ในขณะนั้นเจเรมี่รู้สึกราวกับว่าถูกกระชากหัวใจออกมาอย่างแรงเขารีบเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะ ภายใต้แสงไฟอ่อน ๆ เขาเห็นเมเดลีนกำลังตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ เธอกำผ้าห่มแน่น ดวงตาของเธอปิดสนิท ขณะที่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขอความช่วยเหลือด้วยความรู้สึกหวาดกลัว“เจเรมี่ อย่าไป อย่าไป...”เธอกำลังฝัน ทว่าน้ำเสียงฟังดูเหมือนเธอกำลังร้องไห้ออกมาจริง ๆ แล้วเจเรมี่ก็เห็นหยดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาจากปลายหางตานั้นเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายคงจะกำลังฝันร้าย เขาจึงกุมมือเธอเอาไว้ด้วยความปวดใจ “ลินนี่”ทว่าในทันทีที่เขาเรียก เมเดลีนก็สะบัดมือออกอย่างแรง และถามขึ้นในทันใด “ไรอัน คุณต้องการอะไร?” เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังฝันถึงไรอัน ในความฝันนั้นไรอันพยายามบังคับให้เธอทำในสิ่งที่เธอไม่อยากทำเจเรมี่ยื่นมือออกไปจับมือที่เย็นจัดของเมเดลีนอีกครั้งด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ“ตื่นสิ ลินนี่”“ไม่ ไม่…”“ลินนี่”“ไรอัน ปล่อยพ่อแม่ฉันนะ! ฉันจะไม่หนีอีกแล้ว ฉันจะทำตามที่คุณพูด ฉันขอร้องล่ะ...”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ยิ่งทำให้หัวใจของเจเรมี่แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย‘ลินนี่ คนสารเลวนั่นบังคับและข่มขู่คุณใช่ไหม?‘มันต้อ
‘ไม่ มันเพิ่งผ่านไปไม่นาน เธอคงยังไปไหนได้ไม่ไกล’เจเรมี่บอกกับตัวเองราวกับกำลังพยายามปลอบใจเขากลัวเกินกว่าจะปล่อยให้เธอหายไปอีกเขาเคยเป็นคนที่ไม่กลัวความตาย แต่ตอนนี้เขากลับตัวสั่นด้วยความกลัวจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ“ลินนี่!”เจเรมี่ตะโกนเรียกชื่อเมเดลีนในอากาศ แต่การตอบกลับเดียวที่เขาได้รับกลับมาคือเสียงกิ่งไม้ที่ปลิวไปตามแรงลมยามค่ำคืน‘คุณอยู่ที่ไหนลินนี่?‘คนโง่ เจเรมี่ของคุณอยู่นี่ไง’เจเรมี่รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกจุดไฟเผาและมอดไหม้ ในขณะนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องของใครบางคนล้มลงบนพื้นมาจากระยะไกล “ลินนี่!”เจเรมี่รีบตรงไปตามทิศทางของเสียงและเห็นว่าเป็นเมเดลีนที่สะดุดล้มร่างบางวิ่งไปที่แม่น้ำด้านหลังวิลล่าอย่างไม่มีเหตุผล ภายใต้แสงไฟบนท้องถนนนั้น เจเรมี่มองเห็นเมเดลีนล้มลงกับพื้นได้อย่างชัดเจนเขาวิ่งไปหาเธอ แต่อีกฝ่ายก็พยายามที่จะลุกขึ้นหนี“ลินนี่”เขาพุ่งเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วแสง ก่อนจะอุ้มร่างบางขึ้นโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวทันทีที่ผิวสัมผัสกัน เจเรมี่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเมเดลีนกำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อเธอได้สติอีกครั้ง เธอก็รีบผลัก
เมื่อพูดจบเมเดลีนก็มุ่งความสนใจไปกับสิ่งที่อยู่ในมือของเจเรมี่แสงจันทร์ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกบาง ๆ แสงสว่างนวล ๆ เพียงเล็กน้อยนั้นทำให้ใบหน้าของเมเดลีนดูอ่อนโยนขึ้นมาในตอนนั้นเธอยืนนิ่งราวกับตุ๊กตาที่สงบเงียบและเชื่อฟัง ขณะที่แววตาก็สะท้อนไปด้วยสีสันที่หลากหลาย“เจเรมี่” มือเรียวค่อย ๆ ยื่นไปจับเปลือกหอยหลากสีสันที่สีเริ่มจางไปตามกาลเวลาจากมือของเจเรมี่ความทรงจำในวัยเด็กของเธอผุดเข้ามาในความคิดอย่างแจ่มชัด“นี่มันเปลือกหอยที่ฉันให้เจเรมี่” เธอเอ่ยเบา ๆ สภาวะอารมณ์ของเธอไม่แปรปรวนอย่างก่อนหน้านี้แล้ว “ทำไมมันอยู่ที่คุณ? พวกคุณจับเจเรมี่ไปจริง ๆ ใช่ไหม? คุณขโมยมันมาจากเขา!”เจเรมี่จับมือเย็นของเธอเอาไว้แน่น “ลินนี่ นี่คือของขวัญที่คุณมอบให้ผมเพื่อเป็นตัวแทนความรักของเรา ผมไม่เคยให้ใคร และไม่มีใครเอามันไปจากผมได้ ฟังผมนะ ผมคือเจสของคุณ”ดวงตาของเมเดลีนเป็นประกายขณะจดจ้องไปที่เจเรมี่อย่างครุ่นคิด และเมื่อยิ่งครุ่นคิดเธอก็ยิ่งต้องขมวดคิ้ว“เจเรมี่? คุณคือเจเรมี่งั้นเหรอ? คุณคือเจเรมี่จริง ๆ ใช่ไหม?!” เธอพึมพำแล้วยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของเขาความรู้สึกอบอุ่นที่คุ้นเคยค่อย ๆ ไล่จากปลา
เมื่อใกล้จะเช้า เจเรมี่ก็ได้ยินเสียงความวุ่นวายดังมาจากข้างนอก เขาจึงออกมาบอกให้คาเลนช่วยดูแลเมเดลีนไว้เผื่อเธอตื่นขึ้นมาคาเลนงง แต่ก็พยักหน้ารับ และในตอนที่เธออยากจะถามเหตุผล เจเรมี่ก็กลับเข้าไปในห้องแล้วในขณะที่เมเดลีนยังคงหลับอยู่นั้น เจเรมี่ก็สามารถหลับตางีบได้บ้างแต่หลังจากที่หลับไปได้ไม่นานเขาก็เริ่มฝันร้าย เขาฝันว่าเมเดลีนจะหนีเขาไปอีก ซึ่งสร้างความกระวนกระวายใจให้กับเขาไม่น้อยทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจตื่น และเห็นว่าเตียงอีกฝั่งว่างเปล่า“ลินนี่”เจเรมี่ลุกจากเตียงและรีบออกจากห้องไป ขณะที่จะลงไปตามหาเมเดลีนที่ชั้นล่าง เขาก็เห็นเธอกำลังคุยกับลูก ๆ ทั้งสองอยู่ที่โถงชั้นล่างเสียก่อน สิ่งนี้ทำให้หัวใจที่กระวนกระวายนั้นสงบลงในทันทีเขาเดินกลับไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำและแต่งตัวให้เรียบร้อย จากนั้นก็รีบลงมาหาเมเดลีน เขาต้องการคอยอยู่ข้าง ๆ เพื่อปกป้องและดูแลเธอ“ลินนี่” เขาเรียกเมเดลีนที่กำลังดูการวาดภาพของลิเลียนเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเจเรมี่เธอก็คลี่ยิ้มจาง ๆ“ตื่นแล้วเหรอคะ เจเรมี่”เจเรมี่ประหลาดใจ “คุณจำผมได้แล้วใช่ไหม ลินนี่?”เมเดลีนยิ้มและมองมาที่เขา “คุณจะพาฉ
เมเดลีนรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ราวกับกำลังยืนอยู่ในถ้ำน้ำแข็งเธอรู้สึกได้ถึงแขนแกร่งที่พาดผ่านศีรษะไปหยิบหนังสือมายื่นให้ตรงหน้าเธอ“เอาไปสิ” เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้งหัวใจของเมเดลีนเต้นรัวในขณะที่กำลังหมุนตัวเพื่อเดินเลี่ยงออกมาหลังจากได้ยินเสียงนั้นเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบกับดวงตาที่มืดมนคู่หนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมอารมณ์ของเมเดลีนที่พยายามควบคุมมาโดยตลอด ตอนนี้กำลังจะเสียการควบคุมลงอีกครั้ง“ไรอัน”เธอเอ่ยเบา ๆ ด้วยริมฝีปากสั่นเทาไรอันยกมือขึ้นปรับหมวกเพื่อปิดดวงตาลึกคู่นั้น ริมฝีปากสีซีดคลี่ออกเล็กน้อย“คิดว่าคุณลืมผมไปแล้วซะอีก” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์จนเกือบเย้ายวนเมื่อเห็นสีหน้าวิตกกังวลของเมเดลีน เขาก็ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าสวยเบา ๆ ทว่าเธอเบี่ยงหน้าหลบ เธอต้องการหนี แต่ไรอันขวางทางเธอไว้“ต้องการอะไร? คุณ... คุณต้องการอะไรอีก?” เมเดลีนถามด้วยความประหม่า ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในแววตาของเธออีกครั้ง“ผมบอกไปแล้วว่าตราบใดที่คุณเชื่อฟัง ผมจะไม่ทำให้คุณมีปัญหา แต่ว่า… เอวลีน คุณก็ยังไม่เชื่อฟังผมเลย”“ลินนี่”หลังจากที่ไรอันพูดจบ เสียงของเจเรมี่ก็ดังขึ้
เจเรมี่ไม่ได้ตะโกนเรียกเมเดลีนเพราะกลัวว่าจะทำให้ไรอันรู้ตำแหน่งของเขาไรอันเองก็ไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้เจเรมี่กำลังเดินตามใกล้เข้ามา เขาเปิดประตูรถและสั่งให้เมเดลีนเข้าไป “เข้าไปในรถ ผมจะพาคุณไปหาเจเรมี่”เธอมองไรอันด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างมีคำถามและหันหน้าหนีอย่างไม่เต็มใจอย่างไรก็ตามในจังหวะที่กำลังจะขึ้นรถ เมเดลีนก็เห็นเจเรมี่จากปลายหางตาเธอหันไปมอง ก่อนจะปรากฎรอยยิ้มประหลาดใจขึ้นบนใบหน้าเจเรมี่เองก็สังเกตว่าเธอเห็นเขาแล้ว เขาจึงต้องการบอกให้อีกฝ่ายแสร้งทำเป็นว่าไม่เห็นเขาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไรอันรู้ตัว แต่เมเดลีนตอบสนองเร็วว่าและเรียกเขาราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่เธอทำเป็นประจำ“เจเรมี่!”เมเดลีนคลี่ยิ้มในขณะที่ร้องเรียกเจเรมี่ มรขณะเดียวกันเธอก็พยายามจะวิ่งไปหาเขาในที่สุดไรอันก็รู้ว่าเจเรมี่เจอเขาเข้าแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าเมเดลีนกำลังพยายามวิ่งไปหาอีกฝ่าย ไรอันจึงรีบคว้าข้อมือเล็กแล้วดึงเข้ามาหาตัวอย่างรวดเร็วเจเรมี่ต้องการหยุดเขา แต่ทั้งสองกลับอยู่ห่างออกไป เขาจึงได้แต่เฝ้าดูเมเดลีนถูกไรอันจับกุมเอาไว้“ไรอัน ปล่อยลินนี่นะ!”“อย่าพูดอะไรที่ไร้เดียงสาแบบนั้นสิ ฉันมา
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เมเดลีนก็รู้ทันทีว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติเธอพลิกตัวไปด้านข้างและพยายามจะลุกขึ้นจากพื้น ทว่าไรอันก็ดึงเธอให้เข้าไปเผชิญหน้ากับเขาอย่างแรง“ผมปล่อยโอกาสสุดท้ายนี้ไปไม่ได้อีกแล้ว เอวลีน” แววตาของไรอันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และแดงก่ำราวกับปีศาจจากนรก ขณะที่มือใหญ่ของเขายื่นมือออกมาเพื่อฉีกกระโปรงของเมเดลีนเมเดลีนคว้ามือนั้นไว้แล้วกัดเข้าไปอย่างแรงไรอันขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังคงดื้อรั้นได้แบบนี้ทว่าเขาก็เพิกเฉยและจับมือของเมเดลีนเอาไว้ ก่อนจะก้มศีรษะลงเพื่อจูบเธอ“คนสารเลว ปล่อยฉันนะ!” เมเดลีนดิ้นรนสุดกำลัง แต่แรงของเธอเทียบกับเขาไม่ได้เลย “เจเรมี่!”เธอร้องเรียกเจเรมี่ด้วยหวังในใจลึก ๆ ว่าเขาจะมาปกป้องเธอจากปีศาจร้ายตรงหน้า “คนสารเลว แกโกหกฉัน! แกบอกว่าจะพาฉันไปหาเจเรมี่นี่!” เมเดลีนด่าออกมาด้วยความโกรธจูบที่ไรอันกำลังจะมอบให้เธอหยุดลงกลางอากาศคำพูดของเมเดลีน ทำให้เขารู้ถึงสภาพจิตใจของเธอเป็นอย่างดีปกติแล้วเมเดลีนจะไม่พูดแบบนี้ออกมา‘โอ้ เธอโดนฉันทำให้เป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ’ไรอันคิดแล้วเมินเฉย และตอนนี้เมเดลีนก็หลุดพ
เมเดลีนสงสัย แต่ก็ไม่รีรอที่จะช่วยแกะผ้าก๊อซเปื้อนเลือดออกอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นบาดแผลเธอก็ต้องผงะ“คุณโกหกฉัน ฉันไม่ได้เป็นคนทำ” เธอจ้องไรอันด้วยความไม่พอใจ “คุณมันน่ารังเกียจ คุณโกหกและบอกว่า จะพาฉันไปหาเจเรมี่ แล้วตอนนี้คุณยังโกหกฉันอีกว่า ฉันเป็นคนที่ทำร้ายคุณ”ไรอันหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินอย่างนั้น “ใช่ ผมโกหกคุณ แล้วคุณจะทำอะไรผม?”เมเดลีนเม้มปากแน่น ขณะที่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม“ฉันไม่ทำอะไรคุณหรอก ฉันแค่อยากให้คุณปล่อยพ่อแม่ฉันไป และเลิกมุ่งร้ายเจเรมี่สักที”ไรอันรู้สึกขัดแย้งอยู่พักหนึ่งเมื่อฟังคำขอของเธอพ่อแม่ของเธอปลอดภัยแล้ว เจเรมี่ก็เช่นกันเห็นได้ชัดว่าเธอรู้เรื่องเหล่านี้แล้ว แต่ตอนนี้เธอน่าจะสูญเสียความทรงจำอีกครั้งจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยเธอสติฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ครึ่งปีก่อนในตอนที่บังเอิญได้เจอเธออีกครั้ง เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจและฉลาดมาก เธอมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูให้เขาตกหลุมรักอย่างไม่รู้ตัวเธอแข็งแกร่งและไม่ยอมใครมาโดยตลอดแต่สุดท้ายเขากลับเป็นคนบีบบังคับจนทำให้เธอต้องกล
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ