ฤทธิ์ของยาสลบทำให้มาเดลีนรู้สึกมึนงง เธอมีความคิดแวบหนึ่งเข้ามาในหัวแบบเลือนลาง มีใครบางคนเรียกเธอว่ามาเดลีนและเขายังบอกอีกว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้วนะมาเดลีนพยายามลืมตาขึ้นเพื่อจะดูว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่ว่าเปลือกตาเธอกลับหนักขึ้นในวินาทีนั้น ด้วยสัญชาตญาณ เธอโน้มตัวไปหาผู้ชายคนที่ไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอันตราย บางทีอาจเป็นเพราะเขาให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่เธอนี่อาจเป็นครั้งแรกที่มาเดลีนรู้สึกได้ถึงความหมายของการโดนปกป้องสิ่งที่เธอต้องเผชิญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่มีครั้งไหนเลยที่ได้รับความเจ็บเล็กน้อย และทุกครั้งที่เธอปรารถนาให้ใครสักคนมาช่วย ทุกครั้งสิ่งที่เธอได้กลับเป็นเพียงความเจ็บปวดที่เพิ่มมากขึ้นมันมาถึงจุดที่เธอยอมแพ้และสิ้นหวังกับทุกสิ่งเพราะหัวใจของเธอเหนื่อยล้าจากการผิดหวังจากเรื่องทั้งหมดนั้นตอนนี้ เธอเข้าใจแล้วว่าความหมายของการมีใครสักคนคอยหนุนหลังมันอุ่นแค่ไหน... เจเรมี่รู้สึกได้ว่าคนในอ้อมแขนของเขาโน้มตัวเข้าในอ้อมกอดของเขามากขึ้น มือของเธอค่อย ๆโอบขึ้นรอบคอเขาไว้เหมือนเป็นการทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นเจเรมี่มีสติกลับมายังเหตุการณ์ปัจจุบัน เขาจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ในอ
นิ้วงอเรียวของเขา เจเรมี่ดึงมือกลับมาที่ตัวเองขณะที่คำพูดเด็ดขาดของเอวาและแดเนียลยังดังก้องอยู่ในหัวของเขา‘เธอคือแมดดี้!‘ฉันไม่มีทางเชื่อว่ายังจะมีคนที่เหมือนกันทุกอย่างอยู่บนโลกนี้!’ทำไมพวกเขาดูมั่นใจ? เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเห็นหลักฐานบางอย่างที่สามารถระบุได้ว่าเธอคือมาเดลีนจริง ๆ ?หลักฐานที่ระบุได้?เจเรมี่นึกถึงไฝที่อยู่เหนือหน้าอกข้างซ้ายของมาเดลีนเจเรมี่จำได้ว่าวีล่าจับผ้าขนหนูที่หลุดยังไงในตอนนั้นเธอกำมันแน่นขึ้นขณะที่เธอเดินออกจากห้องน้ำในตอนที่เธอมานอนค้างคืนกับแจ็คสันหรือบางทีเธอไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะว่าเธอแค่เขินอายแต่เป็นไปได้ไหมที่เธอกำลังกังวลว่าเขาจะเห็นอะไรบางอย่างเลยปกปิดไว้?อัตราการเต้นของหัวใจของเจเรมี่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะมองไปที่มาเดลีนที่ยังคงหลับสนิทอยู่ นิ้วข้างหนึ่งของเขาแตะที่กระดุมบนชุดโรงพยาบาลของเธอ กระดุมเม็ดแรก เม็ดที่สอง และเม็ดที่สามที่ถูกปลดออกแต่ยังไม่ได้ถูกแยกตามลำดับกริ๊กก ประตูห้องเปิดออกเมื่อเจเรมี่ยังอยู่ในสภาพที่พยายามปลดกระดุมของมาเดลีน“นายทำอะไรของนาย?” เฟลิเป้เดินเข้าไปในห้องเห็นมือของเจเรมี่ยังอยู่บนเสื้อมาเดลีน เขาเดินเข้าไ
เพียงแค่เสี้ยววินาที เจเรมี่คิดว่าเขาได้ยินคนเรียกหา ‘เจซ’ ความคิดนี้ทำให้เขากลับมามีสติขณะที่สายตาสับสนของเขากำลังมองมาเดลีนเขาเฝ้าดูรอยย่นขมวดคิ้วสวยคู่นั้นของเธอและส่วนริมฝีปากที่ดูคล้ายดอกซากุระดูเหมือนว่าเธอกำลังนอนหลับ“ทำไม…”คิ้วของมาเดลีนขมวดหนักกว่าเดิมเมื่อมีคำถามเกิดขึ้น‘ทำไม?‘เธอพูดทำไม?’เจเรมี่เริ่มมองเห็นความทุกข์ใจที่มาเดลีนแสดงออกมา เจเรมี่พยายามตั้งใจฟังเธอให้ดีขึ้น“ทำไมนายไม่เชื่อ…”ปังขณะที่เจเรมี่กำลังจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้หูของมาเดลีน ประตูห้องได้ถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับเสียงดังปังเขาถูกขัดจังหวะเสียก่อนที่จะได้ยินประโยคเต็มทั้งหมดของมาเดลีนคิ้วที่แหลมคมของเขาขมวดขณะที่เจเรมี่เงยหน้าขึ้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจเอโลอิสเข้ามาในห้องพร้อมกับอารมณ์โกรธ “นายมายืนเฝ้าอยู่ข้างเตียงผู้หญิงคนนี้อย่างรักใคร่ได้ยังไงในขณะที่ลูกสาวของฉันโคม่าเพราะนาย เจเรมี่ วิทแมน? ไม่ใช่แค่นั้นนะ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่านายจูบเธอด้วย! นายเอาเมเรดิธไปไว้ที่ไหน?”จูบเธอ?เจเรมี่จ้องเอโลอิสแบบไม่ไยดี เขาคิดว่าเธอแค่เห็นเขาโน้มตัวไปหาวีล่าและเข้าใจผิดว่าพวกเขากำลังจู
ความทรงจำที่เลือนรางก่อนหน้านี้ก่อนที่เธอจะยอมจำนนต่อความมืดและหมดสติไปในที่สุด เธอจำได้แค่ว่าจู่ ๆ เจเรมี่ก็มาดูเหมือนจะช่วยเธอได้ทันเธอจำได้ว่าเขากอดเธอไว้แน่นแค่ไหนและปลอบโยนเธอได้ยังไงรวมถึงตัวเธอที่โน้มข้าไปในอ้อมกอดเขาเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้น ...มาเดลีนใจเต้นแรง เป็นจังหวะที่คุ้นเคยข้างในอีกครั้งเธอกัดริมฝีปากและกำหมัดแน่น‘ไม่หรอก ฉันจะตกหลุมรักเขาอีกครั้งได้ไงกัน?'ฉันเกลียดเขา!‘ความรักในตัวฉันตายไปพร้อม ๆ กับการถูกผลักไปยังจุดจบที่ล้ำลึกนั่นที่เขาบังคับให้ฉันเป็นผู้รับในตอนนั้น’‘มันก็เหมือนกับว่าผู้รอดชีวิตจากการจมน้ำจะไม่โหยหาทะเลอีกต่อไป‘แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะให้นายรู้ว่าการที่หายใจไม่ออกมันรู้สึกยังไง เจเรมี่’…เอโลอิสเดินกลับไปยังห้องพักฟื้นของเมเรดิธซึ่งเจเรมี่เองเดินตามมาไม่นานหลังจากนั้นเอโลอิสดูเหมือนจะภูมิใจในตัวเองเมื่อเจเรมี่มาถึง เมื่อคิดว่าคำพูดของเธอต้องทำให้เขาสำนึกบ้าง“นายใช้เวลานานเกินไปแล้วกว่าจะนึกเป็นห่วงเมเรดิธได้” น้ำเสียงของเอโลอิสเย็นชา“เมเรดิธมีช่วงเวลาที่ผ่านมาอย่างยากลำบาก เจเรมี่ ฉันไม่อยากเชื่อว่าเธอ... ถูกชายสี่คนเอาเป
ด้วยความยุติธรรม มาเดลีนจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาเห็นร่างแก้ผ้าเจเรมี่จำได้ว่าเขาเสียเวลาไปสองครั้งที่ทำให้เมเรดิธ ‘ท้อง’ มันเป็นเพียงแค่จากคำพูดของเธอเท่านั้นเมื่อตื่นมาในตอนเช้าของอีกวันว่าคืนก่อนทั้งสองคืนนั้นเราได้ร่วมนอนกันแต่ตอนนี้ เขากลับรู้สึกอยากผลักไสตัวเองออกจากพื้นที่นั้นเพียงแค่เห็นเมเรดิธยืนอยู่ในนั้นอย่างเลือนลาง“ฮือ ฮือ…ทำไม ฮือ…” เสียงครวญครางเศร้าโศกของเมเรดิธดังออกมาจากข้างในขณะนั้น เจเรมี่คว้าผ้าปูเตียงติดมือและเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับหลบตาต่ำ ก่อนจะเอาผ้าคลุมไว้รอบตัวเมเรดิธ“ออกมาได้แล้ว”ขณะที่ดึงเธอออกมาจากห้องน้ำได้ เขาก็เห็นว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมากความไม่พอใจแล่นเข้ามาในดวงตาเย็นชาของชายคนนั้นขณะที่ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างกลางคิ้วของเขา“เจเรมี่!” เมเรดิธค่อย ๆ เดินเข้าไปซบไปที่อกของเจเรมี่ เธอเอามือกอดรัดรอบตัวเขาไว้แน่นเหมือนปลาหมึก“ทำไมกัน เจเรมี่? ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับฉันได้? พวกเขาผลัดกันทรมานฉัน มันเจ็บ ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันรู้สึกขยะแขยง ฉันรู้สึกว่าตัวเองสกปรก! ฮือ…”“คุณคงไม่ต้องการฉันอีกแล้ว ใช่ไหม เจเรมี่? ไม่ใช่หลังจ
แม้จะพยายามหาข้ออ้างอย่างดีที่สุดในตอนนี้มาอธิบายยังไงกับเขาก็ตาม เจเรมี่ยังมองเธอด้วยสายตาที่ผิดหวังและมีความสงสัยปนอยู่ในนั้น“เจเรมี่…”“คุณไม่มีอะไรเลยที่เหมือนกับเมื่อครั้งที่เราทั้งคู่ยังเป็นเด็ก” เจเรมี่พูดเสียดสี “มันมาถึงจุดที่ผมอดคิดไม่ได้ว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ผมเคยเจอในตอนเด็ก”ดวงตาของเมเรดิธหดตัวลงอย่างกังวลกับคำพูดของเขา “เป็นไปไม่ได้! ฉันคือลินนี่ของคุณ เจเรมี่!”“ลินนี่” เจเรมี่มองเมเรดิธอย่างครุ่นคิดขณะที่เขาเอ่ยชื่อเธอออกมาก่อนจะดึงแขนของเขากลับจากการเกาะกุม “ผมจะตรวจสอบให้ละเอียดกว่านี้ คุณก็ควรจะหวังไว้ว่ามันจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ”“...” เมเรดิธพูดไม่ออกขณะที่เธอยืนอยู่ที่เดิม เธอเเฝ้ามองขณะเจเรมี่หันหลังจากไป เธอขบกรามแน่นพร้อมกับกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิดเจเรมี่จะไม่มีทางรู้ว่าฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!...สองวันต่อมา มาเดลีนลงนามในเอกสารสำหรับการออกจากโรงพยาบาลเสร็จเรียบร้อยก่อนที่เธอจะเดินตรงไปยังห้องที่เมเรดิธพักฟื้นอยู่ขณะยืนอยู่ที่หน้าประตู เธอได้ยินเสียงที่นุ่มนวลเอโลอิสที่พูดกับเมเรดิธ ความร
รอยยิ้มของมาเดลีนเบ่งบานขณะที่เธอมองหน้าเจเรมี่ คำพูดของเธอทำให้เมเรดิธโกรธจนเส้นเลือดเริ่มปูดขึ้นที่หน้าผาก“อย่าได้คิดที่จะเข้ามาเป็นมือที่สามของฉันกับเจเรมี่นะ วีล่า ควินน์! ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขารัก แล้วทำไมเขายังจะต้องอยากแต่งงานกับเธอด้วย?”เหตุการณ์มาถึงขั้นนี้ ในที่สุดเมเรดิธรีบลงจากเตียงด้วยความทุกข์ใจแล้ววิ่งไปหาเจเรมี่ น้ำตาที่คลอเบ้าก็แสดงให้เขาเห็นว่าเธอบอบบางเพียงใด “เธอโกหก ใช่ไหม เจเรมี่? บอกฉันทีว่าเธอโกหก”“เธอไม่ได้โกหก” เจเรมี่ไม่ลังเลที่จะตอบมันออกไปและคำตอบของเขาทำให้เมเรดิธตาค้างมาเดลีนยิ้มออกมาอย่างพอใจ “ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไปช่วยฉันไม่ทัน เจเรมี่ วันนี้คุณว่างไหม? ฉันแค่อยากจะขอบคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ”“ผมว่าง” เขาตอบเบา ๆ หันไปหามาเดลีน “ร่างกายของคุณฟื้นตัวเต็มที่แล้วเหรอ?”“ใช่ ดีขึ้นเยอะแล้ว” มาเดลีนฉีกยิ้มก่อนจะหันไปมองเมเรดิธโดยสื่อความหมาย “ฉันต้องขอขอบคุณ คุณครอว์ฟอร์ด สักหน่อยแล้ว ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจเรมี่ห่วงใยฉันมากแค่ไหนถ้ามันไม่เกิดเหตุการณ์ที่น่าวิตกขนาดนั้นที่เธอเป็นคนลากฉันเข้าไป”เมเรดิธหน้าแดงด้วยความอับอาย เมื่อเห็นเ
มองเข้าไปในดวงตาที่ซับซ้อนและยากที่จะอ่านของเจเรมี่ มาเดลีนดึงแขนตัวเองกลับมาก่อนที่จะลงจากรถอย่างทันทีเธอยิ้มออกมาอย่างไร้กังวลรู้สึกได้ถึงทุกสายตาที่เขามองตามเธอเมื่อออกจารถมาในที่สุดนายก็ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงที่น่ารังเกียจของเมเรดิธแล้วใช่ไหม เจเรมี่?‘โอ้พระเจ้า มันสายเกินไปแล้ว’‘มันสายเกินไปแล้วกับบาดแผลที่ฉันมีจะไม่มีวันหาย นายอาจต้องการใช้คนที่ฉันเป็นอยู่ในตอนนี้เพื่อปลอบประโลมความรู้สึกผิดในใจของนายได้ อย่างนั้นฉันจะเป็นคนผลักนายไปสู่ความตายของนายเอง’…เจเรมี่กลับรถหลังจากที่เขามองดูร่างที่เดินออกไปของมาเดลีนอย่างช้า ๆ จนหายไปจากสายตาเขาซื้อดอกกุหลาบ 88 ดอกและเดินไปที่สุสานมีเรื่องมากมายที่เขาอยากจะพูดออกมาแต่ในตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าหลุมศพของเธอคำพูดพวกนั้นกลับถูกกลืนหายไปผ่านไปสักพัก เขาพึมพำออกมา “บางทีฉันอาจจะพาผู้หญิงคนนั้นมาพบเธอหากโอกาสมาถึง ฉันแน่ใจว่าเธอจะต้องประหลาดใจแน่ ๆ ที่เห็นว่ามีใครบางคนที่ดูเหมือนเธอขนาดนั้นอยู่บนโลกนี้”การมองของเขามีความหมายเมื่อจ้องไปที่ชื่อบนหิน แสงอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วงโอบล้อมตัวเขา แต่ทว่ามันไม่สามารถขัดเงา
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ