เมเดลีนคิดว่าเธอตอบกลับเมเรดิธได้ดี อีกฝ่ายคงรู้สึกสะเทือนไม่น้อย แต่ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของเมเรดิธ เธอกลับรู้สึกพ่ายแพ้อย่างไร้ทางสู้เจเรมี่อยู่เคียงข้างหล่อนในการตรวจสุขภาพของแม่เด็กในระยะหลังมันควรจะเป็นสิ่งที่สามีภรรยาพึงกระทำ แต่เจเรมี่กำลังให้ความสำคัญกับผู้หญิงอีกคนเมเรดิธเดินนำหน้าด้วยความภาคภูมิใจ “แมดดี้เกิดอะไรขึ้น? เธอกำลังรู้สึกอารมณ์เสีย? หรือกำลังรู้สึกอกหัก?"เมเดลีนกำหมัดแน่น เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่ไม่สงบของตัวเธอเอง เธอปฏิเสธที่จะยอมให้ตัวเองเสียภาพลักษณ์ที่นิ่งสงบ “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกว่าเธอช่างไร้ยางอาย”ทันทีที่จบประโยค เมเดลีนจ้องมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเมเรดิธ“นี่! เมเรดิธ ฉันเองไม่คิดว่าจะสามารถพบเจอผู้หญิงคนไหนที่ไร้ยางอาย และยังภาคภูมิใจแบบเธอ คนที่คิดว่าตัวเองสูงส่งมากทั้ง ๆ ที่เป็นได้แค่เมียน้อย”"แก..."“วันหนึ่ง เจเรมี่จะรู้ว่าลูกในท้องของเธอ มันไม่ใช่สายเลือดของเขา”หน้ากากจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่เมเรดิธสวมอยู่ถูกฉีกออกจากใบหน้า ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มออกมา ขณะที่เธอพูดว่า“เจเรมี่รักฉันมาก ต่อให้เด็กคนนี้จะไม่ใช่ลูกของเขา แต่เขาก็ยังคงรักเด็กคนนี้ ไม่
เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นาน เจเรมี่ก็มาถึงที่นี่ แต่เขาไม่ได้มาตามคำขอของเมเดลีน เขามาเพื่อต่อว่าเธออย่างโหดร้ายแสงในห้องเยี่ยมผู้ต้องหาที่มืดสลัว แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่เมเดลีนจะเห็นแรงอาฆาตพยาบาท และความร้ายกาจบนใบหน้าของชายคนนั้นเมเดลีนยังคงยืนยันด้วยความหนักแน่น “ฉันไม่ได้เป็นคนผลักเมเรดิธ เธอล้มลงด้วยความตั้งใจของตัวเอง เจเรมี่โปรดเชื่อฉันสักครั้ง!”เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เจเรมี่ก็ยื่นมือออกมา มือเย็นของเขาจับหลังคอของเธอแน่นก่อนดึงเธอเข้าหาตัวดวงตาสีดำที่ไร้ก้นบึ้งของเขา นัยน์ตาสีดําเหมือนกริชเย็น เขายิงแสงสลัว ๆ และพูดว่า “ไม่เพียงแต่มีหลักฐาน แต่ยังมีพยาน เธอยังมีหน้ามาบอกว่าเธอไม่ได้ทำ?”“ฉันไม่ได้ทำ! เมเรดิธเป็นคนสร้างมันขึ้นมา! ฉันไม่ได้ผลักเธอ! ฉันไม่ได้ทำ!” เมเดลีนอารมณ์เสีย เธอยังคงเน้นย้ำความจริง โดยหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะเชื่อเธอสักครั้ง… ถึงอย่างนั้น ดวงตาของเจเรมี่่มีแต่ความน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ มือของเขาที่หลังคอของเธอถูกบีบให้แน่นขึ้น “แมร์ยอมเสี่ยงเอาชีวิตและลูกในท้องเพื่อมาใส่ร้ายเธอ? เมเดลีนเธอไม่คิดบ้างหรอว่าทฤษฎีของเธอช่างน่าสมเพชสิ้นดี”เมเดลีนกล้ำกลืน
เมเดลีนนึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้ตัวเธอเองอยู่ในสภาพที่สะบักสะบอมขนาดไหน และผู้หญิงทุกคนย่อมต้องการปรากฏตัวในภาพปลักษณ์ที่ดูดีที่สุดให้กับผู้ชายที่รักเห็น แต่บัดนี้นั้นเขากำลังเห็นเธอที่นี่ ในสภาพที่เลวร้ายและไม่เหลือชิ้นดีนี้ ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยรอยแผลที่มาจากน้ำใจที่เขามอบให้“ใครอนุญาตให้เข้ามา” เจเรมี่หยุดอยู่นอกประตูเมเดลีนมองไปที่เขา “นี่คือบ้านของฉัน”"บ้านของเธอ?" เขาหัวเราะเบา ๆ “เธอคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เรียกที่นี่ว่าบ้านของเธองั้นเหรอ”แสงสว่างในดวงตาของแมเดอลีนค่อยๆ จางหายไป พร้อมกับน้ำคำที่เจเรมี่มอบให้ประหนึ่งเศษแก้วทิ่มแทงหัวใจเธอ“ถ้าเมอร์ไม่ใจดีสงสารเธอ เธอก็คงได้นอนเน่าอยู่ในคุก” คำพูดของเจเรมี่ผสมผสานไปด้วยความรักที่มีต่อเมเรดิธ“เหอะ ใช่ ถ้ามันไม่เป็นเช่นนั้น ฉันก็คงไม่ได้ไปอยู่ในสถานที่บ้า ๆ นั่น”เจเรมี่กำลังโกรธอย่างเห็นได้ชัดกับสิ่งที่เธอพูด “นึ่เธอยังพยายามที่จะพูดเรื่องพรรณนั้นแม้กระทั่งตอนนี้งั้นเหรอ?“เจเรมี่ ฉันไม่ได้ทำ! ฉันกำลังพูดความจริง!" เมเดลีนกำหมัดแน่น เชิดหน้าขึ้นพร้อมคําพูดของเธออย่างสง่าผ่าเผยไม่ว่าอย่างไร ใบหน้าที่เหมือนเป็นงานชิ้นเอกของพ
เจเรมี่ เกิดความกลัวอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนมีหนามที่หลบซ่อนอยู่ในใจกำลังแทงเขาอย่างไร้ความปราณี เขาอุ้ม มาเดลีน ขึ้นมาโดยไม่มีความลังเลใด ๆเมื่อเมเรดิธเห็นทุกการกระทำจากด้านหลังเธอก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขา “เจเรมี่คุณจะพาแมดดี้ไปไหน”เจเรมี่ ไม่สนใจตอบคำถามกับนั่น เขารีบไปโรงพยาบาลในขณะที่อุ้มมาเดลีนตลอดเส้นทางที่รถวิ่ง สมองของเขาถูกล้อมรอบไปด้วยช่วงเวลาที่เขาได้พบกับหญิงสาวครั้งแรกเมื่อเขายังเด็ก ช่วงเวลานั้นละเอียดอ่อน แต่เงียบสงบและพึงพอใจ มันยังคงเล่นซ้ำอยู่ในสมองของเขาหัวใจของเจเรมี่เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เขาลืมไปแล้วว่าสิ่งที่เขาต้องทำคือการดูถูก มาเดลีน ณ ตอนนี้เขาพาเธอไปที่แผนกฉุกเฉินอย่างสุดชีวิตเธอบอกว่าเธอตั้งท้องและเด็กคนนี้เป็นของลูกของเขา ร่างกายของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดของเธอเจเรมี่รู้สึกราวกับว่าเขากำลังหายใจไม่ออกจากสิ่งที่มองไม่เห็น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหวังว่า มาเดลีน จะไม่เป็นไรเขาเดินกลับไปกลับมาขณะรออยู่ข้างนอก เขารู้สึกกังวลอย่างมากขณะนี้มีพยาบาลคนหนึ่งเดินออกมา เจเรมี่ดักหน้าเธอแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?ภรรยาผมเป็นอะไร”พยาบาลมองไปที่เจเรมี่ มีควา
หลังจากที่บังเอิญได้ยินเรื่องราวเกือบทั้งหมดท่าทีดั่งเดิมของเจเรมี่ก็เปลี่ยนไปเขาย่างกายเข้าใกล้เพื่อไขข้อสงสัยสายตาอันเฉียบคมกำลังหยุดจ้องจากด้านหลังที่มองเห็นเมเรดิธกำลังเอาหลังพิงผู้ชายคนหนึ่ง เขาคือหมอรักษาอาการของมาเดลีน เมเรดิธกำลังคุยกับเขา“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ฉันคิดไม่ถึวว่าแมดดี้ จะทำอะไรแบบนั้น…” ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเมเรดิธ ถอนหายใจเจเรมี่ ไม่เข้าใจเรื่องที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างเเจ่มแจ้ง เขาเดินไปข้างหน้าเพื่อจะถามถึงเรื่องราวทั้งหมด หมอก็ขมวดคิ้วและพูดอย่างเชื่องช้า “เฮ้อ! มันผิดจริยธรรมทางการแพทย์ของฉันที่จะโกหก แต่น้องสาวของคุณมีบางอย่าง จริง ๆ แล้ว เธอไม่ได้ท้อง แต่เธอยืนยันที่จะแสร้งทำเป็นท้อง แถมเธอยังใช้เลือดปลอมเพื่อหลอกว่าทารกได้รับผลกระทบ เมื่อเราตรวจพบเธอขู่ว่าจะฆ่าตัวตายและบังคับให้เราร่วมมือกับเธอ พวกเราไม่มีคำพูด ใดๆ!”ใบหน้าของเจเรมี่ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งทันทีหลังจากที่เขาได้ยินเรื่องนี้เธอแกล้ง?มาเดลีน เสแสร้งว่าท้อง? เลือดของเธอยังเป็นของปลอม?“ฉันเข้าใจดีทำไม แมดดี้ ถึงทำแบบนั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะถึงขั้นขู่ฆ่าตัวตายแล
“เฮ้! เจเรมี่ เหยียดหยันเล็กน้อย เขามองต่ำลงไปที่ มาเดลีน อย่างเย็นชาด้วยดวงตาสีเข้มของเขา“มาเดลีน ฉันเองสินะที่ประเมินเธอต่ำไป เธอทำได้แม้กระทั่งติดสินบนแพทย์ที่นี่เพื่อให้พวกเขาโกหกฉันเกี่ยวกับการตั้งท้องของเธอ เธอคิดว่าฉันเป็นคนโง่งั้นเหรอ? คิดว่าฉันจะโดนหลอกง่ายขนาดนี้เลยเหรอ”มาเดลีน เงยหน้าขึ้นและร้องไห้อย่างเศร้า ๆ “ไม่! ฉันไม่ได้โกหก เจเรมี่! ทำไมฉันต้องโกหกเรื่องแบบนั้น ฉันท้องจริงๆ! ไม่เชื่อฉันเหรอ สัมผัสท้องของฉัน เด็กอยู่ที่นี่จริงๆ…”มาเดลีน ลุกขึ้นยืนด้วยกำลังทั้งหมดและคว้ามือของ เจเรมี่ เธออยากให้เขาเชื่อเธอ เธอต้องการให้เขารู้สึกถึงชีวิตที่กำลังก่อตัวอยู่ในท้องของเธอกระนั้นเจเรมี่ ผลักมือของเธอออกไป“ออกไป! อย่ามาแตะต้องฉันด้วยมือที่สกปรกของเธอ!” ดวงตาของเจเรมี่เฉียบคมราวกับมีด “เธอไม่ได้ท้อง ถึงแม้ว่าเธอจะทัองจริง ๆ ฉันจะให้เธอทำแท้ง เธอไม่สมควรได้รับมัน! มาเดลีน ผู้หญิงอย่างเธอจะไม่มีโอกาสที่จะข้องเกี่ยวอะไรกับฉันทั้งนั้น!”เจเรมี่!” เมื่อ มาเดลีน เห็นว่า เจเรมี่ กำลังจะจากไปเธอก็วิ่งไล่ตามเขาในขณะที่สะดุด เธอคว้าแขนของเขา “ เจเรมี่อย่าไป เธอบอกฉันว่าเธอจะปกป้
แม้จะเป็นเช่นนั้น มาเดลีน ส่ายหัวและยิ้มออกอย่างฝืดเคือง อะไรคือความแตกต่างระหว่างการบอกเขาและไม่บอกเขา?เขาจะสนใจเธองั้นเหรอ? สำหรับเจเรมี่มันจะดีที่สุดถ้าเธอตายเพื่อผลประโยชน์ของเด็กในท้อง มาเดลีน ต้องใช้ชีวิตในเชิงบวกแพทย์บอกเธอว่าเด็กกำลังต่อต้านเธอยิ่งเด็กเติบโตในตัวเธอมากขึ้น มาเดลีน ก็จะยิ่งแย่ลงเนื่องจากตำแหน่งที่โอบอุ้มตัวน้อยอยู่เหนือเนื้องอกโดยตรงซึ่งนับวันจะแย่ลงมาเดลีน ส่งเรซูเม่ทางออนไลน์ออกไปนับไม่ถ้วนก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากพวกเขาและในที่สุดเธอมีหนึ่งบริษัทเสนองานให้เธอมันมาจาก บริษัท เล็ก ๆ พวกเขาต้องการให้ มาเดลีน ออกแบบแหวนคู่และเสนอราคาที่เหมาะสมให้กับเธอแน่นอนว่า มาเดลีน ยอมรับงานนั้น เธอทำงานทั้งวันในห้องของเธอและลงมาแค่ชั้นล่างเพื่อทำอาหารเด็กคนนี้อายุสามเดือน ในขณะนี้มันเป็นฤดูหนาวเธอจึงดูไม่เหมือนท้องขณะสวมเสื้อกันหนาวในช่วงที่ผ่านมานี้ เจเรมี่ ไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับเธอซึ่งเธอก็ชินกับมันแล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ประตูหน้า นอกจากนี้สิ่งที่เธอเห็นคือ เจเรมี่กลับมาที่บ้านมาชายคนดังกล่าวสวมเสื้อหนังสีดำ เสมือนมีออร่าเช่นคนที่บำเพ็ญศ
เมื่อเอวาได้ยินดังนั้นเธอก็เริ่มกังวล “มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด นี่เธอกำลังพูดเหลวไหลอะไร”“ฉันพูดจริง” มาเดลีน ยิ้มเบา ๆ เธอทอดสายตามองไปที่มหาสมุทรสีฟ้าตรงหน้าและความทรงจำที่สวยงามก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง“นี่คือจุดที่เจเรมี่และฉันให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะรักกัน” เธอกล่าวก่อนจะกลับลำเรือตัวเองอย่างรวดเร็ว “มันคือจุดเริ่มต้นของความรักข้างเดียวของฉัน”เอวาชะงักทันที จากนั้นสมองของเธอก็จดบันทึกเรื่องราวที่เธอได้รับฟัง “ถ้างั้น นี่คือสถานที่ ที่เธอและเขาพบกันครั้งแรก”มาเดลีน พยักหน้าก่อนจะปิดเปลือกตาลง แสงแดดส่องลงมาที่ใบหน้ากลมมนต์ที่มีแต่กระดูก “ตอนนั้นเขาบอกฉันว่า ‘ลินน์นี่ เมื่อเราโตขึ้นฉันจะพาเธอไปเป็นเจ้าสาวของฉัน’”มาเดลีนพูดก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ไม่นานนักน้ำตาจากดวงตาคู่สวยได้ล่วงหล่นบนแก้ม อย่างเงียบ ๆเอวาโกรธมาก “ผู้ชายทุกคนบนโลกนี้เป็นคนโกหก! เจเรมี่ รู้วิธีโกหกเด็กผู้หญิงตั้งแต่อายุยังน้อย เธอตกหลุมพรางของเขาเข้าจัง ๆ!”“ใช่ ฉันคิดว่าเขาจริงใจ ไม่เพียงแค่คิดแค่นั้น แต่ฉันยังคิดว่าเขาจริงจังด้วย”“แมดดี้ยอมแพ้เถอะนะ ผู้ชายคนนั้นไม่มีอะไรไม่คุ้มค่ากับความรักขอ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ