“น้องลิน...ค่ะ พี่ตรวจและสแกนร่างกายน้องลินเกี่ยวกับกระดูกหรือการบอบช้ำภายในร่ายกายแล้ว ผลปรากฏว่าไม่มีอะไรแตกหักหรือเป็นอันตรายมากให้ต้องกังวลนอกจาก...เอ่อ...”คุณหมอน้ำค้างหยุดพูดเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางคุณดีนเพื่อขอความมั่นใจอีกครั้ง เนื่องจากเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อนต่อความรู้สึก แต่ด้วยความเป็นหมอเธอก็จำเป็นที่จะต้องพูดเพื่อสุขภาพของคนไข้“นอกจากอะไรเหรอคะ??” ส่วนฉันที่แม้จะถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบแบบนั้น แต่ทว่า...ในหัวใจของฉันกลับเต้นระรัวดังยิ่งกว่ากลองส่งสัญญาณรบ“นอกจากรอให้น้องลินสุขภาพดีขึ้นกว่านี้...พี่จะนัดขูดมดลูกให้นะคะ” พี่หมอน้ำค้างค่อย ๆ พูดอย่างกระชับ อย่างต้องการประคองความรู้สึกของคนไข้“เอ๊ะ!! ทำไมลินต้องขูดมดลูกด้วยค่ะ??” ฉันที่เริ่มสงสัย เพราะการถูกทำร้ายร่างกายภายนอกมันไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับมดลูกของฉันเลยนี่น่าฮึบ...และเสียงเรียกความมั่นใจของคุณหมอคนสวยก็ดังขึ้น ก่อนที่เธอจะบอกความจริงที่แสนเจ็บปวดให้ฉันได้รับรู้“ก็เพราะว่าน้องลิน...แท้งลูก...และเพื่อที่จะไม่ให้มีผลต่อการตั้งครรภ์ในอนาคตเราจึงจำเป็นต้องขูดมดลูกเพื่อเคลียร์สิ่งที่อาจตกค้า
“ฝันร้ายเหรอ...หืมมมม ~~” เสียงนุ่มทุ้มดูอบอุ่นเอ่ยถามด้วยแววตาเป็นกังวล“เปล่าค่ะ...ลินฝันดีต่างหาก” ฉันส่ายหัวน้อย ๆ พร้อมกับระบายยิ้มบาง ๆ ส่งไปให้เขา“หืมมมมม ~~ ฝันดี??” ส่วนเขาที่แสดงสีหน้าสงสัยอย่างเห็นได้ชัด เพราะหลังจากเห็นอาการของฉันก่อนหน้านี้มันไม่เหมือนกับคนที่ฝันดีอยู่เลยก่อนที่ฉันจะมองใบหน้าที่เหมือนกับเด็กน้อยในความฝัน แล้วเล่าเรื่องราวให้คนตรงหน้าฟัง“พี่ดีน...ลินฝันถึงลูกค่ะ ลูกมาบอกลินว่าไม่ให้โทษตัวเอง ไม่ให้ร้องไห้ และก็ถ้าถึงเวลาลูกจะกลับมาอยู่กับเราอีกครั้งค่ะ” ฉันบอกด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้น โดยที่ดวงตายังคงมีน้ำใสคลออยู่“จริงเหรอ...ดีแล้ว...ลูกคงหล่อเหมือนพี่แน่เลยใช่ไหม...หึหึหึ” เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ก่อนจะพูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขไม่ต่างจากฉัน แม้ว่าในแววตานั้นจะเจือไปด้วยความเศร้าหมองอยู่เล็กน้อยก็ตาม“พี่ดีนรู้ได้ไงคะว่า...ลูกเป็นผู้ชาย” ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะฉันยังไม่ได้บอกกับเขาเลยว่าในความฝันของฉันนั้น ฉันฝันถึงเด็กผู้ชาย“ไม่รู้สิ...ความรู้สึกพี่มันบอกแบบนั้น” ก่อนที่เขาจะบอกไปตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาจริง ๆ โดยที่เขาเองก็บอกไม่
ก่อนที่พี่รามจะหันมาถามอาการฉันหลังจากที่ตนเองเก็บความเป็นห่วงเอาไว้มานานนับตั้งแต่ได้รับรู้ข่าวว่าหญิงสาวถูกทำร้ายร่างกาย เพียงแต่ไม่กล้าที่จะย่างกายไปเยี่ยมเธอเนื่องจากภายในห้องพักของเธอนั้นได้มีปีศาจขี้หึงเฝ้าอยู่ไม่ห่าง“แล้วลินล่ะเป็นไงบ้าง พี่ได้ยินเรื่องของเรามาจากคุณหมอน้ำค้างแล้วนะ ยัยปีศาจยุพินกับไอ้ชู้นั้นสมควรแล้วที่จะโดนแบบนั้นอ่ะ” พี่รามถามไถ่อาการฉันอีกครั้ง ก่อนจะพูดเปรย ๆ ถึงคนที่ทำร้ายฉันออกมาด้วยความคับแค้นใจ“เอ๊ะ!!...สองคนนั้นโดนอะไรเหรอคะ??” ฉันถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะหลังจากที่ฉันฟื้นคืนสติขึ้นมาฉันก็ไม่ได้สนใจหรือถามไถ่ถึงสองคนนั้นเลย แต่พอมาได้ยินแบบนี้ฉันถึงฉุกคิดขึ้นมาได้“อ้าว...ลินไม่รู้เหรอว่าสองคนนั้นถูก...แล้ว” ดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความแปลกใจที่ฉันไม่รู้เรื่องนี้ของพี่ราม มาพร้อมกับมือไม้ที่แสดงท่าทางทำท่าเอานิ้วโป้งปาดคอตัวเองประกอบ“ห๊ะ...!!” (O.O) ฉันถึงกับหลุดปากออกมาเสียงดังจนคนในห้องหันมามองตาเป็นตาเดียว“ยังไงคะ...ลินไม่รู้เรื่องเลย” เสียงหวานเอียงคอถามด้วยความสงสัยและตกใจในเวลาเดียวกัน“กะ...ก็ คุณดีแลนนะซิหลังจากที่ลินเข้าห้องฉุกเฉินไป
ณ เพนท์เฮ้าส์ดีแลน“หิวไหมครับ” เสียงละมุนเอ่ยถามหลังจากที่เราสองคนก้าวเข้ามายังพื้นที่ของเรา และมันก็ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจเหมือนกับได้กลับมายังเซฟโซนของตัวเอง“นิดหน่อยค่ะ แล้วพี่ดีนหิวหรือยังค่ะ” ฉันถามกลับด้วยเป็นห่วงเขาไม่ต่างกัน เพราะนับตั้งแต่ที่ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเขาก็ดูแลฉันไม่ห่างกาย ไม่ว่าฉันจะตื่นขึ้นมากี่ครั้งก็มักจะเห็นเขานั่งอยู่ใกล้ ๆ ฉันเสมอ“ถ้าลินหิว พี่ก็หิว” เขาตอบเสียงหวาน พร้อมกับร่างที่เดินเข้ามาประชิดโดยมือก็ได้วาดตีวงโอบกอดร่างของฉันเอาไว้แนบอกแน่น“ท้องติดกันหรือไงคะถึงจะมาหิวพร้อมกัน...ชิ” ฉันที่อดหมั่นไส้คนตรงหน้าที่ป้อคำหวานใส่ฉันไม่ได้ ถือโอกาสออกปากแซวเขาสักหน่อย“เอ...ก็ติดกันบ่อยนะ...แถมตอนนี้ก็อยากจะติดจนใจจะขาดอยู่แล้วเนี้ย” กระทั่งน้ำเสียงและแววตาของคนเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาให้ ก็ทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีเลยว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร“ทะลึ่ง!!” ฉันแว้ดใส่เขาทันที พร้อมกับถลึงตาใส่โดยที่ใบหน้าเนียนใสได้แต่แดงก่ำ“ลินไม่คุยกับพี่ดีนแล้ว...ทะลึ่งชะมัด...ทะลึ่งที่สุด” ฉันยู่ปากใส่ ก่อนจะเสหน้าหนีเพราะไม่อยากให้เขาเห็นแก้มที่แดงปลั่งตอนนี้“ยิ่งอายก็ยิ่งน่ารัก...เ
“งั้น...คืน...นะ...นี้”“ไม่ค่ะ!!”แต่เขาประเมินฉันต่ำไป เพราะฉันที่รู้ทันความคิดของเขาก็ได้รีบปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับยิ้มเย้ยใส่...(ชิ...นี่เขาคิดว่าฉันไม่รู้ทันเขาหรือไงกันทำมาเป็นป้อคำหวานใส่ เพราะอยากจะนอนค้างที่นี่กับฉันนะซิ)“ไปได้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานกันแล้ว” ฉันบอกพร้อมกับดันเขาไปที่นอกประตูอีกครั้ง“ลินไม่ต้องไปหรอก พักผ่อนก่อนเถอะ” คุณดีนเอ่ยห้ามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับเอื้อมมือมาจับผมยาวสลวยของฉันทัดไปยังด้านหลังหู“แต่ลินไม่อยากให้ตัวเองทำให้พี่ดีนเสียงานนี่ค่ะ” ใบหน้าหวานสลดลงเล็กน้อยเมื่อนึกไปถึงความรู้สึกที่ตัวเองเป็นภาระให้คนอื่น“เสียงานอะไรกัน คิดมากเก่งนะเราเนี้ย” สายตาคมมองมายังใบหน้าสาวด้วยความเอ็นดูและสงสารไปในเวลาเดียวกัน นั่นก็เพราะสิ่งที่หญิงสาวได้พบเจอมานั้นมันเหมือนกับแผลที่ฝังลึกลงไปในจิตใจกับคำว่า ตัวภาระ ตัวปัญหา หรือแม้กระทั่ง...ตัวซวย...“ก็มันจริงนี่ค่ะ ลินนี่เป็นภา...อุ๊บ”จุ๊บ ~~และในขณะที่ฉันกำลังจะตัดพ้อถึงชีวิตที่น่ารันทดของตัวเองอยู่นั้น เจ้าของริมฝีปากทรงหยักได้รูปก็บรรจงจรดลงมาปิดเรียวปากที่กำลังเอื้อนเอ่ยกล่าวโทษตัวเอง ก่อนที่เขาจะ
กริ๊งงงงงง ~~ กริ๊งงงงงง ~~“แป๊บนะครับ...เดี๋ยวขอรับโทรศัพท์ก่อน” ใบหน้าคมเข้มทำหน้าทะเล้นจนคุณหมอสาวถึงกับยืนอึ้งไปไม่เป็น“นี่มันเป็นบ้าอะไรอะ...น้องลิน เมื่อเช้าหัวฟาดพื้นมาหรือเปล่าพี่จะได้ช่วยดูให้” พี่น้ำค้างกระซิบกระซาบถามฉัน พร้อมกับส่งสายตาหวาดระแวงไปยังคนที่เพิ่งเดินออกไปรับโทรศัพท์“แหะ ๆ เปล่าค่ะ” ฉันตอบอย่างเขิน ๆ เพราะตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาเป็นอะไร“ดี๊ด๊าทำท่าอย่างกับว่าเมียอนุญาตให้นอนห้องเดียวด้วยกันได้แล้วยังงั้นแหละ” คุณหมอสาวที่พูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ว่ากลับทำให้ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าทำไมเขาถึงได้อารมณ์ดีแบบนี้ แต่ก็กระดากอายเกินกว่าจะพูดออกไป“ละ...ลิน..กะ...ก็ไม่รู้ค่ะ...” (>//_//แต่ทว่า...ด้วยคำตอบ ใบหน้าและอากัปกิริยาที่ฉันแสดงออกไปนั้น ก็ทำให้คนที่ฉลาดรู้ทันน้องชายตัวเองถึงกับร้องอ๋อออกมาทันที“อ๋อออออ...พี่รู้แหละ หึหึหึ...” คุณหมอสาวมองไปทางน้องชายตัวแสบที่กำลังคุยงานทางโทรศัพท์ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เหมือนกับว่าตนเองเพิ่งจะคิดแผนการอะไรเด็ด ๆ ออกและหลังจากที่พี่น้ำค้างรอคุณดีนวางสายโทรศัพท์เสร็จ...“ดีน...แกออกไปรอข้างนอกก่อนนะ” คุณหมอคนสวยเอ่ยบ
หลังจากกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ เขาก็อยู่เป็นเพื่อนฉันไม่ได้กลับไปทำงานต่อ โดยที่เราสองคนได้ทำกิจกรรมในแบบที่เราชอบทำนั้นก็คือนอนดูหนังอยู่ภายในห้องดูหนังประจำ กระทั่งเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับความสุขที่ล้นปรี่โดยมีเราสองคนนอนกอดก่ายกันอยู่บนโซฟาที่ถูกปรับเอนนอน พร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปยังหนังเรื่องโปรด จวบจนกระทั่ง...รุ่งเช้า ~~“พี่ดีนค่ะ ตื่นได้แล้วค่ะ เราต้องไปทำงานแล้วนะคะ” ฉันปลุกคนที่นอนกอดฉันอยู่ด้านข้างด้วยน้ำเสียงสดใส“อะไรกันจะไปทำงานได้ยังไง พี่ค้างบอกว่าให้ลินพักอีก 1 อาทิตย์ ไงจำไม่ได้เหรอ” เขาหลับตาทวนคำพูดของพี่สาวตัวเอง“จำได้ค่ะ แล้วก็จำได้ด้วยว่าพี่น้ำค้างบอกว่าลินสามารถทำงานเบา ๆ ได้ และงานเลขาก็ไม่ได้หนักตรงไหนนี่ค่ะ” ฉันพูดย้ำโดยพยายามเน้นคำว่าเบา ๆ ให้เขาฟัง“หืมมมมม ~~ ทำไมพี่ถึงจำไม่ได้เลยนะ” ส่วนเขาที่ยังคงดื้อดึงไม่อยากให้ฉันไปทำงาน อยากจะให้พักอยู่กับบ้านมากกว่า“นะคะ...ฟอด ~~ น๊าาาาา...ฟอด ~~” ฉันแสดงอาการออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำ พร้อมกับหอมแก้มเขาฟอดใหญ่“อ้อนเก่งจังเลยนะ ฮืมมมมม ~~ ฟอดดดดด ~~” ส่วนเขาก็ไม่ยอมเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวก็ได้หอมฉันกลับด้วย
ก่อนที่ฉันจะตั้งใจฟังต่อถึงเรื่องราวของคนอีกคนที่เป็นหัวข้อสนทนาของพนักงานกลุ่มนี้...“ก็ที่ว่าตัวจริงเขามาก็คุณมายายังไงล่ะ” พนักงานสาวอีกคนที่ยืนฟังคงรอไม่ไหว เพราะถ้ายังไม่เฉลยและปล่อยให้อีกสองคนปะทะคารมใส่กัน วันนี้คงไม่ได้เมาส์ประเด็นดังประเด็นเด็ดของบริษัทแน่นอน“คุณมายา...ที่ว่าคุณหนูไฮโซลูกนักการเมืองอะน่ะ” เสียงคนที่ชื่อซาแมนท่าดูฮือฮาขึ้นมาทันที หลังจากที่ตนได้ฟังคำบอกเล่าจากเพื่อนแล้วพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้“นั่นแหละจ้าาาาา...แล้วทีนี้หล่อนเข้าใจแล้วใช่ไหมจ๊ะว่าทำไมหล่อนถึงจะไม่ได้พี่รามของหล่อนคืน” เพื่อนสาวของซาแมนท่าคนเดิมเอ่ยคำพูดทับถมจนคนที่โดนเหน็บแนมหวีดร้องขึ้นมาอีกรอบ“โอ๊ยยยยย...นี่มันเวรกรรมอะไรของซาแมนท่าค่ะเนี้ย เทวดาจ๋า ฟ้าจ๋า ทำไมทำร้ายจิตใจผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างซาแมนท่าได้ลงคอ” เจ้าของเสียงแสดงจริตจะก้านเกินหญิงจนเพื่อน ๆ ต่างหัวเราะกันคิกคัก“เอาน่า...อย่างน้อยหล่อนก็มียามเบิ้มไว้เป็นตัวสำรองอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นนะเมื่ออาทิตย์ก่อนหลังเลิกงานหล่อนพายามเบิ้มขึ้นรถไปไหนกันสองต่อสองย่ะ...คริคริ” เสียงหยอกล้อจากเพื่อนสาวคนเดิมเรียกเสียงฮือฮาขึ้นมาได้อีกครั
สองเดือนผ่านไป ~~“มึงได้ข่าวลินบ้างไหมว่ะ” ผมเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทด้วยคำถามเดิมเฉกเช่นทุกครั้งยามที่มันเอาเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน“ยังเลยครับนาย แต่ผมก็ยังไม่ได้ให้ลูกน้องเลิกตามหาเลยนะครับ ทุกครั้งที่มีเบาะแสผมจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองตลอด เพียงแต่ว่า...” ริกพูดรายงานเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง อีกทั้งในน้ำเสียงนั้นก็ยังไม่อาจปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้ เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาคนที่เป็นดั่งหัวใจของเจ้านายตัวเอง เพียงแต่ว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอยและไร้วี่แววเสมือนกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนบนโลกใบนี้“แล้วรามพี่ชายของลินล่ะ มึงได้ตามไปดูไหมเผื่อว่าเมียกูจะไปอยู่กับเขา” ผมถามไปถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่ตอนนี้ได้ลาออกจากบริษัทผมไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้นแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะยกขวดแก้วใสที่ใส่น้ำสีอำพันสีเข้มกระดกปล่อยให้ของเหลวดีกรีร้อนแรงไหลลงคอต่อไป อย่างที่ต้องการจะให้มันได้เข้าไปดับความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในให้บรรเทาเบาบางลงได้บ้างริกมองสภาพเจ้านายของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ภาพของชายหนุ่มที่เคยสง่างามมีออร่าเปล่งประกายแต่ทว่า...ตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนคนพเนจรไร้จุดหมา
ดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งเมื่อความทรงจำสุดท้ายได้พาดผ่านเข้ามาในโสตประสาท นั่นจึงทำให้ฉันถึงกับกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความตกใจ“ทะ...ที่นี่ที่ไหนกัน” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อพบว่าภาพบรรยากาศตรงหน้านั้นไม่เหมือนกับภาพของสถานที่สุดท้ายที่ตัวเองได้หมดสติลงไปเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากสถานที่ตอนนี้ฉันเหมือนกับอยู่บ้านพักที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่สถานีขนส่งอย่างก่อนหน้านี้จากนั้นเมื่อสติค่อย ๆ กลับคืนมา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็ได้ฉายวาบเข้ามาในหัวใจทันที เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคนที่ใจร้ายด้วยกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะหนีจากเขาคนนั้นไม่พ้น และถูกเขาจับตัวกลับมาทรมานอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำและในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกกังวลอยู่นั้น...เสียงที่เหมือนกับว่าจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่ฉันได้ยินก่อนจะหมดสติไปก็ได้ดังขึ้นมาทันที“ฟื้นแล้วเหรอครับคุณลลิน เป็นยังไงบ้างครับยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า ผมจะได้เรียกหมอให้มาตรวจดูอาการให้ครับ” ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาในแบบสไตล์ผู้ชายไทยได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า พร
“มะ...ไม่มี...อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”พี่น้ำค้างที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ อีกทั้งยังรีบลนลานเดินไปหายังห้องน้ำด้วยความร้อนใจ เพื่อหวังว่าจะพบร่างเมียรักของผมอยู่ในนั้นแต่แล้วทันทีที่พี่น้ำค้างเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วพบเข้ากับความว่างเปล่าเหมือนที่ผมเจอ...เธอก็เริ่มงึมงำกับตัวเองอีกครั้งทันที...ใบหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดของผู้เป็นพี่สาว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่มีความหวังในตอนแรกเพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่สิ่งที่พี่สาวกลั่นแกล้งตนเท่านั้น เริ่มที่จะหวาดหวั่นในใจขึ้นมาด้วยกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังกังวลอยู่นั้นจะเป็นจริง“หะ...หาย...หายไปได้ยังไงก็ในเมื่อตอนแรกก่อนที่ฉันจะออกไปก็ยังเห็นนอนหลับอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” พี่น้ำค้างหันมาถามผมแทนอีกทั้งสีหน้ายังแสดงอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บนพื้นจะเต็มไปด้วยของกินที่นำมาฝากคนป่วยที่บัดนี้ได้กระจัดกระจายหล่นเต็มไปทั่วทั้งพื้นเนื่องจากคนถือตกใจจนทำร่วงหล่น“นี่พี่ไม่รู้เรื่องที่ลินหายไปจริง ๆ เหรอ” ผมที่ยังคงคลางแคลงใจคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยเอ่ยถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่การแสดงจากพี่สาว“ไอ้ดีน!! นี่แกจะบ้าเหรอ!! ฉันเนี้ยน่ะจะร
--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมจัดการชำระแค้นเรียบร้อย แม้ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้และค่อนข้างจะผิดแผนไปนิด แต่ทว่า...คนที่ควรจะได้รับบทลงโทษก็สมควรได้รับหมดแล้ว และคงเหลือแค่เพียงผมเท่านั้นที่ต้องกลับไปรับโทษทัณฑ์จากคนที่ผมรักสุดหัวใจด้วยความเต็มใจสักทีผมจัดการควบรถหรูคู่ใจพุ่งทะยานไปยังจุดมุ่งหมายที่ใจปรารถนา และหวังเพียงว่าจะไปได้ทันพอที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ผมปรารถนาที่จะให้เธอตื่นมาพบกับผมเป็นคนแรกเพื่อที่ผมจะได้เสนอหน้าให้เธอเห็นแม้ว่าเธอจะไม่พอใจก็ตาม...ผมใช้เวลาไม่นานมากนักเจ้ารถหรูคู่ใจก็ได้พาผมมายังจุดมุ่งหมายปลายทางพร้อมกับหัวใจที่พองโตด้วยความคิดถึงคนร่างบางที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง อีกทั้งตลอดระยะทางที่ขับรถมาผมก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะผมเองนั้นก็ได้ใช้เวลาช่วงนั้นในการขบคิดหาวิธีที่จะงอนง้อขอคืนดีกับเมียรักมาตลอดทาง ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจและตั้งใจเอาไว้ว่าจะยอมรับผลของการกระทำแต่โดยดีถ้าหากเธอจะยังไม่ยอมให้อภัยในตอนนี้...ณ โรงพยาบาลชานเมืองหัวใจที่เบิกบานพองโตส่งให้เท้ายาวก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ที่ข้างในกำลั
ณ โรงพยาบาลชานเมือง--- ลลิน Talk ---“นะ...น้ำ...ขอน้ำกินหน่อย” เสียงแหบแห้งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก ทำให้คนที่นั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง ๆ ถึงกับรีบกุลีกุจอถามฉันทันที“น้องลิน...พี่อยู่นี่แล้วค่ะ” พี่น้ำค้างรีบเดินมาลูบหัวฉันเบา ๆ พร้อมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความสะเทือนใจยามที่เห็นสภาพอิดโรยของฉัน และยิ่งเจ็บใจเมื่อพานคิดไปว่าที่ฉันต้องมีสภาพเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะฝีมือของน้องชายตัวเอง“พะ...พี่น้ำค้าง ละ...ลินขอน้ำกินหน่อยค่ะ” ฉันปรือตามองพร้อมกับขยับเรียวปากอีกครั้งถึงความต้องการของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้รู้สึกริมฝีปากและคอแห้งผากไปหมด“อะ...อ๋อ...ได้จ้ะ...ได้” จากนั้นพี่น้ำค้างก็รีบหยิบน้ำให้ฉันกิน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใสด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวเผยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่จะพยายามหยัดตัวลุกขึ้นเนื่องจากมีบางอย่างที่ต้องรีบบอกออกไปให้คนตรงหน้าได้รับรู้“อ่ะ...น้องลินค่อย ๆ นะคะ ระวังบาดแผลด้วยนะ” พี่น้ำค้างรีบเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้นนั่งตามความต้องการของฉัน ก่อนที่เธอจะกดปรับเตียงนอนให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ฉั
“กรี๊ดดดดดด ~~ อีลลินมันก็สกปรก มันก็นอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไม!! ทำไมถึงมีแค่ฉันที่สกปรกล่ะ ไม่...ไม่...ฉันไม่สกปรก ฉันสวย ฉันเพียบพร้อม ฉันมีหน้ามีตาในสังคม ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าไร้ยางอาย ฉันคือนางฟ้าของวงการไฮโซ กรี๊ดดดดดด ~~”เสียงหวีดร้องและอาการที่เหมือนกับคนไร้สติของหญิงสาวที่กรี๊ดออกมาไม่หยุดอย่างคนที่จบสิ้นแล้วทุกอย่างก็ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่ถึงกับทรุดตัวลงตามเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยกันเนื่องจากสงสารลูกของตนเอง“มายา อย่าเป็นแบบนี้ซิลูก ฮือออออ ~~”“โธ่...มายา พ่อขอโทษ ฮึก...ฮึก ไปกันเถอะนะลูกใครไม่รักแต่พ่อรักลูกนะ”เสียงปลอบจากผู้สูงวัยทั้งสองที่ผลัดกันพูดกับคนที่ต่างฝ่ายต่างรักเหมือนกัน แต่น่าสงสารที่คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะไปไม่ถึงหัวใจของคนที่ตนรักเลย เมื่อคำผรุสวาทที่ออกมาจากปากของหญิงสาวในประโยคถัดมาทำให้แม้กระทั่งผมยังตัวชาเพราะไม่คิดว่าเธอจะเสียสติได้ขนาดนี้“รักเหรอ...พ่อพูดคำนั้นออกมาได้ไงห๊ะ!! ไอ้พ่อไร้ประโยชน์!! แค่ลบล้างอดีตของกูยังทำไม่ได้มึงมีสิทธิ์อะไรมาอ้างความเป็นพ่อกับกู...ฮึก...ฮึก...มึงมันก็คิดถึงแค่หน้าตา แค่อำนาจ แค่ตำแหน่งจอมปลอมที่มีเอาไว้เชิด
ภาพแผ่นหลังของพ่อแม่ที่ต่างพากันประคองลูกสาวให้เดินออกไป แม้ว่าตัวผมจะรู้สึกขัดใจที่ไม่อาจลงโทษตัวตนเรื่องได้อย่างสาสมอย่างที่ใจต้องการ แต่เพราะเห็นแก่ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อหญิงสาวบวกกับในฐานะที่ผมเกือบจะได้เป็นพ่อคนนั้น จึงทำให้ผมเลือกที่จะกลั้นความโกรธเอาไว้แล้วปล่อยพวกเขาไปและในขณะที่พวกเขากำลังกึ่งดึงกึ่งลากลูกสาวของตนออกไปอยู่นั้น“ปล่อยหนูนะ...บอกให้ปล่อย!!” มายาที่สะบัดแขนพ่อแม่ของตนทิ้ง ก่อนจะหันกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับผมอีกครั้งอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว“นี่ไง...กูกลับมาเจอหน้ามึงอีกครั้งแล้วนี่ไง ฆ่ากูเลยซิ!! ฆ่ากูเลย” ดวงตาเฉี่ยวจ้องมองผมอย่างแข็งกร้าว อีกทั้งยังกำมือแน่นอย่างไม่ยินยอมและไม่เกรงกลัวผมเลยแม้แต่น้อย“มายา...มึงอย่าท้ากูนะ!!” ผมชี้ปลายดาบที่ขึ้นสีเงินวาวตรงไปยังหน้าหญิงสาวที่ท้าทายด้วยความรู้สึกที่ไม่ประหวั่นกับคำท้านั้นเช่นกัน“กูไม่ได้ท้า แน่จริงก็ฆ่ากูเลยซิ หรือว่าความจริงแล้วมึงมันก็น่าตัวเมียเหมือนนิสัย!!” และคำพูดหญิงสาวที่เหมือนกับน้ำมันเติมเชื้อไฟโทสะก็ได้ราดรดลงมาสุมไฟที่ยังไม่มอดไหม้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง“ฮึ่ม...พวกมึงมาเอาลูกมึงไปให้พ้นหน
หญิงสาวที่มีความแค้นคับแน่นอยู่ในอกเพราะไม่เหลือซึ่งความหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งส่งให้เธอระเบิดความบ้าคลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด“ฮือออออ ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงโว้ยยยยย...หึ...ดีแลนมึงอะมันหน้าโง่เหลือเกินทั้งที่มีกูที่เพียบพร้อมแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาในวงสังคม บารมีของครอบครัวที่จะช่วยหนุนมึงให้ขึ้นสูงกว่านี้ได้ แต่มึงก็เสือกไปเลือกมัน...อีคนชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมยังกำพร้าพ่อแม่อีกอย่างอีลลิน กูถามหน่อยเถอะว่านอกจากความซิงของมันแล้ว มันยังมีอะไรดีกว่ากูงั้นเหรอ...ห๊ะ!!”ความรู้สึกในใจพรั่งพรูออกมาจากปากของมายาที่เปลี่ยนจากร้องไห้เสียใจเป็นหัวเราะใส่หน้าผมอย่างคนบ้าคลั่ง พร้อมกับตัวเองที่พยายามหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก่อนที่เธอจะลอยหน้าลอยตาเย้ยหยันใส่ผมอย่างไม่เหลือมาดคุณหนูผู้ใสซื่ออีกต่อไป“หึ...มึงมันก็เหมือนกับไอ้พวกผู้ชายใจหมาพวกนั้นนั่นแหละที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น มึงก็แค่หลงอีลลินเพียงเพราะว่ามันมีสิ่งที่กูไม่มีนั่นก็คือความสดใหม่เท่านั้นเอง คนอย่างมึงมันก็เห็นค่าผู้หญิงแค่เท่านั้นนั่นแหละ มึงมันก็เหมือนกับผู้ช
ผมนึกไปถึงข้อมูลที่ได้รับรู้มาถึงวีรกรรมของบริกรสาวคนนี้ที่มักจะชอบอาสาเจ้าของร้านซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชายของมายาทำเรื่องชั่ว ๆ ให้ตลอดเพื่อแลกกับเงิน โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกวางยาเพื่อส่งไปสนองตัณหาของเจ้าของร้าน และเพราะด้วยอิทธิพลที่มีไม่น้อยของคนบงการจึงทำให้เหล่าบรรดาสาว ๆ ที่โดนวางยาต่างไม่กล้าไปแจ้งความและปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป“อะ...เอ่อ...คะ...คือ” ก้อนคำพูดขึ้นมาติดอยู่ที่ลำคอของบริกรสาวทันทีอย่างคนมีพิรุธ และด้วยอากัปกิริยาที่แสดงออกมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะจัดการมันให้รู้แล้วรู้รอด“หึ...มึงไม่ต้องมาอ้ำอึ้งกูถามว่ามือไหน...มึงก็แค่ตอบคำถามกูมาแล้วกูจะพิจารณาไว้ชีวิตมึง” ผมถามย้ำเสียงเย็นด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทน“มะ...มือ...มะ...ไม่มี...หนูไม่ได้ทำ” สายตาเลิ่กลั่กอีกทั้งเหงื่อกาฬที่ผุดไหลเต็มหน้าบ่งบอกได้ดีเลยว่าบรรดาความชั่วทั้งหลายที่มันเคยทำเอาไว้ในอดีตบัดนี้ได้ทยอยผุดขึ้นมาตอกย้ำความชั่วของมันแล้วส่วนผมที่เริ่มจะไม่สบอารมณ์เต็มทีก็ได้ตัดความรำคาญพยักหน้าให้ลูกน้องจับมือของบริกรสาวเอามาวางไว้ต่อหน้าผม และด้วยอารามของค