดที่มันแข็งตัวเป็นไตก็ทำให้คำห้ามหายกลับเข้าไปในลำคอ เหลือเพียงเสียงร้องแหบพร่าและหวานนุ่มแทนสองมือใหญ่ละจากอกอวบอิ่มเคลื่อนตัวลงมาสมทบกับริมฝีปากหนาร้อน จับรั้งปลีน่องเรียวยาวงอขึ้นตั้งฉากกับพื้นเตียงและแยกมันออกจนกว้าง พอให้กายหนาใหญ่เข้าไปพำนัก ด้วยเพราะชุดนอนซีทรูมีส่วนประกอบเป็นกางเกงชั้นในที่เรียกว่าจีสตริงที่มีแต่สายกับตัวผ้าลูกไม้ผืนเล็กนิดเดียว ชานนท์จึงเลือกที่จะปลุกปั่นอารมณ์รสรินให้กระเจิดกระเจิงโดยไม่ยอมกำจัดผ้าชิ้นนี้ออกไปก่อนริมฝีปากหนาร้อนทาบทับบนกลีบกายสาวผ่านผ้าลูกไม้สีดำสนิท แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้ยินเสียงหวีดร้องเล็กๆ ที่ดังมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม พร้อมกับสะโพกกลมกลึงที่ขยับเคลื่อนหนี แต่มีหรือที่เขาจะยอมให้หญิงสาวทำอย่างนั้น สองมือใหญ่เคลื่อนไปจับตรึงบั้นท้ายงามงอนพร้อมทาบริมฝีปากขบกัดสลับปลายลิ้นป่ายปัดบ้างสอดแทรกผ่านไปสัมผัสกลีบกายนุ่มหอมกรุ่นจากทางด้านข้างทั้งสองฝั่งจนผ้าลูกไม้เปียกชื้น“อืม...” รสรินครางเสียงพร่า สองมือเล็กจิกทึ้ง
ชานนท์กัดฟันตอบรับ วงหน้าคร้ามแกร่งบูดเบี้ยวเหยเก ข่มกัดฟันขยับเคลื่อนกายใหญ่ออกและพลิกกายลงนอนหงายบนพื้นเตียงให้รสรินอยู่เหนือเขาอย่างแนบชิด อย่างนี้เวลาที่หญิงสาวกลืนกินเขาจนหมดตัว รสรินจะได้ไม่เจ็บมาก“น้องรสจ๋า...ช่วยพี่หน่อยนะคนดี...” ปากหนาก็ซุกไซ้ลำคอระหงเรื่อยลงไปถึงทรวงอกอวบ กลืนกินปลายยอดถันแข็งตัวเป็นไตเคลื่อนขึ้นไปขบกัดติ่งหูเล็ก มือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายงามงอน ลากไล้ลงไปถึงต้นขาเคลื่อนขึ้นไปบนแผ่นหลังเนียนนุ่ม ก่อนจะย้อนกลับมาที่เดิมใหม่อีกระลอกพร้อมกระชับตรึงสะโพกกลมกลึงเอาไว้“ค่ะ...พี่นนท์...” รู้ว่าชานนท์ต้องอดทนแค่ไหน รสรินตอบรับเสียงหวานแหบพร่า วงหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำพูดจากปากหนา‘เธอต้องเป็นคนครอบครองเขา’“พี่นนท์!!” รสรินร้องเรียกเสียงแหบพร่า เสียวซ่านระคนเจ็บร้าวมาจากกึ่งกลางเรือนกาย เมื่อชานนท์พลิกหงายกลับให้เธอนั้นนั่งคร่อมและบดเบียดแก่นกายใหญ่และร้อนผ่าวกับเนินเนื้อบอบบาง สองมือใหญ่ไม่คลายการจับต้องปลุกเร้ามอบสุขให้“พร้อมจะรักพี่หรือยังครับน้องรส” สองมือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายกลมกลึง ลากไล้มากดคลึงเกสรสวาทให้มีน้ำหวานหล่อเลี้ยงเส้นทางรักเพื่อที่เวลารสรินครอบครองเขาห
รวิกานต์เดินบิดขี้เกียจออกจากห้องนอนด้วยชุดนอนซีทรูสีดำสายเดี่ยวที่บางเบาและสั้นปิดเพียงแค่แก้มก้นกลมมนหนั่นแน่น ผ้าที่ปกปิดสัดส่วนอวบอิ่มสวยงามบนกายสาวไว้ไม่มิด อย่างลืมไปว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในบ้านเพียงลำพัง แต่มีผู้ชายหุ่นน่าปล้ำเอาเป็นสามีนอนอยู่ในห้องรับแขกอีกคนด้วยมือเล็กยกขึ้นปิดปากกลั้นอาการหาวนอนทั้งที่ดวงตากลมโตยังไม่ยอมลืมตาตื่นมองดูเส้นทางด้วยซ้ำ ก็บ้านเธอนี่นา เธออยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ จำได้ทุกซอกทุกมุม ให้เดินหลับตาก็ยังจะไม่ชนโน่นนี่ให้มันเจ็บตัวเท้าเล็กพาร่างโปร่งบางเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อต้มน้ำร้อนกินกาแฟตอนเช้า ด้วยความคิดที่ว่าให้กระติกน้ำร้อนมันทำงานของมันไป ส่วนเธอกลับไปนอนเอาแรงต่ออีกสักเล็กน้อยด้วยความง่วงที่ยังปกคลุม โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองได้กลายเป็นอาหารตาให้กับอีกคนรัฐภาสตื่นนอนตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากห้องนอนหญิงสาวแล้ว และเมื่อหญิงสาวเปิดประตูห้องนอนออกมาก็ผงกศีรษะขึ้นดู แล้วเขาก็พบกับอาหารตาที่พาเอาหัวใจเต้นกระหน่ำรัวเร็วเหมือนกับปืนกล เมื่อได้ยลความงามของเลขานุการสาวร่างหนาผุดลุกจากที่นอนปิกนิกที่นอนแล้วไม่สบายตัว เพราะขาเขาที่มันยาวเลยเบาะ ก
รัฐภาสถึงกับตกใจที่อยู่ดี ๆ คนที่ปากจัดและเก่งกล้าอยู่เมื่อครู่ก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย กายหนาขยับเคลื่อนไป มือใหญ่ดึงไม้กวาดออกโยนทิ้งไป แขนใหญ่สอดกระชับร่างโปร่งมาแนบกายและพาเดินไปนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม รีบจับดึงเอาแว่นตาที่เขามองแล้วว่ามันเกะกะสิ้นดีออกจากวงหน้าสวย ปลายนิ้วกดซับน้ำตาบนพวงแก้มนุ่มแผ่วเบา ก่อนจะทาบสองฝ่ามือร้อนบนพวงแก้มนุ่ม“ไม่เอานะคนเก่ง ไม่ขี้แยสิ” นิ้วโป้งทั้งสองมือกดซับน้ำตาไล่ไปจนถึงหัวตา “ร้องไปเดี๋ยวไม่สวยนะ” “ไม่ต้องมาพูดเลย เป็นเพราะเจ้านายนั่นแหละที่ทำให้ก้อยร้องไห้ เจ้านายชอบเอาเปรียบและรังแกก้อยอยู่เรื่อยเลย” รวิกานต์ตวัดค้อนด้วยสายตาให้รัฐภาส สองมือเล็กยกขึ้นจับมือใหญ่ออกจากแก้ม แต่กลับถูกอีกฝ่ายยึดเอามือเธอไว้เสียแทน“ก็คนถูกรังแกอยากน่ารักเองนี่นา ช่วยไม่ได้” ไม่พูดเปล่า ปลายมือใหญ่จับรั้งปลายคางมนขึ้นให้รับจุมพิต “อือ...ไม่นะเจ้านาย” รวิกานต์รีบร้องห้ามและเบือนหน้าหนี แต่ความพยายามขัดขืนมันก็ไม่เป็นผล ท้ายที่สุดริมฝีปากหนาร้อนเหมือนกับถ่านไฟก็ทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มจนได้ ในหัวใจดวงน้อยเต้นตัก ๆ เธอไม่เคยที่จะรังเกียจสัมผัสจากรัฐภาสเลยสักครั้
“ตกลงเจ้านายจะนอนที่บ้านก้อยใช่ไหม” “อือ...” มือใหญ่หยิบรีโมททีวีมาเปิดและเลื่อนหาช่องดูอย่างสบายอารมณ์เสียงที่ดังจากลำคอแกร่งและศีรษะทุยที่ผงกรับทำให้รวิกานต์ถึงกับถอนหายใจและเบะหน้าอย่างเบื่อ ๆ เดินกลับเข้าไปในห้องและเดินออกมาใหม่อีกครั้งพร้อมกับที่นอนปิกนิกเก่า ๆ ที่แทบจะใช้การไม่ได้กับผ้านวมอุ่นนุ่มมาโยนให้อีกฝ่ายท่าทางตะบึงตะบอน“งั้นก็คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองเสียเลยนะคะเจ้านาย จะไปจะมา จะหาอะไรกินก็ตามสบาย” รวิกานต์ประชดพร้อมค้อนขวับให้ ก่อนจะสะบัดหน้ากลับเข้าไปในห้องนอนอย่างไม่สนใจพร้อมกดล็อกประตูห้องเสร็จสรรพ แต่ไม่วายหันกลับมามองประตูห้อง นิ้วโป้งทั้งสองนิ้วกดบนพวงแก้ม ปลายนิ้วทั้งสี่นิ้วชูขึ้นด้านบนกระดิกพร้อมกับปลายลิ้นที่ยื่นออกมาทำเสียงแบล ๆ ใส่คนนอกห้องที่ตอนนี้นอนยิ้มกริ่มแสงสว่างที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างมาส่องกระทบเปลือกตาอ่อน ๆ ทำให้นันทิยาถึงกับต้องหรี่ตาและเมินหน้าหลบหนีจนไปชนกับอะไรบางอย่างที่ร้อนระอุ ทำให้ความทรงจำที่ขาดหายไปชั่วระยะเวลาหนึ่งย้อนกลับคืนมา พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นไหลซึมจากสองดวงตา ฟันขาวสะอาดขบกัดริมฝีปากอวบอิ่มจนแดงช้ำและเจ็บร้าวด้วยเพราะถูกบ
เสียงเครื่องยนต์ทำงานเพียงไม่นานเรือก็วิ่งออกไปให้นันทิยาทิ้งความรัก ความสุขและความเศร้าไว้เบื้องหลัง“ลาก่อนค่ะพี่ภาม ขอเวลาให้ไทนี่ทำใจลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ลืมว่าผู้หญิงคนนี้เคยถูกพี่ทำร้ายยังไงบ้าง ลืมว่าครั้งหนึ่งเคยรักพี่สุดใจ เมื่อถึงวันนั้น...วันที่สามารถฝังกลบพี่เอาไว้ลึกสุดใจ ไทนี่ลืมพี่ได้ แล้ววันนั้นไทนี่จะกลับมา” นันทิยาบอกกับหัวใจตัวเองและเอ่ยกับสายลมให้ไปบอกคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงได้รับรู้ต่อไปนี้จะไม่มีเธออยู่เกะกะสายตาอีกแล้ว“ว่าไง คิดอะไรอยู่ หน้าถึงได้แดงเหมือนกับเชอร์รี่เลยล่ะ” รัฐภาสถามกลั้วหัวเราะ ดวงตาจับจ้องมองวงหน้าเนียนเรียวรูปไข่ตาวาว และอย่างรวดเร็วที่รวิกานต์คิดไม่ถึงร่างหนาใหญ่เคลื่อนตัวขึ้นมาคว้าแขนเล็กเรียวกระตุกเพียงเล็กน้อยร่างโปร่งก็ปลิวมานอนใต้ร่าง“ปะ...ปล่อยก้อยนะเจ้านาย” รวิกานต์รีบพูดจนลิ้นพัวพันกัน รีบดึงแขนออกจากมือใหญ่ มาผลักดันอกกว้างที่แนบทับลงมาจนเธอแทบจะไม่กล้าหายใจ“หืม...ทำไมต้องปล่อยล่ะ ฉันยังไม่ได้รับจูบอรุณสวัสดิ์หวาน ๆ จากเธอเลยนะ”ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธ ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปจนปากหนาร้อนประกบปากอวบอิ่มอย่างไม่ถือว่าหญิง
“ก้อยจ๋า...ยาหยี หวานที่สุดเลยสาวน้อย”รัฐภาสร้องครางเหมือนคนละเมอ ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนไล้ฟอนเฟ้นไปทั่วเรือนกายกลมกลึง ขยำนวดคลึงบั้นท้ายงามงอน พร้อมเกี่ยวเอาชุดนอนบางเบาออกจากกายสาว ตามติดมือที่ลากเรื่อยลงไปตามปลีขาเรียวยาว ริมฝีปากหนาเริ่มละเคลื่อนซุกไซ้ลำคอระหง ประทับบนกลีบปากอวบอิ่ม สอดแทรกปลายลิ้นไปในความอุ่นหวานของโพรงปากนุ่ม เคลื่อนฝ่ามือร้อนผ่าวมาขยำนวดต้นขาด้านในอือ...กายโปร่งบางสั่นสะท้านไหวเหมือนกิ่งไผ่ยามต้องลมแรง เนื้อตัวอ่อนระทวยเหมือนกับขี้ผึ้งถูกลนไฟ สองแขนเรียวยาวได้แต่โอบรอบกายใหญ่ สอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่มสลวย แม้กระทั่งว่ารัฐภาสช้อนกายขึ้นจากพื้นพาเดินไปในห้องนอนเธอก็ยังแทบจะไม่รู้สึกตัว“อย่านะเจ้านาย!!” สติที่หายไปกลับคืนมาอย่างรวดเร็วเมื่อแผ่นหลังแตะพื้นเตียงนอนนุ่มๆ รวิกานต์ก็ถลาดันตัวเองขึ้นพร้อมร้องห้ามรัฐภาสเสียงหลง สองมือเล็กยกขึ้นยันกายใหญ่ที่ทาบตัวตามติดไป อับอาย โกรธและเกลียดตัวเองที่ยอมให้อารมณ์พิศวาสของหนุ่มสาวนำพาตัวเองจนเกือบจะต้องสูญเสียสิ่งมีค่าไป น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลออกมาอย่างรวดเร็วอย่างที่หักห้ามเอาไว้ไม่ได้“ไม่เอานะค
รวิกานต์ยกแขนโอบกอดร่างใหญ่ ฝ่ามือเล็กเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ขยับกายตอบรับตามจังหวะการจับต้อง ยามที่ปลายนิ้วยาวร้อนเริ่มสอดแทรกกดฝังไปในเรือนกายทีละนิด ราวกับต้องการให้เธอคุ้นเคย เคลื่อนไหวในกายาเพียงแค่ปากบ่อน้ำผึ้งมันอึดอัดและเจ็บปวดบ้างตามประสาคนไม่เคย แต่เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้นความเสียวซ่านรัญจวนใจก็กลบฝังมันไปจนมิด จนเธอต้องขยับสะโพกตามติด เว้าวอนด้วยร่างกายอย่างไม่ประสา“อ๊า...ก้อยจ๋า ยาหยี...”รัฐภาสร่ำ ๆ ทนไม่ไหวจะมอบกายให้รวิกานต์โอบอุ้มแล้ว แต่หญิงสาวยังใหม่ไม่ประสามือชาย อีกทั้งเรือนกายเขามันอลังการใหญ่ยักษ์จนกลัวว่าบุปผาดอกนุ่มจะบอบช้ำกว่าจะใช้งานได้บ่อยครั้งอย่างที่เขาต้องการก็นานจนเกินรอ จึงจำต้องอดทนเอาไว้ กายใหญ่เคลื่อนไหวสอดรับทั้งบนและล่าง ดื่มกินทรวงอวบอิ่มอย่างหลงใหลเพลิดเพลิน แหวกว่ายปลายนิ้วในถ้ำอุ่นนุ่ม โจมตีหญิงสาวด้วยความเก่งฉกาจและช่ำชอง“ฮือ...เจ้านาย...” เหมือนว่าเธอกำลังยืนอยู่ริมหน้าผา เบื้องล่างคือท้องทะเลสีฟ้าครามกวักมือเรียกหา กายโปร่งบางแปลงร่างเป็นลูกนกตัวน้อยที่เพิ่งจะหัดบินถลาลอยละลิ่วลงในน้ำเย็นฉ่ำ กลับกลายเปลี่ยนร่างเป็นเงือกน้อยลอ
“ไม่เลยไทนี่ พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่รู้ตัวว่าทำผิด ทำร้ายไทนี่ให้ต้องอับอายและเจ็บปวด” สองมือใหญ่จับมือเล็กมาทาบบนอกกว้าง“พี่ขอโทษนะไทนี่ น้องจะยกโทษให้พี่ได้ไหม ให้โอกาสกับคนที่รู้ตัวช้าและกลับตัวกลับใจคนนี้ได้พูดได้แสดงออกถึงความรักที่มีแก่ไทนี่...ไทนี่จะยอมให้โอกาสพี่...ให้โอกาสผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ดูแลและรักไทนี่ตลอดไปได้ไหม”ถึงจะได้ยินชัด ๆ จนเต็มสองหูแต่นันทิยาก็ยังไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าคำว่ารักที่หนักแน่นที่หลุดออกมาจากปากหนา ให้หัวใจไม่รักดีของเธอก็ละลายกลายเป็นน้ำแล้วก็ตาม เพราะภามคือคนเบื่อง่ายหน่ายเร็ว แรกรักแรกต้องการคำหวานมีให้เสมอ แต่ยามเมื่อรักคลายน้ำต้มผักที่ว่าหวานก็ยังกลายเป็นขม“ไทนี่จะเชื่อได้หรือคะว่าพี่ภามจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องร้องไห้ อับอายและเจ็บช้ำอีก”“ถึงพี่จะให้คำมั่น แต่อดีตที่ผ่านมามันคือความทรงจำอันเลวร้ายที่พี่มอบให้ไทนี่...มันคงจะมีอย่างเดียวที่ทำให้ไทนี่มั่นใจ นั่นคือจากนี้ไปพี่ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความจริงใจที่พี่มอบให้สุดที่รักของพี่คนนี้” สองมือใหญ่ทาบบนใบหน้านวลเนียนนุ่ม“ขอแค่ไทนี่ให้โอกาสพี่เท่านั้นพอ...พี่สัญญาจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องน
ริมฝีปากหนาทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอแย้มจะต่อว่าและผลักไสเขาให้ออกห่าง ขบกัดกลีบปากบนสลับล่าง สอดแทรกปลายลิ้นเลาะเล็มซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่มโดยที่นันทิยาเองก็ไม่ขัดขืน และยังจะให้ความร่วมมือส่งปลายลิ้นเล็กๆ มาเลาะเลี้ยวเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากระคายเสียอีก เป็นนานกว่าที่เขาจะหักห้ามใจถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย‘โอ๊ย! ไทนี่จ๋า อย่าตอบสนองพี่แบบนี้สิยาหยี เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวปล้ำไทนี่ก่อนจะได้คุยกันนะคนดี’ภามถึงกับร้อนฉ่าไปทั่วทั้งกายเมื่อนันทิยาตอบสนองกลับอย่างไม่มีแง่งอน สัดส่วนความเป็นชายเริ่มขยายตัวนูนเด่นดันตัวผ้าขนหนูออกมาแนบชิดลำขากลมกลึง“คุยกันดี ๆ ไม่คิดหนีและไม่ทำร้ายร่างกายพี่ด้วย พี่จะปล่อย ตกลงไหม” ภามกัดฟันข่มกลั้นความต้องการไว้อย่างสุดความสามารถ ลมหายใจหอบแรงจนกล้ามเนื้อไหวกระเพื่อมนันทิยาขบกัดริมฝีปาก จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นแล้วเห็นถึงความรักและจริงใจรักหรือ...เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อย่างภามนี่นะรักเธอ เป็นไปไม่ได้ เธอคงจะตาฝาดไปเท่านั้น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่สายตาที่เอื้อเอ็นดูระหว่างคนที่เคยเติบโตมาด้วยกันเท่านั้นเอง วงหน้าสวยหมองเศร้าลงทันตา รีบตอบคำ
“มองอะไรไม่เคยเห็นคนหรือไง” เมื่ออีกฝ่ายยังเงียบก็อดที่จะตวาดแว้ดไปด้วยความหงุดหงิดระคนวาบหวิวในทรวง แต่เมื่อนึกได้ว่ามาด้วยเรื่องใดก็สูดลมหายใจเขาเต็มปอด ข่มความโมโหเอาไว้ภายในทั้งที่อารมณ์นั้นเดือดปุด ๆ และวาบหวิวจากสายตาคมกริบเอ่ยถามออกไปเสียงแข็ง ห้วนและกระด้าง“พี่ภามทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง จะแกล้งกันไปถึงไหน” หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจที่สุดท้ายแล้วภามก็ยังไม่ได้ปรับปรุงตัวเองยังทำร้ายหัวใจเธอซ้ำอีก“หือ...ทำอย่างนี้ได้ยังไง?” ภามแสร้งทวงคนถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง เดินไปนั่งบนเตียงนอนใหญ่ที่เขาเพิ่งจะเปลี่ยนสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมข้าวของอีกหลายชิ้นในห้องเพื่อให้เกียรตินันทิยาที่จะไม่ต้องมานอนทับบนเตียงที่เขาเคยพาผู้หญิงคนอื่นมานอน“พี่ภามอย่ามาเล่นลิ้นนะ ไทนี่ซีเรียดนะ” นันทิยาตวาดแว้ดชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่ยังอารมณ์ดีที่กวนโมโหจนเธอแทบจะปรี๊ดแตกแล้ว ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ากรุ่นระอุด้วยไอโกรธที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในเรือนกาย ร่ำ ๆ อยากจะเข้าไปทำร้ายคนหน้าเป็น‘ไม่รู้จะยิ้มอะไรหนักหนา ปากน่ะหุบเสียบ้างก็ได้คนบ้านี่’“ไม่ได้เล่นลิ้น
“รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก้อยก็เป็นเจ้าของหัวใจฉันจนหมดทั้งดวง เลยต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อทุกอย่างทุกทางจนก้อยหลงติดกับไปไหนไม่รอดไง”ปากหนาทาบจากพวงแก้มนุ่มสีพีชสุกไล่ไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กดลงไปแผ่วเบา นุ่มนวลและอ่อนโยน ตอนที่แผนการนี้ผุดขึ้นมาในสมองเขากลัวแทบตายว่ารวิกานต์จะดื้อดึงดื้อรั้นไม่ยอมง่าย ๆ แต่กาลกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง แม้จะงอนและโกรธอยู่บ้าง แต่รวิกานต์กลับเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างที่คิด คงจะเป็นเพราะเธอรักเขา...แต่คำนี้นอกจากการกระทำแล้วมันก็ต้องได้ยินจากปากด้วย ถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ได้คิดไปเอง“ว่าไง ยังไม่ตอบให้ชื่นใจเลยนะ รักผมไหม...แล้วเราจะแต่งงานกันใช่ไหมก้อย” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บนผิวกายเนียนนุ่ม ครอบครองฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจสาวที่มันอวบอิ่มใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ริมฝีปากจุมพิตเลาะเล็มขบกัดกลีบปากเนียนนุ่มจนรวิกานต์ถึงกับตัวสั่น ยกสองมือดันกายใหญ่ให้ออกห่างอย่างยากเย็น“คุยกันก่อนสิคะเจ้านาย เล่นรุกถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก้อยทำอะไรไม่ถูกนะคะ” หัวใจรวิกานต์เต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วยิ่งกว่ามีใครยิงปืนกลเสียอีก ใบหน้าแดงปลั่งก้มงุดไม่กล้ามองสบสายตามคมกริบที่จ้องทะลุไปถ
ปากและใจบอกว่าไม่...อย่าไปยอมให้รัฐภาสเห็นเธอเป็นเพียงแค่ของเล่นใกล้มือที่จะหยิบมาเชยชมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่ถูกเขากอดจูบเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นมันก็พร้อมที่จะหลอมละลายกลายเป็นไอ สองมือที่วางทาบอยู่บนลำตัวเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อล่ำสันไปจนโอบรอบบ่ากว้าง เผลอตัวตอบรับจุมพิตหวานแผดร้อนที่แทบจะสูบเอาลมหายใจออกจากปอดจนหมดสิ้นรัฐภาสถอนจุมพิตเคลื่อนไปตามพวงแก้มอิ่มนุ่ม สันจมูกโด่งและสุดท้ายประทับบนดวงตากลมโตที่มันบวมช้ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก“ขอโทษนะก้อยที่ฉันมาช้า อย่าโกรธฉันนะคนดี” ปลายนิ้วยาวร้อนไล้ไปบนกลีบปากอวบอิ่มแดงระเรื่อที่ขบกัดหนี“ปล่อยก้อยได้แล้วเจ้านาย...คุณรัฐภาส” รีบเปลี่ยนเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานในบริษัทเขาแล้ว และไม่คิดที่จะไปลาออกให้มันถูกต้องด้วย จะทำอะไรก็ทำไม่แคร์“แล้วก็รีบออกไปจากบ้านก้อยด้วย ก้อยไม่ได้เป็นอะไรกับคุณอีกแล้ว” สองมือเล็กผลักดันกายใหญ่ให้ออกห่างและรัฐภาสก็ยอมให้ แต่...กายใหญ่ขยับลุกขึ้นพร้อมกับเกี่ยวเอากายโปร่งกลมกลึงขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง จับรั้งไม่ให้เบือนหน้าหนี พร้อมสอดแขนใหญ่กระชับเอวเล็กคอด“หู...หายไปแค่
เปลือกตาบางปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ ๆ ก่อนจะลืมตาที่แดงก่ำ รอบ ๆ ขอบตาบวมช้ำขึ้นมาสู้กับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับอาการปวดหัวริ้ว ๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง มือเล็กยกขึ้นจับลำคอแห้งผากเหมือนกับมีกระดาษมาถูไถอยู่เลยไปถึงพวงแก้มนิ่มที่เย็นจัด ไล่ไปจนถึงดวงตากลมโตที่ถึงตอนนี้ก็ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือติดอยู่กายกลมกลึงพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องมาจนตาถึงกับพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกจากจมูกที่ตอนนี้มีสิ่งไม่พึงประสงค์อุดอยู่ เสียงท้องร้องประท้วงให้เธอรีบไปหาอะไรใส่ลงไปเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่แบบนี้ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากแตกแห้งเพราะขาดการบำรุง พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็ยังลำบากยากเย็น เพราะร่างกายหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจากการไม่เอาใจใส่ตัวเอง แม้อาหารก็ไม่คิดจะหามาใส่ท้องเธอร้องไห้มากี่วันแล้ว...ร้องและรอว่าเขาคนนั้นจะมาหา บอกเล่าว่าสิ่งที่เธอเห็นในวันนั้นไม่เป็นความจริง เขายังเป็นคนโสดไม่มีพันธะใดๆ กับใคร แต่รอแล้วรอเล่า จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งคืนและล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี แต่ก็ไม่มีวี่แววรัฐภาสจะมา...
“เป็นอะไรไปน่ะนนท์ ไปขอน้องรสแต่งงานมาหน้าตาก็ควรจะยิ้มแย้มเหมือนกับคนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวสิ แต่ไหงกลับมาหน้าตาเหมือนกับตูดหมึกแบบนี้ล่ะ หรือว่าน้องรสไม่ยอมตกลงหือ” นันทิยาเอ่ยแซวน้องชายที่เมื่อตอนไปเธอเห็นหน้าตาระรื่นบานเกือบจะเท่ากระด้ง แต่พอกลับไหงหน้าตาเหมือนกับคนอมบอระเพ็ดมาก็ไม่รู้“เพราะพี่ไทนี่นั่นแหละ”“อ้าว...นนท์ไปขอน้องรสแต่งงานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ” คนเป็นพี่ถามอย่างไม่เข้าใจ“ตัวเองไม่มีฝีมือเองมากกว่ามั้ง สาวเขาเลยไม่มั่นใจที่จะฝากชีวิตน่ะ”ชานนท์ชักสีหน้าใส่พี่สาวที่ยังคงยิ้มระรื่นไม่รู้สึกรู้สา “ก็พี่ภามน่ะสิ”“พี่ภามทำไม”“พี่ภามบอกว่าไม่มีธรรมเนียมบ้านไหนที่น้องจะแต่งงานก่อนพี่”นันทิยาพยักหน้าหงึกอย่างเข้า เธอก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็คงไม่มีใครได้แต่งงานกันแล้วละ“พี่ภามยังจะส่งน้องรสไปดูงานต่างประเทศอีกสามปีด้วย” ชานนท์บอกด้วยหน้าตาอ่อนระโหยโรยแรง กายใหญ่ทรุดตัวลงนั่งไม่ไกลจากที่พี่สาว แหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง“เอ๊ะ...พี่ภามเป็นบ้าอะไร มันเรื่องของนนท์กับน้องรสไม่ใช่หรือไง จะบ้าไปใหญ่แล้ว” นันทิยาก่นว่าด้วยความหงุดหงิดระคนโกรธ
“ครับ ต่อไปนี้พี่นนท์จะไม่หึงดะแบบนั้นอีกแล้ว พี่นนท์จะเชื่อใจน้องรส หากมีอะไรที่ทำให้เราไม่เข้าใจกันจริง ๆ พี่นนท์จะรอเวลาให้อารมณ์ที่มันร้อนลดลงแล้วเราค่อยมาคุยปรับความเข้าใจกัน” ใช่...อะไร ๆ มันก็ต้องดีถ้าคุยกันโดยไม่ใช้อารมณ์โกรธ หึงหวงและประชดประชัน“สัญญานะคะ ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก” นิ้วก้อยเล็กยื่นออกไปและชานนท์ก็ยื่นนิ้วก้อยของเขาออกมาเกี่ยวด้วย“ครับ...สัญญาว่าจะเชื่อใจน้องรส” ปลายนิ้วยาวใหญ่จับตรึงปลายคางมน โน้มใบหน้ามาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มหวานอย่างแสนจะคิดถึง เพียงแค่สามวันเท่านั้นที่ห่างหายจากกายสาวหอมกรุ่นนุ่มนิ่มรัดรึงกายแกร่งก็ทำให้เขาถึงกับโหยหิวเหมือนกับคนที่อดอยากมานานแรมเดือน อย่างนี้จะต้องรีบทำให้รสรินกลับมาอยู่เคียงข้างกายให้เร็วที่สุดและไม่มีวันที่จะจากไกลกันอีกแล้ว“พี่นนท์รักน้องรสครับ...ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว น้องรสก็ตกลงแต่งงานกับพี่ได้แล้วใช่ไหมครับ”“ค่ะ” รสรินตอบกลับอย่างเอียงอาย ในหัวใจพองโตเหมือนกับลูกโป่งที่มันถูกบรรจุแก๊สจนเต็ม รอยยิ้มแต่งแต้มทั้งวงหน้าและดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับสุกสกาวเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า เปี่ยมล้นไปด้วยคว
“น้องรสครับ เมื่อไหร่น้องรสจะหายโกรธพี่นนท์ล่ะครับ” ชานนท์เดินมาจับมือเล็กเรียว แต่ถูกอีกฝ่ายปัดออกและเมินหน้าหนีเสียอีก ทำเอาเขาถึงกับหน้าเสียไปได้ไม่น้อย ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้รสรินถึงได้โกรธนานนัก สามวันแล้วที่ไม่ยอมพูดคุยกับเขาเอาแต่หนีหน้าท่าเดียว“น้องรสไม่ได้โกรธ” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นสูง สองมือสอดไขว้ระหว่างอก ไม่ได้โกรธแต่อึดอัดและไม่ชอบที่ชานนท์แสดงพฤติกรรมอย่างนั้น ทำอย่างกับว่าเธอน่ะใจง่ายนักนิ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ต้องกระโดดเข้าใส่ อย่างนี้มันไม่เชื่อใจกันนี่นาแล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง“ถ้าไม่โกรธแสดงว่างอน...แล้วเมื่อไหร่น้องรสจะหายงอนพี่นนท์ล่ะครับ รู้ไหมว่าน้องรสเป็นอย่างนี้พี่นนท์กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะครับ”“ไม่รู้ไม่ชี้” รสรินยังคงเบือนหน้าหนี เพราะรู้ใจตัวเองดีว่าถ้าหากเจอบทออดอ้อนและวงหน้าเศร้า ๆ ของชานนท์อีกเพียงไม่ถึงห้านาที ใจที่พยายามจะให้เข้มแข็งไม่ยอมรับคำง้อง่ายๆ ก็จะพานอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟ“น้องรสครับ ดีกันนะครับคนดี๊คนดี” สองแขนใหญ่โอบรัดรอบกายโปร่งบาง วางมือใหญ่ทาบทับบนมือเล็กเรียว วางคางแนบกับบ่ากว้าง“จะให้พี่นนท์ทำอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่น้องรสยกโทษให้พี