‘เธอยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ด้วย แมดดี้‘ไม่ต้องถามก็รู้ว่าตอนนี้ชีวิตของเธอยอดเยี่ยมแค่ไหน‘ขอบคุณพระเจ้า…’หลังจากที่ยอมรับว่าเธอคือใครแล้ว มาเดลีนก็ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เธอได้ประสบในช่วงสามปีที่ผ่านมารวมถึงแผนที่เธอกำลังจะทำให้พวกเขาฟังและด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เอวาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และหันไปมองแดเนียลที่ดูสิ้นหวัง “ไม่ทาง! แมดดี้ นี่อย่าบอกนะว่าเธอจะแต่งงานกับเจเรมี่จริง ๆ! จำไม่ได้หรือไงว่าเขาเกือบจะฆ่าเธอ! ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะข่าวการแต่งงานของเธอกับเจเรมี่บังคับให้พวกเราต้องทำแบบนี้พวกเราแค่อยากให้เธอยอมรับว่าตัวเธอคือแมดดี้”และด้วยเหตุนี้ เอวาเอาไหล่ของเธอสะกิดไปที่ไหล่ของมาเดลีนเป็นการหยอกล้ออย่างภาคภูมิใจ“ฉันรู้ว่าเธอห่วงฉันแค่ไหน เอาล่ะ แมดดี้ เธอได้คะแนนเต็มจากการทดสอบครั้งนี้!”มาเดลีนยิ้มออกมาก่อนที่จะทำสีหน้าขึงขังบ่งบอกถึงเรื่องที่เธอจะพูดต่อไป นั้นจริงจังแค่ไหน “การแต่งงานของฉันกับเจเรมี่เป็นสิ่งที่จำเป็นในแผนการ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่ฉันจะต้องแต่งงานกับเขา”“ทำไมล่ะ?” เอวาไม่เข้าใจ “ลืมไปแล้วหรือไงว่าเขาเคยร่วมมือกับเมเรดิธทำอะไรลงไปบ้างกับเธอ?”“ก็เพราะว่า
มาเดลีนเดินออกไปนอกประตูแล้วแต่ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวเดินต่อไปเธอได้ยินเมเรดิธ ตะโกนคำนั้นออกมา ลำแสงแห่งความหวังริบหรี่ได้ปรากฏขึ้นในสายตาเยือกเย็นคู่นั้นของเธอรวมไปถึงหัวใจของเธอเองก็เช่นกัน ที่เต้นแรงเกินกว่าที่ร่างกายตัวเองจะรับไหว ด้วยความสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน เธอหันหลังกลับไปมองและใช้สายตาที่ดุดันจ้องไปที่ผู้หญิงมอมแมมที่ยืนอยู่ข้างใน “เธอรู้ดีใช่ไหมว่าข้อเท็จจริงที่พูดออกมามันไม่ได้ส่งผลให้เธอหลุดพ้นจากข้อหาพวกนี้ได้ในทันที”เมเรดิธจ้องกลับดวงตาที่เป็นสีแดง “เปล่าเลยฉันไม่ได้โกหกอะไรทั้งนั้น! ลูกของเธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็แค่สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อทำให้เธอรู้สึกแย่ก็เท่านั้น แต่ความจริงแล้วฉันแอบซ่อนลูกของเธอเอาไว้เพื่อใช้เขาเป็นเครื่องต่อรองในสักวันหนึ่ง!”มาเดลีนพยายามสงบจิตใจของเธอเอาไว้ในขณะที่เดินหันหลังกลับไปพูดคุยกับเมเรดิธอย่างจริงจังอีกครั้ง “แล้วอะไรคือหลักฐาน? งั้นช่วยบอกทีว่าทำไมฉันจะต้องเชื่อ”“ถ้างั้นเธอยังหวังว่าลูกของตัวเองยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว?” เมเรดิธตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้กังวลมากกับเด็กที่เธอไม่มีแม้แต่โอกาสได้เห็น! มันแทบไม่ม
ในหัวของเธอแสดงถึงความไม่เข้าใจในคำถามก่อนจะจ้องเฟลิเป้อย่างสับสน และนั่นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องราวในอดีตที่น่าตกใจให้เธอฟังสุดท้ายเธอก็เข้าใจถึงความหนักหน่วงของความลับที่เฟลิเป้เก็บไว้ในใจ…และก่อนที่เธอจะแยกแยะเรื่องราวความเป็นไปของเฟลิเป้ได้อย่างละเอียด โทรศัพท์มาเดลีนได้ดังขึ้นและผู้ที่โทรมาไม่ใช่ใครนั่นคือเจเรมี่ความอ่อนโยนปรากฏขึ้นในดวงตาเขาอีกครั้งในขณะที่มองมาเดลีนเดินออกจากห้องไป“ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษเลย สุภาพบุรุษที่ไหนจะผลักผู้หญิงที่เขารักไปอยู่ในอ้อมแขนแห่งวิบากกรรมแบบนั้น?”เขายิ้มจาง ๆ แววตาอันตรายส่องประกายในดวงตาของเขาในเวลาต่อมา ตามคำขอของเจเรมี่ ณ ตอนนี้ มาเดลีนมาถึงล็อบบี้ของบริษัทในเครือของวิทแมน เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไป แต่ในขณะเดียวกันเจเรมี่เองก็ได้เปิดประตูออกมาจากห้องกระจกพอดีอดคิดไม่ได้เลยว่าชายคนนี้ดูดซึมความสง่างามทุกย่างก้าวที่เขาเดินสายตาของเขามองไปยังมาเดลีน ความเย็นชาที่ถูกเคลือบเอาไว้ในสายตามันถูกละลายกลายเป็นความอบอุ่นในทันที“หลังจากได้รับโทรศัพท์น้ำเสียงของคุณดูเหมือนร้อนใจ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? ” มาเดลีนถามด้วยรอยยิ้ม“ใช
การที่ถูกจูบกะทันหันทำให้มาเดลีนไม่ทันได้ตั้งตัว เธอไม่คิดว่าเขาจะจูบแบบจู่โจมอย่างที่เกิดขึ้นเขาบอกว่าเขารักเธอนี่เขารักผู้หญิงที่ดูเหมือนภรรยาเก่าที่เขาเกลียดอยู่นั้นเหรอไร้สาระ‘นายไม่แม้แต่ปลายสายตามองฉันในวันที่ฉันให้ความสำคัญกับนายเพียงคนเดียว‘แล้วนี่กล้าดียังไงถึงมาบอกรักฉันตอนนี้ มาบอกอะไรในวันที่ใจฉันยอมแพ้แล้ว มันก็มีแค่เพียงความเกลียดชังที่ยังเหลืออยู่เท่านั้น?‘คงต้องบอกนายในวันนี้ สายเกินไปแล้ว เจเรมี่ วิทแมน‘และต่อให้นายจะตกหลุมรักฉันในตอนนี้ แต่มันก็ไม่สามารถรักษาบาดแผลที่โหดเหี้ยมในสิ่งที่นายได้ฝากเอาไว้ในหัวใจของฉันได้’คำแก้ตัวที่รู้สึกไม่สบายใจ มาเดลีนหันหน้าหนีการจูบจากเจเรมี่ถึงกระนั้น เธอก็ 'มีความสุข' ที่จะยอมรับการขอแต่งงานของเจเรมี่ณ ท้องฟ้าสีครามในขณะนี้ มาเดลีนรู้ดีว่าตัวเองกำลังเกี่ยวพันกับความเกลียดชังเหมือนกับสายน้ำที่ไหลเป็นคลื่นอยู่ข้างหน้าในตอนนี้‘ก็เพราะนายเป็นหนี้ฉัน เจเรมี่ ถึงเวลาที่นายจะต้องจ่ายคืนมาแล้ว'ภายในใจเจเรมี่เกิดความตึงเครียดในขณะที่เขาจ้องมองรอยยิ้มอันน่าหลงใหลบนใบหน้ามาเดลีนอยู่แบบนั้นอย่างเงียบ ๆ ประกายไฟในดวงตาข
แม้ว่าพิธีแต่งงานที่เกิดขึ้นจะขัดต่อความปรารถนาส่วนลึกในใจของเธอ แต่อย่างน้อยภายในพิธีแจ็คสันได้ทำหน้าที่เป็นผู้ถือดอกไม้ให้กับเธอท่ามกลางผู้มาเข้าร่วมงาม เธอเห็นเอโลอิสและฌอนมาร่วมอวยพรงานนี้เช่นกัน ถ้าจะพูดให้ถูก มันคงจะพูดได้ว่าเธอได้รับการยินยอมจากฝั่งพ่อแม่แล้วแล้วยังเป็นเวลาเดียวกันกับที่คุณนายวิทแมนกำลังรู้สึกหงุดหงิดกับสถานการณ์ในตอนนี้เหล่าคุณนายของเมืองได้จับกลุ่มคุยกันซึ่งหนึ่งในนั้นที่เป็นเพื่อนของคุณนายวิทแมนที่เป็นถึงภรรยาของมหาเศรษฐีบ่อน้ำมันก็เข้ามาแสดงความยินดีกับเธอ “ช่างเป็นลูกสะใภ้ที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ ขอแสดงความยินดีด้วยคุณนายวิทแมน เธอทั้งสวย รวย ทำงานเก่ง คราวนี้เธอคงพอใจกับลูกสะใภ้ของตัวเองแล้ว ใช่ไหม?”“รวยแล้วยังไงล่ะ? ใช่ว่าตระกูลของฉันจะจน! สามารถหาหญิงสาวสวยงามได้จากทั่วโลก รูปร่างหน้าตาของเธอก็เป็นแค่เหมือนกับมาตรฐานทั่วไปนั่นแหละไม่ได้เลิศเลอ!”คุณนายวิทแมนกลอกตาอย่างดูถูกส่งไปยังมาเดลีนที่กำลังดื่มกับแขกคนอื่น ๆ หลังจากที่เธอหันหลังกลับก็เห็นว่าเอโลอิสและฌอนยืนอยู่ เธอไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปคุยกับพวกเขา“คุณนายมอนต์โกเมอรี ฉันเองไม่อยากจะเชื่อเ
สีหน้ามาเดลีนได้เปลี่ยนไปตามคำพูดที่เธอได้ยินปานแผนของเธออาจจะต้องพังทลายลงหากเอโลอิสพูดถึงปานบนร่างกายของเธอ“ปานอะไร?” เจเรมี่ถามด้วยความสงสัย“มันเป็น—”“ฉันปวดหัวมากตอนนี้ เจเรมี่…”มาเดลีนขมวดคิ้วแสดงถึงความไม่สบายเนื้อสบายตัวในขณะที่เอโลอิสเริ่มจะบรรยายเกี่ยวกับปานรูปผีเสื้อ เธอเอนตัวลงไปพิงเขาอย่างอ่อนระทวยความสนใจของเขากลับไปสนใจที่มาเดลีนทันทีเขาอุ้มเธอเมื่อเห็นว่าเธออาการไม่ค่อยดี “ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรหรอก คิดว่า ฉันก็แค่เหนื่อยเท่านั้น” มาเดลีนเอ่ยตอบเสียงเบาในขณะที่เธอเอนพิงไหล่ของเขาทั้งดวงตาของเอโลอิสและฌอนส่องแสงบางอย่างไม่อาจอธิบายได้ด้วยในความกังวลใจขณะที่ดูเจเรมี่อุ้มมาเดลีนห่างออกไปในกลางคืนที่มืดขณะนี้สายลมยามเย็นได้พัดผ่านใบไม้ที่อยู่นอกหน้าต่างมาเดลีนที่กำลังหลับตานอนอยู่บนเตียง เธอต้องแกล้งทำเป็นหลับทั้ง ๆ ที่เธอไม่รู้สึกง่วงเลยนี่เป็นคืนแรกของพวกเขาในฐานะผู้แต่งงาน และเธอไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เจเรมี่กำลังคิดอยู่ เธออยากปฏิเสธที่จะนำพาความสัมพันธ์ในเชิงคู่รัก และหลังจากนั้นไม่นาน มาเดลีนได้ยินเจเรมี่เดินออกจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้
ริมฝีปากสีชมพูของมาเดลีนฉีกยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจในขณะที่มองไปยังผู้ชายที่นอนอยู่ข้างหน้าเธอด้วยสายตาเฉยเมย‘ใครกันนะที่บอกฉันว่าเป็นโรคนอนไม่หลับในช่วงสามปีที่ผ่านมา?‘แต่ดูเหมือนว่าเช้านี้นายจะดูพักผ่อนเต็มที่เชียว‘ฮึ่ม นายเคยรู้สึกผิดหรือรู้สึกไม่สบายใจในการตายของฉันบ้างไหม เจเรมี่?‘นายไม่เลย นายไม่เคยเลยสักนิด’มาเดลีนล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากที่ปลายสายตาไปมองชายคนนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่เธอเดินออกจากห้อง เธอก็เห็นว่าแจ็คสันเองได้เดินออกมาจากห้องเขาเช่นกัน“สวัสดีตอนเช้า แจ็ค”เธอยิ้มพร้อมเดินเข้าไปหาเขา“นี่ถึงเวลาต้องไปโรงเรียนแล้วเหรอ? อยากให้พี่สาวคนสวยคนนี้ทำอาหารเช้าให้ทานไหม?”แจ็คสันกระพริบตาและพยักหน้าอย่างไร้เดียงสาขณะที่เขามองมาเดลีน “ดีเลยครับ ขอบคุณครับ”อารมณ์ของมาเดลีนถูกชำระล้างออกจากความแค้นเล็กน้อยเมื่อได้เห็นความน่ารักของเด็กคนนี้ สาวใช้ภายในบ้านได้เตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว กระนั้นมาเดลีนเองก็ลงมือทำอาหารด้วยตัวเองอีกจานหนึ่ง นี้มันเป็นอาหารที่ง่ายและมีโภชนาการที่ดีสำหรับเด็กในวัยแจ็คสันแจ็คสันที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารเอาแต่จ้องไปที่อาหารรูปห
ทั้งมาเดลีนและเอโลอิสต่างพากันตาเบิกกว้างในสิ่งที่แจ็คสันพูดออกมาเอโลอิส แพททัล เป็นนักออกแบบที่มีฝีมือคนหนึ่งในวงการ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับเธอที่จะร่างแบบจำลองปานของมาเดลีนบนกระดาษได้อย่างสมบูรณ์แบบ มาเดลีนกังวลใจเพราะว่าแจ็คสันเคยบังเอิญผ่านมาเห็นปานในตอนที่เธอไม่ทันได้ระวังตัวหรือไม่“หลานเคยเห็นผีเสื้อตัวนี้ที่ไหน แจ็ค?” จากไหน? เอโลอิสโน้มตัวลงไปถามหลานชายตัวน้อยด้วยความกระตือรือล้น ไฟในดวงตาของเธอมีความมันวาวกับสิ่งที่จะได้ยินหลังจากนี้ ในทางกลับกัน มาเดลีนเอ่ยขึ้นขัด “ทำไมคุณถึงสั่งพิมพ์รูปนี้มากมายกัน คุณนายมอนต์โกเมอรี? หรือว่าเป็นวิธีตามหาลูกสาวของคุณ? เอโลอิสพยักหน้า “ฉันทำการโพสต์ตามหาเอาไว้ในอินเตอร์เน็ตเช่นกัน แต่พวกนี้ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ฉันอาจจะโชคดีที่จะหาลูกสาวของตัวเองเจอ ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถและทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เจอลูกสาวของตัวเองอีกครั้ง!”คำพูดของเธอไม่มีอะไรมากเพียงแค่มันเต็มไปด้วยความหวังและความจริงใจที่จะเจอลูกสาวของตัวเองเท่านั้นภายในใจของเธอในตอนนี้เร่งเร้าให้ตามหาลูกสาวที่หายไปนานหัวใจมาเดลีนสั่นและถูกบีบให้รู้สึกแน่น
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ