เสียงเกรี้ยวกราดของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากโถงทางเดินเจเรมี่หันไปมองคนที่บุกเข้ามาและเข้าใจเจตนาของผู้มาเยือนในทันทีเขาส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปจัดการงานของตัวเองต่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ถ้ามีเวลาคุณควรไปโรงพยาบาล ไม่ใช่มาแสดงไอคิวต่ำ ๆ ของคุณแถวนี้”“ว่าไงนะ? เจเรมี่ แกฆ่าไรย์แล้วยังกล้าบอกว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับแกอีกงั้นเหรอ?! เจเรมี่ฉันจะบอกให้นะ ว่าไรย์จะไม่มีวันตายฟรีแน่!” แม่ของไรอันสาปแช่งทั้งน้ำตา และเต็มไปด้วยความโศกเศร้านายท่านโจนส์เองก็โกรธมากพลางกัดฟันข่มอารมณ์แน่น “เจเรมี่ ถึงแม้ว่าไรย์ของเราจะฆ่าผู้หญิงที่ชื่อลาน่า จอห์นสันจริง แต่ก็ควรเป็นตำรวจที่ทำหน้าที่ลงโทษเขา! คุณเป็นใครถึงได้ยิงไรย์แบบนั้น?”“พวกวิทแมนนี่มีนิสัยชอบรังแกคนในตระกูลโจนส์มาแต่ไหนแต่ไรเลยใช่ไหม? ไม่ใช่แค่พวกแกที่ฆ่าพ่อฉัน แต่ตอนนี้แกยังจะฆ่าลูกชายฉันอีก!”เจเรมี่ขมวดคิ้ว ความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นในแววตาเขาอย่างชัดเจน ก่อนจะย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต คนในตระกูลวิทแมนก็ไม่เคยทำร้ายใคร”แววตาของเขาสง่าผ่าเผยและตรงไปตรงมา“ผมจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ว่าการตายของผู้อาว
แม่ของไรอันสาปแช่งอย่างโหดเหี้ยมเมื่อได้ยินแบบนั้นเจเรมี่ก็เลิกคิ้วทันที แต่ในขณะที่กำลังจะกล่าวเตือนอีกฝ่ายก็หมดสติไปเสียก่อนเจเรมี่ระงับความโกรธก่อนจะเดินไปทางด้านหนึ่งเพื่อโทรศัพท์หาใครอีกคนเขาให้คนจัดการลบวิดีโอและความเห็นทั้งหมดที่กำลังเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับเมเดลีนทั้งหมดไปอย่างไรก็ตามหลังจากจัดการกับสิ่งเหล่านี้ ความคิดเห็นของสาธารณชนกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นพวกเขาบอกว่าเจเรมี่รู้สึกผิดหลังจากที่ฆ่าไรอัน เขาจึงใช้เงินและอำนาจที่มีลบสิ่งต่าง ๆ ทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจความคิดเห็นของชาวเน็ต แต่ที่ทำลงไปเพียงเพราะเขาไม่ต้องการเห็นเมเดลีนต้องมามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หลังจากที่ไรอันถูกส่งไปที่ห้องไอซียู เจเรมี่ก็ไปเยี่ยมเขานายน้อยผู้สูงศักดิ์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักว่ามีความอ่อนโยนและความอ่อนน้อมถ่อมตน ตอนนี้กลับมีตัวตนที่น่าละอายในฐานะฆาตกรช่างน่าขัน‘ไรอัน ในเมื่อแกเป็นคนฉลาด ทำไมแกถึงไม่สืบเรื่องของปู่แกให้ชัดเจนกว่านี้ แทนที่จะแสดงความเกลียดชังที่ไม่ควรมีอยู่แค่เพราะความผูกพันพวกนี้?‘สิ่งที่เกิดขึ้นกับแกมาจากการกระทำของแกเอง‘แกทำให้ลินนี่ของฉั
เจเรมี่รู้สึกได้ในทันทีว่าเมเดลีนตื่นแล้วแต่เมื่อเขาก้มศีรษะลงมองก็เห็นว่าแววตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนกเธอมองไปที่เพดานด้วยสายตาที่ค่อนข้างว่างเปล่า ก่อนเมเดลีนจะสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนอยู่ข้าง ๆ เธอเมื่อเห็นเจเรมี่ที่อยู่ใกล้เธอมาก เธอก็คว้าผ้าห่มแล้วกระโจนออกไปทันที “อย่ามาใกล้ฉันนะ!”หัวใจของเจเรมี่จมดิ่งลง ในขณะนั้นเขารู้สึกราวกับว่ากำลังตกลงไปในก้นทะเลสาบอันเย็นยะเยือกเป็นไปอย่างที่คิดสิ่งที่เขากังวลได้เกิดขึ้นแล้ว“ลินนี่ ผมเจเรมี่ไง” เขารีบอธิบายอย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจเขาเท่าไหร่นัก เมเดลีนถอยกรูดไปที่มุมเตียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ดวงตากลมโต ฉลาด สวยงามของเธอมองไปข้างหน้าด้วยความสับสน และดูเลื่อนลอย“คุณเป็นอะไรไป ลินนี่? ผมชื่อเจเรมี่ ไม่ต้องกลัวนะ” เจเรมี่ค่อย ๆ เข้าหาในขณะที่เกลี้ยกล่อมเธออย่างอดทนและอ่อนโยน “อย่ากลัวไปเลยลินนี่ มันจบแล้ว ไรอันไม่สามารถทำร้ายคุณได้อีกแล้ว”“ไรอัน?”เธอดูจะตอบสนองต่อชื่อนี้ เธอมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า และพึมพำกับตัวเองราวกับเด็ก ๆ“ไรอันบอกว่าจะพาฉันไปหาเจเรมี่ เขาบอกว่าตราบใดที่ฉันเชื่อฟัง เขาจะปล่อ
เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเริ่มกังวล “อย่ากลัวไปเลยลินนี่ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณคลาดสายตาอีก ไม่ต้องกลัว โอเคไหม?”เมเดลีนตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพบกับดวงตาของเจเรมี่ที่อ่อนโยนราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทันใดนั้นความกระจ่างแจ้งบางอย่างก็ปรากฎในสายตา เธอจำผู้ชายตรงหน้าได้อย่างชัดเจน“เจเรมี่? คุณคือเจเรมี่?”“ใช่ ผมคือเจเรมี่ ผมเป็นสามีของคุณ เอวลีน มอนต์โกเมอรี” เจเรมี่ยืนยันเมเดลีนขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่ากำลังเสียใจ “เจเรมี่ ดูเหมือนฉันจะจำคุณไม่ได้ แต่ฉันจำได้ว่าเจเรมี่เป็นความรักในชีวิตของฉัน”เจเรมี่รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกเข็มทิ่มแทงเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ลินนี่…”“ทำไมฉันถึงจำคนที่ฉันรักที่สุดไม่ได้ล่ะ? เจเรมี่ คุณจะโกรธฉันไหม?”“คนโง่ ผมจะโกรธคุณได้ยังไง?” เจเรมี่ลูบใบหน้าที่เป็นกังวลนั้นแล้วก้มจูบเธออย่างอ่อนโยน “คุณไม่ได้ตั้งใจจะลืมผมสักหน่อย คุณแค่ป่วย”ดวงตาของเมเดลีนเต็มไปด้วยความวิตกกังวลขณะเงยหน้าขึ้นมองเขา “แล้วเมื่อไหร่ฉันจะดีขึ้น? ฉันจะไม่ดีขึ้นเลยเหรอ? ฉันจะลืมคุณอีกไหม?”“ไม่” เจเรมี่ยืนยันอย่างแน่วแน่ เขากอดเธอไว้แล้วลูบผมนุ่มเส้นสั้นที่พันกันของเธอเบา
เจเรมี่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ เขาจึงควบคุมอารมณ์ตัวเองแล้วหันกลับไปมองเมเดลีนที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยท่าทางสงสัยเขาไม่รู้เลยว่าเธอตามเขามาอยู่ตรงนี้เมื่อไหร่ และเป็นไปได้ว่าเธอจะได้ยินคำถามทั้งหมดจากนักข่าวแล้ว ตอนนี้สีหน้าของเธอจึงแปลกไปเล็กน้อย“ลินนี่”เจเรมี่หันหลังเดินไปหาเธอ แต่ในตอนนี้กลุ่มนักข่าวที่อยู่ข้างหลังเจเรมี่ก็หันกล้องไปที่เมเดลีนแล้วเริ่มถาม“คุณเอวลีน ไรอันอยู่กับคุณตอนที่เขาถูกยิงเมื่อคืนนี้หรือเปล่าครับ?”“ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับไรอันเป็นยังไงคะ?”“เหตุผลที่คุณวิทแมนยิงไรอันเป็นเพราะเขาหึงหวงคุณใช่ไหมคะ?”เจเรมี่โกรธมากเมื่อนักข่าวถามคำถามโง่ ๆ เหล่านั้นกับเมเดลีนชายหนุ่มหันกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วจ้องมองพวกเขาอย่างเฉียบคม “พวกคุณจงใจคาดเดาและใส่ร้ายโดยใช้หน้ากากหลอกลวงว่าต้องการค้นหาความจริง รอรับจดหมายจากทนายฉันได้เลย”ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้บวกกับออร่าที่ดุร้ายอันไร้ที่ติ กลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าเขาต่างก็ต้องตกใจ“งานของนักข่าวคือค้นหาความจริง ไม่ใช่สร้างข้อเท็จจริง!”“...”ดวงตาของเจเรมี่เต็มไปด้วยความเย็นชา และไม่มีนักข่าวคนไหนกล้าพูดอีกเพราะกลัวว่าจะท
“ลินนี่”“โอ๊ย!” ทันใดนั้นเมเดลีนก็กุมศีรษะตัวเองด้วยความเจ็บปวด “ทำไมมันเป็นแบบนี้? ทำไม?”“ลินนี่!” เจเรมี่จับไหล่ของเธออย่างประหม่า และมองดูความเจ็บปวดนั้นของเธอด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ “ลินนี่ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป อย่าคิดเกี่ยวกับมันอีก กลับเข้าบ้านกันเถอะ”เจเรมี่จับมือเมเดลีน ก่อนจะหันมาเตือนคาเลน “โทรหาตำรวจ บอกว่ามีคนมาสร้างความวุ่นวายที่หน้าบ้านของเรา”คาเลนพยักหน้าและจ้องมองนักข่าวที่ตื่นตระหนกด้วยความโกรธ “แม่จะจัดการเดี๋ยวนี้!”หลังจากที่เธอพูดแบบนั้น นักข่าวเหล่าก็รีบแยกย้ายจากไปหากเป็นที่อื่นพวกเขาคงไม่ออกไป แม้ว่าตำรวจจะเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตามแต่ที่นี่คือคฤหาสน์วิทแมน พวกเขาไม่ควรยั่วยุเจเรมี่ต่อทว่าเมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของเมเดลีนเมื่อกี้นี้ พวกเขาส่วนใหญ่ก็คิดได้แล้วว่าควรจะทำอะไรต่อไปนายหญิงของตระกูลโจนส์ที่ร่ำรวยและสง่างามเป็นบ้าจริงหรือ?นี่นับว่าเป็นข่าวใหญ่มากเลยทีเดียวแน่นอนว่าสิ่งที่ควรค่าแก่การใส่ใจไม่ใช่การที่เมเดลีนกลายเป็นคนเสียสติ แต่จากสิ่งที่เธอพูดทำให้พวกเขามีงานอีกมากที่ต้องทำหลังจากที่เจเรมี่พาเมเดลีนกลับไปที่บ้าน อารมณ์ของเธอก็เริ่
เจเรมี่รู้สึกกระวนกระวายใจขณะเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยเหตุผลบางอย่างเขาแน่ใจว่าเมเดลีนอยู่ในนั้น แต่จากเสียงประหลาดนี้เขากลับไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่เจเรมี่รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วผลักประตูให้เปิดออกเขามองเข้าไปข้างใน แต่ก็ไม่เห็นเมเดลีน และได้ยินเพียงเสียงน้ำที่ดังมาจากบริเวณอ่างอาบน้ำเท่านั้น“ลินนี่?” เขาเรียกชื่อเธอแล้ววิ่งเข้าไปดูโดยไม่คิดหน้าคิดหลังทันทีที่เขาเห็นภาพตรงหน้า เจเรมี่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างกระตุกที่หัวใจจนรู้สึกเจ็บปวดไปหมด“ลินนี่!”เขาวิ่งไปคว้าเมเดลีนที่กำลังราดน้ำเย็นใส่ตัวเองอย่างสิ้นหวังด้วยความรวดเร็วเธอเปียกโชกไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยหยดน้ำเย็น ๆ“ลินนี่ คุณกำลังทำอะไร?” เจเรมี่กระชากหัวฝักบัวออกและดึงเธอขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราดในทันทีเมเดลีนมองเขาด้วยแววตาที่ประหม่าและเป็นกังวลของชายหนุ่ม เธอทำเพียงเอ่ยด้วยท่าทางที่สงบผิดปกติและเย็นชามากกว่าเดิม“ปล่อยฉันไว้คนเดียว ไปให้พ้น”“ผมจะไม่สนใจคุณได้ยังไง? ทำไมต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้ด้วย?” เจเรมี่รู้สึกราวกับมีมีดกรีดผ่านหัวใจ เมื่อมองดูร่างกายที่เปียกปอนของเธอ หัวใจของเขาก็
ประกายแน่วแน่ปรากฏขึ้นในดวงตาที่ลึกล้ำของเจเรมี่ เขาจับไหล่บางแล้วพากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องทันทีทว่าเมเดลีนไม่ได้เชื่อฟังอย่างนั้น เธอสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างแรงแล้วมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว “ฉันบอกให้คุณปล่อยฉันไว้คนเดียว ไม่เข้าใจหรือไง?”“ผมสามารถเพิกเฉยต่อใครก็ได้ในชีวิต แต่ผมเพิกเฉยต่อคุณไม่ได้” ออร่าของเจเรมี่ในตอนนี้แสดงออกมาแข็งกร้าวกว่าเมเดลีนอย่างชัดเจนเขาปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ทว่าในขณะที่คว้าแขนเรียวและก้าวไปข้างหน้า เขาก็ถูกตบหน้าเมเดลีนตัดสินใจตบใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มแรงเจเรมี่อึ้งไปชั่วขณะเมื่อความแรงจากฝ่ามือเล็ก ๆ นั้นทำให้หน้าเขาหันไปด้านข้าง เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดที่แก้ม แต่ความรู้สึกเหล่านั้นมันกลับถาโถมไปที่หัวใจเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับเมเดลีน แต่อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เขาทำได้คือทำให้เธอสงบลง และไม่ฉุนเฉียวเหมือนในตอนนี้ในตอนที่เขากำลังจะสงบสติอารมณ์และปลอบใจเธอต่อ จู่ ๆ เธอก็ยกมือขึ้นจับใบหน้าของเขาเจเรมี่มองดูผู้หญิงตัวเล็กที่อารมณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันด้วยแววตาที่อ่อนโยน ดวงตาที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยคำขอโทษและความกังว
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ