“งั้น...คืน...นะ...นี้”“ไม่ค่ะ!!”แต่เขาประเมินฉันต่ำไป เพราะฉันที่รู้ทันความคิดของเขาก็ได้รีบปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับยิ้มเย้ยใส่...(ชิ...นี่เขาคิดว่าฉันไม่รู้ทันเขาหรือไงกันทำมาเป็นป้อคำหวานใส่ เพราะอยากจะนอนค้างที่นี่กับฉันนะซิ)“ไปได้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานกันแล้ว” ฉันบอกพร้อมกับดันเขาไปที่นอกประตูอีกครั้ง“ลินไม่ต้องไปหรอก พักผ่อนก่อนเถอะ” คุณดีนเอ่ยห้ามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับเอื้อมมือมาจับผมยาวสลวยของฉันทัดไปยังด้านหลังหู“แต่ลินไม่อยากให้ตัวเองทำให้พี่ดีนเสียงานนี่ค่ะ” ใบหน้าหวานสลดลงเล็กน้อยเมื่อนึกไปถึงความรู้สึกที่ตัวเองเป็นภาระให้คนอื่น“เสียงานอะไรกัน คิดมากเก่งนะเราเนี้ย” สายตาคมมองมายังใบหน้าสาวด้วยความเอ็นดูและสงสารไปในเวลาเดียวกัน นั่นก็เพราะสิ่งที่หญิงสาวได้พบเจอมานั้นมันเหมือนกับแผลที่ฝังลึกลงไปในจิตใจกับคำว่า ตัวภาระ ตัวปัญหา หรือแม้กระทั่ง...ตัวซวย...“ก็มันจริงนี่ค่ะ ลินนี่เป็นภา...อุ๊บ”จุ๊บ ~~และในขณะที่ฉันกำลังจะตัดพ้อถึงชีวิตที่น่ารันทดของตัวเองอยู่นั้น เจ้าของริมฝีปากทรงหยักได้รูปก็บรรจงจรดลงมาปิดเรียวปากที่กำลังเอื้อนเอ่ยกล่าวโทษตัวเอง ก่อนที่เขาจะ
กริ๊งงงงงง ~~ กริ๊งงงงงง ~~“แป๊บนะครับ...เดี๋ยวขอรับโทรศัพท์ก่อน” ใบหน้าคมเข้มทำหน้าทะเล้นจนคุณหมอสาวถึงกับยืนอึ้งไปไม่เป็น“นี่มันเป็นบ้าอะไรอะ...น้องลิน เมื่อเช้าหัวฟาดพื้นมาหรือเปล่าพี่จะได้ช่วยดูให้” พี่น้ำค้างกระซิบกระซาบถามฉัน พร้อมกับส่งสายตาหวาดระแวงไปยังคนที่เพิ่งเดินออกไปรับโทรศัพท์“แหะ ๆ เปล่าค่ะ” ฉันตอบอย่างเขิน ๆ เพราะตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาเป็นอะไร“ดี๊ด๊าทำท่าอย่างกับว่าเมียอนุญาตให้นอนห้องเดียวด้วยกันได้แล้วยังงั้นแหละ” คุณหมอสาวที่พูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ว่ากลับทำให้ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าทำไมเขาถึงได้อารมณ์ดีแบบนี้ แต่ก็กระดากอายเกินกว่าจะพูดออกไป“ละ...ลิน..กะ...ก็ไม่รู้ค่ะ...” (>//_//แต่ทว่า...ด้วยคำตอบ ใบหน้าและอากัปกิริยาที่ฉันแสดงออกไปนั้น ก็ทำให้คนที่ฉลาดรู้ทันน้องชายตัวเองถึงกับร้องอ๋อออกมาทันที“อ๋อออออ...พี่รู้แหละ หึหึหึ...” คุณหมอสาวมองไปทางน้องชายตัวแสบที่กำลังคุยงานทางโทรศัพท์ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เหมือนกับว่าตนเองเพิ่งจะคิดแผนการอะไรเด็ด ๆ ออกและหลังจากที่พี่น้ำค้างรอคุณดีนวางสายโทรศัพท์เสร็จ...“ดีน...แกออกไปรอข้างนอกก่อนนะ” คุณหมอคนสวยเอ่ยบ
หลังจากกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ เขาก็อยู่เป็นเพื่อนฉันไม่ได้กลับไปทำงานต่อ โดยที่เราสองคนได้ทำกิจกรรมในแบบที่เราชอบทำนั้นก็คือนอนดูหนังอยู่ภายในห้องดูหนังประจำ กระทั่งเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับความสุขที่ล้นปรี่โดยมีเราสองคนนอนกอดก่ายกันอยู่บนโซฟาที่ถูกปรับเอนนอน พร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปยังหนังเรื่องโปรด จวบจนกระทั่ง...รุ่งเช้า ~~“พี่ดีนค่ะ ตื่นได้แล้วค่ะ เราต้องไปทำงานแล้วนะคะ” ฉันปลุกคนที่นอนกอดฉันอยู่ด้านข้างด้วยน้ำเสียงสดใส“อะไรกันจะไปทำงานได้ยังไง พี่ค้างบอกว่าให้ลินพักอีก 1 อาทิตย์ ไงจำไม่ได้เหรอ” เขาหลับตาทวนคำพูดของพี่สาวตัวเอง“จำได้ค่ะ แล้วก็จำได้ด้วยว่าพี่น้ำค้างบอกว่าลินสามารถทำงานเบา ๆ ได้ และงานเลขาก็ไม่ได้หนักตรงไหนนี่ค่ะ” ฉันพูดย้ำโดยพยายามเน้นคำว่าเบา ๆ ให้เขาฟัง“หืมมมมม ~~ ทำไมพี่ถึงจำไม่ได้เลยนะ” ส่วนเขาที่ยังคงดื้อดึงไม่อยากให้ฉันไปทำงาน อยากจะให้พักอยู่กับบ้านมากกว่า“นะคะ...ฟอด ~~ น๊าาาาา...ฟอด ~~” ฉันแสดงอาการออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำ พร้อมกับหอมแก้มเขาฟอดใหญ่“อ้อนเก่งจังเลยนะ ฮืมมมมม ~~ ฟอดดดดด ~~” ส่วนเขาก็ไม่ยอมเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวก็ได้หอมฉันกลับด้วย
ก่อนที่ฉันจะตั้งใจฟังต่อถึงเรื่องราวของคนอีกคนที่เป็นหัวข้อสนทนาของพนักงานกลุ่มนี้...“ก็ที่ว่าตัวจริงเขามาก็คุณมายายังไงล่ะ” พนักงานสาวอีกคนที่ยืนฟังคงรอไม่ไหว เพราะถ้ายังไม่เฉลยและปล่อยให้อีกสองคนปะทะคารมใส่กัน วันนี้คงไม่ได้เมาส์ประเด็นดังประเด็นเด็ดของบริษัทแน่นอน“คุณมายา...ที่ว่าคุณหนูไฮโซลูกนักการเมืองอะน่ะ” เสียงคนที่ชื่อซาแมนท่าดูฮือฮาขึ้นมาทันที หลังจากที่ตนได้ฟังคำบอกเล่าจากเพื่อนแล้วพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้“นั่นแหละจ้าาาาา...แล้วทีนี้หล่อนเข้าใจแล้วใช่ไหมจ๊ะว่าทำไมหล่อนถึงจะไม่ได้พี่รามของหล่อนคืน” เพื่อนสาวของซาแมนท่าคนเดิมเอ่ยคำพูดทับถมจนคนที่โดนเหน็บแนมหวีดร้องขึ้นมาอีกรอบ“โอ๊ยยยยย...นี่มันเวรกรรมอะไรของซาแมนท่าค่ะเนี้ย เทวดาจ๋า ฟ้าจ๋า ทำไมทำร้ายจิตใจผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างซาแมนท่าได้ลงคอ” เจ้าของเสียงแสดงจริตจะก้านเกินหญิงจนเพื่อน ๆ ต่างหัวเราะกันคิกคัก“เอาน่า...อย่างน้อยหล่อนก็มียามเบิ้มไว้เป็นตัวสำรองอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นนะเมื่ออาทิตย์ก่อนหลังเลิกงานหล่อนพายามเบิ้มขึ้นรถไปไหนกันสองต่อสองย่ะ...คริคริ” เสียงหยอกล้อจากเพื่อนสาวคนเดิมเรียกเสียงฮือฮาขึ้นมาได้อีกครั
ปัง...!! โครม ~~ คราม ~~“กรี๊ดดดดดดดดดด ~~ อร๊ายยยยย ~~”ฉันที่เขวี้ยงมือถือเครื่องละครึ่งแสนทิ้งไปด้วยความโมโห ก่อนจะทำลายข้าวของที่อยู่ในห้องซะเละเทะ พร้อมกับกรีดร้องออกมาอย่างสุดจะกลั้น จนผู้เป็นมารดาที่ได้ยินเสียงอยู่เนือง ๆ ถึงกับต้องรีบวิ่งเข้ามาดู“อะไรกันลูก...ทำไมข้าวของเละเทะแบบนี้ล่ะ” แม่ของฉันวิ่งเข้ามาดู พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังพื้นห้องที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้รวมถึงมือถือเครื่องละครึ่งแสน“เพราะใครล่ะ...ยี้...ยี้ ๆๆๆ” น้ำใสที่สุดจะกักกลั้นไหลพรากออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจ พร้อมกับมือที่ถูไปตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย“ใจเย็น ๆ ลูก...อย่าทำแบบนี้” แม่ของฉันเอ่ยปลอบคล้ายกับต้องการใช้น้ำเย็นราดรดให้คนอารมณ์ร้ายได้ใจเย็น แต่ทว่า ณ เวลานี้มันกลับเหมือนน้ำมันที่ราดลงมาบนกองไฟเสียมากกว่า“ใจเย็นเหรอ แม่บอกให้หนูใจเย็นได้ยังไง แม่รู้ไหมก็เพราะว่าหนูต้องไปทำงานให้กับพ่อ มันทำให้หนูกำลังจะเสียดีนไป...ฮึก...ฮึก” ฉันพูดออกไปอย่างเหลืออด เมื่อนึกไปถึงสิ่งที่ตัวเองต้องไปทำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา“ค่อย ๆ คิดนะลูก เดี๋ยวแม่ให้คนของพ่อไปสืบให้แป๊บเดียวนะลูกนะ” ผู้เป็นแม่ปลอบไ
--- ลลิน Talk ---แววตาที่ฉายแววไม่เป็นมิตรยังคงไม่จางหายไปจากคนผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า โดยที่ใบหน้าสวยเฉี่ยวดวงนั้นยังคงเหมือนกับว่าพยายามกักเก็บความไม่พอใจเอาไว้ แต่ทว่า...ผู้หญิงด้วยกันทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเธอไปปรับเปลี่ยนลุคที่ดูสวยเซ็กซี่ให้เป็นสาวสวยหวานน่ารักเพื่อหวังมัดใจผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างของฉันก่อนที่คนตัวโตที่เหมือนจะแนะนำอีกสถานะของฉันให้คนตรงหน้าได้รู้จัก แต่ทว่า...กลับถูกฉันขัดขึ้นเสียก่อน“ลินเขาไม่ใช่...เล...” ในขณะที่คุณดีนยังพูดไม่จบประโยค“ลินเป็นเลขามาใหม่ค่ะ เพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือนค่ะ สวัสดีอีกครั้งนะคะคุณมายา” ฉันรีบสวนคำพูดออกไปทันทีด้วยท่าทีนอบน้อม“ไม่ทราบว่าท่านประธานมีอะไรจะใช้ลินหรือเปล่าคะ” ฉันหันไปทางคุณดีนที่ตอนนี้ทำท่าเป็นยืนสุขุมแต่แววตาดูไม่พอใจในท่าทีของฉัน“อ๋อ...ไม่มีอะไร ฉันแค่จะมาแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนของฉันน่ะ” คุณดีนที่พูดเหมือนกับต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ฉันได้รับรู้“ดีนค่ะ...ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พูดแบบนี้มายาเสียใจนะคะ ทำไมถึงให้มายาเป็นแค่เพื่อนล่ะคะทั้ง ๆ ที่เราก็ถูกสังคมยกให้เป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมากที่สุดเลยนะคะ” ยัยมายาดาวยั่วออ
จากนั้นคนตัวโตเจ้าของประโยคสุดช็อกก็ได้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้าก้าวเดินมายืนตรงอยู่หน้าฉัน พร้อมกับโอบไหล่เล็กให้เข้าแนบตัวแน่นเพื่อตอกย้ำถึงคำพูดที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้“ก็หมายความว่า ผมกับลิพังทลาย เราสองคนเป็นแฟน...ไม่ซิ...เป็นถึงขั้นสามีภรรยากันแล้ว เพียงแต่เพราะว่าลินเขาขอเอาไว้น่ะว่าเขายังไม่อยากให้ผมเปิดตัวเธอตอนนี้ แต่ในเมื่อคุณมายาที่เป็น...เพื่อน...ของผม ผมก็คิดว่าผมสมควรที่จะบอกให้คุณได้รับรู้เอาไว้” คุณดีนอธิบายอีกทั้งยังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น โดยในขณะที่เขาพูด เขาก็จับจ้องไปที่หญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาจริงจัง พร้อมกับย้ำคำว่าเพื่อนจนหญิงสาวหน้าเสีย“ได้ยังไงกันค่ะ แล้วเรื่องระหว่างเราล่ะคะ” หญิงสาวผู้ที่มั่นใจในหน้าตาและฐานะทางสังคมของตนเองเอ่ยพูดปากสั่น ดวงตาแดงก่ำพร้อมที่จะหลั่งน้ำใสออกมา“เรื่องระหว่างเรา...เอ๊ะ...ระหว่างเรามีเรื่องอะไรอย่างงั้นหรือรับ” คนตัวโตตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยคำถามยียวน“ดีน...คุณจะมาทำแบบนี้กับมายาไม่ได้นะคะ คุณก็รู้ว่าในสังคมไฮโซต่างก็มองว่าเราคือคู่กิ่งทองใบหยก เป็นคู่ที่เหมาะสมกันและควรที่จะแต่งงานด้วยกันมากที่สุด แล้วแบบน
“ร่วมถึงคุณด้วยใช่ไหมล่ะคะที่ง่าย!!...ที่ยอมอ้าขาให้คุณดีน...จนคุณโดนเขาเขี่ยทิ้งง่าย ๆ ไร้คุณค่าแบบนี้” ฉันตอกผู้หญิงคนนั้นกลับไปอีกทั้งยังพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมาส่วนคนที่ผิดหวังและหมายใจจะทำให้มารหัวใจเจ็บช้ำอย่างฉัน แต่กลับถูกตอกหน้าหงายด้วยไม่คิดว่าฉันจะกล้าต่อปากต่อคำ จนต้องระเบิดเสียงกรีดร้องออกมาอีกครั้งด้วยความแค้นใจ“กรี๊ดดดดดดด ~~ อีคนชั้นต่ำ นี่มึงกล้าว่ากูเหรอ มึงรู้ไหมว่าพ่อกูเป็นใคร แค่กูพูดประโยคเดียวมึงได้หายไปจากโลกนี้แน่...” ร่างสวยหยัดตัวลุกขึ้นมายืนเต็มความสูงด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่เรียวปากบางจะด่ากราดใส่อีกทั้งใบหน้ายังถมึงทึงบิดเบี้ยวไม่น่ามอง จนทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมีเสน่ห์แปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมาทันที“แล้วมึงคิดว่าจะทำอะไรเมียกูได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ ถ้ามึงลองแตะเมียกูแม้แต่ปลายเล็บแล้วละก็...กูก็รับรองได้เหมือนกันว่าทั้งมึงและตระกูลของมึงจะได้หายไปจากโลกนี้แน่นอน...” เสียงเหี้ยมพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับดวงตาแข็งกร้าวจ้องเขม็ง อีกทั้งสรรพนามการเรียกอย่างให้เกียรติก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาไม่จำเป็นต้องให้เกียรติคนที่คิดร้ายต่อ
สองเดือนผ่านไป ~~“มึงได้ข่าวลินบ้างไหมว่ะ” ผมเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทด้วยคำถามเดิมเฉกเช่นทุกครั้งยามที่มันเอาเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน“ยังเลยครับนาย แต่ผมก็ยังไม่ได้ให้ลูกน้องเลิกตามหาเลยนะครับ ทุกครั้งที่มีเบาะแสผมจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองตลอด เพียงแต่ว่า...” ริกพูดรายงานเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง อีกทั้งในน้ำเสียงนั้นก็ยังไม่อาจปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้ เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาคนที่เป็นดั่งหัวใจของเจ้านายตัวเอง เพียงแต่ว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอยและไร้วี่แววเสมือนกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนบนโลกใบนี้“แล้วรามพี่ชายของลินล่ะ มึงได้ตามไปดูไหมเผื่อว่าเมียกูจะไปอยู่กับเขา” ผมถามไปถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่ตอนนี้ได้ลาออกจากบริษัทผมไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้นแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะยกขวดแก้วใสที่ใส่น้ำสีอำพันสีเข้มกระดกปล่อยให้ของเหลวดีกรีร้อนแรงไหลลงคอต่อไป อย่างที่ต้องการจะให้มันได้เข้าไปดับความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในให้บรรเทาเบาบางลงได้บ้างริกมองสภาพเจ้านายของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ภาพของชายหนุ่มที่เคยสง่างามมีออร่าเปล่งประกายแต่ทว่า...ตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนคนพเนจรไร้จุดหมา
ดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งเมื่อความทรงจำสุดท้ายได้พาดผ่านเข้ามาในโสตประสาท นั่นจึงทำให้ฉันถึงกับกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความตกใจ“ทะ...ที่นี่ที่ไหนกัน” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อพบว่าภาพบรรยากาศตรงหน้านั้นไม่เหมือนกับภาพของสถานที่สุดท้ายที่ตัวเองได้หมดสติลงไปเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากสถานที่ตอนนี้ฉันเหมือนกับอยู่บ้านพักที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่สถานีขนส่งอย่างก่อนหน้านี้จากนั้นเมื่อสติค่อย ๆ กลับคืนมา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็ได้ฉายวาบเข้ามาในหัวใจทันที เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคนที่ใจร้ายด้วยกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะหนีจากเขาคนนั้นไม่พ้น และถูกเขาจับตัวกลับมาทรมานอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำและในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกกังวลอยู่นั้น...เสียงที่เหมือนกับว่าจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่ฉันได้ยินก่อนจะหมดสติไปก็ได้ดังขึ้นมาทันที“ฟื้นแล้วเหรอครับคุณลลิน เป็นยังไงบ้างครับยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า ผมจะได้เรียกหมอให้มาตรวจดูอาการให้ครับ” ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาในแบบสไตล์ผู้ชายไทยได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า พร
“มะ...ไม่มี...อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”พี่น้ำค้างที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ อีกทั้งยังรีบลนลานเดินไปหายังห้องน้ำด้วยความร้อนใจ เพื่อหวังว่าจะพบร่างเมียรักของผมอยู่ในนั้นแต่แล้วทันทีที่พี่น้ำค้างเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วพบเข้ากับความว่างเปล่าเหมือนที่ผมเจอ...เธอก็เริ่มงึมงำกับตัวเองอีกครั้งทันที...ใบหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดของผู้เป็นพี่สาว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่มีความหวังในตอนแรกเพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่สิ่งที่พี่สาวกลั่นแกล้งตนเท่านั้น เริ่มที่จะหวาดหวั่นในใจขึ้นมาด้วยกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังกังวลอยู่นั้นจะเป็นจริง“หะ...หาย...หายไปได้ยังไงก็ในเมื่อตอนแรกก่อนที่ฉันจะออกไปก็ยังเห็นนอนหลับอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” พี่น้ำค้างหันมาถามผมแทนอีกทั้งสีหน้ายังแสดงอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บนพื้นจะเต็มไปด้วยของกินที่นำมาฝากคนป่วยที่บัดนี้ได้กระจัดกระจายหล่นเต็มไปทั่วทั้งพื้นเนื่องจากคนถือตกใจจนทำร่วงหล่น“นี่พี่ไม่รู้เรื่องที่ลินหายไปจริง ๆ เหรอ” ผมที่ยังคงคลางแคลงใจคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยเอ่ยถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่การแสดงจากพี่สาว“ไอ้ดีน!! นี่แกจะบ้าเหรอ!! ฉันเนี้ยน่ะจะร
--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมจัดการชำระแค้นเรียบร้อย แม้ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้และค่อนข้างจะผิดแผนไปนิด แต่ทว่า...คนที่ควรจะได้รับบทลงโทษก็สมควรได้รับหมดแล้ว และคงเหลือแค่เพียงผมเท่านั้นที่ต้องกลับไปรับโทษทัณฑ์จากคนที่ผมรักสุดหัวใจด้วยความเต็มใจสักทีผมจัดการควบรถหรูคู่ใจพุ่งทะยานไปยังจุดมุ่งหมายที่ใจปรารถนา และหวังเพียงว่าจะไปได้ทันพอที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ผมปรารถนาที่จะให้เธอตื่นมาพบกับผมเป็นคนแรกเพื่อที่ผมจะได้เสนอหน้าให้เธอเห็นแม้ว่าเธอจะไม่พอใจก็ตาม...ผมใช้เวลาไม่นานมากนักเจ้ารถหรูคู่ใจก็ได้พาผมมายังจุดมุ่งหมายปลายทางพร้อมกับหัวใจที่พองโตด้วยความคิดถึงคนร่างบางที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง อีกทั้งตลอดระยะทางที่ขับรถมาผมก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะผมเองนั้นก็ได้ใช้เวลาช่วงนั้นในการขบคิดหาวิธีที่จะงอนง้อขอคืนดีกับเมียรักมาตลอดทาง ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจและตั้งใจเอาไว้ว่าจะยอมรับผลของการกระทำแต่โดยดีถ้าหากเธอจะยังไม่ยอมให้อภัยในตอนนี้...ณ โรงพยาบาลชานเมืองหัวใจที่เบิกบานพองโตส่งให้เท้ายาวก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ที่ข้างในกำลั
ณ โรงพยาบาลชานเมือง--- ลลิน Talk ---“นะ...น้ำ...ขอน้ำกินหน่อย” เสียงแหบแห้งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก ทำให้คนที่นั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง ๆ ถึงกับรีบกุลีกุจอถามฉันทันที“น้องลิน...พี่อยู่นี่แล้วค่ะ” พี่น้ำค้างรีบเดินมาลูบหัวฉันเบา ๆ พร้อมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความสะเทือนใจยามที่เห็นสภาพอิดโรยของฉัน และยิ่งเจ็บใจเมื่อพานคิดไปว่าที่ฉันต้องมีสภาพเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะฝีมือของน้องชายตัวเอง“พะ...พี่น้ำค้าง ละ...ลินขอน้ำกินหน่อยค่ะ” ฉันปรือตามองพร้อมกับขยับเรียวปากอีกครั้งถึงความต้องการของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้รู้สึกริมฝีปากและคอแห้งผากไปหมด“อะ...อ๋อ...ได้จ้ะ...ได้” จากนั้นพี่น้ำค้างก็รีบหยิบน้ำให้ฉันกิน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใสด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวเผยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่จะพยายามหยัดตัวลุกขึ้นเนื่องจากมีบางอย่างที่ต้องรีบบอกออกไปให้คนตรงหน้าได้รับรู้“อ่ะ...น้องลินค่อย ๆ นะคะ ระวังบาดแผลด้วยนะ” พี่น้ำค้างรีบเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้นนั่งตามความต้องการของฉัน ก่อนที่เธอจะกดปรับเตียงนอนให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ฉั
“กรี๊ดดดดดด ~~ อีลลินมันก็สกปรก มันก็นอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไม!! ทำไมถึงมีแค่ฉันที่สกปรกล่ะ ไม่...ไม่...ฉันไม่สกปรก ฉันสวย ฉันเพียบพร้อม ฉันมีหน้ามีตาในสังคม ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าไร้ยางอาย ฉันคือนางฟ้าของวงการไฮโซ กรี๊ดดดดดด ~~”เสียงหวีดร้องและอาการที่เหมือนกับคนไร้สติของหญิงสาวที่กรี๊ดออกมาไม่หยุดอย่างคนที่จบสิ้นแล้วทุกอย่างก็ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่ถึงกับทรุดตัวลงตามเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยกันเนื่องจากสงสารลูกของตนเอง“มายา อย่าเป็นแบบนี้ซิลูก ฮือออออ ~~”“โธ่...มายา พ่อขอโทษ ฮึก...ฮึก ไปกันเถอะนะลูกใครไม่รักแต่พ่อรักลูกนะ”เสียงปลอบจากผู้สูงวัยทั้งสองที่ผลัดกันพูดกับคนที่ต่างฝ่ายต่างรักเหมือนกัน แต่น่าสงสารที่คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะไปไม่ถึงหัวใจของคนที่ตนรักเลย เมื่อคำผรุสวาทที่ออกมาจากปากของหญิงสาวในประโยคถัดมาทำให้แม้กระทั่งผมยังตัวชาเพราะไม่คิดว่าเธอจะเสียสติได้ขนาดนี้“รักเหรอ...พ่อพูดคำนั้นออกมาได้ไงห๊ะ!! ไอ้พ่อไร้ประโยชน์!! แค่ลบล้างอดีตของกูยังทำไม่ได้มึงมีสิทธิ์อะไรมาอ้างความเป็นพ่อกับกู...ฮึก...ฮึก...มึงมันก็คิดถึงแค่หน้าตา แค่อำนาจ แค่ตำแหน่งจอมปลอมที่มีเอาไว้เชิด
ภาพแผ่นหลังของพ่อแม่ที่ต่างพากันประคองลูกสาวให้เดินออกไป แม้ว่าตัวผมจะรู้สึกขัดใจที่ไม่อาจลงโทษตัวตนเรื่องได้อย่างสาสมอย่างที่ใจต้องการ แต่เพราะเห็นแก่ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อหญิงสาวบวกกับในฐานะที่ผมเกือบจะได้เป็นพ่อคนนั้น จึงทำให้ผมเลือกที่จะกลั้นความโกรธเอาไว้แล้วปล่อยพวกเขาไปและในขณะที่พวกเขากำลังกึ่งดึงกึ่งลากลูกสาวของตนออกไปอยู่นั้น“ปล่อยหนูนะ...บอกให้ปล่อย!!” มายาที่สะบัดแขนพ่อแม่ของตนทิ้ง ก่อนจะหันกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับผมอีกครั้งอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว“นี่ไง...กูกลับมาเจอหน้ามึงอีกครั้งแล้วนี่ไง ฆ่ากูเลยซิ!! ฆ่ากูเลย” ดวงตาเฉี่ยวจ้องมองผมอย่างแข็งกร้าว อีกทั้งยังกำมือแน่นอย่างไม่ยินยอมและไม่เกรงกลัวผมเลยแม้แต่น้อย“มายา...มึงอย่าท้ากูนะ!!” ผมชี้ปลายดาบที่ขึ้นสีเงินวาวตรงไปยังหน้าหญิงสาวที่ท้าทายด้วยความรู้สึกที่ไม่ประหวั่นกับคำท้านั้นเช่นกัน“กูไม่ได้ท้า แน่จริงก็ฆ่ากูเลยซิ หรือว่าความจริงแล้วมึงมันก็น่าตัวเมียเหมือนนิสัย!!” และคำพูดหญิงสาวที่เหมือนกับน้ำมันเติมเชื้อไฟโทสะก็ได้ราดรดลงมาสุมไฟที่ยังไม่มอดไหม้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง“ฮึ่ม...พวกมึงมาเอาลูกมึงไปให้พ้นหน
หญิงสาวที่มีความแค้นคับแน่นอยู่ในอกเพราะไม่เหลือซึ่งความหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งส่งให้เธอระเบิดความบ้าคลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด“ฮือออออ ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงโว้ยยยยย...หึ...ดีแลนมึงอะมันหน้าโง่เหลือเกินทั้งที่มีกูที่เพียบพร้อมแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาในวงสังคม บารมีของครอบครัวที่จะช่วยหนุนมึงให้ขึ้นสูงกว่านี้ได้ แต่มึงก็เสือกไปเลือกมัน...อีคนชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมยังกำพร้าพ่อแม่อีกอย่างอีลลิน กูถามหน่อยเถอะว่านอกจากความซิงของมันแล้ว มันยังมีอะไรดีกว่ากูงั้นเหรอ...ห๊ะ!!”ความรู้สึกในใจพรั่งพรูออกมาจากปากของมายาที่เปลี่ยนจากร้องไห้เสียใจเป็นหัวเราะใส่หน้าผมอย่างคนบ้าคลั่ง พร้อมกับตัวเองที่พยายามหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก่อนที่เธอจะลอยหน้าลอยตาเย้ยหยันใส่ผมอย่างไม่เหลือมาดคุณหนูผู้ใสซื่ออีกต่อไป“หึ...มึงมันก็เหมือนกับไอ้พวกผู้ชายใจหมาพวกนั้นนั่นแหละที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น มึงก็แค่หลงอีลลินเพียงเพราะว่ามันมีสิ่งที่กูไม่มีนั่นก็คือความสดใหม่เท่านั้นเอง คนอย่างมึงมันก็เห็นค่าผู้หญิงแค่เท่านั้นนั่นแหละ มึงมันก็เหมือนกับผู้ช
ผมนึกไปถึงข้อมูลที่ได้รับรู้มาถึงวีรกรรมของบริกรสาวคนนี้ที่มักจะชอบอาสาเจ้าของร้านซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชายของมายาทำเรื่องชั่ว ๆ ให้ตลอดเพื่อแลกกับเงิน โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกวางยาเพื่อส่งไปสนองตัณหาของเจ้าของร้าน และเพราะด้วยอิทธิพลที่มีไม่น้อยของคนบงการจึงทำให้เหล่าบรรดาสาว ๆ ที่โดนวางยาต่างไม่กล้าไปแจ้งความและปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป“อะ...เอ่อ...คะ...คือ” ก้อนคำพูดขึ้นมาติดอยู่ที่ลำคอของบริกรสาวทันทีอย่างคนมีพิรุธ และด้วยอากัปกิริยาที่แสดงออกมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะจัดการมันให้รู้แล้วรู้รอด“หึ...มึงไม่ต้องมาอ้ำอึ้งกูถามว่ามือไหน...มึงก็แค่ตอบคำถามกูมาแล้วกูจะพิจารณาไว้ชีวิตมึง” ผมถามย้ำเสียงเย็นด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทน“มะ...มือ...มะ...ไม่มี...หนูไม่ได้ทำ” สายตาเลิ่กลั่กอีกทั้งเหงื่อกาฬที่ผุดไหลเต็มหน้าบ่งบอกได้ดีเลยว่าบรรดาความชั่วทั้งหลายที่มันเคยทำเอาไว้ในอดีตบัดนี้ได้ทยอยผุดขึ้นมาตอกย้ำความชั่วของมันแล้วส่วนผมที่เริ่มจะไม่สบอารมณ์เต็มทีก็ได้ตัดความรำคาญพยักหน้าให้ลูกน้องจับมือของบริกรสาวเอามาวางไว้ต่อหน้าผม และด้วยอารามของค