“ไม่ใช่นะพี่ไทนี่ไม่ใช่ไม่รัก แต่ผมรักน้องรสจนผมทนไม่ได้หากว่ามีคนอื่นมองน้องรสในแง่ไม่ดี แล้วผมไม่อยากเป็นหนูตกถังข้าวสารอย่างที่คนอื่นเขาว่ากันด้วย” “ไม่จริง พี่ไทนี่โกหก” รสรินสวนกลับทันควัน ทำไมจะเห็นสิ่งที่แปลกไปอย่างชัดเจนตลอดของการนั่งรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวของเธอล่ะ จากคนที่เคยมีความสุข ร่าเริงชวนทุกคนคุยไม่หยุด กลับกลายเป็นคนเงียบขรึม ถ้าไม่ระมัดระวังตัวมากไปก็จะอาการซึมเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัดเจน จากที่เคยเอาใจใส่ภามชักชวนกินโน่นนี่ แต่คราวนี้เป็นภามที่ชวนหญิงสาวพูดคุย ตักอาหารให้จนล้นจาน จนพ่อกับแม่ดีใจว่าอาจจะมีข่าวดีในเร็ววัน มีแต่เธอและชานนท์เท่านั้นที่เห็นว่ามันแปลกไป“พี่จะโกหกน้องรสทำไมล่ะคะ พี่ปวดหัวจริง ๆ ค่ะ ปวดมาสองสามวันแล้ว นี่ก็คิดว่าจะหาโอกาสไปหาหมอเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับสายตาหรือเปล่า เพราะมันปวดแถวหัวคิ้วและกระบอกตาน่ะ” ถึงยังไงนันทิยาก็ยังปากแข็งไม่ยอมบอกให้รสรินรู้ว่าเธอกำลังกลัวภาม กลัวสายตาวามวาวที่มองมาราวกับจะกลืนกิน“พี่ไทนี่ไม่รักน้องรสแล้วหรือคะ ถึงได้ไม่ยอมบอกความจริงกับน้องรส เอ๊ะ...!!!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อคิดขึ้นมาได้ หรือว่าที่
“ถ้าพี่ไม่ยอมปล่อย ไทนี่จะร้องเสียงดัง จะให้ลุงภีมกับป้าโรสตื่นขึ้นมาดูว่าลูกชายท่านเลวแค่ไหน ทำระยำตำบอนอะไรกับไทนี่บ้าง”“...” คำขู่ของนันทิยาเรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มเหมือนกับได้ฟังเรื่องตลก“หือ...จะเอาอย่างนั้นเลยหรือไทนี่ ไม่กลัวหรือว่าถ้าเธอร้องเรียกพ่อแม่ฉันมาตอนที่ฉันกำลังจะจิกทึ้งดึงเสื้อผ้าเธอออกแล้วร่วมรักต่อหน้าท่านหรือไง แต่ฉันคงถามผิดไปซินะ ก็เธอน่ะอยากให้ฉันลากขึ้นเตียงจนตัวสั่นอยู่แล้วนี่นา”นี่ถ้ามือไม่ถูกอีกฝ่ายจับตรึงเอาไว้ เธอคงจะฟาดปากมอมๆ เหมือนอมสุนัขไว้ให้เลือดกบแล้ว ไม่มีวันยอมให้ภามพูดแบบนี้ใส่หน้าอย่างดูถูกดูแคลนแบบนี้เป็นแน่“อย่ามาทำเป็นเขินอายและสะบัดสะบิ้งเรียกร้องความสนใจนักเลยไทนี่ ที่เธอเที่ยวอาละวาดกำจัดผู้หญิงที่เป็นคู่ควงของฉันหลายต่อหลายคนน่ะ ไม่ใช่เพราะอยากให้ฉันหันมองเธอไม่ใช่หรือไง อ๊ะ...หรือเธอจะเถียง” เมื่อกลีบปากอวบอิ่มเผยอ้าเหมือนจะเถียงภามก็รีบถามดัก นันทิยาคงคิดว่าเขาไม่รู้ที่เธอนั้นร่วมมือกับรสรินกำจัดผู้หญิงหลายคนที่เขามีอะไรด้วย“...พูดไม่ออกเลยหรือไงไทนี่ เธอคงคิดว่าฉันไม่รู้ใช่ไหม แต่รู้ไว้นะแม่ตัวดี ฉันรู้ทุกอย่างที่เธอทำ แล้วที
“ยายไทนี่ตัวแสบ กล้าทำร้ายฉันหรือ ยายตัวดี!” ปลายลิ้นใหญ่กระทุ้งกระพุ้งแก้มทั้งสองฝั่ง นัยน์ตาคมกริบแข็งกร้าวและดุร้ายจับจ้องไปที่ร่างโปร่งไม่วางตา และอย่างรวดเร็วจนนันทิยาไม่ทันจะได้ตั้งตัว มือใหญ่ยื่นไปจับแขนเล็กกลมกลึงและดึงเข้าหาตัวจนมีเสียงสองร่างกระทบกับดังปึก ริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอแย้มอ้าก็กลับกลายเป็นโอกาสให้ภามได้บดคลึงลงไปเต็ม ๆ ปลายลิ้นสากระคายสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่ม“อื้อ ๆ ...” นันทิยาก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายล่วงล้ำล่วงเกินได้ง่าย ๆ ดังใจต้องการ สองมือเล็กระดมทุบไปบนอกกว้างเต็มแรง แต่ก็เหมือนกับเอาไม้จิ้มฟันไปจิ้มหินที่ไม่มีอาการเจ็บร้าวแต่อย่างใด เท้าเล็กที่มีเพียงแค่รองเท้าสานกระทืบไปบนเท้าใหญ่เต็มแรง แม้จะไม่ได้ทำให้เจ็บปวดมากมายแต่ก็คิดว่าพอจะเป็นโอกาสให้ทำอย่างอื่นได้ และเป็นจริงอย่างที่คิดไว้ เมื่อภามยอมผละจุมพิตออก นิ้วเล็กๆ กางออกจิกกดปลายเล็บแหลมบริเวณไหปลาร้าและลากเต็มแรง พร้อมกับฝ่ามือเล็ก ๆ ที่ฟาดลงไปบนแก้มสากไม่มียั้ง“โอ๊ย!!! ไทนี่!!!”ไม่รอให้ภามจับตัวได้นันทิยาวิ่งไปไม่รู้ทิศทาง แต่ความเร็วระหว่างเธอและภามนั้นต่างกัน สุดท้ายมือเล็กก็ถูกแขนใหญ่ของคนที่วิ่งตามม
“พี่นนท์น่ะ” จากที่เคยรุกไล่แล้วอีกฝ่ายแม้จะไม่ถอยหนีแต่ก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือ กลับกลายเป็นชานนท์ที่เอ่ยพูดหวาน ๆ มาทำให้รสรินอายได้ไม่น้อย กายโปร่งโถมตัวเข้ากอดร่างใหญ่ด้วยรอยยิ้มฉ่ำหวาน ถ้าหากว่าชานนท์ยืนตั้งหลักไม่มั่นพอก็คงจะถลาล้มลงไปคลุกทรายเปียกและน้ำทะเลแล้ว“เพิ่งจะรู้หรือคะว่าน้องรสน่ารัก”“รู้มานานแล้วครับ แต่ไม่กล้าสอยดอกฟ้า”“พี่นนท์ก็รู้นี่คะ ดอกฟ้าดอกนี้โน้มกิ่งมาหาพี่นนท์เองนะ” ปลายนิ้วยาวเรียวลากไล้บนลำคอแกร่ง ก่อนจะซอกซอนไปจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่ม“พี่รู้ว่าพี่ทำให้น้องรสเสียใจก็หลายครั้ง” ชานนท์ยอมรับโดยดุษณี ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นโดนแบบที่เขาทำกับรสริน คงไม่มีใครอยากที่จะทนให้ตัวเองเจ็บช้ำหรอก แต่รสรินกลับรอจนเป็นเขาที่กำลังจะพ่ายแพ้ในความอดทนของเธอ ปลายนิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นซับไล่พวงแก้มอิ่มนุ่ม“รู้แล้วก็ยังทำให้น้องรสเสียใจ อย่างนี้มันน่านัก...” มือเล็กข้างหนึ่งยกมาทาบทับบนมือใหญ่ “น่าที่จะเอาไม้หน้าสามตีให้หัวแบะ”“ดุจังเลย แล้วไม่กลัวพี่นนท์เจ็บหรือครับ” ชายหนุ่มถามเสียงอ้อนนิด ๆ นัยน์ตาเป็นประกายแพรวพราวระยับ ยังไงรสรินก็เพียงแค่ขู่เท่านั้นเอง ไม่ได้หลงตัวเองนะ หญิงสาวน
“อืม...ทำอย่างไรน่ะหรือ...งั้นน้องรสก็คงจะหมดเวลาได้ดูดาวแล้วละหนูน้อย” ชานนท์เริงร่าเหมือนกับปลากระดี่ได้น้ำกับคำตอบที่ได้รับ“คะ...” รสรินตอบกลับเสียงสูงอย่างไม่เข้าใจ“ว้าย! ปล่อยน้องรสนะคะพี่นนท์” เมื่อกายโปร่งลอยหายจากพื้นทรายเหมือนกับไร้น้ำหนักที่ขึ้นไปแนบกับอกกว้าง สองแขนเล็กเรียวรีบโอบรอบลำคอแกร่ง ทาบศีรษะแนบชิดอกกว้างฟังเสียงหัวใจอีกฝ่ายเต้นกระหน่ำรัวเร็วไม่แพ้เธอ“พี่นนท์จะพาน้องรสไปไหนคะ”“ไปขอร้องให้น้องรสยกโทษให้พี่ซิคะ” ก้มลงมองสบตากับอีกฝ่าย เท้าใหญ่เดินเรื่อยไปตามเส้นทางเก่าที่ผ่านมา กองไฟขนาดใหญ่ที่เคยลุกไหม้จนบริเวณหาดทรายสว่างไสวมอดลงเหลือเพียงแค่ถ่านร้อนๆ ที่สุกปลั่ง บวกกับแสงดาวที่ทอแสงเป็นประกาย สายลมที่พัดหอบเอากลิ่นอายของทะเลให้ความรู้สึกโรแมนติกเหมาะสำหรับการที่คู่รักจะปรับความเข้าใจและบอกรักกันเป็นที่สุด“พี่นนท์จะทำให้คนใจแข็งอย่างน้องรสยกโทษได้ยังไงล่ะคะ”ชานนท์วางร่างรสรินบนเก้าอี้ชายหาดตัวใหญ่ที่เขาและภามลากมาเพื่อดื่มเหล้าเบียร์กันพอให้มันกระชุ่มกระชวย“พี่ก็จะบอกรักน้องรสและก็...” ใบหน้าคมคร้ามโน้มไปประทับริมฝีปากหนาบนหน้าผากโหนกนูน ไล่เรื่อยลงมาตามดวงต
“พี่นนท์ขี้ตู่ น้องรสยังไม่ได้พูดสักคำว่ารักเลยนะ” หญิงสาวสะบัดค้อนให้ชานนท์ไปหนึ่งครั้งเต็ม ๆ แต่ในหัวใจเต็มตื้นไปด้วยความสุข อยากให้ชานนท์รีบเอ่ยปากขอแต่งงาน แต่รอฟังเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยิน สงสัยจะต้องทำตามแผนสำรองเสียแล้วสิ เพราะแม้ในคืนนี้จะได้ยินคำตอบแบบนี้ แต่ยังไงก็ไว้ใจไม่ได้ เพราะรอบกายชายหนุ่มนั้นมีหญิงรายล้อมมากมาย ไหนจะปากเสียๆ ของคนอื่นที่ไม่ค่อยจะยอมให้คนอื่นได้ดีกว่าตัวเองอีกล่ะ มีหวังกว่าที่เธอจะได้ครองรักครองเรือนกับชานนท์ก็คงจะเป็นตอนอายุเลยเลขสามหรือไม่ก็ตอนแก่หงำเหงือกทำอะไรไม่ได้แล้ว“หรือครับ แต่เอ๊ะ...ใครนะที่บอกเมื่อกี้ว่ารักพี่นนท์ รักมาก รักที่สุด” สองแขนใหญ่กอดกระชับร่างโปร่งเข้าหาและกดจมูกโด่งบนแก้มนุ่ม“ไม่พูดกับพี่นนท์แล้วละ มีแต่เสียเปรียบ ไปอาบน้ำนอนดีกว่า” เธออายเกินกว่าที่จะทนอยู่คุยกับอีกฝ่ายแล้วละ ก็นะมีแต่เสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง “ว้าย! ตายแล้ว”“มีอะไรน้องรส”“น้องรสลืมไปเสียสนิทเลยค่ะว่าปล่อยพี่ไทนี่อยู่กับพี่ภาม ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ภามจะ...”“พี่ไทนี่...งั้นพี่นนท์ไปส่งน้องรสก่อนแล้วจะแวะไปหาพี่ไทนี่ ว่าแต่พี่ภามกับพี่ไทนี่คุยกันตรงไหน”ชานนท์ตัดสิ
“จะหนีไปไหนละไทนี่” ภามกัดฟันถาม นัยน์ตาคมกริบเปล่งประกายสีแดงเพลิงด้วยความเกรี้ยวกราด เจ็บกายไม่สู้เจ็บใจที่ถูกอีกฝ่ายทำร้ายโดยลืมคิดไปว่าก็เป็นตัวเองที่ทำร้ายนันทิยาก่อนภามถลาวิ่งตามนันทิยาไปติด ๆ“ว้าย! กรี๊ด...ปล่อยไทนี่นะพี่ภาม ปล่อย!”นันทิยาหวีดร้องเสียงดังลั่นสลับกับร้องบอกให้ภามปล่อยแขนเรียวยาว มือเล็กข้างที่ว่างจิกทึ้งดึงมือใหญ่ออกจากแขน พร้อมฝืนตัวเอาไว้ไม่ยอมให้ถูกอีกฝ่ายกระชากลากถูกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง แต่แรงเท่ามดอย่างเธอหรือจะสู้แรงช้างสารได้ภามเหวี่ยงร่างโปร่งแนบชิดผนังห้องน้ำ สองมือใหญ่จับตรึงแขนเรียวยาวที่ยังไม่หยุดประทุษร้ายร่างกายเขาเท่าที่ทำได้แนบกับผนังห้อง ตรึงสองขาเรียวยาวด้วยสองขาแข็งแกร่ง“เธอนี่มันฤทธิ์มากจริงๆ นะไทนี่ ทำไมก็ฉันจะยอมเสียสละตัวเองเป็นผัวแล้วไง ไม่ชอบหรือไงฮ้า...” ชายหนุ่มกัดฟันถามเสียงแข็ง วงหน้าคร้ามแกร่งซุกไซ้ลำคอระหงและขบกัดแรงๆ จนผิวขาวนวลเนียนแดงปลั่งขึ้นทันตา“ไม่...ไทนี่ไม่อยากได้พี่ภามเป็นผัวแล้ว ปล่อยไทนี่นะไอ้คนใจร้าย ปล่อย!” ไม่วายเบือนหน้าหนีแม้จะรู้ว่าไม่พ้นก็ตามทีเสียงกรีดร้องด่าทอที่ดังมาจากปากอวบอิ่มเลือนหายไปในอุ้งปา
“ไม่...หยุดนะพี่ภาม อย่าทำอย่างนี้”“ทำไมล่ะไทนี่ เธอยังจะอิดออดอะไรอีก อยากให้ฉันบอกรักเธอหรือไง...เอาน่าอย่าไปคิดถึงเรื่องนั้นสิ เราก็รู้กันดีอยู่แล้วนี่ ฉันและเธอ เราต้องการกันแค่บนเตียงเท่านั้นเอง”นันทิยาน้ำตาหยดไหลกับคำพูดที่บาดลึกเข้าไปในความรู้สึก นี่ตัวเธอมันไร้ค่าถึงเพียงนี้เชียวหรือ ไร้ค่าจนเขาเป็นเพียงแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง ยามที่ต้องการก็เรียกใช้ ยามที่ไม่ได้ดังใจก็จิกกัดด้วยคำพูด ตบหัวแล้วลูบหลัง“เอาน่ายังไงฉันก็ไม่ใจร้ายกับเธอมากนักหรอก รับปากว่าจะไม่ทิ้งเธอเร็ว ๆ เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นละกัน”ไม่รอให้นันทิยาขัดขืนอีก ปากหนาอุ่นร้อนทาบทับไปบนปลายยอดถันซึ่งนูนเด่นแข็งตัวเป็นไต ดูดกลืนปลายยอดทรวงสีชมพูเข้มที่กำลังเบ่งบานราวกับว่าเขาคือผีเสื้อเจ้าชู้ที่ได้พบดอกไม้แสนสวย น้ำผึ้งในดอกไม้นั้นมันทั้งหอมและหวานมิสมควรที่จะปล่อยให้หลุดลอดมือไปได้สองขาเรียวยาวถูกลำขาแข็งแกร่งสอดแทรกแยกออกให้ร่างหนาแทรกระหว่างกลาง ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งจนแผ่นหลังไม่ติดกับผนังห้องจนปลายยอดทรวงนูนเด่นผลิบานในอุ้งมือใหญ่และปากหนาร้อนที่ดูดกลืนอย่างหลงใหล นันทิยาหูอื้ออึง สมองเริ่มที่จะไม่ทำงานตามที่ใจสั่
“ไม่เลยไทนี่ พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่รู้ตัวว่าทำผิด ทำร้ายไทนี่ให้ต้องอับอายและเจ็บปวด” สองมือใหญ่จับมือเล็กมาทาบบนอกกว้าง“พี่ขอโทษนะไทนี่ น้องจะยกโทษให้พี่ได้ไหม ให้โอกาสกับคนที่รู้ตัวช้าและกลับตัวกลับใจคนนี้ได้พูดได้แสดงออกถึงความรักที่มีแก่ไทนี่...ไทนี่จะยอมให้โอกาสพี่...ให้โอกาสผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ดูแลและรักไทนี่ตลอดไปได้ไหม”ถึงจะได้ยินชัด ๆ จนเต็มสองหูแต่นันทิยาก็ยังไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าคำว่ารักที่หนักแน่นที่หลุดออกมาจากปากหนา ให้หัวใจไม่รักดีของเธอก็ละลายกลายเป็นน้ำแล้วก็ตาม เพราะภามคือคนเบื่อง่ายหน่ายเร็ว แรกรักแรกต้องการคำหวานมีให้เสมอ แต่ยามเมื่อรักคลายน้ำต้มผักที่ว่าหวานก็ยังกลายเป็นขม“ไทนี่จะเชื่อได้หรือคะว่าพี่ภามจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องร้องไห้ อับอายและเจ็บช้ำอีก”“ถึงพี่จะให้คำมั่น แต่อดีตที่ผ่านมามันคือความทรงจำอันเลวร้ายที่พี่มอบให้ไทนี่...มันคงจะมีอย่างเดียวที่ทำให้ไทนี่มั่นใจ นั่นคือจากนี้ไปพี่ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความจริงใจที่พี่มอบให้สุดที่รักของพี่คนนี้” สองมือใหญ่ทาบบนใบหน้านวลเนียนนุ่ม“ขอแค่ไทนี่ให้โอกาสพี่เท่านั้นพอ...พี่สัญญาจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องน
ริมฝีปากหนาทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอแย้มจะต่อว่าและผลักไสเขาให้ออกห่าง ขบกัดกลีบปากบนสลับล่าง สอดแทรกปลายลิ้นเลาะเล็มซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่มโดยที่นันทิยาเองก็ไม่ขัดขืน และยังจะให้ความร่วมมือส่งปลายลิ้นเล็กๆ มาเลาะเลี้ยวเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากระคายเสียอีก เป็นนานกว่าที่เขาจะหักห้ามใจถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย‘โอ๊ย! ไทนี่จ๋า อย่าตอบสนองพี่แบบนี้สิยาหยี เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวปล้ำไทนี่ก่อนจะได้คุยกันนะคนดี’ภามถึงกับร้อนฉ่าไปทั่วทั้งกายเมื่อนันทิยาตอบสนองกลับอย่างไม่มีแง่งอน สัดส่วนความเป็นชายเริ่มขยายตัวนูนเด่นดันตัวผ้าขนหนูออกมาแนบชิดลำขากลมกลึง“คุยกันดี ๆ ไม่คิดหนีและไม่ทำร้ายร่างกายพี่ด้วย พี่จะปล่อย ตกลงไหม” ภามกัดฟันข่มกลั้นความต้องการไว้อย่างสุดความสามารถ ลมหายใจหอบแรงจนกล้ามเนื้อไหวกระเพื่อมนันทิยาขบกัดริมฝีปาก จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นแล้วเห็นถึงความรักและจริงใจรักหรือ...เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อย่างภามนี่นะรักเธอ เป็นไปไม่ได้ เธอคงจะตาฝาดไปเท่านั้น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่สายตาที่เอื้อเอ็นดูระหว่างคนที่เคยเติบโตมาด้วยกันเท่านั้นเอง วงหน้าสวยหมองเศร้าลงทันตา รีบตอบคำ
“มองอะไรไม่เคยเห็นคนหรือไง” เมื่ออีกฝ่ายยังเงียบก็อดที่จะตวาดแว้ดไปด้วยความหงุดหงิดระคนวาบหวิวในทรวง แต่เมื่อนึกได้ว่ามาด้วยเรื่องใดก็สูดลมหายใจเขาเต็มปอด ข่มความโมโหเอาไว้ภายในทั้งที่อารมณ์นั้นเดือดปุด ๆ และวาบหวิวจากสายตาคมกริบเอ่ยถามออกไปเสียงแข็ง ห้วนและกระด้าง“พี่ภามทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง จะแกล้งกันไปถึงไหน” หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจที่สุดท้ายแล้วภามก็ยังไม่ได้ปรับปรุงตัวเองยังทำร้ายหัวใจเธอซ้ำอีก“หือ...ทำอย่างนี้ได้ยังไง?” ภามแสร้งทวงคนถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง เดินไปนั่งบนเตียงนอนใหญ่ที่เขาเพิ่งจะเปลี่ยนสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมข้าวของอีกหลายชิ้นในห้องเพื่อให้เกียรตินันทิยาที่จะไม่ต้องมานอนทับบนเตียงที่เขาเคยพาผู้หญิงคนอื่นมานอน“พี่ภามอย่ามาเล่นลิ้นนะ ไทนี่ซีเรียดนะ” นันทิยาตวาดแว้ดชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่ยังอารมณ์ดีที่กวนโมโหจนเธอแทบจะปรี๊ดแตกแล้ว ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ากรุ่นระอุด้วยไอโกรธที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในเรือนกาย ร่ำ ๆ อยากจะเข้าไปทำร้ายคนหน้าเป็น‘ไม่รู้จะยิ้มอะไรหนักหนา ปากน่ะหุบเสียบ้างก็ได้คนบ้านี่’“ไม่ได้เล่นลิ้น
“รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก้อยก็เป็นเจ้าของหัวใจฉันจนหมดทั้งดวง เลยต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อทุกอย่างทุกทางจนก้อยหลงติดกับไปไหนไม่รอดไง”ปากหนาทาบจากพวงแก้มนุ่มสีพีชสุกไล่ไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กดลงไปแผ่วเบา นุ่มนวลและอ่อนโยน ตอนที่แผนการนี้ผุดขึ้นมาในสมองเขากลัวแทบตายว่ารวิกานต์จะดื้อดึงดื้อรั้นไม่ยอมง่าย ๆ แต่กาลกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง แม้จะงอนและโกรธอยู่บ้าง แต่รวิกานต์กลับเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างที่คิด คงจะเป็นเพราะเธอรักเขา...แต่คำนี้นอกจากการกระทำแล้วมันก็ต้องได้ยินจากปากด้วย ถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ได้คิดไปเอง“ว่าไง ยังไม่ตอบให้ชื่นใจเลยนะ รักผมไหม...แล้วเราจะแต่งงานกันใช่ไหมก้อย” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บนผิวกายเนียนนุ่ม ครอบครองฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจสาวที่มันอวบอิ่มใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ริมฝีปากจุมพิตเลาะเล็มขบกัดกลีบปากเนียนนุ่มจนรวิกานต์ถึงกับตัวสั่น ยกสองมือดันกายใหญ่ให้ออกห่างอย่างยากเย็น“คุยกันก่อนสิคะเจ้านาย เล่นรุกถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก้อยทำอะไรไม่ถูกนะคะ” หัวใจรวิกานต์เต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วยิ่งกว่ามีใครยิงปืนกลเสียอีก ใบหน้าแดงปลั่งก้มงุดไม่กล้ามองสบสายตามคมกริบที่จ้องทะลุไปถ
ปากและใจบอกว่าไม่...อย่าไปยอมให้รัฐภาสเห็นเธอเป็นเพียงแค่ของเล่นใกล้มือที่จะหยิบมาเชยชมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่ถูกเขากอดจูบเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นมันก็พร้อมที่จะหลอมละลายกลายเป็นไอ สองมือที่วางทาบอยู่บนลำตัวเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อล่ำสันไปจนโอบรอบบ่ากว้าง เผลอตัวตอบรับจุมพิตหวานแผดร้อนที่แทบจะสูบเอาลมหายใจออกจากปอดจนหมดสิ้นรัฐภาสถอนจุมพิตเคลื่อนไปตามพวงแก้มอิ่มนุ่ม สันจมูกโด่งและสุดท้ายประทับบนดวงตากลมโตที่มันบวมช้ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก“ขอโทษนะก้อยที่ฉันมาช้า อย่าโกรธฉันนะคนดี” ปลายนิ้วยาวร้อนไล้ไปบนกลีบปากอวบอิ่มแดงระเรื่อที่ขบกัดหนี“ปล่อยก้อยได้แล้วเจ้านาย...คุณรัฐภาส” รีบเปลี่ยนเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานในบริษัทเขาแล้ว และไม่คิดที่จะไปลาออกให้มันถูกต้องด้วย จะทำอะไรก็ทำไม่แคร์“แล้วก็รีบออกไปจากบ้านก้อยด้วย ก้อยไม่ได้เป็นอะไรกับคุณอีกแล้ว” สองมือเล็กผลักดันกายใหญ่ให้ออกห่างและรัฐภาสก็ยอมให้ แต่...กายใหญ่ขยับลุกขึ้นพร้อมกับเกี่ยวเอากายโปร่งกลมกลึงขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง จับรั้งไม่ให้เบือนหน้าหนี พร้อมสอดแขนใหญ่กระชับเอวเล็กคอด“หู...หายไปแค่
เปลือกตาบางปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ ๆ ก่อนจะลืมตาที่แดงก่ำ รอบ ๆ ขอบตาบวมช้ำขึ้นมาสู้กับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับอาการปวดหัวริ้ว ๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง มือเล็กยกขึ้นจับลำคอแห้งผากเหมือนกับมีกระดาษมาถูไถอยู่เลยไปถึงพวงแก้มนิ่มที่เย็นจัด ไล่ไปจนถึงดวงตากลมโตที่ถึงตอนนี้ก็ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือติดอยู่กายกลมกลึงพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องมาจนตาถึงกับพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกจากจมูกที่ตอนนี้มีสิ่งไม่พึงประสงค์อุดอยู่ เสียงท้องร้องประท้วงให้เธอรีบไปหาอะไรใส่ลงไปเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่แบบนี้ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากแตกแห้งเพราะขาดการบำรุง พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็ยังลำบากยากเย็น เพราะร่างกายหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจากการไม่เอาใจใส่ตัวเอง แม้อาหารก็ไม่คิดจะหามาใส่ท้องเธอร้องไห้มากี่วันแล้ว...ร้องและรอว่าเขาคนนั้นจะมาหา บอกเล่าว่าสิ่งที่เธอเห็นในวันนั้นไม่เป็นความจริง เขายังเป็นคนโสดไม่มีพันธะใดๆ กับใคร แต่รอแล้วรอเล่า จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งคืนและล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี แต่ก็ไม่มีวี่แววรัฐภาสจะมา...
“เป็นอะไรไปน่ะนนท์ ไปขอน้องรสแต่งงานมาหน้าตาก็ควรจะยิ้มแย้มเหมือนกับคนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวสิ แต่ไหงกลับมาหน้าตาเหมือนกับตูดหมึกแบบนี้ล่ะ หรือว่าน้องรสไม่ยอมตกลงหือ” นันทิยาเอ่ยแซวน้องชายที่เมื่อตอนไปเธอเห็นหน้าตาระรื่นบานเกือบจะเท่ากระด้ง แต่พอกลับไหงหน้าตาเหมือนกับคนอมบอระเพ็ดมาก็ไม่รู้“เพราะพี่ไทนี่นั่นแหละ”“อ้าว...นนท์ไปขอน้องรสแต่งงานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ” คนเป็นพี่ถามอย่างไม่เข้าใจ“ตัวเองไม่มีฝีมือเองมากกว่ามั้ง สาวเขาเลยไม่มั่นใจที่จะฝากชีวิตน่ะ”ชานนท์ชักสีหน้าใส่พี่สาวที่ยังคงยิ้มระรื่นไม่รู้สึกรู้สา “ก็พี่ภามน่ะสิ”“พี่ภามทำไม”“พี่ภามบอกว่าไม่มีธรรมเนียมบ้านไหนที่น้องจะแต่งงานก่อนพี่”นันทิยาพยักหน้าหงึกอย่างเข้า เธอก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็คงไม่มีใครได้แต่งงานกันแล้วละ“พี่ภามยังจะส่งน้องรสไปดูงานต่างประเทศอีกสามปีด้วย” ชานนท์บอกด้วยหน้าตาอ่อนระโหยโรยแรง กายใหญ่ทรุดตัวลงนั่งไม่ไกลจากที่พี่สาว แหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง“เอ๊ะ...พี่ภามเป็นบ้าอะไร มันเรื่องของนนท์กับน้องรสไม่ใช่หรือไง จะบ้าไปใหญ่แล้ว” นันทิยาก่นว่าด้วยความหงุดหงิดระคนโกรธ
“ครับ ต่อไปนี้พี่นนท์จะไม่หึงดะแบบนั้นอีกแล้ว พี่นนท์จะเชื่อใจน้องรส หากมีอะไรที่ทำให้เราไม่เข้าใจกันจริง ๆ พี่นนท์จะรอเวลาให้อารมณ์ที่มันร้อนลดลงแล้วเราค่อยมาคุยปรับความเข้าใจกัน” ใช่...อะไร ๆ มันก็ต้องดีถ้าคุยกันโดยไม่ใช้อารมณ์โกรธ หึงหวงและประชดประชัน“สัญญานะคะ ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก” นิ้วก้อยเล็กยื่นออกไปและชานนท์ก็ยื่นนิ้วก้อยของเขาออกมาเกี่ยวด้วย“ครับ...สัญญาว่าจะเชื่อใจน้องรส” ปลายนิ้วยาวใหญ่จับตรึงปลายคางมน โน้มใบหน้ามาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มหวานอย่างแสนจะคิดถึง เพียงแค่สามวันเท่านั้นที่ห่างหายจากกายสาวหอมกรุ่นนุ่มนิ่มรัดรึงกายแกร่งก็ทำให้เขาถึงกับโหยหิวเหมือนกับคนที่อดอยากมานานแรมเดือน อย่างนี้จะต้องรีบทำให้รสรินกลับมาอยู่เคียงข้างกายให้เร็วที่สุดและไม่มีวันที่จะจากไกลกันอีกแล้ว“พี่นนท์รักน้องรสครับ...ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว น้องรสก็ตกลงแต่งงานกับพี่ได้แล้วใช่ไหมครับ”“ค่ะ” รสรินตอบกลับอย่างเอียงอาย ในหัวใจพองโตเหมือนกับลูกโป่งที่มันถูกบรรจุแก๊สจนเต็ม รอยยิ้มแต่งแต้มทั้งวงหน้าและดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับสุกสกาวเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า เปี่ยมล้นไปด้วยคว
“น้องรสครับ เมื่อไหร่น้องรสจะหายโกรธพี่นนท์ล่ะครับ” ชานนท์เดินมาจับมือเล็กเรียว แต่ถูกอีกฝ่ายปัดออกและเมินหน้าหนีเสียอีก ทำเอาเขาถึงกับหน้าเสียไปได้ไม่น้อย ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้รสรินถึงได้โกรธนานนัก สามวันแล้วที่ไม่ยอมพูดคุยกับเขาเอาแต่หนีหน้าท่าเดียว“น้องรสไม่ได้โกรธ” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นสูง สองมือสอดไขว้ระหว่างอก ไม่ได้โกรธแต่อึดอัดและไม่ชอบที่ชานนท์แสดงพฤติกรรมอย่างนั้น ทำอย่างกับว่าเธอน่ะใจง่ายนักนิ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ต้องกระโดดเข้าใส่ อย่างนี้มันไม่เชื่อใจกันนี่นาแล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง“ถ้าไม่โกรธแสดงว่างอน...แล้วเมื่อไหร่น้องรสจะหายงอนพี่นนท์ล่ะครับ รู้ไหมว่าน้องรสเป็นอย่างนี้พี่นนท์กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะครับ”“ไม่รู้ไม่ชี้” รสรินยังคงเบือนหน้าหนี เพราะรู้ใจตัวเองดีว่าถ้าหากเจอบทออดอ้อนและวงหน้าเศร้า ๆ ของชานนท์อีกเพียงไม่ถึงห้านาที ใจที่พยายามจะให้เข้มแข็งไม่ยอมรับคำง้อง่ายๆ ก็จะพานอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟ“น้องรสครับ ดีกันนะครับคนดี๊คนดี” สองแขนใหญ่โอบรัดรอบกายโปร่งบาง วางมือใหญ่ทาบทับบนมือเล็กเรียว วางคางแนบกับบ่ากว้าง“จะให้พี่นนท์ทำอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่น้องรสยกโทษให้พี