พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว โดยที่เจเรมี่พาเธอผ่านประตูคฤหาสน์วิทแมนแสดงออกมาอย่างมีความสุข บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ผู้คนหมายถึงอนาคตที่คาดเดาไม่ได้ คุณนายวิทแมน คาเลน เบวแมน เธอรีบเข้าไปถามทันทีเมื่อรู้ว่าเจเรมี่มาถึงแล้ว “จริงหรือเปล่า เจเรมี่ เรื่องที่แม่อ่านบนอินเทอร์เน็ต? เมเรดิธทำสิ่งเหล่านั้นจริงเหรอ? เธอโดนคดีนานถึง 12 ปีเลยเหรอ? เธอแกล้งทำเป็นลูกสาวของมอนต์โกเมอรีด้วยงั้นเหรอ?” เจเรมี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ผมไม่อยากได้ยินชื่อเธอแล้ว” “แต่...” “วันนี้คู่หมั้นของผมจะมาพบพ่อกับแม่ ผมจะขอบคุณมากถ้าแม่ไม่พูดถึงชื่อนั้นและเรื่องที่น่าสลดใจ” เจเรมี่ขัดจังหวะอย่างเย็นชาก่อนจะละสายตาไปมองมาเดลีน “แม่ของผมเป็นคนทำอาหารพวกนี้เอง หวังว่าคุณจะชอบนะ” “อะไรนะ?” สีหน้าของคาเลนมืดลงในทันที “ลูกบอกแม่ว่าคืนนี้เรามีแขกคนสำคัญ เจเรมี่ ลูกบอกให้แม่ทำอาหารเองด้วย! ลูกกำลังบอกแม่ว่าอาหารที่ทำไว้เพื่อให้ผู้หญิงคนนี้เหรอ?” มาเดลีนขมวดคิ้วที่ละเอียดอ่อนและยิ้มเบา ๆ “ดีใจที่ได้เจอคุณนะ คุณป้า” “ฉันไม่ดีใจที่ได้เจอเธอเลย นางแม่มด!” คาเลนชำเลืองมองมาเดลีนอย่างดูถูกเหยียดหยาม “เธอทำให้ฉันกินข้าว
มาเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มอันสงบจะเผยขึ้นที่ริมฝีปากของเธอ “ฉันคิดว่าคุณคงสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับฉัน คุณปู่วิทแมน ฉันจะเป็น มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด ได้ยังไงกัน?” แสงสว่างในดวงตาของผู้อาวุโสวิทแมนหรี่ลงเล็กน้อย แต่สายตาของเขายังคงชัดเจน “ฉันจะไม่บังคับให้เธอยอมรับหากเธอไม่ต้องการ มาเดลีน” “ฉันไม่ใช่มาเดลีนจริง ๆ นะ คุณปู่” มาเดลีนปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม “ทำไมฉันต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เกลียดฉันล่ะ ถ้าฉันเป็นมาเดลีน? ฉันได้เรียนรู้ครั้งสุดท้ายว่าการโยนตัวเองเข้ากองไฟจะทำให้ฉันถูกไฟเผา” ท่านอาวุโสวิทแมนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดออกมา คิ้วสีขาวของเขาขมวดแน่น “เธอกำลังจะแต่งงานกับเจเรมี่จริง ๆ เหรอ?” มาเดลีนพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “แน่นอนค่ะ ฉันท้องลูกของเจเรมี่ด้วย” ทันใดนั้น สายตาของอาวุโสวิทแมนก็จ้องไปที่ท้องแบนราบของเธอ เขาเม้มปากแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม “คุณปู่ วีล่า” เจเรมี่เดินเข้ามา “ทำไมพวกคุณถึงมาพูดคุยกันที่หน้าห้องน้ำ?” มาเดลีนยิ้มแล้วเดินไป “ฉันบังเอิญมาเจอคุณปู่ เราเลยคุยกันนิดหน่อย เขายังล้อว่าฉันเป็นมาเดลีน ครอว์ฟอร์ดด้วย” คิ้วของเจเรมี่ตกลงเ
มุมปากของมาเดลีนบึ้งลง ร่องรอยความเจ็บปวดออกจากดวงตาของเธอ ขณะที่คาเลนกำลังจะนั่ง มาเดลีนก็ขมวดคิ้วและวางมือบนหน้าอกของเธอเอง แสดงอาการอาเจียนออกมา ทุกคนต่างจ้องมองไปที่มาเดลีนขณะที่เจเรมี่เอื้อมมือออกไปจับเธอด้วยความเป็นห่วง “คุณเป็นไรไหม วีล่า?” “ฉันได้กลิ่นเหม็นบางอย่าง มันทำให้อยากจะอาเจียน” มาเดลีนตอบเบา ๆ อาจจะเป็นจากซุป เจเรมี่ ฉันรู้สึกแย่ ฉันคิดว่าฉันจะอาเจียน” “...” คาเลนแสดงสีหน้ามืดหม่นทันที ซุปนี้เป็นหนึ่งในอาหารที่เธอภาคภูมิใจที่สุด อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน แถมเป็นซุปที่เธอชอบทานด้วย แต่ผู้หญิงคนนี้พูดอะไร? กลิ่นน้ำซุปเหม็นจนอยากอ้วกงั้นเหรอ? “เอาซุปออกไป” เจเรมี่สั่ง สาวใช้ชะงัก แล้วเธอก็พยักหน้าและปฏิบัติตาม “เดี๋ยวก่อน!” คาเลนหยุดเธอ “เธอกำลังพยายามจะพูดอะไร วีล่า เธอไม่ต้องกินอาหารของฉันก็ได้ ถ้าคิดว่ามันน่าขยะแขยง! อะไรที่เธอพยายามจะสื่อถึง เธอจะบ่นว่ามันทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียน เธอทำสิ่งนี้โดยเจตนา ใช่ไหม?” “วีล่าท้อง อาการคลื่นไส้เป็นผลข้างเคียงปกติทั่วไป ถ้าเธอไม่ชอบกลิ่นอะไร เราก็กำจัดมันให้หมด” น้ำเสียงของเจเรมี่เ
“แม่สามีงั้นเหรอ?” มาเดลีนเยาะเย้ยขณะที่เธอพูด การเยาะเย้ยปรากฏให้เห็นในรูปลักษณ์อันน่าหลงใหลของเธอ “กล้าดียังไงมาเรียกตัวเองว่าแม่สามี?” “...” ดวงตาของคาเลนเบิกกว้างด้วยความตกใจ มาเดลีนดึงแขนของเธอกลับขณะที่เธอกวาดดวงตาที่ภาคภูมิใจของเธออย่างเย็นชาเหนือการแสดงออกที่หงุดหงิดและโกรธเคืองของคาเลน ทันใดนั้นความเยือกเย็นก็กระจายไปทั่ว “คุณเป็นคนต้องระวังตัวเองเมื่ออยู่ใกล้ฉัน ฉันไม่ใช่ มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด และฉันจะไม่ยอมให้คุณเดินชนฉัน ดุด่าฉัน หรือตีฉันตามที่คุณต้องการได้ง่าย ๆ หรอกนะ” “นี่เธอ...” มีความโกรธเคืองในดวงตาของคาเลน ขณะที่เธอยกแขนขึ้นเพื่อจะให้บทเรียนแก่มาเดลีน “หยุด!” น้ำเสียงเยือกเย็นของเจเรมี่พุ่งเข้ามา มือของคาเลนหยุดชะงักกลางทาง มาเดลีนขมวดคิ้วและแยกริมฝีปากสีชมพูของเธอ “คุณไม่เห็นหรือไงว่าเจเรมี่ห่วงใยฉันขนาดไหน? อย่าทำให้ฉันขุ่นเคือง เข้าใจไหม?” “...” คาเลนโมโหจนพูดไม่ออก ความกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของมาเดลีนขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นและเดินไปหาเจเรมี่ “กลับกันเถอะ เจเรมี่ ฉันคิดว่าคุณป้าไม่อยากจะเห็นหน้าฉัน” เจเรมี่ส่งสายตาเยือกเย็นให้คาเลน “นี่จะเป็นครั้งสุดท
“มีบางอย่างเกิดขึ้น เอวาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ อาการเธอไม่สู้ดีนัก และสิ่งที่เธอต้องการเป็นครั้งสุดท้ายคือเธอขอที่จะได้เจอคุณอีกครั้งก่อนที่เธอจะจากไป”จังหวะของเสียงฝีเท้ามาเดลีนได้หยุดชะงักในทันทีก่อนที่หัวใจของเธอจะเริ่มเต้นแรงอย่างผิดจังหวะเธอพยายามที่จะเก็บอาการและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มีบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกว่านี่อาจจะเป็นบททดสอบบางอย่างของเแดเนียลและเอวากำลังทำอยู่แล้วทำไมจู่ ๆ เอวาถึงประสบอุบัติเหตุได้? เป็นไปไม่ได้ เธอจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน!มาเดลีนใช้ความคิดกับตัวเองอยู่ท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่เธอจะใช้สายตามองไปที่แดเนียลและแสดงถึงความน่ารำคาญ“จะต้องให้ฉันบอกคุณอีกกี่ครั้งถึงจะเข้าใจว่าฉันไม่รู้จักคนที่คุณกำลังพูดถึง อย่ามายุ่งกับฉัน”เธอรีบทำเป็นเดินจากไปแต่ว่าหัวใจของเธอกลับถูกตรึงแน่นอยู่ในอกในเวลานี้สายตาแดเนียลดูเศร้าและผิดหวังเป็นอย่างมากเมื่อเขามองไปยังร่างของหญิงสาวที่กำลังจะเดินจากไปและปฏิเสธความจริงที่ว่านี้อย่างเด็ดขาด “นี่เธอจำเป็นต้องใจร้ายขนาดนี้เลยเหรอ มาเดลีน? เอวาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอไม่ใช่หรือไง เธอจะปล่อยให้เพื่อนของตัวเองจากโลกน
ในดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจของเธอได้เบิกกว้างขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอมั่นใจในวินาทีต่อมาว่าเธอไม่ได้เห็นภาพลวงตาเพราะในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นไปมอง รอยยิ้มเผยออกมาบนใบหน้าของเพื่อนสาว เธอเห็นว่าเอวากำลังยิ้มออกมา และส่งผลให้เธอยิ้มออกมาในขณะที่ดวงตายังคงเบิกกว้างด้วยเช่นกัน เพื่อนสาวที่แสนดีของเธอยังมีชีวิตอยู่หัวใจของมาเดลีนรู้สึกสับสนเล็กน้อย ในความรู้สึกของเธอยังคงปะปนไปด้วยความคับข้องใจแต่นั่นก็ไม่เท่ากับสิ่งที่ถูกบรรเทาออกไปเอวาลุกขึ้นนั่งอย่างกระฉับกระเฉง ในขณะมองดูมาเดลีนที่ถูกเธอทำให้อยู่ในอาการมึนงงอยู่เธอขมวดคิ้วด้วยความภาคภูมิใจในแผนการของตัวเองและส่งยิ้มให้กับมาเดลีน“ยอมรับออกมาสักทีนะว่าฉันคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ วีล่า ควินน์”“...” มาเดลีนพูดไม่ออกท่ามกลางความเงียบงั้น มาเดลีนรู้สึกตัวว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้เธอจากทางด้านหลังเธอยืนขึ้นสุดตัวและหันหน้าไปมองทางต้นเสียงทันทีและตามคาด เธอเห็นแดเนียลกำลังเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ รูปร่างสง่างามและท่าทางของเขาถูกแต่งแต้มไปด้วยความตื่นเต้นในขณะที่ดวงตาของเขามีประกายของคราบน้ำตาที่ไหลอยู่ภาย
‘เธอยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ด้วย แมดดี้‘ไม่ต้องถามก็รู้ว่าตอนนี้ชีวิตของเธอยอดเยี่ยมแค่ไหน‘ขอบคุณพระเจ้า…’หลังจากที่ยอมรับว่าเธอคือใครแล้ว มาเดลีนก็ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เธอได้ประสบในช่วงสามปีที่ผ่านมารวมถึงแผนที่เธอกำลังจะทำให้พวกเขาฟังและด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เอวาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และหันไปมองแดเนียลที่ดูสิ้นหวัง “ไม่ทาง! แมดดี้ นี่อย่าบอกนะว่าเธอจะแต่งงานกับเจเรมี่จริง ๆ! จำไม่ได้หรือไงว่าเขาเกือบจะฆ่าเธอ! ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะข่าวการแต่งงานของเธอกับเจเรมี่บังคับให้พวกเราต้องทำแบบนี้พวกเราแค่อยากให้เธอยอมรับว่าตัวเธอคือแมดดี้”และด้วยเหตุนี้ เอวาเอาไหล่ของเธอสะกิดไปที่ไหล่ของมาเดลีนเป็นการหยอกล้ออย่างภาคภูมิใจ“ฉันรู้ว่าเธอห่วงฉันแค่ไหน เอาล่ะ แมดดี้ เธอได้คะแนนเต็มจากการทดสอบครั้งนี้!”มาเดลีนยิ้มออกมาก่อนที่จะทำสีหน้าขึงขังบ่งบอกถึงเรื่องที่เธอจะพูดต่อไป นั้นจริงจังแค่ไหน “การแต่งงานของฉันกับเจเรมี่เป็นสิ่งที่จำเป็นในแผนการ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่ฉันจะต้องแต่งงานกับเขา”“ทำไมล่ะ?” เอวาไม่เข้าใจ “ลืมไปแล้วหรือไงว่าเขาเคยร่วมมือกับเมเรดิธทำอะไรลงไปบ้างกับเธอ?”“ก็เพราะว่า
มาเดลีนเดินออกไปนอกประตูแล้วแต่ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวเดินต่อไปเธอได้ยินเมเรดิธ ตะโกนคำนั้นออกมา ลำแสงแห่งความหวังริบหรี่ได้ปรากฏขึ้นในสายตาเยือกเย็นคู่นั้นของเธอรวมไปถึงหัวใจของเธอเองก็เช่นกัน ที่เต้นแรงเกินกว่าที่ร่างกายตัวเองจะรับไหว ด้วยความสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน เธอหันหลังกลับไปมองและใช้สายตาที่ดุดันจ้องไปที่ผู้หญิงมอมแมมที่ยืนอยู่ข้างใน “เธอรู้ดีใช่ไหมว่าข้อเท็จจริงที่พูดออกมามันไม่ได้ส่งผลให้เธอหลุดพ้นจากข้อหาพวกนี้ได้ในทันที”เมเรดิธจ้องกลับดวงตาที่เป็นสีแดง “เปล่าเลยฉันไม่ได้โกหกอะไรทั้งนั้น! ลูกของเธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็แค่สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อทำให้เธอรู้สึกแย่ก็เท่านั้น แต่ความจริงแล้วฉันแอบซ่อนลูกของเธอเอาไว้เพื่อใช้เขาเป็นเครื่องต่อรองในสักวันหนึ่ง!”มาเดลีนพยายามสงบจิตใจของเธอเอาไว้ในขณะที่เดินหันหลังกลับไปพูดคุยกับเมเรดิธอย่างจริงจังอีกครั้ง “แล้วอะไรคือหลักฐาน? งั้นช่วยบอกทีว่าทำไมฉันจะต้องเชื่อ”“ถ้างั้นเธอยังหวังว่าลูกของตัวเองยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว?” เมเรดิธตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้กังวลมากกับเด็กที่เธอไม่มีแม้แต่โอกาสได้เห็น! มันแทบไม่ม
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ