เขาชำเลืองมองที่กระเป๋าเงินในมือ ก่อนจะเริ่มมีความคิดแปลก ๆ เกิดขึ้นในใจ‘ในกระเป๋าใบนี้จะต้องมีบางอย่างที่สำคัญ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีวันทำอะไรที่บ้าคลั่งอย่างการกระโดดลงแม่น้ำแน่’เจเรมี่คิดกับตัวเอง ขณะที่นิ้วยาว ๆ ของเขาก็รูดซิปกระเป๋าออกช้า ๆเขาต้องการรู้ว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋าที่ทำให้เมเดลีนต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้ ในขณะนั้นเองก็ได้มีพยาบาลวิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉินอย่างกระวนกระวายเจเรมี่จึงละทิ้งความคิดที่จะแอบดูภายในกระเป๋าและรีบเข้าไปหาพยาบาลทันที “ภรรยาผมเป็นยังไงบ้าง? ทำไมเธอมีเลือดออกมากขนาดนั้น?”พยาบาลก็กังวลเช่นกัน แต่หลังจากสังเกตเห็นเจเรมี่ก็รู้สึกแบบเดียวกัน เธอจึงอธิบาย "ดูเหมือนว่าเธอจะโดนของมีคมบาดต้นขาซ้ายจนทำให้เสียเลือดมาก“แต่กรุ๊ปเลือดของเธอคืออาร์เอชลบซึ่งเป็นกรุ๊ปเลือดที่หายาก! โรงพยาบาลของเราไม่มีเลือดชนิดนี้ในคลังเลือดเลย เราจึงต้องไปเอามาจากโรงพยาบาลอื่น! แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีกรุ๊ปเลือดนี้ที่นั่นไหม” พยาบาลกล่าวก่อนจะรีบออกไปเส้นเลือดที่ขมับของเจเรมี่เต้นตุบ ๆเมเดลีนเสียเลือดมากและโรงพยาบาลไม่มีเลือดหมู่ที่ต้องการในคลังเลือดของพวกเขา นอกจากนี้ยังไม
เจเรมี่มองลงไปยังขวดยาขนาดเล็กแล้วก้มลงหยิบมันขึ้นมาขวดใสมีขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือของเขาและบรรจุของเหลวที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่นไว้ ไม่มีคำอธิบายบนขวดด้วยเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาจำภาพที่เมเดลีนฉีดบางอย่างเข้าไปในตัวเขาสองครั้งตอนที่เขาหลับได้เขาจึงหันไปหาเมเดลีนซึ่งยังไม่ได้สติ ความสับสนเกิดขึ้นในสายตาที่อ่อนโยนของเขาทันที‘นี่คือสิ่งที่คุณฉีดให้ผมใช่ไหมลินนี่?‘มันคืออะไร?‘การที่คุณจะต้องกระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อรักษามันไว้ มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?’เจเรมี่คิดกับตัวเอง แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่ได้วางแผนที่จะถามเมเดลีนด้วยเขากำลังจะเก็บของกลับเข้าไปในกระเป๋า ตอนนั้นเองที่เจเรมี่เห็นใครบางคนจ้องเข้ามาจากหน้าต่างประตูห้องด้วยหางตาของเขาเขารีบหันไปมอง แต่คนคนนั้นกลับหันหลังหนีไปแล้วเจเรมี่พบว่าพฤติกรรมนี้มันดูแปลก เขาลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป และตามคนคนนั้นเดินไปก่อนที่สุดท้ายเขาก็ไม่เจอใครเจเรมี่ไม่ได้ตามหาต่อว่าเป็นใคร เพราะเขากังวลเกี่ยวกับเมเดลีนที่ยังไม่ฟื้นคืนสติมากกว่าเขาเข้าไปในห้องพักฟื้นและพบว่าเปลือกตาของเมเดลีนกระตุกราวกับว่าเธอกำลังจะต
เมเดลีนเองก็คิดมากเรื่องอื่นอยู่ในตอนนี้ เธอจึงเปลี่ยนเรื่อง “ฉันหิวนิดหน่อยค่ะ เจเรมี่ คุณช่วยซื้ออะไรให้ฉันกินหน่อยได้ไหมคะ?”“คุณอยากกินอะไรล่ะ?”“ทุกอย่างที่สามีฉันซื้อให้ค่ะ” ดวงตาเมเดลีนยิ้มจนโค้งขึ้นเป็นพระจันทร์เสี้ยวเจเรมี่จูบที่มุมปากของเธอ ก่อนจะหันกลับมาช่วยเมเดลีนนั่งบนเตียงดี ๆ แล้วเดินออกจากห้องไปขณะที่เจเรมี่จากไป เมเดลีนก็พยุงร่างที่อ่อนล้าของเธอเพื่อเอื้อมไปหยิบกระเป๋าของเธอที่อยู่ข้าง ๆความทรงจำของเธอดูเหมือนจะกลับมาแล้ว ขาซ้ายของเธอคงจะสัมผัสอะไรบางอย่างตอนที่อยู่ในแม่น้ำ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว คงเป็นก้อนหินที่ทำให้เธอมีบาดแผล เมเดลีนคิดกับตัวเองขณะเปิดกระเป๋าแต่หลังจากใช้ใช้มือควานหาอยู่สักพัก สิ่งที่เธอพบคือกุญแจ กระเป๋าสตางค์ และลิปสติก ขวดยาถอนพิษที่สำคัญที่สุดได้หายไปแล้ว!หัวใจของเมเดลีนเต้นรัว แล้วรีบใช้มือควานหาอีกครั้งอย่างร้อนรน แต่ก็ไม่พบ “หายไปได้ยังไง?” เธอรู้สึกสับสน เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่เธอกระโดดลงไปในแม่น้ำจนกระทั่งกลับขึ้นฝั่งและขับรถกลับไปที่คฤหาสน์ เธอจำได้ว่าได้ตรวจดูกระเป๋าของตัวเองและขวดยาก็ยังอยู่ในนั้น แต่ตอนนี้มันอย
เมเดลีนตะโกนสุดเสียงเพื่อหยุดอีกฝ่าย แต่มันก็สายไปแล้วผู้หญิงคนนั้นตั้งใจโยนยาถอนพิษทิ้ง!เมเดลีนรีบกระโจนไปจับขวดยา แต่มันถูกโยนออกไปนอกระเบียงและตกลงไปบนพื้นแล้วเรียบร้อยเธอเอื้อมมือไปคว้าไว้ได้เพียงความว่างเปล่าในอากาศ “ไม่นะ!”เมื่อเห็นภาพนั้นจากหน้าต่างบานเล็กที่ประตู เจเรมี่ก็รีบเปิดประตูและวิ่งไปหาเมเดลีนทันทีผู้หญิงสวมแว่นกันแดดตกใจเมื่อเห็นเจเรมี่รีบวิ่งเข้ามาเมื่อเห็นว่าเจเรมี่ไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอเลยเธอก็โล่งใจ แต่ก็ไม่พอใจเช่นกันเจเรมี่รีบดึงเมเดลีนเข้ามาในอ้อมแขนของเขาด้วยความตกใจ ขณะที่มองดูเธอเอื้อมมือไปหยิบยาถอนพิษ“ลินนี่! นี่คุณกำลังทำอะไร?” เจเรมี่กุมใบหน้าของเธอไว้ขณะที่ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาในดวงตาของเขาเช่นกัน เขาจ้องมองดวงตาที่แดงก่ำและตื่นตระหนกของเธอนิ่ง “มันคืออะไรกันแน่? ทำไมคุณถึงต้องร้อนรนขนาดนี้ด้วย?”เมเดลีนไม่สามารถตอบคำถามเจเรมี่ได้ เธอผลักเขาออกไปและไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่ขาแล้ววิ่งออกไปทันทีเจเรมี่หันกลับมาพบว่าผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้วเขารีบตามเมเดลีนไปโดยไม่ลังเลท้องฟ้ามืดลงนานแล้วและไฟถนนก็แทบจะไม่เพียงพอต่อการส่องแสงสว่างได้คร
ยาถอนพิษนั่นคือชีวิตของเจเรมี่!“ทำไมฉันหาไม่เจอล่ะ? ถ้ามันโยนลงมาจากชั้นบน มันต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งที่นี่ มันอยู่ที่ไหน…” เมเดลีนพึมพำกับตัวเอง เธอเกือบจะน้ำตาไหลด้วยความกังวลเธอเปิดไฟฉายในโทรศัพท์ค้นหาทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่เป็นผลความมืดปรากฏขึ้นเหนือเธอ เมเดลีนรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออก และการมองเห็นของเธอก็เปลี่ยนเป็นดำมืดเจเรมี่จะเจ็บหนักกว่านี้หากเธอหาขวดยาไม่เจอไม่ได้เธอจะต้องหามันให้เจอ!เมเดลีนกัดกรามแน่นและคิดว่าจะมองหามันจากมุมมองที่แตกต่างออกไปดู เมื่อยืนขึ้นเธอก็รู้สึกว่าเวียนหัว และมีจุดดำ ๆ ปรากฏในวิสัยทัศน์ของเธอ “ลินนี่!” เจเรมี่หลุดจากภวังค์แล้วรีบเข้ามาพยุงเมเดลีนซึ่งดูเหมือนใกล้จะเป็นลมหัวใจของเขาเจ็บปวด และเกลียดความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถแบกรับความรู้สึกไม่สบายพวกนั้นแทนเธอได้เลย“คุณกำลังหาอะไรลินนี่? สิ่งนี้สำคัญมากเหรอ? คุณถึงต้องกระโดดลงไปในแม่น้ำ และไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองขนาดนี้? มันคืออะไรกันแน่?”เมเดลีนรู้สึกวิงเวียน แต่เธอก็ยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจนว่าเจเรมี่พูดเรื่องที่เธอกระโดดลงไปในแม่น้ำเขารู้มาตลอดต้องมีคนถ่ายวิดีโอไว้แล้วส่
เมื่อรู้สึกว่ามีแขนกำลังโอบรอบเอวสอบของตัวเอง เขาก็หันกลับมาอย่างรวดเร็วเขาเห็นเมเดลีนจับเขาไว้อย่างไร้เรี่ยวแรงขณะที่สองเท้าเล็ก ๆ ของเธอเปลือยเปล่า เขาไม่ลังเลที่จะอุ้มเธอขึ้นมาในทันทีเมเดลีนรู้สึกเศร้ามากจริง ๆ และด้วยเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ เธอจึงโอบแขนรอบคอของเขาแน่น ขณะที่ฝังใบหน้าซีดเซียวของตัวเองเอาไว้ระหว่างซอกคอของเขา“เจเรมี่ อย่าเมินฉันเลยนะ”เสียงของเมเดลีนฟังราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ และเสียงของเธอฟังดูตัวเล็กเหมือนเมื่อก่อนเจเรมี่รู้สึกเจ็บปวดในหัวใจของเขามากขึ้นเรื่อย ๆเขาจะทนเฉยเมยต่อเธอได้ยังไง?เขาต้องการปลอบโยนเธอ แต่สิ่งที่เขาได้ยินคือเมเดลีนกำลังขอโทษ “ฉันรู้ว่าเมื่อกี้ฉันดุคุณ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจ”เจเรมี่หยุดเดินแล้วก้มศีรษะลงหอมแก้มเธอ เขากดริมฝีปากบางของเขาเข้าที่หูของเธอเบา ๆ “คุณพูดเรื่องอะไร ผมจะโกรธคุณได้ยังไง? คุณไม่ต้องขอโทษหรรอกนะ เพราะคุณไม่ได้ทำอะไรผิด”น้ำเสียงที่อ่อนโยนเหมือนสายลมพัดผ่านหัวใจที่บาดเจ็บของเธอเบา ๆ ขณะที่หลับตาลงและฝังตัวลึกลงไปในตัวเขาอย่างอ่อนแรง“งั้นอย่าไปเลยนะ อยู่กับฉัน”“โอเค ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”เจเรมี่สัญญาและต้
“เจเรมี่ ฉันจะไม่ปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นกับคุณทั้งนั้น” เธอสัญญาอย่างแผ่วเบาเมื่อเจเรมี่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ‘เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?‘เธอจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับฉันงั้นเหรอ?‘มันหมายความว่ายังไง?’เจเรมี่รู้สึกสับสน แต่เขาก็ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นหลับต่อไปจากนั้นเมเดลีนก็หันกลับไปปิดไฟแล้วนอนลงที่เตียงตัวเองด้วยแสงจันทร์ที่ส่องสว่างในคืนที่มืดมิด เจเรมี่มองดูเมเดลีนที่กำลังนอนหลับตานิ่ง เขาพบว่าตัวเองยากที่จะข่มตาหลับลงได้ในคืนนี้ ...หลังจากคาเลนรู้ว่าเมเดลีนได้รับบาดเจ็บและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล วันรุ่งขึ้นเธอจึงทำซุปบำรุงกำลังและเอาการ์ดเชิญมาให้เจเรมี่“เจเรมี่ นี่คือคำเชิญสำหรับงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 80 ปีของท่านเคลเวอร์ มะรืนนี้ลูกควรพาเอวลีนไปด้วยนะ” คาเลนย้ำกับเขาขณะที่ตักซุปให้เมเดลีน “มันร้อน ระวังด้วยนะ”เมเดลีนพยักหน้าอย่างเหม่อลอย จิตใจของเธอจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คาเลนเพิ่งพูดบังเอิญกับที่ไรอันขอให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงกับเขาในฐานะภรรยาเช่นกันแม้จะฉีดยาแก้พิษโดสที่สามแล้ว แต่เมเดลีนยังคงต้องทำตามคำสั่งของไรอันเพื่อร
ในขณะนั้นเมเดลีนอยู่ในรถที่กำลังมุ่งหน้าไปที่โรงแรมซึ่งเป็นที่จัดงานวันเกิดของท่านเคลเวอร์จากนั้นเธอก็เข้าไปในห้องน้ำของโรงแรมเพื่อเปลี่ยนชุดและมัดผมเป็นหางม้าต่ำเมเดลีนไม่แม้แต่จะแต่งหน้าและเดินออกจากห้องน้ำมาด้วยรองเท้าลำลองธรรมดา ๆก่อนที่เธอจะได้รับสายจากไรอันอีกครั้งและตอบกลับอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “ฉันถึงแล้ว”“งั้นเหรอ?” ไรอันประหลาดใจ “งั้นหาที่รอก่อนนะ เดี๋ยวผมก็ถึงที่นั่นแล้ว”“ถึงแล้วค่อยคุยกัน” เมเดลีนวางสายอย่างเย็นชาและเดินไปที่ห้องจัดเลี้ยงเพียงลำพังขณะที่เดินไปตามทางเดินอันทอดยาว เธอก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังเดินตามอยู่แต่เมื่อหันกลับไปเธอก็ไม่พบใครเมเดลีนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยุดฝีเท้าแล้วหันหลังเดินกลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อเดินผ่านประตูทางออกบันไดหนีไฟ เธอก็ชะงักและหันกลับไปผลักประตูบันไดหนีไฟทันที“อ๊ะ!”ผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูไม่รู้ว่าเมเดลีนจะพรวดพราดเข้ามา เธอจึงถูกประตูชนเข้าที่ศีรษะแล้วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมเดลีนคว้าข้อมือผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง “เธออีกแล้วนะ! เธอเป็นใคร? ทำไมต้องคอยตามและแอบดูฉันด้วย!”เธอถามและเอื้อมมือไปเพื่อถอดแว
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ