“ลินนี่” “บางทีฉันอาจจะน่ารังเกียจมาก ลูกพี่ลูกน้องของคุณเลยทำอย่างนั้นเพื่อกำจัดฉัน ฉันคิดว่า... เธอน่าจะชอบคุณมากนะ” “ยัยโง่ ไม่มีใครสามารถกำจัดคุณได้ และไม่มีใครสามารถกำจัดตำแหน่งของคุณในหัวใจของผมได้ด้วย” เขากุมมือเธอและใช้สายตามองเธออย่างจริงใจ “ลินนี่ คุณสัญญากับผมอย่างหนึ่งได้ไหม?” เมเดลีนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “อะไรเหรอ?” เจเรมี่เผยอริมฝีปาก แล้วก็ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา “ไม่มีอะไร ไว้ผมจะบอกคุณทีหลังนะ” เมเดลีนไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ความสนุกสนานเล็ก ๆ วาบผ่านดวงตาอันดูน่าทึ่งของเธอหลังจากอีวอนถูกตำรวจพาตัวไป บ้านก็สงบสุขมากขึ้น คาเลนไม่มีอำนาจจะทำอะไรได้เลยในตอนนี้เมื่อเธออยู่คนเดียว นอกจากนี้เธอก็รู้สึกว่าในช่วงไม่กี่วันมานี้ เมเดลีนทำตัวแปลก ๆ ไป เมเดลีนดูอ่อนแอและถูกข่มเหงได้ง่าย แต่ถ้าพวกเธอตัดสินใจที่จะสร้างปัญหาให้กับเธอ สิ่งที่พวกเธอคิดจะทำก็จะกลับมาแว้งกัดพวกเธอทันทีเมื่อเป็นเช่นนี้ คาเลนไม่กล้าจะทำอะไรห่าม ๆ ใส่เธออีก ภายใต้การดูแลของเมเดลีน บาดแผลของคุณปู่ก็ค่อย ๆ หายอย่างช้า ๆ วินส์ตันได้เห็นทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขารู้สึกผิด แต่ไม่สามาร
หลังจากที่เธอได้ยินอย่างนั้น เมเดลีนก็จับที่หูถ้วยชาอย่างเหงาหงอยเมื่อมองดูของเหลวในถ้วย เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงการจ้องมองด้วยสายตาอันอ่อนโยนของเจเรมี่เมื่อวันก่อน เมื่อพิจารณาจากสายตาของเขา เมเดลีนไม่คิดว่าเขาเสแสร้ง ด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น “วีล่า คุณคิดอะไรอยู่?” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เมเดลีนกลับมามีสติและจิบชาของเธอ “ฉันจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาระหว่างนั้น อย่างไรก็ตาม เจเรมี่ทำร้ายฉันในตอนนั้น เขายอมให้ผู้หญิงของเขาและคนในครอบครัวทำให้ฉันอับอายและดูถูกฉัน ฉันรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันจะแก้แค้นเขาอย่างแน่นอน”ขณะที่เธอพูดแบบนี้ก็มีความขุ่นเคืองแสดงออกมาในดวงตาของเมเดลีน เฟลิเป้มองดูท่าทางของเมเดลีนอย่างเงียบ ๆ ริมฝีปากของเขาแอบเผยรอยยิ้ม “วีล่า ทำในสิ่งที่คุณต้องทำเถอะ ผมจะสนับสนุนและรอคอยคุณเอง” “ขอบคุณนะคะ เฟลิเป้ ฉันรู้ว่าคุณคือคนเดียวที่ช่วยฉันตอนที่ฉันกำลังจะตาย” เฟลิเป้แปลกใจมาก เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอเลยหลังจากที่เธอสูญเสียความทรงจำ และมีอาการจากความผิดปกติของตนเอง“คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? มีใครบอกคุณเหรอ?”เม
...หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เฟลิเป้ขอให้ใครสักคนไปส่งเมเดลีนกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน เมเดลีนเล่นโทรศัพท์ของเธอและรู้ว่าเจเรมี่ส่งข้อความถึงเธอเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตาม มันระบุว่าเธอได้เห็นข้อความนั้นแล้ว เธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถและครุ่นคิด ในเวลาเดียวกันรถก็กำลังขับลงเนิน ความเร็วของรถทำให้เธอเสียสมาธิ ภาพที่ดูคุ้นเคยปรากฏขึ้นในหัวของเธอ เมื่อเธอกลับมารู้สึกตัวรถก็หยุดอยู่หน้าบ้านของเธอแล้ว เจเรมี่กลับมาพร้อม ๆ กับที่เธอลงจากรถ เมื่อเขาเห็นเมเดลีนยืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้านด้วยสีหน้ามึนงง เขาก็ลงจากรถอย่างเร่งรีบและวิ่งไปหาเธอ“ลินนี่?” เมเดลีนกลับมามีสติอีกครั้งเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อเธอ เธอเงยหน้าขึ้นและสบตากับเจเรมี่ด้วยสายตาวิตกกังวล เธอยิ้มอย่างนุ่มนวล “แม่ของฉันโทรหาฉันเมื่อกี้ และบอกฉันว่าคืนนี้มีงานเลี้ยงเพื่อการกุศล เธอต้องการให้ฉันไปกับเธอ ฉันไปห้างมาเมื่อกี้ แต่ฉันไม่ชอบชุดที่ฉันเห็นเลย” เจเรมี่จับมือเธอทันที “ลินนี่ ผมจะไปช้อปปิ้งกับคุณ” “คุณจะไปซื้อของกับฉันเหรอ?”“ใช่สิ” เจเรมี่ยิ้มอย่างแผ่วเบา จากนั้นเขาก็พา เมเดลีไปยังถนนหรูหราที่สุดซึ่งขายสินค
เมเดลีนมองอย่างสงสัยขณะที่เอโลอิสหยิบกระเป๋าทรงวินเทจออกจากกระเป๋าตนเองแล้วยื่นให้แก่เธอ “ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะคืนมันให้กับเจ้าของตัวจริง” สายตาที่ใจดีของเอโลอิสโอบล้อมเมเดลีน “เอวลีน ฉันรู้ว่าเธอสูญเสียความทรงจำไปแล้ว และเธอก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในอดีต แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่สามารถใช้โอกาสนี้โกหกเธอได้ เพราะยังไงวันหนึ่งความทรงจำของเธอจะฟื้นคืนและจำทุกอย่างได้อยู่ดี” เอโลอิสกล่าวขณะที่เธอเริ่มน้ำตาคลอเมเดลีนถือกระเป๋าใบนั้นและรู้สึกสึกถึงจี้ที่อยู่ข้างใน ในขณะเดียวกันเจเรมี่ก็โทรมาถามเกี่ยวกับสถานที่ที่เมเดลีนอยู่ในตอนนี้ เธอบอกเขาว่าเธออยู่กับเอโลอิสและขอให้เขารอเธอที่รถ เจเรมี่ทำตามที่เธอบอก หนึ่งชั่วโมงต่อมาเมเดลีนก็กลับมาถึง เขาลงจากรถเพื่อช่วยเธอถือกระเป๋าและเปิดประตูให้ จากนั้นเขาก็พาเธอกลับบ้าน ระหว่างทางเมเดลีนถือจี้ทองคำซึ่งมีชื่อของเธอสลักไว้ในมือ เธอใช้ปลายนิ้วแตะจี้นั้นเบา ๆ จากนั้นขณะที่เธอกำลังทำอย่างนั้น ความทรงจำที่แตกสลายบางส่วนก็เริ่มกลับมาหาเธอ อีวอนอยู่ในสถานกักกันหนึ่งสัปดาห์ สุดท้ายคาเลนก็ไปประกันตัวเธอออกมา คาเลนแต่งตัวอย่างสวยงาม เมื่อเธอเ
ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดราตรีสีขาวราคาเลขหกหลักที่อีวอนเห็นที่ร้านเมื่อเช้านี้ ขณะที่เธอเข้าไปในโรงแรมอย่างสง่างาม พนักงานต้อนรับที่สวมสูทโค้งคำนับ และทักทายผู้หญิงคนนั้นราวกับว่าเขาปฏิบัติต่อราชินี เขาให้เกียรติเธอเป็นอย่างมากอีวอนมองด้วยความชื่นชม เธอฝันว่าจะมีใครบางคนปฏิบัติต่อเธอแบบนั้นเช่นกัน อีวอนกลับมารู้สึกตัวได้อีกครั้งเมื่อคาเลนเรียกชื่อเธอ เนื่องจากไม่มีบัตรเชิญ เธอจึงเข้าไปด้านในได้จากทางประตูด้านข้างเท่านั้น เมื่อไปถึงภายในงานเลี้ยง ตาของอีวอนเป็นประกาย เธอเคยเห็นสถานที่ที่คล้ายกันนี้ในรายการโทรทัศน์หลายรายการมาก่อน แต่เธอไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเองเลยสักครั้ง เธอเห็นสุภาพบุรุษรูปหล่อซึ่งแต่งตัวดูภูมิฐานอยู่ที่นั่นมากมาย ด้วยเหตุนั้นเธอจึงกำลังค้นหาเป้าหมายของเธออยู่ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็เล็งไปที่ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งไว้ ขณะที่เธอพยายามจะเข้าไปแกล้งทำเป็นชนเขา คาเลนก็คว้าตัวเธอไว้เสียก่อนและห้ามเธอเสียงเบา “เราแอบเข้ามา อย่าสร้างปัญหา” “คุณป้าคาเลนคะ คุณป้าขี้ขลาดเกินไปนน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงกลัวเมเดลีนจนพูดไม่ออกขนาดนั้น คอยดูเฉย ๆ เถอะค่ะ!” อีวอนด
เธอไม่คิดว่าคุณวีล่าที่พวกเขายกย่องนั้นคือ เมเดลีน ครอว์ฟอร์ด! หลังจากคิดดูแล้ว เธอยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า วีล่า และคนที่พวกเขาชมเชยก็คือ วีล่า ควินน์ หัวหน้านักออกแบบเครื่องประดับระดับของมิสแอลเลดี้ วีล่า ควินน์ คือ เมเดลีน ครอว์ฟอร์ด! อีวอนรู้สึกเหมือนคนโง่เง่า ในตอนแรกเธอเพียงต้องการหลอกล่อให้ได้รู้จักกับชายสองคนนี้ แต่ตอนนี้ เธอแค่กำลังถามหาปัญหาและความอัปยศอดสูให้ตัวเองอยู่ เมื่อเมเดลีนเห็นใบหน้าที่เหมือนท้องผูกของอีวอน ใบหน้าอันบอบบางของเธอก็ปรากฏความประหลาดใจขึ้น “ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ล่ะ? เขาปล่อยเธอออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” “...”เมื่อคนรอบข้างได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับอีวอน “ปล่อยเหรอ? คุณวีล่า คุณรู้จักกับผู้หญิงคนนี้เหรอครับ?” “ใช่ค่ะ ฉันจะไม่รู้จักเธอได้อย่างไรล่ะคะ?” เมเดลีนเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน มีประกายเสียดแทงสะท้อนในดวงตาเย้ายวนของเธอ “หล่อนเป็นผู้เขียนบทความยอดนิยม ที่เกี่ยวกับว่าฉันทำร้ายร่างกายชายชราคนหนึ่ง” เธอพูดด้วยรอยยิ้มทำให้อีวอนดูอายขึ้นเรื่อย ๆ “อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอถูกตำรวจพาตัวไป
“นี่คือคุณมอนต์โกเมอรีใช่ไหม? ในที่สุดผมก็ได้รับเกียรติที่ได้พบคุณในคืนนี้” “เอวลีน นี่คือ ท่านเคลเวอร์ เขาเป็นประธานองค์กรการกุศลคนก่อนของเรา อีกทั้งยังเป็นเพื่อนแท้ของคุณพ่อลูกเลยล่ะ” เอโลอิสกล่าวแนะนำ เมเดลีนยิ้มอย่างสุภาพและจับมือทำความรู้จักกับท่านเคลเวอร์ “สวัสดีค่ะ คุณลุงเคลเวอร์” “สวัสดี สวัสดี หนูเอวลีน เธอดูสวยมาก อาหารค่ำในคืนนี้จะต้องตื่นตาตื่นใจเพราะเธอ ฉันสงสัยว่าฉันจะขอให้เธอเล่นเพลงเปิดงานดินเนอร์การกุศลได้ไหม?” “เล่นเพลงเหรอคะ?” เมเดลีนเงยหน้าขึ้นมองดูเปียโนสีดำที่อยู่ตรงหน้าเธอ คาเลนยิ้มเยาะ เธอตื่นเต้นที่ได้เห็น เมเดลีนต้องวุ่นวายเพราะเรื่องนี้ “หึ เมื่อกี้เธอแกล้งฉัน ในที่สุดก็ถึงตาเธอบ้างแล้วล่ะ” อีวอนเดินเข้ามา “คุณป้าคาเลนคะ รู้ไหมว่าเมเดลีนเล่นเปียโนเป็นไหม?” “เธอไม่รู้จักหรอก! เธอเหมือนกับสาวใช้ในตอนที่เธออาศัยอยู่กับตระกูลครอว์ฟอร์ด คิดว่าหล่อนจะได้สัมผัสของที่มีราคาแพงอย่างเปียโนเหรอ? ถ้ายัยคนนั้นไม่มีเจเรมี่ เธอก็ไม่มีค่าอะไรเลย!” คาเลนกัดฟันเยาะเย้ยรอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีวอนเช่นกัน “ฮึ เมื่อกี้เธอหยิ่งทะนงและภูมิใจในตัวเ
“ทำไมงั้นเหรอ?” การเยาะเย้ยที่ไม่สามารถอ่านได้ปรากฏบนใบหน้าของเฟลิเป้ “ถ้าตอนนั้นฉันสามารถพาเมเดลีนกลับมาจากความตายได้ ตอนนี้ฉันก็สามารถทำให้เธอรัก หรือเกลียดใครก็ได้ตามที่ฉันต้องการไงล่ะ” เจเรมี่ก้มหน้ามองผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเหมือนแท่งเจาะน้ำแข็งที่มองทะลุไปยังเฟลิเป้ด้วยความแหลมคม “ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ควบคุมอารมณ์หรือความคิดของลินนี่ เฟลิเป้ ลินนี่จะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนายในสักวันหนึ่ง” เฟลิเป้หัวเราะ “มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก” เขาพูดขณะเดินเข้าใกล้เจเรมี่ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเองก็ถูกปกคลุมไปด้วยเงาดำมืดเช่นกัน“เจเรมี่ ซาบซึ้งกับสองวันสุดท้ายของนายกับแมดดี้ไว้เถอะ เพราะอีกไม่นานนายก็จะเสียเธอไปอย่างสมบูรณ์” เฟลิเป้จบประโยคด้วยเสียงหัวเราะ แล้วจึงเขาหมุนตัวเดินกลับไปที่ข้างถนนคนขับเปิดประตูให้เขา ก่อนที่พวกเขาจะเร่งเครื่องออกไป เจเรมี่ไม่ต้องการไล่ตามเขาไป เพราะในตอนนี้เขาเป็นห่วงเพียงเมเดลีนเท่านั้นเขาพาเมเดลีนไปที่โรงพยาบาล มันเป็นเวลาที่อดัมต้องเลิกงานพอดี ในขณะที่เขาก้าวออกจากโรงพยาบาล เขามองเห็นเจเรมี
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ