ฉันที่ได้ยินคำมั่นแบบนั้น...แม้ฉันจะไม่ได้คิดอะไรนอกจากคิดแค่เพียงว่า ณ เวลานี้ได้มีคนมาแสดงความห่วงใยฉันก็สมควรจะยิ้มตอบกลับไปเพื่อเป็นการขอบคุณตามมารยาทให้กับเขาเพียงแต่ว่า…ฉันไม่รู้ว่าอะไรดลจิตดลใจให้นอกจากคำขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เขามีให้แล้วนั้น ฉันยังได้พูดคำบางคำที่ไม่สมควรจะปล่อยให้หลุดปากออกไป แต่ทว่า...มันดันหลุดออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย…“ขอบคุณค่ะ…แต่ว่าแล้วนายจะมาปกป้องฉันในฐานะอะไรกันล่ะ...หืมมมม ~~”และทันทีที่ประโยคที่ไม่ควรถามได้เผลอหลุดออกจากปากอวบอิ่มไป ฉันที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวเหมือนกับว่าต้องการให้เขามารับผิดชอบชีวิตก็ทำให้ฉันได้แต่เสหน้าหนีหลบตาหลุบต่ำเพราะรู้สึกอับอายทันที“คะ...คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดละกันนะ” (-//_//-) ฉันพูดก่อนจะลุกขึ้นออกจากตักของเขา เพื่อเดินหนีไปจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจที่ฉันได้ก่อขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจนี้แต่ทว่า...ด้วยคำตอบที่เขาส่งกลับมาก็ทำให้ฉันถึงกับตัวชา เบิกตากว้างด้วยความตกใจแทบจะในทันที...“ฐานะแฟนได้ไหม…” เขาที่เอ่ยตอบฉันทันควัน พร้อมกับมือที่เอื้อมมาจับยังข้อมือของฉันเอาไว้เพื่อให้หยุดฟัง(O//.//O) และใน ณ วินาทีนั้นใบ
หลังจากตกลงกันได้แล้ว เขาก็ขับรถพาฉันกลับมาส่งยังห้องพัก โดยที่ฉันได้แต่นั่งทบทวนทุกอย่างถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนนั้นตลอดระยะทางนับจากสถานบันเทิงเริงรมย์ที่เขาจับฉันไปลดหนี้กระทั่งมาถึงหน้าห้องพักของฉันด้วยอาการเหม่อลอย จนไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้รถได้มาจอดยังหน้าที่พักของฉันแล้ว...“ให้กูรอไหม...”เสียงนุ่มทุ้มแต่ยังเต็มไปด้วยพลังความน่าเกรงขามได้เอ่ยถามเรียกฉัน จนฉันถึงกับหลุดออกมาจากห้วงความคิด“หะ...อะ...อ๋อ...ไม่ต้องหรอก ฉันคงใช้เวลาเก็บของอีกนานน่ะกว่าจะเสร็จ” ฉันตอบกลับไปโดยที่หน้ายังก้มงุดไม่กล้าเงยขึ้นมาสบกับดวงตาสีน้ำตาลคาราเมลหวานคู่นั้น“ลิน...”แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็พูดโพล่งชื่อฉันออกมาจนฉันงง“ค่ะ...??” ส่วนฉันที่แม้จะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาเรียกชื่อฉัน แต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาขานรับ“แทนตัวเองว่าลินซิ...กูเห็นแทนตัวกับทุกคนว่าลิน แต่กับกูคนที่เป็นแฟนมึงทำไมถึงเป็นแทนว่า’ ฉัน’ล่ะ...” เขาเปิดปากท้วงติงฉัน โดยที่ในน้ำเสียงและใบหน้าที่มีความน้อยใจปะปนอยู่และคำเอ่ยอ้างของเขาที่สวนกลับมา ก็ยิ่งทำให้ฉันถึงกับงงเข้าไปใหญ่“ห๊ะ...??”“ไม่ได้ยิน...?? ต้องให้ย้ำ!!” เขายัก
ฉันส่ายหัวเบา ๆ ให้กับวิธีการแก้ปัญหาของเขาที่ดูจะโอเวอร์ ก่อนที่ตัวเองจะบอกถึงเจตนารมณ์ออกไปอีกครั้ง“พรุ่งนี้ถ้าคุณ เออ ต่อไปนี้คุณคือเจ้านายของฉันแล้ว ถ้างั้นลินก็จะขอเรียกคุณว่า คุณดีแลนแล้วกันนะ ถ้า...” ฉันที่กำลังจะพูดในประโยคถัดไป แต่ดันถูกเขาขัดขึ้นมาเสียก่อน“ดีน...เรียกฉันว่าดีน”“ห๊ะ...อะ...เอางั้นก็ได้ค่ะ...คุณดีนค่ะถ้าพรุ่งนี้คุณดีนจะกรุณามารับลิน ลินขอเป็นช่วยบ่าย ๆ ได้ไหมคะ เพราะลินจะขอจัดการอะไร ๆ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน” ฉันยื่นข้อเสนอให้เขา เพราะมีหลายอย่างที่ฉันต้องเคลียร์“แต่ฉันอยากเจอเธอเร็วกว่านี้...” แต่เขาที่ข้อต่อรองกลับทันทีด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนจนฉันรู้สึกแปลกใจ“นี่คุณดีนไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมพูดจากอะไรแปลก ๆ” ส่วนฉันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ได้เผลอยื่นมือออกไปอังหน้าผากเขาเพื่อวัดอุณหภูมิ เพราะกลัวว่าเขาจะเพ้อเพราะเป็นไข้ถึงพูดอะไรพิลึก ๆ ออกมาและเขาผู้ซึ่งไม่เคยปล่อยให้โอกาสตรงหน้าหลุดลอยไป เพราะหลังจากที่ฉันเอื้อมมือออกไปอังหน้าผากเขา เขาก็ไปเอื้อมมือมาจับมือฉันที่กำลังแตะหน้าผากของเขาทันทีพร้อมกับจับเลื่อนลงมายังที่หน้าอกข้างซ้ายแต่เต็มไปด้วยความแน่น
คนตัวโตที่ยังยืนอึ้งตาค้างตัวแข็งทื่อ แต่ทว่า...มือกลับยังโอบประคองผู้หญิงที่ตนแอบรักไม่ยอมปล่อยด้วยสัญชาตญาณที่ทั้งอยากปกป้องและหวงแหนผู้หญิงในอ้อมกอดนี้“เจอกันพรุ่งนี้นะ...ลิน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยนิ่งแต่เต็มไปด้วยไอสังหาร จนไอที่แผ่ซ่านทำให้ทั้งสองร่างที่ยืนกึ่งกอดกันอยู่ถึงกับต่างกลืนน้ำลายเฮือกลงคอพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายทันทีที่สิ้นเสียงเย็นของเจ้าของรถสปอร์ตสุดหรูหรืออีกตัวตนนั่นก็คือเจ้าของบริษัท DLKK Corporate อย่างดีแลนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ แต่พูดกับหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดมากกว่า รถหรูดีกรี 1,800 แรงม้าก็ได้ทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง ดั่งต้องการจะบอกให้คนที่ได้เห็นรับรู้ว่าเจ้าของของมันกำลังเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเกรี้ยวกราดไม่พอใจมากแค่ไหนและหลังจากที่คุณดีนได้ทิ้งประโยคเด็ดเอาไว้ พร้อมกับเหยียบรถออกไปด้วยความเร็วพฤติกรรมของเขาก็ถึงกับได้ทำให้พวกฉันแสดงสีหน้าไม่ต่างกัน...ฉันที่อึ้ง... (OoO)พี่รามที่อึ้ง... (OoO)ก่อนที่ในจังหวะที่ฉันกับพี่รามจะหันกลับมามองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ต่างคนต่างเต็มไปด้วยคำถาม โดยพี่รามที่คงอยากจะถามว่าฉันไปรู้จ
โดยเฉพาะเมื่อความกังวลใจที่ก่อตัวขมุกขมัวอยู่ในหัวผม มันจะทำให้หัวใจของผมร้อนดั่งไฟสุ่ม แต่ผมกลับต้องเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจอะไรและปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองไปก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วความรู้สึกของผมตอนนี้...มันเจ็บปวดเหมือนหัวใจกำลังถูกกระชากออกไปจากอก มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกแย่งของรักไป และด้วยความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ทำให้ผมว้าวุ่นใจจนเผลอคิดอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อจองจำเธอเอาไว้ไม่ให้เธอได้ตกไปเป็นของใคร......อย่างที่ใจผมกำลังหวาดกลัว...โดยเฉพาะเมื่อนึกไปถึงเขาคนนั้น...คนที่ผมรู้ดีว่าถ้าหากเขาคนนั้นอยากจะครอบครองเธอขึ้นมามีหรือที่คนระดับนั้นจะไม่สามารถเอาเธอไปครอบครองได้ อีกทั้งด้วยหน้าตาและสถานะของเขามันไม่ยากเลยที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งหวั่นไหว เพราะเขาที่ทั้งติดอันดับความรวยอันดับต้น ๆ ของประเทศแถมพ่วงด้วยตำแหน่งหนุ่มหน้าตาทรงเสน่ห์ติดท็อปเท็นระดับทวีปและด้วยคุณสมบัติพรีเมียมระดับนี้ มีหรือที่คนหน้าตาดีในระดับชนชั้นกลาง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ระดับพอมีพอกินอย่างผมจะไปสู้เขาได้เพราะถ้าเทียบกับเขาคนนั้นแล้ว...ผมมันก็คือไอ้กระจอก!! ดี ๆ นี่เองผมเดินซึม
“ฮ่าๆๆๆๆ ... / คริคริๆๆๆ”“โอ๊ยยยยย ~~ น่าอายชะมัด” (>////ผมที่ถึงกับรีบเอามือปิดหน้าหัวพิงเบาะรถหนีอายพร้อมกับบ่นอุบกับตัวเอง(หมดกันไอ้ราม เอ๊ยยยย...ภาพลักษณ์ที่เคยสร้างไว้ต่อหน้าน้องลิน...มาหมดเอาวันนี้นี่แหละ...กูจะบ้า!!)“คริคริ...นี่พี่รามหิวขนาดนี้เลยเหรอคะ งั้นไปกินข้าวพร้อมกันกับลินเลยดีไหม ตอนแรกลินก็ตั้งใจจะลงมาหาอะไรกินอยู่พอดีเลยค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสวยใสก็ยังคงหัวเราะคิกคักไม่หยุดให้กับเสียงท้องร้องของผม อีกทั้งเธอยังเอ่ยปากชวนผมไปกินข้าวด้วยกันกับเธอ...ด้วยโอกาสบวกกับความสบายใจที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธความปรารถนาดีของเธอได้เลย นั่นจึงทำให้ผมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับเธอไป ส่วนเธอเองก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยใบหน้าสดใสพร้อมกับเอ่ยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวมื้อนี้เอง“เดี๋ยวมือนี้ลินเป็นเจ้ามือเองค่ะ...ตอบแทนที่พี่รามดีกับลินตลอดมาด้วย” หญิงสาวยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่เล็กจนโต และมันยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น“ได้เลย...เดี๋ยวพี่จะถล่มให้ยับเลย...ฮึบ” ผมที่มอบใบหน้ายิ้มแย้มดวงนั้นด้วยความสุขใจก่อนจะแกล้งเย้าเธอไปพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งแล้ว
ตอนที่ 1 ลักพาตัวอุ๊บ!!“อี๊ดดดด อ่อย อัน นะ อ่อย อัน”อึก...อึก!!“อ่อยยย อันนนนน...~~”และนั่นก็เป็นภาพความทรงจำสุดท้ายของฉันที่เกิดขึ้น ก่อนที่สติของฉันจะดับวูบไป โดยที่ฉันทำได้เพียงแค่ตั้งคำถามตัวเองในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน...เฮือกกก ~~“แฮ่ก แฮ่ก แค่ก แค่ก เฮือก...” ทันทีที่ฉันฟื้นคืนสติ ฉันก็รีบหอบเอาอากาศเข้าหายใจให้เต็มปอดอย่างกับคนที่เพิ่งฟื้นขึ้นจากการสำลักน้ำ"โอ๊ย...มึนหัวจัง" ฉันพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะพยายามรวบรวมสติที่เบลอจากฤทธิ์ยาสลบให้กลับมาและเมื่อสติสัมปชัญญะของฉันได้ฟื้นคืนตัวจนแทบจะเป็นปกติแล้ว ภาพความทรงจำก่อนที่ตัวเองจะสลบลงไปก็ทำให้ฉันถึงกับเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ พร้อมกับออกอาการลุกลี้ลุกลนหลังเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองถูกลักพาตัวมา "ทะ...ที่ไหน...ที่นี่มันที่ไหน" ฉันใช้สายตากวาดมองไปทั่วบริเวณโดยรอบจนพบว่าตัวเองได้ถูกจับมายังสถานที่ที่เหมือนกับโกดังเก็บของแห่งหนึ่ง ก่อนที่คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ พร้อมกับสมองที่พานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น...ความทรงจำที่ฉายโชว์เข้ามาในโสตประสาททีละฉากทีละตอนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้ฉายภาพหล
ตอนที่ 2 คนค้ำประกัน--- ดีแลน Talk ---ณ โกดังเก็บของ DLKKหลังจากที่ลูกน้องของผมได้ไปจับตัวไอ้พวกคนที่มันบังอาจเบี้ยวหนี้ของผมมาได้ และดูท่าว่าพวกมันคงน่าจะกำลังรอผมให้ไปพิพากษาอยู่นั้น ผมที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ นั่งสงบจิตสงบใจอยู่ในรถสักพักก็ได้เดินลงไปยังสถานที่ที่ลูกน้องของผมจับตัวไอ้พวกหน้าด้านเอาไว้ ทั้งที่แม้ว่าโดยปกติแล้วผมจะปล่อยให้พวกลูกน้องจัดการตามกฎของการเบี้ยวหนี้ไป แต่คงเป็นเพราะว่าหลายวันมานี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไรประจวบกับอยากจะหาที่ระบายพอดี ยังไงซะ...วันนี้ผมก็ขอมาปลดปล่อยเล่นกับเหยื่อสักหน่อยให้หายเซ็งก็แล้วกัน...หึหึหึผมเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสบาย ๆ ก่อนที่บรรดาลูกน้องทั้งหลายจะก้มหัวทำความเคารพผมอย่างนอบน้อมทันทีที่เห็นผม "สวัสดีครับนาย... / สวัสดีครับนาย.../ สวัสดีครับนาย..." หลายเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่ไอ้ริกลูกน้องคนสนิทของผมก็รีบรายงานถึงข้อมูลของคนที่ไปจับตัวมาวันนี้คร่าว ๆ ในขณะที่ผมกำลังหย่อนกายลงนั่งไขว่ห้างยังเก้าอี้ที่ลูกน้องจัดเตรียมเอาไว้ให้ “นายครับ...บุคคลที่ครบตามกำหนดสัญญาจับตัวมาได้แล้วครับ แต่ว่ามีแค่เคสนี้ที่จับมาได้มาแค่คนค
“ฮ่าๆๆๆๆ ... / คริคริๆๆๆ”“โอ๊ยยยยย ~~ น่าอายชะมัด” (>////ผมที่ถึงกับรีบเอามือปิดหน้าหัวพิงเบาะรถหนีอายพร้อมกับบ่นอุบกับตัวเอง(หมดกันไอ้ราม เอ๊ยยยย...ภาพลักษณ์ที่เคยสร้างไว้ต่อหน้าน้องลิน...มาหมดเอาวันนี้นี่แหละ...กูจะบ้า!!)“คริคริ...นี่พี่รามหิวขนาดนี้เลยเหรอคะ งั้นไปกินข้าวพร้อมกันกับลินเลยดีไหม ตอนแรกลินก็ตั้งใจจะลงมาหาอะไรกินอยู่พอดีเลยค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสวยใสก็ยังคงหัวเราะคิกคักไม่หยุดให้กับเสียงท้องร้องของผม อีกทั้งเธอยังเอ่ยปากชวนผมไปกินข้าวด้วยกันกับเธอ...ด้วยโอกาสบวกกับความสบายใจที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธความปรารถนาดีของเธอได้เลย นั่นจึงทำให้ผมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับเธอไป ส่วนเธอเองก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยใบหน้าสดใสพร้อมกับเอ่ยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวมื้อนี้เอง“เดี๋ยวมือนี้ลินเป็นเจ้ามือเองค่ะ...ตอบแทนที่พี่รามดีกับลินตลอดมาด้วย” หญิงสาวยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่เล็กจนโต และมันยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น“ได้เลย...เดี๋ยวพี่จะถล่มให้ยับเลย...ฮึบ” ผมที่มอบใบหน้ายิ้มแย้มดวงนั้นด้วยความสุขใจก่อนจะแกล้งเย้าเธอไปพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อความกังวลใจที่ก่อตัวขมุกขมัวอยู่ในหัวผม มันจะทำให้หัวใจของผมร้อนดั่งไฟสุ่ม แต่ผมกลับต้องเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจอะไรและปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองไปก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วความรู้สึกของผมตอนนี้...มันเจ็บปวดเหมือนหัวใจกำลังถูกกระชากออกไปจากอก มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกแย่งของรักไป และด้วยความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ทำให้ผมว้าวุ่นใจจนเผลอคิดอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อจองจำเธอเอาไว้ไม่ให้เธอได้ตกไปเป็นของใคร......อย่างที่ใจผมกำลังหวาดกลัว...โดยเฉพาะเมื่อนึกไปถึงเขาคนนั้น...คนที่ผมรู้ดีว่าถ้าหากเขาคนนั้นอยากจะครอบครองเธอขึ้นมามีหรือที่คนระดับนั้นจะไม่สามารถเอาเธอไปครอบครองได้ อีกทั้งด้วยหน้าตาและสถานะของเขามันไม่ยากเลยที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งหวั่นไหว เพราะเขาที่ทั้งติดอันดับความรวยอันดับต้น ๆ ของประเทศแถมพ่วงด้วยตำแหน่งหนุ่มหน้าตาทรงเสน่ห์ติดท็อปเท็นระดับทวีปและด้วยคุณสมบัติพรีเมียมระดับนี้ มีหรือที่คนหน้าตาดีในระดับชนชั้นกลาง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ระดับพอมีพอกินอย่างผมจะไปสู้เขาได้เพราะถ้าเทียบกับเขาคนนั้นแล้ว...ผมมันก็คือไอ้กระจอก!! ดี ๆ นี่เองผมเดินซึม
คนตัวโตที่ยังยืนอึ้งตาค้างตัวแข็งทื่อ แต่ทว่า...มือกลับยังโอบประคองผู้หญิงที่ตนแอบรักไม่ยอมปล่อยด้วยสัญชาตญาณที่ทั้งอยากปกป้องและหวงแหนผู้หญิงในอ้อมกอดนี้“เจอกันพรุ่งนี้นะ...ลิน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยนิ่งแต่เต็มไปด้วยไอสังหาร จนไอที่แผ่ซ่านทำให้ทั้งสองร่างที่ยืนกึ่งกอดกันอยู่ถึงกับต่างกลืนน้ำลายเฮือกลงคอพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายทันทีที่สิ้นเสียงเย็นของเจ้าของรถสปอร์ตสุดหรูหรืออีกตัวตนนั่นก็คือเจ้าของบริษัท DLKK Corporate อย่างดีแลนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ แต่พูดกับหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดมากกว่า รถหรูดีกรี 1,800 แรงม้าก็ได้ทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง ดั่งต้องการจะบอกให้คนที่ได้เห็นรับรู้ว่าเจ้าของของมันกำลังเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเกรี้ยวกราดไม่พอใจมากแค่ไหนและหลังจากที่คุณดีนได้ทิ้งประโยคเด็ดเอาไว้ พร้อมกับเหยียบรถออกไปด้วยความเร็วพฤติกรรมของเขาก็ถึงกับได้ทำให้พวกฉันแสดงสีหน้าไม่ต่างกัน...ฉันที่อึ้ง... (OoO)พี่รามที่อึ้ง... (OoO)ก่อนที่ในจังหวะที่ฉันกับพี่รามจะหันกลับมามองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ต่างคนต่างเต็มไปด้วยคำถาม โดยพี่รามที่คงอยากจะถามว่าฉันไปรู้จ
ฉันส่ายหัวเบา ๆ ให้กับวิธีการแก้ปัญหาของเขาที่ดูจะโอเวอร์ ก่อนที่ตัวเองจะบอกถึงเจตนารมณ์ออกไปอีกครั้ง“พรุ่งนี้ถ้าคุณ เออ ต่อไปนี้คุณคือเจ้านายของฉันแล้ว ถ้างั้นลินก็จะขอเรียกคุณว่า คุณดีแลนแล้วกันนะ ถ้า...” ฉันที่กำลังจะพูดในประโยคถัดไป แต่ดันถูกเขาขัดขึ้นมาเสียก่อน“ดีน...เรียกฉันว่าดีน”“ห๊ะ...อะ...เอางั้นก็ได้ค่ะ...คุณดีนค่ะถ้าพรุ่งนี้คุณดีนจะกรุณามารับลิน ลินขอเป็นช่วยบ่าย ๆ ได้ไหมคะ เพราะลินจะขอจัดการอะไร ๆ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน” ฉันยื่นข้อเสนอให้เขา เพราะมีหลายอย่างที่ฉันต้องเคลียร์“แต่ฉันอยากเจอเธอเร็วกว่านี้...” แต่เขาที่ข้อต่อรองกลับทันทีด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนจนฉันรู้สึกแปลกใจ“นี่คุณดีนไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมพูดจากอะไรแปลก ๆ” ส่วนฉันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ได้เผลอยื่นมือออกไปอังหน้าผากเขาเพื่อวัดอุณหภูมิ เพราะกลัวว่าเขาจะเพ้อเพราะเป็นไข้ถึงพูดอะไรพิลึก ๆ ออกมาและเขาผู้ซึ่งไม่เคยปล่อยให้โอกาสตรงหน้าหลุดลอยไป เพราะหลังจากที่ฉันเอื้อมมือออกไปอังหน้าผากเขา เขาก็ไปเอื้อมมือมาจับมือฉันที่กำลังแตะหน้าผากของเขาทันทีพร้อมกับจับเลื่อนลงมายังที่หน้าอกข้างซ้ายแต่เต็มไปด้วยความแน่น
หลังจากตกลงกันได้แล้ว เขาก็ขับรถพาฉันกลับมาส่งยังห้องพัก โดยที่ฉันได้แต่นั่งทบทวนทุกอย่างถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนนั้นตลอดระยะทางนับจากสถานบันเทิงเริงรมย์ที่เขาจับฉันไปลดหนี้กระทั่งมาถึงหน้าห้องพักของฉันด้วยอาการเหม่อลอย จนไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้รถได้มาจอดยังหน้าที่พักของฉันแล้ว...“ให้กูรอไหม...”เสียงนุ่มทุ้มแต่ยังเต็มไปด้วยพลังความน่าเกรงขามได้เอ่ยถามเรียกฉัน จนฉันถึงกับหลุดออกมาจากห้วงความคิด“หะ...อะ...อ๋อ...ไม่ต้องหรอก ฉันคงใช้เวลาเก็บของอีกนานน่ะกว่าจะเสร็จ” ฉันตอบกลับไปโดยที่หน้ายังก้มงุดไม่กล้าเงยขึ้นมาสบกับดวงตาสีน้ำตาลคาราเมลหวานคู่นั้น“ลิน...”แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็พูดโพล่งชื่อฉันออกมาจนฉันงง“ค่ะ...??” ส่วนฉันที่แม้จะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาเรียกชื่อฉัน แต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาขานรับ“แทนตัวเองว่าลินซิ...กูเห็นแทนตัวกับทุกคนว่าลิน แต่กับกูคนที่เป็นแฟนมึงทำไมถึงเป็นแทนว่า’ ฉัน’ล่ะ...” เขาเปิดปากท้วงติงฉัน โดยที่ในน้ำเสียงและใบหน้าที่มีความน้อยใจปะปนอยู่และคำเอ่ยอ้างของเขาที่สวนกลับมา ก็ยิ่งทำให้ฉันถึงกับงงเข้าไปใหญ่“ห๊ะ...??”“ไม่ได้ยิน...?? ต้องให้ย้ำ!!” เขายัก
ฉันที่ได้ยินคำมั่นแบบนั้น...แม้ฉันจะไม่ได้คิดอะไรนอกจากคิดแค่เพียงว่า ณ เวลานี้ได้มีคนมาแสดงความห่วงใยฉันก็สมควรจะยิ้มตอบกลับไปเพื่อเป็นการขอบคุณตามมารยาทให้กับเขาเพียงแต่ว่า…ฉันไม่รู้ว่าอะไรดลจิตดลใจให้นอกจากคำขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เขามีให้แล้วนั้น ฉันยังได้พูดคำบางคำที่ไม่สมควรจะปล่อยให้หลุดปากออกไป แต่ทว่า...มันดันหลุดออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย…“ขอบคุณค่ะ…แต่ว่าแล้วนายจะมาปกป้องฉันในฐานะอะไรกันล่ะ...หืมมมม ~~”และทันทีที่ประโยคที่ไม่ควรถามได้เผลอหลุดออกจากปากอวบอิ่มไป ฉันที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวเหมือนกับว่าต้องการให้เขามารับผิดชอบชีวิตก็ทำให้ฉันได้แต่เสหน้าหนีหลบตาหลุบต่ำเพราะรู้สึกอับอายทันที“คะ...คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดละกันนะ” (-//_//-) ฉันพูดก่อนจะลุกขึ้นออกจากตักของเขา เพื่อเดินหนีไปจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจที่ฉันได้ก่อขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจนี้แต่ทว่า...ด้วยคำตอบที่เขาส่งกลับมาก็ทำให้ฉันถึงกับตัวชา เบิกตากว้างด้วยความตกใจแทบจะในทันที...“ฐานะแฟนได้ไหม…” เขาที่เอ่ยตอบฉันทันควัน พร้อมกับมือที่เอื้อมมาจับยังข้อมือของฉันเอาไว้เพื่อให้หยุดฟัง(O//.//O) และใน ณ วินาทีนั้นใบ
ก่อนที่ป้านีจะเล่าถึงสิ่งที่ได้ฟังมาต่อว่า...ในวันนั้นนอกจากเรื่องแผนการที่พ่อของฉันท่านได้ฝากฝังเอาไว้กับทนายแล้ว ท่านยังปรารภพูดกับทนายด้วยอีกว่า...ความจริงแล้วท่านรักบ้านหลังนี้มาก มันเป็นบ้านที่มีความทรงจำเกี่ยวกับพวกท่าน พ่อ แม่ ลูก เต็มไปหมด แต่ว่าหลังจากที่แม่ของฉันทิ้งท่านกับฉันไป ท่านรู้ดีว่าความทรงจำทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วเพราะนับตั้งแต่นั้นไม่ว่าท่านจะมองไปทางไหนมันก็มีแต่ความทรงจำที่เจ็บปวดเข้ามาแทนที่ และนับวันก็เริ่มจะกลืนกินความสุขที่เคยคุกรุ่นอบอวลอยู่ภายในบ้านไปหมด ความรู้สึกของท่านมันเหมือนกับว่าทุกอย่างถูกแทนที่ด้วยความหม่นหมองและเฉยชาไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น…ท่านจึงอยากจะทิ้งบ้านนี้ไป บ้านที่ท่านคิดเอาไว้ว่าต่อให้ท่านจากไปถึงฉันอยู่ก็คงไม่มีความสุขอยู่ดี และท่านเองก็อยากให้ฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ใหม่ ๆ ไปสร้างความทรงจำดี ๆ ที่มีความสุขเอาใหม่แทนและสิ่งที่ท่านทำลงไปทั้งหมดนั้นมันจึงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ฉันตัดใจได้และไม่อาลัยอาวรณ์ต่อบ้านหลังนี้อีก…สิ้นคำบอกเล่าจากปรานี...ฉันถึงกับร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจและเข้าใจถึงเรื่องราวทุกอย่างกระจ่างแจ้ง อีกทั้ง
จากนั้นป้านีก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่างว่าความเป็นมามันเป็นยังไง...และหลังจากที่ฉันฟังท่านจนจบ ฉันถึงกับหน้าชาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งน้ำตาที่เพิ่งจะแห้งเหือดไปอันเป็นผลมาจากความห่วงใยของป้านีเมื่อครู่ก็ได้กลับรินไหลออกมาได้อย่างง่ายดาย…เพียงเพราะฉันได้รับรู้ถึงความจริงในสิ่งที่ฉันเข้าใจผิดมาโดยตลอด…โดยเฉพาะ...ความเข้าใจผิดที่มันเกี่ยวกับบุพการีเพียงคนเดียวของฉัน...ที่ความจริงแล้วนั้นเขารักฉันยิ่งกว่าใครทั้งหมด...ป้านี้เล่าย้อนให้ฉันฟังว่า…ความจริงแล้วพ่อของฉันท่านระแคะระคายมาสักพักแล้วว่ายัยยุพินหรืออดีตแม่เลี้ยงของฉันนางนั้นแอบมีผู้ชายอื่น อีกทั้งพ่อฉันที่พยายามจะจับให้ได้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ดันมาคลาดไปเสียทุกทีจนกระทั่ง…วันนั้นวันที่เกิดเหตุการณ์จนทำให้พ่อฉันจากไป หลังจากที่ท่านจับได้คาหนังคาเขาแล้วว่าอดีตแม่เลี้ยงมีสัมพันธ์สวาทกับชายชู้จริง และด้วยความตกใจก็ได้ทำให้ชายชู้คนนั้นรีบหนีไปทั้งที่พ่อฉันยังไม่ได้ทำอะไรพวกมันเลย แต่เป็นเพราะว่าพ่อฉันท่านที่ต้องการจะจบเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และต้องการเพียงแค่ให้ชายชู้คนนั้นมาเซ็นยอมรับเพื่อที่จะได้ไปทำเรื่อง
--- ลลิน Talk ---ในขณะที่ฉันถูกเขานั่งซบหน้าอยู่กับแผ่นหลังก็พลันเกิดความรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และนั่นก็ทำให้ฉันต้องรีบตั้งสติแล้วพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยงตรงนี้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ร่างกายที่เหมือนว่ามันจะไม่ใช่ของฉันจะพยศความคิดผิดชอบชั่วดีที่มีในก้นบึ้งจิตสำนึกแล้วคล้อยตามการสัมผัสของเขาไปมากกว่านี้“เออ…นะ…นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ฉันเลือกที่จะเปิดปากทำลายความเงียบภายในห้องถามเขา หลังจากที่ทบทวนได้แล้วว่าในสถานะของเราทั้งสองไม่ควรที่จะแนบชิดกันมากอย่างนี้“...............”(ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก…)ฉันที่ถามออกไปแต่กลับเพียงความเงียบงันกลับมา...“ถ้านายเป็นอะไรไม่สบายตรงไหนก็บอกฉันได้นะ” ฉันยังคงเอ่ยถาม พร้อมกับเอื้อมมือไปตบเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบไปยังหลังมือของเขาที่ตอนนี้กำลังโอบรัดเอวของฉันของฉันอยู่“..............”ส่วนเขาเองแม้ว่าการตอบสนองโดยการที่โอบเอวฉันแน่นขึ้นจะเป็นการตอบรับว่าเขาได้ยินในสิ่งที่ฉันถาม แต่ทว่า...เขาก็ยังคงทำนิ่งเงียบไม่พูดอะไรและซุกหน้าอยู่แบบนั้นก่อนที่ฉันจะปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจต่อไปอีกสักพั