“เจเรมี่ ฉันจะไม่ปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นกับคุณทั้งนั้น” เธอสัญญาอย่างแผ่วเบาเมื่อเจเรมี่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ‘เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?‘เธอจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับฉันงั้นเหรอ?‘มันหมายความว่ายังไง?’เจเรมี่รู้สึกสับสน แต่เขาก็ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นหลับต่อไปจากนั้นเมเดลีนก็หันกลับไปปิดไฟแล้วนอนลงที่เตียงตัวเองด้วยแสงจันทร์ที่ส่องสว่างในคืนที่มืดมิด เจเรมี่มองดูเมเดลีนที่กำลังนอนหลับตานิ่ง เขาพบว่าตัวเองยากที่จะข่มตาหลับลงได้ในคืนนี้ ...หลังจากคาเลนรู้ว่าเมเดลีนได้รับบาดเจ็บและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล วันรุ่งขึ้นเธอจึงทำซุปบำรุงกำลังและเอาการ์ดเชิญมาให้เจเรมี่“เจเรมี่ นี่คือคำเชิญสำหรับงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 80 ปีของท่านเคลเวอร์ มะรืนนี้ลูกควรพาเอวลีนไปด้วยนะ” คาเลนย้ำกับเขาขณะที่ตักซุปให้เมเดลีน “มันร้อน ระวังด้วยนะ”เมเดลีนพยักหน้าอย่างเหม่อลอย จิตใจของเธอจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คาเลนเพิ่งพูดบังเอิญกับที่ไรอันขอให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงกับเขาในฐานะภรรยาเช่นกันแม้จะฉีดยาแก้พิษโดสที่สามแล้ว แต่เมเดลีนยังคงต้องทำตามคำสั่งของไรอันเพื่อร
ในขณะนั้นเมเดลีนอยู่ในรถที่กำลังมุ่งหน้าไปที่โรงแรมซึ่งเป็นที่จัดงานวันเกิดของท่านเคลเวอร์จากนั้นเธอก็เข้าไปในห้องน้ำของโรงแรมเพื่อเปลี่ยนชุดและมัดผมเป็นหางม้าต่ำเมเดลีนไม่แม้แต่จะแต่งหน้าและเดินออกจากห้องน้ำมาด้วยรองเท้าลำลองธรรมดา ๆก่อนที่เธอจะได้รับสายจากไรอันอีกครั้งและตอบกลับอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “ฉันถึงแล้ว”“งั้นเหรอ?” ไรอันประหลาดใจ “งั้นหาที่รอก่อนนะ เดี๋ยวผมก็ถึงที่นั่นแล้ว”“ถึงแล้วค่อยคุยกัน” เมเดลีนวางสายอย่างเย็นชาและเดินไปที่ห้องจัดเลี้ยงเพียงลำพังขณะที่เดินไปตามทางเดินอันทอดยาว เธอก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังเดินตามอยู่แต่เมื่อหันกลับไปเธอก็ไม่พบใครเมเดลีนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยุดฝีเท้าแล้วหันหลังเดินกลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อเดินผ่านประตูทางออกบันไดหนีไฟ เธอก็ชะงักและหันกลับไปผลักประตูบันไดหนีไฟทันที“อ๊ะ!”ผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูไม่รู้ว่าเมเดลีนจะพรวดพราดเข้ามา เธอจึงถูกประตูชนเข้าที่ศีรษะแล้วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมเดลีนคว้าข้อมือผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง “เธออีกแล้วนะ! เธอเป็นใคร? ทำไมต้องคอยตามและแอบดูฉันด้วย!”เธอถามและเอื้อมมือไปเพื่อถอดแว
“และนี่สำหรับสามีของฉัน!”“...”“ตายซะเถอะ ลาน่า!” ความโกรธของเมเดลีนดูเหมือนจะถูกจุดชนวนขึ้นในขณะที่เธอคว้าคอลาน่าไว้และบีบจนแน่นลาน่าดูเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจ เธออ้าปากค้างด้วยใบหน้าที่แดงก่ำทันทีทว่าเมเดลีนก็ไม่ได้ดูจะปล่อยมือออกจากลาน่าเร็ว ๆ นี้เลย “รู้สึกแย่ใช่ไหม? รู้ไหมว่าความตายมันเจ็บปวดทรมานแค่ไหน? การทรมานคนอื่นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากงั้นเหรอ? ลองสัมผัสความรู้สึกที่ต้องถูกทรมานดูบ้างสิ! รู้สึกยังไงบ้าง?! ตอนนี้รู้สึกดีไหมล่ะ?!”“เอวลี… แก… แค่ก แค่ก แค่ก!”“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างเธอจะถูกปล่อยตัวออกมา หึ” เมเดลีนหัวเราะเบา ๆ อุณหภูมิในดวงตาของเธอลดลงถึงจุดเยือกแข็ง “ถ้ากฎหมายลงโทษคนอย่างเธอไม่ได้ ฉันก็จะจัดการเอง เพื่อลูกของฉันและเพื่อผู้ชายที่ฉันรักที่สุด ฉันจะล้างแค้นให้พวกเขาเอง”“...”เสียงของเมเดลีนนุ่มนวลแต่ทรงพลังสายตาของเธอเย็นชายิ่งขึ้นไปอีก และไม่สามารถควบคุมน้ำหนักที่มือตัวเองได้อีกแล้ว เธอต้องการให้ลาน่ารู้สึกถึงความเจ็บปวดและทรมานจากการหายใจไม่ออก!ลาน่าเห็นเจตนาจะฆ่าให้ตายด้วยความเย็นชาในดวงตาของเมเดลีน ดังนั้นเธอจึงเริ่มตื่นตระหนกตลอ
เมเดลีนไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองในขณะนี้ได้ช่วงเวลาเมื่อเธอได้พบกับเจเรมี่ หัวใจที่ปั่นป่วนของเธอก็สงบลงทันที จังหวะการเต้นของหัวใจของเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายมากขึ้นเพราะเขาในทางกลับกันอารมณ์ของไรอันกลับตรงกันข้ามกับเมเดลีนอย่างสิ้นเชิงในตอนที่กำลังจะประกาศว่าหญิงสาวคนนั้นคือภรรยาของเขา เจเรมี่กลับปรากฎตัวขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดสายตาเยือกเย็นของเจเรมี่มองไปที่ไรอันแล้วหันมามองเมเดลีนอีกครั้ง ดวงตากลมใสของเขาดูหวานราวกับน้ำผึ้งอุ่น ๆ ขณะที่พูดอย่างไม่เร่งรีบว่า “ที่รักครับ ที่นี่แทบไม่มีที่จอดรถเหลือเลย ขอโทษที่มาช้าไปหน่อยนะ”เมเดลีนเข้าใจทันทีว่าเจเรมี่ต้องการแสดงอะไร เธอยิ้มกว้างและเดินเข้าไปหาอ้อมแขนของเขาทันที “คุณมาถึงได้เวลาพอดีเลยค่ะ”เจเรมี่เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาเย็นชาพลางชำเลืองมองผู้หญิงข้าง ๆ เมเดลีน “จริงเหรอครับ? ผมยังกังวลอยู่ว่าถ้ามาช้ากว่านี้คนสอดรู้สอดเห็นแถวนี้คงจะสร้างปัญหาให้คุณไม่น้อย”“...”“...”ผู้หญิงเหล่านั้นรู้ทันทีว่าที่เจเรมี่พูดถึงนั้นหมายถึงพวกเธอพวกเธอเพียงต้องการเยาะเย้ยเมเดลีน แต่ไม่คิดว่าผลลัพธ์จะสะท้อนกลับกลายเป็นแบบนี้แทน พวกเธอจึงรู
จากนั้นชายชราก็กล่าวชมไรอัน “คุณโจนส์ก็เป็นคนที่ไม่เหมือนใครเหมือนกัน เพราะคนแบบพวกคุณที่ร่วมมือกับอินเตอร์โพล พวกคนชั่วจึงน้อยลงจากโลกนี้แน่”เมื่อชายชราพูดอย่างนั้น เจเรมี่ก็ยิ้มเบา ๆ ให้ไรอันซึ่งกำลังยิ้มอยู่เช่นกัน “ท่านเคลเวอร์พูดถูก คุณโจนส์ได้ทำงานที่ยากที่สุด แล้วยังได้รับคำสั่งให้ปกป้องครอบครัวของผมด้วย แต่สุดท้ายเขาก็ถูกทุกคนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นชู้กับภรรยาของผม แต่ความจริงแล้วไรอันไม่เคยมีภรรยามาก่อนเลยด้วยซ้ำ”หลังจากที่เจเรมี่พูดอย่างนั้น เขาก็กระชับกอดเมเดลีนให้แน่นขึ้น สายตาของเขาเฉียบคมในขณะที่พูดต่อไปว่า “ภรรยาผมอยู่ในฐานะคุณนายโจนส์เพียงในนามกว่าครึ่งปีเพราะงานของผม ทั้งที่แท้จริงแล้วเธอคือคุณนายวิทแมน และความจริงนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”แม้ว่าเจเรมี่จะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงของเขากลับแน่วแน่จนไม่มีใครคิดแย้งในสิ่งที่เขาเอ่ยเขากวาดสายตาไปมองผู้หญิงเหล่านั้นซึ่งพุ่งเป้าจะมาใส่ร้ายเมเดลีนเมื่อกี้ และทำให้พวกเธอต้องอับอายจนหน้าแดงไรอันตกที่นั่งลำบากและรู้ดีว่ามันยากหากจะทวงตำแหน่งของเขาคืนมาในตอนนี้ เขาเป็นสุภาพบุรุษที่สงบนิ่งและสง่างามเสมอมาในสายตาของสาธารณชน เขาจึ
เมื่อเมเดลีนเผชิญกับความสงสัยของเจเรมี่ เธอก็ทำได้เพียงกำหมัดแน่นจนรู้สึกได้ถึงเล็บที่จิกลงไปในฝ่ามือของตัวเอง “มีบางเรื่องที่ฉันยังบอกคุณไม่ได้ แต่ได้โปรดเชื่อใจฉัน ฉันจะไม่ทำอะไรให้คุณต้องเจ็บปวดแน่นอน”“ถ้าไม่เชื่อ ผมก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” เขาจับมือเธอแล้วก้มหน้าเข้ามาใกล้ “ลินนี่ ผมเป็นสามีของคุณ คุณไว้ใจและพึ่งพาผมได้ทุกเมื่อ”เมื่อได้ยินเสียงแผ่วเบาที่แสดงถึงความอดทนและกำลังปลอบโยน เมเดลีนก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ เธอมองไปยังดวงตาคาดหวังของเจเรมี่ แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้“เจเรมี่ ฉัน…”“สวัสดีครับ คุณวิทแมนและภรรยา” ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายเมเดลีนจับแขนของเจเรมี่ไว้แล้วยิ้มให้แขกคนนั้นอย่างสุภาพหลังจากที่เขาจากไป ก็มีอีกสองคนผลัดกันเข้ามาเพื่อพูดคุยกับเจเรมี่เมเดลีนรู้สึกได้ถึงความเย็นชาของเจเรมี่ที่มีต่อเธอ ราวกับว่าเขาอยากคุยกับคนรู้จักมากกว่าจะคุยกับเธอต่อเธอรู้ว่าเขากำลังโกรธเขาโกรธเพราะเธอไม่ต้องการบอกความจริงกับเขา ไม่ยอมบอกเขาทุก ๆ อย่าง และเธอก็ไม่คิดว่าเขาเป็นคนที่เธอจะพึ่งพาได้เมเดลีนมองเจเรมี่ที่เดินไปตรงโต๊ะยาวและกำลังกระดกแก้วแชมเปญ…
เขายังคงโกรธเธออยู่เมเดลีนรู้สึกผิด แต่ก็ไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับใครได้เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเอวา “เอวา ตอนนี้เธอว่างไหม? มารับฉันที่โรงแรมได้หรือเปล่า?”จากวิธีการพูดของเมเดลีน เอวาสามารถบอกได้ทันทีว่าเพื่อนของเธอจะต้องเมาเป็นแน่ เธอจึงรีบไปรับเมเดลีนที่โรงแรมทันทีโดยไม่พูดอะไรอีกเจเรมี่ยังคงรอต่อไป เขารอให้เมเดลีนบอกเหตุผล แต่ก่อนที่เขาจะได้รับคำอธิบาย เอวาก็มาถึงพอดีเขาเห็นเมเดลีนและเอวาเดินไปหากัน ก่อนจะคล้องแขนและเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง เมเดลีนดูเมามายขณะที่เธอพิงไหล่เอวาไว้“เป็นอะไรไปแมดดี้? ทำไมถึงดื่มหนักขนาดนี้ล่ะ? ทะเลาะกับเจเรมี่เหรอ?” เอวาถามอย่างเป็นห่วง เธอเห็นว่าเจเรมี่ยืนอยู่ไม่ไกล แต่ก็ไม่ได้สนใจพวกเธอ“เมื่อไหร่เจเรมี่จะเลิกทำให้เธอเสียใจนะ?”เมเดลีนส่ายหัวอย่างแรงเพราะความเมา “เขาไม่ได้ทำอะไร มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด“เอวา คืนนี้ฉันนอนบ้านเธอได้ไหม?”“เกิดอะไรขึ้น? ทะเลาะกันรุนแรงจนกลับบ้านไม่ได้เลยหรือไง?” เอวาถามด้วยความโกรธเมเดลีนไม่ตอบและยังคงพิงเอวาต่อไป แม้ว่าจะเข้าไปในรถแล้วก็ตามสายลมยามเย็นโชยเข้ามาทางกระจกรถ แต่ก็ไม่สามารถพัดพาความเจ
“เจเรมี่ อย่าทิ้งฉันไป” ดวงตาของเมเดลีนเปิดครึ่งหนึ่งและเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ เธอยังคงเมาอยู่มากเจเรมี่จับมือเธอไว้ ใบหน้าสีชมพูระเรื่อของเธอสะท้อนอยู่ในม่านตาสีเหลืองอำพันของเขาชัดเจนเขาสัญญาอย่างนุ่มนวล “ผมจะไม่ทิ้งคุณ”“ไม่จริง” ดวงตาของเมเดลีนร้อนผ่าว “คุณจะทิ้งฉัน คุณจะ...”เจเรมี่ผงะไปครู่หนึ่ง และไม่รู้ว่าเขาควรตอบอย่างไรมันเป็นเรื่องจริง เขากำลังจะทิ้งเธอไป เขามีเวลาอยู่กับเธอและลูก ๆ มากสุดก็แค่สองปี“ลินนี่” หัวใจของเจเรมี่บีบแน่นดวงตาของเมเดลีนเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่เธอโอบแขนรอบคอของเขาแน่น “อย่าไปนะ ฉันไม่อยากเสียคุณไปอีกแล้ว”เจเรมี่กลืนน้ำลายเมื่อความเจ็บปวดที่เพิกเฉยไม่ได้แล่นเข้ามาในหัวใจเขาอย่างต่อเนื่องเขาลูบหัวของเมเดลีนเพื่อปลอบโยนจากนั้นเสียงร้องไห้สะอื้นของเมเดลีนก็ดังขึ้น “ในช่วงครึ่งปีที่คุณไม่อยู่ ฉันคิดว่าคุณได้จากฉันไปแล้ว ทุกคืนหลังจากที่เด็ก ๆ หลับไปแล้ว ฉันได้แต่นอนเหม่ออยู่บนเตียงคนเดียว และไม่รู้ว่าฉันควรใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อยังไง“ทำไมฟ้าถึงทำให้คนสองคนที่รักกันไม่ได้ตกหลุมรักกันด้วย ทำไม...” เมเดลีนพึมพำกับตัวเองขณะที่กอดเขาด้วยความ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ