คุณปู่ถูกทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อคุณปู่เห็นอีวอน เขาก็เบิกตากว้าง และเริ่มครวญครางออกมา เหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีคำพูดใดออกมา เมื่ออีวอนเห็นปฏิกิริยาของท่านปู่ เธอก็เริ่มส่งเสียงร้องออกมาและโยนความผิดให้เมเดลีนที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง “ลุงวินส์ตันคะ ป้าคาเลนคะ ดูสิ! ท่านปู่ดูอารมณ์เสียมากเลยนะคะเมื่อเห็นเมเดลีน เธอคงเป็นคนที่ทำร้ายเขาแน่ ๆ เลย! โถ ท่านปู่น่าสงสารมาก!” วินส์ตันรู้สึกโกรธจัดในทันที “เมเดลีน ฉันจะหาหลักฐานและส่งเธอไปสถานีตำรวจด้วยตัวฉันเอง!” เมเดลีนยิ้มอย่างนอบน้อม “ฉันคิดว่า หาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฉันน่าจะเร็วกว่านะคะ”“ผมจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าภรรยาของผมเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยเหมือนกัน” เจเรมี่จอดรถและเดินเข้ามา เขายังคงอยู่ฝั่งเมเดลีน “เจเรมี่ ถ้าแกยังยอมให้ผู้หญิงคนนี้หลอกอีก ครอบครัวของเราจะพัง!” วินส์ตันโวยวายขณะที่พาคุณปู่กลับเข้าไปในห้องของเขา คาเลนจงใจถอนหายใจออกมาดัง ๆ “เจเรมี่ ถ้าลูกไม่อยากให้คุณปู่ของลูกตายภายใต้สถานการณ์ที่ลึกลับนี้ ลูกก็ควรตัดสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้โดยเร็วจะดีที่สุด!” “เจเรมี่ คุณลุงวินส์ตันและป้าคาเล
อีวอนกำลังมีความสุขจากความทุกข์ของคนอื่นขณะที่เธอรอให้ตำรวจพาเมเดลีนไป แต่เธอไม่คาดคิดว่าเจเรมี่จะกลับมาทันเวลาพอดี เธอกังวลว่าแผนของเธอจะพังหากตำรวจมัวชักช้า อีวอนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจเรมี่ พี่กลับมาทันเวลาพอดี เมเดลีนทำร้ายคุณปู่อีกแล้วค่ะ! ดูสิ! ที่แขนของคุณปู่มีบาดแผลใหม่เต็มเลย!” “ฉันเป็นคนโทรแจ้งตำรวจเอง ผู้หญิงคนนี้ชั่วร้ายเกินไป เธอต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย!” ใบหน้าของวินส์ตันโกรธจนเปลี่ยนเป็นสีเขียว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธ คาเลนแสร้งทำเป็นคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง “เมเดลีน ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว แล้วทำไมเธอถึงยังคิดที่จะแก้แค้นพวกเรานักหนา? เมเรดิธเป็นคนเดียวที่ทำร้ายและใส่ร้ายเธอ มันเกี่ยวอะไรกับพวกเราตระกูลวิทแมนล่ะ? เธอทำให้เจเรมี่สูญเสียทุกอย่างไปแล้ว หรือเธอจะหยุดมือก็ต่อเมื่อคุณปู่ต้องตายอย่างนั้นเหรอ?” เธอแสร้งทำเป็นบีบน้ำตาออกมาคลอเบ้า แสดงอาการโศกเศร้าและโกรธเคือง “ท่านปู่ผู้น่าสงสาร ท่านแก่แล้วและยังต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกทำร้ายแบบนี้ คุณตำรวจคะ คุณต้องลงโทษผู้หญิงคนนี้ให้หนักนะคะ! ให้สมกับที่เธอเป็นคนร้าย!” คาเลนชี้ไปที่เมเดลีนอย่างม
‘อะไรนะ?’หัวใจของอีวอนเริ่มเต้นแรงเมื่อเธอได้ยินอย่างนั้น ดวงตาเธอเบิกตากว้างขณะที่รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังพูดไม่ออก จากนั้นเธอก็จ้องมองเมเดลีนอย่างไม่เชื่อสายตา‘เป็นไปได้อย่างไร? ‘เธอติดตั้งกล้องไว้ในห้องอย่างนั้นเหรอ? หมายความว่าเธอรู้ว่าฉันทำอะไรลงไปอย่างนั้นเหรอ?‘ถ้าเธอรู้ แล้วทำไมเธอไม่เปิดโปงฉันล่ะ?‘นี่มันต้องเป็นเรื่องหลอกลวงแน่ ๆ! เธอต้องพยายามหลอกล่อฉันให้แสดงตัว!’ อีวอนพยายามปลอบโยนและสงบสติอารมณ์ตัวเองอย่างเต็มที่ “อะไรนะ? กล้อง? กล้าดียังไงมาติดกล้องในห้องของคุณปู่? เมเดลีน ทำไมเธอถึงเป็นวิปริตแบบนี้?” คาเลนใช้โอกาสนี้ล้อเลียนเมเดลีน ถึงอย่างนั้นเมเดลีนก็ยังใจกว้าง “ท่านปู่พูดหรือขยับตัวไม่ได้ ฉันติดตั้งสิ่งนี้เพื่อที่ฉันจะได้สามารถจับตาดูสถานการณ์ของท่านได้ อย่ายัดเยียดความคิดสกปรก ๆ และวิปริตของคุณให้กับฉัน” “นะ… นี่ เธอบอกว่าฉันสกปรกและวิปริตงั้นเหรอ? เธอ...” คาเลนเริ่มหน้าแดง เธออยากจะโต้เถียงเมื่อสังเกตเห็นแววความอาฆาตในดวงตาของเมเดลีนในอีกทางหนึ่ง วินส์ตันได้นำคอมพิวเตอร์มาแล้ว และเขากำลังจะนำชิปใส่ลงในคอมพิวเตอร์อีวอนรีบหยุดเขาอย่างประหม่า “ลุง
หลังจากที่เจเรมี่ได้ยินเรื่องที่เธอพูด ชั้นกำแพงของน้ำแข็งปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา “เรามีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงบอกว่าลินนี่ใส่ร้ายเธออีกเหรอ?” อีวอนตัวสั่น เธอไม่กล้าสบสายตาของเจเรมี่ “ฉัน… ฉันไม่ได้ทำ ฉันคอยดูแลท่านเหมือนกับท่านเป็นปู่ของฉันเองตลอดเวลา แล้วฉันจะทำแบบนั้น ได้ยังไง…” วินส์ตันฉุนเฉียว เขาเอามือทุบโต๊ะเสียงดังลั่น “ฉันไม่เคยคิดเลยนะ ว่าจะเป็นเธอ!”“เปล่านะคะ นั่นไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ทำนะคะ! คุณลุงวินส์ตัน คุณลุงต้องเชื่อฉันนะคะ...” “ความจริงอยู่ตรงหน้าเราแล้ว เธอยังโกหกเราอยู่เลย!” วินส์ตันโกรธจัด จนหน้าที่เป็นสีแดงกลับกลายเป็นสีเขียว หลังจากคาเลนหายตกใจ เธอก็รู้สึกวิตก ก่อนที่เธอจะถูกผูกโยงเข้าไปในเรื่องนี้ด้วย เธอตัดสินใจที่จะชิงลงมือก่อน ดังนั้นเธอจึงตบหน้าอีวอนอย่างแรง “อีวอน ฉันผิดหวังกับแกจริง ๆ! แกได้ทำลายชื่อเสียงของตระกูลเยลแมน! ฉันโกรธมาก!” คาเลนแสร้งทำเป็นรู้สึกขุ่นเคืองต่ออีวอนที่สร้างความล้มเหลวต่อความคาดหวังของเธอ จากนั้นเธอก็หยิบไม้เท้าขึ้นและตะโกนอย่างร้อนรน“อีวอน แกตีคุณปู่ได้ยังไง? แกเป็นบ้าหรือเปล่า? ฉันเป็นป้าของ
“ลินนี่” “บางทีฉันอาจจะน่ารังเกียจมาก ลูกพี่ลูกน้องของคุณเลยทำอย่างนั้นเพื่อกำจัดฉัน ฉันคิดว่า... เธอน่าจะชอบคุณมากนะ” “ยัยโง่ ไม่มีใครสามารถกำจัดคุณได้ และไม่มีใครสามารถกำจัดตำแหน่งของคุณในหัวใจของผมได้ด้วย” เขากุมมือเธอและใช้สายตามองเธออย่างจริงใจ “ลินนี่ คุณสัญญากับผมอย่างหนึ่งได้ไหม?” เมเดลีนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “อะไรเหรอ?” เจเรมี่เผยอริมฝีปาก แล้วก็ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา “ไม่มีอะไร ไว้ผมจะบอกคุณทีหลังนะ” เมเดลีนไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ความสนุกสนานเล็ก ๆ วาบผ่านดวงตาอันดูน่าทึ่งของเธอหลังจากอีวอนถูกตำรวจพาตัวไป บ้านก็สงบสุขมากขึ้น คาเลนไม่มีอำนาจจะทำอะไรได้เลยในตอนนี้เมื่อเธออยู่คนเดียว นอกจากนี้เธอก็รู้สึกว่าในช่วงไม่กี่วันมานี้ เมเดลีนทำตัวแปลก ๆ ไป เมเดลีนดูอ่อนแอและถูกข่มเหงได้ง่าย แต่ถ้าพวกเธอตัดสินใจที่จะสร้างปัญหาให้กับเธอ สิ่งที่พวกเธอคิดจะทำก็จะกลับมาแว้งกัดพวกเธอทันทีเมื่อเป็นเช่นนี้ คาเลนไม่กล้าจะทำอะไรห่าม ๆ ใส่เธออีก ภายใต้การดูแลของเมเดลีน บาดแผลของคุณปู่ก็ค่อย ๆ หายอย่างช้า ๆ วินส์ตันได้เห็นทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขารู้สึกผิด แต่ไม่สามาร
หลังจากที่เธอได้ยินอย่างนั้น เมเดลีนก็จับที่หูถ้วยชาอย่างเหงาหงอยเมื่อมองดูของเหลวในถ้วย เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงการจ้องมองด้วยสายตาอันอ่อนโยนของเจเรมี่เมื่อวันก่อน เมื่อพิจารณาจากสายตาของเขา เมเดลีนไม่คิดว่าเขาเสแสร้ง ด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น “วีล่า คุณคิดอะไรอยู่?” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เมเดลีนกลับมามีสติและจิบชาของเธอ “ฉันจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาระหว่างนั้น อย่างไรก็ตาม เจเรมี่ทำร้ายฉันในตอนนั้น เขายอมให้ผู้หญิงของเขาและคนในครอบครัวทำให้ฉันอับอายและดูถูกฉัน ฉันรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันจะแก้แค้นเขาอย่างแน่นอน”ขณะที่เธอพูดแบบนี้ก็มีความขุ่นเคืองแสดงออกมาในดวงตาของเมเดลีน เฟลิเป้มองดูท่าทางของเมเดลีนอย่างเงียบ ๆ ริมฝีปากของเขาแอบเผยรอยยิ้ม “วีล่า ทำในสิ่งที่คุณต้องทำเถอะ ผมจะสนับสนุนและรอคอยคุณเอง” “ขอบคุณนะคะ เฟลิเป้ ฉันรู้ว่าคุณคือคนเดียวที่ช่วยฉันตอนที่ฉันกำลังจะตาย” เฟลิเป้แปลกใจมาก เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอเลยหลังจากที่เธอสูญเสียความทรงจำ และมีอาการจากความผิดปกติของตนเอง“คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? มีใครบอกคุณเหรอ?”เม
...หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เฟลิเป้ขอให้ใครสักคนไปส่งเมเดลีนกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน เมเดลีนเล่นโทรศัพท์ของเธอและรู้ว่าเจเรมี่ส่งข้อความถึงเธอเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตาม มันระบุว่าเธอได้เห็นข้อความนั้นแล้ว เธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถและครุ่นคิด ในเวลาเดียวกันรถก็กำลังขับลงเนิน ความเร็วของรถทำให้เธอเสียสมาธิ ภาพที่ดูคุ้นเคยปรากฏขึ้นในหัวของเธอ เมื่อเธอกลับมารู้สึกตัวรถก็หยุดอยู่หน้าบ้านของเธอแล้ว เจเรมี่กลับมาพร้อม ๆ กับที่เธอลงจากรถ เมื่อเขาเห็นเมเดลีนยืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้านด้วยสีหน้ามึนงง เขาก็ลงจากรถอย่างเร่งรีบและวิ่งไปหาเธอ“ลินนี่?” เมเดลีนกลับมามีสติอีกครั้งเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อเธอ เธอเงยหน้าขึ้นและสบตากับเจเรมี่ด้วยสายตาวิตกกังวล เธอยิ้มอย่างนุ่มนวล “แม่ของฉันโทรหาฉันเมื่อกี้ และบอกฉันว่าคืนนี้มีงานเลี้ยงเพื่อการกุศล เธอต้องการให้ฉันไปกับเธอ ฉันไปห้างมาเมื่อกี้ แต่ฉันไม่ชอบชุดที่ฉันเห็นเลย” เจเรมี่จับมือเธอทันที “ลินนี่ ผมจะไปช้อปปิ้งกับคุณ” “คุณจะไปซื้อของกับฉันเหรอ?”“ใช่สิ” เจเรมี่ยิ้มอย่างแผ่วเบา จากนั้นเขาก็พา เมเดลีไปยังถนนหรูหราที่สุดซึ่งขายสินค
เมเดลีนมองอย่างสงสัยขณะที่เอโลอิสหยิบกระเป๋าทรงวินเทจออกจากกระเป๋าตนเองแล้วยื่นให้แก่เธอ “ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะคืนมันให้กับเจ้าของตัวจริง” สายตาที่ใจดีของเอโลอิสโอบล้อมเมเดลีน “เอวลีน ฉันรู้ว่าเธอสูญเสียความทรงจำไปแล้ว และเธอก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในอดีต แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่สามารถใช้โอกาสนี้โกหกเธอได้ เพราะยังไงวันหนึ่งความทรงจำของเธอจะฟื้นคืนและจำทุกอย่างได้อยู่ดี” เอโลอิสกล่าวขณะที่เธอเริ่มน้ำตาคลอเมเดลีนถือกระเป๋าใบนั้นและรู้สึกสึกถึงจี้ที่อยู่ข้างใน ในขณะเดียวกันเจเรมี่ก็โทรมาถามเกี่ยวกับสถานที่ที่เมเดลีนอยู่ในตอนนี้ เธอบอกเขาว่าเธออยู่กับเอโลอิสและขอให้เขารอเธอที่รถ เจเรมี่ทำตามที่เธอบอก หนึ่งชั่วโมงต่อมาเมเดลีนก็กลับมาถึง เขาลงจากรถเพื่อช่วยเธอถือกระเป๋าและเปิดประตูให้ จากนั้นเขาก็พาเธอกลับบ้าน ระหว่างทางเมเดลีนถือจี้ทองคำซึ่งมีชื่อของเธอสลักไว้ในมือ เธอใช้ปลายนิ้วแตะจี้นั้นเบา ๆ จากนั้นขณะที่เธอกำลังทำอย่างนั้น ความทรงจำที่แตกสลายบางส่วนก็เริ่มกลับมาหาเธอ อีวอนอยู่ในสถานกักกันหนึ่งสัปดาห์ สุดท้ายคาเลนก็ไปประกันตัวเธอออกมา คาเลนแต่งตัวอย่างสวยงาม เมื่อเธอเ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ