แววตาของไรอันอ่อนโยนไม่ได้มีความร้ายกาจอย่างในตอนแรกอีกทว่าเมเดลีนก็ยังรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย “คุณต้องการอะไร?”ไรอันชำเลืองมองบาดแผลที่มีผ้าพันแผลพันไว้บนไหล่ของเขา แล้วยื่นมือออกไปจับมือของเมเดลีน ทว่าผลลัพธ์ก็เป็นไปอย่างที่เขาคิดเมเดลีนปัดมือเขาออกทันที “ทำบ้าอะไร?” เธอโพล่งถามตรง ๆ ไรอันยิ้มเศร้า “เดี๋ยวคุณก็รู้”พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนงช้า ๆ เขาจ้องมองแววตาที่สงสัยและไม่สบายใจของเมเดลีน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ถ้าคุณทำตามเงื่อนไขที่ผมบอกได้ ผมจะส่งคุณกลับไปหาเจเรมี่เอง”เมเดลีนเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อในสิ่งที่เขาบอก แต่เธอก็รู้ว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอื่น…เมื่อรถแท็กซี่ขับเลยทางแยกมา เจเรมี่ก็มองไม่เห็นรถคันที่ไรอันลักพาตัวเมเดลีนไปแต่หลังจากขอดูกล้องวงจรปิดไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาก็พบเข้ากับบ้านที่ทรุดโทรมหลังหนึ่งทันทีที่เข้ามาเจเรมี่กลับไม่พบใครเลย เขาเรียกชื่อเมเดลีนซ้ำ ๆ อย่างมีหวัง “ลินนี่ คุณอยู่ที่นี่หรือเปล่า? ลินนี่?”ชายหนุ่มยังคงตั้งตารอฟังเสียงตอบจากเธอ แต่ก็ได้กลับมาเพียงความเงียบงันเจเรมี่พยายามหาเบาะแสอื่น ๆ เพิ่มเติม ก่อนจะพบกั
“เอวลีนอยู่ไหน? เธอไม่ได้กลับมาด้วยเหรอ?” แววตาของเอโลอิสเต็มไปด้วยคำถามและความโหยหาเจเรมี่ขมวดคิ้วด้วยความไม่สบายใจ ก่อนจะมองไปที่คนถามแล้วเอ่ย “ผมจะรีบพาเอวลีนกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้ ผมจะต้องพาเธอกลับมาให้ได้”หลังจากที่พูดจบ เขาก็เดินออกไปทันที แม้ว่าเดิมทีจะอยากสอบถามอะไรบางอย่างกับผู้อาวุโสวิทแมน แต่ตอนนี้เขาไม่อยากทำอย่างนั้นแล้วเขารู้ว่าการที่ฌอนดุเขานั้นถูกต้องแล้วเพราะตอนนี้ไรอันคลั่งไปแล้วจริง ๆไรอันมาถึงทางตันแล้ว และมีเพียงเมเดลีนเท่านั้นที่จะทำให้เขากลับมาชนะได้เจเรมี่ใช้เส้นสายเกือบทั้งหมดในเกลนเดลเพื่อตามหาเมเดลีน ผ่านไปครึ่งชั่วโมงในที่สุดเขาก็ได้เบาะแส...บนถนนที่อาบไปด้วยแสงสีทองของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ไรอันถือไอศกรีมราดด้วยวิปครีมยื่นให้เมเดลีนด้วยรอยยิ้มดูเหมือนเธอจะไม่ต้องการ ไรอันจึงจัดการยัดไอศกรีมไว้ในมือเธอ “ผมซื้อมาให้ คุณต้องกินให้หมด”เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วสวมหมวก ก่อนจะจับมือพาเมเดลีนเดินไปที่สวนสนุกขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลที่นี่เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในเกลนเดล และไฮไลท์ของที่นี่คือจะมีการแสดงดอกไม้ไ
เมเดลีนเลิกคิ้ว และรู้สึกราวกับว่าไอศกรีมในปากนั้นจืดชืดไปเสียหมดแม้ว่าสภาพจิตใจในปัจจุบันจะยังไม่ปกตินัก แต่เธอก็เข้าใจในสิ่งที่ไรอันกำลังพูดในขณะนั้นใบหน้าที่ใจดีและอ่อนโยนของผู้อาวุโสวิทแมนปรากฏขึ้นในใจของเธออย่างชัดเจน“คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร คุณปู่ไม่ใช่คนแบบนั้น” เมเดลีนปกป้องอย่างไม่ลังเล“ผมมีหลักฐาน” ไรอันตอบโต้กลับอย่างเย็นชาเมเดลีนผงะไป และเงียบฟังในสิ่งที่ไรอันพูดต่อ “ปู่ของผมและปู่ของเจเรมี่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก แต่เพราะในตอนนั้นปู่ของผมท่านเชื่อใจตาแก่เจ้าเล่ห์นั่นมากเกินไป สุดท้ายท่านก็เลยต้องมาพบกับความตายที่น่าอนาถ”ไรอันยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าเมเดลีนน่าจะไม่เข้าใจเขาชายหนุ่มถอนหายใจแล้วหัวเราะเบา ๆ ราวกับว่ากำลังพูดอยู่กับตัวเอง “ผมคิดว่าคุณคงจะเคยรู้สึกเหมือนถูกหักหลังมาบ้างใช่ไหมล่ะ?”เขาทำเหมือนกำลังถามเมเดลีน “ตอนแรกคุณไว้ใจผมมาก แต่ผมเข้าหาคุณเพื่อล้างแค้นให้ปู่ก็เท่านั้น และผมก็เกลียดทุกคนในตระกูลวิทแมน”ไรอันหยุดพูดไปเล็กน้อย นัยน์ตาสีเข้มของเขาจ้องเขม็งไปที่เมเดลีน ก่อนประกายเหล่านั้นจะอ่อนลงอีกครั้ง“แต่หลังจากที่รู้ว่าผ
“ลินนี่!”เจเรมี่แสดงท่าทางประหลาดใจ ทว่าความประหม่าในใจก็สงบลงบ้างเล็กน้อยเขาเริ่มเดินตรงเข้าไปหาเธอ แต่ต่อมาเขาก็เห็นว่าไรอันยืนอยู่ข้าง ๆ เธอด้วยทันใดนั้นความโกรธก็เริ่มปะทุในแววตาของเจเรมี่ ตำรวจและเจ้าหน้าที่อินเตอร์โพลที่มากับเขาเองก็สังเกตเห็นเมเดลีนแล้วเช่นกันพวกเขายังจำได้ว่าชายในชุดดำและสวมหมวกคือ ไรอัน“ใช่ นั่นไรอัน โจนส์ เขาไม่เป็นไร เราต้องส่งหน่วยปฏิบัติการไปจู่โจมทันที แต่ก่อนอื่นเราต้องมั่นใจในความปลอดภัยของตัวประกันด้วย”เจเรมี่ขมวดคิ้วด้วยความกังวล “ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมากเกินไป ถ้าเราจับกุมเขาเลยอาจสร้างความตื่นตระหนก และทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายได้”เขาคำนึงถึงผลกระทบหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้หากไรอันถูกจับกุมที่นี่เวลานี้ และตลอดเวลานั้นสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่เมเดลีนตลอดโดยไม่ละสายตาไม่มีใครสามารถเข้าใจความทรมานในใจของเขาในขณะนี้ได้เลยทั้งตำรวจและเพื่อนร่วมงานของเขาจากอินเตอร์โพลต่างก็เห็นด้วยกับเหตุผลที่เขาบอกเจเรมี่หรี่ตามองเมเดลีนที่ถูกไรอันควบคุมอยู่ ก่อนจะคิดแผนการที่จะไม่ทำให้ฝ่ายไหนต้องเจ็บตัวไรอันซึ่งอยู่บนจุดที่ทำไว้สำหรับรับชมดอกไม้ไฟพ
ในขณะนั้นเองเมเดลีนก็รู้สึกว่ามีอะไรอุ่น ๆ กระเซ็นใส่ใบหน้าของเธอจากนั้นของเหลวสีแดงสดก็กระฉูดออกมาจากบริเวณหัวใจของไรอันภาพที่น่ากลัวของเลือดนั้นสะท้อนอยู่ในดวงตาของเมเดลีนดวงตากลมสวยเบิกกว้างอย่างตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไรอันเองก็ไม่คิดว่าจะมีคนลอบยิงเขา กระสุนผ่านทะลุหัวใจเขาอย่างแม่นยำ และในเวลาเพียงชั่วพริบตา เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่เป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิตเขาแล้วแต่ดูเหมือนยังมีบางสิ่งที่เขาไม่สามารถละทิ้งไปได้ ความหมกมุ่นยึดติดยังคงล่องลอยอยู่ในแววตาไรอันจับข้อมือของเมเดลีนแน่น จากนั้นสายตาของเขาก็ค่อย ๆ พร่ามัวขึ้นเรื่อย ๆก่อนร่างสูงจะล้มลง ไรอันเอ่ยบางอย่างด้วยเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยินกับเมเดลีนดวงตาของเมเดลีนเบิกกว้างขณะที่มองดูไรอันทรุดตัวลงไปกับพื้นอย่างช้า ๆ ต่อหน้าต่อตาเธอ สิ่งเดียวที่ยังติดอยู่ในหัวเธอตอนนี้คือภาพนองเลือดที่เธอเพิ่งเห็น และสิ่งที่ไรอันพูดก่อนที่จะล้มลงไป“ลินนี่!”ในขณะที่ตกอยู่ในสภาวะงุนงง เธอก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนดังลั่นในวินาทีต่อมาเธอก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคย ก่อนจะตามมาด้วยอ้อมแขนแข็งแกร่
เพื่อนร่วมงานที่รออยู่นอกห้องผ่าตัดแจ้งให้เขาทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุด “กระสุนทะลุเข้าไปใกล้กับหัวใจและเขาก็เสียเลือดมาก ผมว่าอาการไม่ค่อยจะดีนัก”เจเรมี่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น “คุณยิงเขาทำไม? ผมมั่นใจว่าจะทำให้ไรอันปล่อยภรรยาผมได้”“ตำรวจเห็นว่าภรรยาของคุณกับไรอันดูเหมือนกำลังต่อสู้กัน เพื่อรับรองความปลอดภัยของตัวประกัน และไรอันก็เป็นผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง พวกเขาเลยตัดสินใจยิงทันที”เจเรมี่ไม่พูดอะไรอีกเมื่อรู้เหตุผลอันที่จริงเขาเองก็คิดเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว และพร้อมที่อธิบายความบาดหมางที่เกิดขึ้นระหว่างสองตระกูลให้ไรอันฟัง แล้วเขาเชื่อว่าไรอันจะปล่อยเมเดลีนไปเองทว่าเขาคิดไม่ถึงว่าทีมตำรวจจะตัดสินใจยิงเสียก่อนไรอันยังคงอยู่ในห้องฉุกเฉินและโอกาสรอดก็น้อยมากเจเรมี่มองหญิงสาวที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงด้วยแววตาที่อ่อนแรงลง‘ตอนนั้นคุณคงกลัวมากเลยสินะ ลินนี่‘คนทั้งคนล้มลงต่อหน้าคุณทั้งแบบนั้น‘มันคงจะไปกระตุ้นความทรงจำบางอย่างของคุณเข้า’เขาอยู่เคียงข้างเมเดลีนไปสักพัก ก่อนที่จู่ ๆ เขาก็เห็นฌอนเดินมาตรงประตูห้องแล้วเรียกเขาเบา ๆ “ให้เอวลีนนอนพักเถอะ เจเรมี่ออกมานี่ห
เสียงเกรี้ยวกราดของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากโถงทางเดินเจเรมี่หันไปมองคนที่บุกเข้ามาและเข้าใจเจตนาของผู้มาเยือนในทันทีเขาส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปจัดการงานของตัวเองต่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ถ้ามีเวลาคุณควรไปโรงพยาบาล ไม่ใช่มาแสดงไอคิวต่ำ ๆ ของคุณแถวนี้”“ว่าไงนะ? เจเรมี่ แกฆ่าไรย์แล้วยังกล้าบอกว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับแกอีกงั้นเหรอ?! เจเรมี่ฉันจะบอกให้นะ ว่าไรย์จะไม่มีวันตายฟรีแน่!” แม่ของไรอันสาปแช่งทั้งน้ำตา และเต็มไปด้วยความโศกเศร้านายท่านโจนส์เองก็โกรธมากพลางกัดฟันข่มอารมณ์แน่น “เจเรมี่ ถึงแม้ว่าไรย์ของเราจะฆ่าผู้หญิงที่ชื่อลาน่า จอห์นสันจริง แต่ก็ควรเป็นตำรวจที่ทำหน้าที่ลงโทษเขา! คุณเป็นใครถึงได้ยิงไรย์แบบนั้น?”“พวกวิทแมนนี่มีนิสัยชอบรังแกคนในตระกูลโจนส์มาแต่ไหนแต่ไรเลยใช่ไหม? ไม่ใช่แค่พวกแกที่ฆ่าพ่อฉัน แต่ตอนนี้แกยังจะฆ่าลูกชายฉันอีก!”เจเรมี่ขมวดคิ้ว ความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นในแววตาเขาอย่างชัดเจน ก่อนจะย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต คนในตระกูลวิทแมนก็ไม่เคยทำร้ายใคร”แววตาของเขาสง่าผ่าเผยและตรงไปตรงมา“ผมจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ว่าการตายของผู้อาว
แม่ของไรอันสาปแช่งอย่างโหดเหี้ยมเมื่อได้ยินแบบนั้นเจเรมี่ก็เลิกคิ้วทันที แต่ในขณะที่กำลังจะกล่าวเตือนอีกฝ่ายก็หมดสติไปเสียก่อนเจเรมี่ระงับความโกรธก่อนจะเดินไปทางด้านหนึ่งเพื่อโทรศัพท์หาใครอีกคนเขาให้คนจัดการลบวิดีโอและความเห็นทั้งหมดที่กำลังเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับเมเดลีนทั้งหมดไปอย่างไรก็ตามหลังจากจัดการกับสิ่งเหล่านี้ ความคิดเห็นของสาธารณชนกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นพวกเขาบอกว่าเจเรมี่รู้สึกผิดหลังจากที่ฆ่าไรอัน เขาจึงใช้เงินและอำนาจที่มีลบสิ่งต่าง ๆ ทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจความคิดเห็นของชาวเน็ต แต่ที่ทำลงไปเพียงเพราะเขาไม่ต้องการเห็นเมเดลีนต้องมามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หลังจากที่ไรอันถูกส่งไปที่ห้องไอซียู เจเรมี่ก็ไปเยี่ยมเขานายน้อยผู้สูงศักดิ์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักว่ามีความอ่อนโยนและความอ่อนน้อมถ่อมตน ตอนนี้กลับมีตัวตนที่น่าละอายในฐานะฆาตกรช่างน่าขัน‘ไรอัน ในเมื่อแกเป็นคนฉลาด ทำไมแกถึงไม่สืบเรื่องของปู่แกให้ชัดเจนกว่านี้ แทนที่จะแสดงความเกลียดชังที่ไม่ควรมีอยู่แค่เพราะความผูกพันพวกนี้?‘สิ่งที่เกิดขึ้นกับแกมาจากการกระทำของแกเอง‘แกทำให้ลินนี่ของฉั
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ