”เกิดอะไรขึ้น?” กู้ลี่เฉินไม่ได้ถามคนอื่นแต่ว่าถามหลิงอี้หราน เหมือนว่าเขาจะเชื่อที่เธอพูดเท่านั้น“กล่องอาหารทั้งหมดที่ฉันนำมาส่งวันนี้ มีกล่องหนึ่งที่มีแมลงอยู่ พวกเขาบอกให้ฉันไม่คิดเงินค่าอาหาร แล้วก็ให้ร้านอาหารชดเชยอีก 50,000 บาท ฉันคิดว่าคงดีกว่าถ้าให้ตำรวจจัดการเรื่องนี้ แล้วพวกเขาก็เจอว่าฉันเอามือถืออัดเสียงไว้ ก็เลยขัดแย้งกัน” หลิงอี้หรานบอก“อัดเสียงไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย “ถ้าไม่รังเกียจขอผมฟังหน่อย”เมื่อคนพวกนั้นได้ยินว่ากู้ลี่เฉินอยากจะฟังเสียงที่อัดไว้ สีหน้าก็ยิ่งไม่น่ามอง หลังจากที่กู้ลี่เฉินฟังจนจบสีหน้าของเขาก็มืดมน และเขาก็เข้าใจว่าข้อขัดแย้งนี้เกิดจากมีบางคนในหมู่ทีมงานต้องการจะขู่กรรโชกทรัพย์ ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งผู้กำกับ ผู้ช่วยผู้กำกับและผู้จัดการกองถ่ายที่อยู่กับกู้ลี่เฉินตอนนี้ต่างก็เข้าใจคร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น และสีหน้าพวกเขาก็ดูย่ำแย่หากว่าเรื่องนี้แพร่ออกไป คนที่ต้องอับอายก็คือทีมงานคนพวกนี้กลับไปจัดการทีหลังได้ แต่เรื่องสำคัญตอนนี้ก็คือ…“คุณผู้หญิง เป็นความผิดของทีมงานเราเองที่ไม่ดูแลคนที่มาช่วยงานชั่วคราวพวกนี้ ผมขอโทษคุณแทนทีมงา
เหล่าแฟนเก่าของเจ้าชายมาจากหลากหลายอาชีพ แน่นอนว่าชะตากรรมของแฟนสาวพวกนี้ก็มีตั้งแต่ดีไปถึงร้ายแต่ไม่ว่าอย่างไร ผู้หญิงมากมายก็ยังอยากเป็นแฟนของกู้ลี่เฉินชาวเน็ตบางคนถึงกับบอกว่า ถึงกู้ลี่เฉินจะเสียสถานะเจ้าชายไปในสักวัน พวกเธอก็พร้อมจะติดตามเขาอย่างเต็มใจ รับรองว่าพ่อแม่ของพวกเธอก็ต้องพลอยได้หน้าไปด้วยแน่แต่ตอนนี้เมื่อมองดูกู้ลี่เฉินที่กำลังนั่งย่อลงพยายามจะผูกเชือกรองเท้าให้ผู้หญิง รอบข้างก็ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงสูดหายใจอย่างตระหนก ทุกคนต่างก็พากันตะลึง จนเชือกรองเท้าผูกเสร็จเรียบร้อยแล้ว กู้ลี่เฉินถึงได้ปล่อยมืออย่างอิดออดและลุกขึ้น“ขอบ… ขอบคุณค่ะ” หลิงอี้หรานพูดอย่างกระดากเล็กน้อย เธอก้มหัวให้และจากไปอย่างรวดเร็ว ในคาเฟ่ที่เป็นสถานที่ถ่ายทำนั้น หลิงลั่วอินก็กำลังมองผ่านกระจกของคาเฟ่ออกมาด้วยตาเบิกกว้าง เธอมองภาพตรงหน้าและเล็บมือที่ตกแต่งสวยงามก็กำจนจิกแน่นเข้าไปในเนื้อทำไม… หลิงอี้หรานถึงได้มาโผล่ต่อหน้าลี่เฉินอีกแล้ว? แล้วลี่เฉินก็ยังจะลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าหลิงอี้หรานอีกนี่มัน… ดูเหมือนเขาศิโรราบแทบเท้าเธอความริษยาพลุ่งพล่านในอกของหลิงลั่วอินไม่หยุดหลี่เฉินจะรู
”เปล่าค่ะ ฉันแค่บังเอิญเจอบางคน… คนที่ฉันรู้จักในกองถ่าย แล้วคนนั้นเขาก็จัดการให้” หลิงอี้หรานลังเลที่จะบอก“เขาเป็นเพื่อนเธอ แบบนี้เธอก็ต้องขอบคุณเขา ให้ฉันซื้อของขวัญมาแล้วเธอช่วยเอาไปให้เพื่อนหน่อยดีไหม?” จัวเชียนอวิ๋นพูดอย่างกระตือรือร้น“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” หลิงอี้หรานบอก และรีบเปลี่ยนเรื่องและถามเกี่ยวกับการผ่าตัดใส่เครื่องช่วยฟังของเสี่ยวเหยียน“อีกสองวันน่ะ พอผลการตรวจร่างกายของเสี่ยวเหยียนจากโรงพยาบาลออกมาแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ผ่าตัดได้เลย” เมื่อจัวเชียนอวิ๋นพูดเรืองนี้ เธอก็ไม่อาจปกปิดสีหน้ายินดีได้ “โรงพยาบาลยังบอกว่าเพราะเคสนี้อาการยาก เราก็สามารถยื่นขอส่วนลดบางส่วนได้”“ดีเลยค่ะ” หลิงอี้หรานบอก เธอรู้ว่าอี้จิ่นหลีได้ไปจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลมา หลิงอี้หรานเองก็มีความสุขเมื่อคิดว่าเสี่ยวเหยียนจะสามารถได้ยินเสียงได้ในอีกไม่นานเรื่องของการส่งอาหารเมื่อบ่ายก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น และก็จบไปแล้วแต่หลิงอี้หรานไม่คิดว่าตอนเย็นนั้น เมื่อเธอกลับมาที่ร้านหลังจากที่ไปส่งอาหาร จัวเชียนอวิ๋นจะดึงเธอเข้าไปถามว่า “กู้ลี่เฉินเป็นคนที่ช่วยร้านเราเรื่องที่โดนขู่กรรโชกวันนี้ใช่ไหม?”
แต่จะมีใคร… ทำอย่างนี้ได้? คนแรกที่หลิงอี้หรานคิดถึงก็คือกู้ลี่เฉินเพราะอย่างไรกู้ลี่เฉินก็มีเหตุผลมากที่สุดในการลบวิดีโอเหล่านี้ เพราะหากว่าต้องการลบเนื้อหาทั้งหมดออกไปเร็วแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ทำได้ในอีกด้านหนึ่ง อี้จิ่นหลีนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เขามองวิดีโอที่เล่นอยู่บนหน้าจอ สายตามืดครึ้มถ้าหลิงอี้หรานได้เห็นวิดีโอนี้ เธอต้องโวยวายแน่ นี่คือวิดีโอที่จัวเชียนอวิ๋นพูดถึง แต่ว่ามันถูกลบทิ้งจากออนไลน์ไปแล้วอี้จิ่นหลีดูวิดีโออย่างเงียบ ๆ เมื่อเขาเห็นกู้ลี่เฉินย่อตัวลงเพื่อผูกเชือกรองเท้าให้หลิงอี้หราน ดวงตาของเขาก็ยิ่งมืดครึ้มและนิ้วมือที่วางบนโต๊ะก็เกร็งแน่นโดยไม่รู้ตัวเขาและกู้ลี่เฉินรู้จักกันมานานมาก ตั้งแต่ที่เขากลับมาที่ตระกูลอี้เพื่อเคารพบรรพชน เขาก็เลยได้รู้จักติดต่อกับกู้ลี่เฉินความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกู้กับตระกูลอี้นั้นดีมาตลอด ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองคนจึงดีไปด้วยอย่างไรในแวดวงของพวกเขา ถ้าไม่มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ การมีเพื่อนเพิ่มสักคนก็ย่อมดีกว่ามีศัตรูเพิ่มแม้ว่าเพื่อนอาจจะไม่ได้จริงใจนัก แต่งนอกฉากหน้าพวกเขาก็เป็นเพื่อนกันดังนั้นเ
“แล้าถ้าเธอไม่ใช่แฟนฉันล่ะ? ถ้างั้นเธอจะชอบกู้ลี่เฉินไหม?” อี้จิ่นหลีดูเหมือนจะมุ่งมั่นต้องการคำตอบให้ได้นี่… แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรกัน แต่ว่าตอนนี้เจ้านายถาม เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะตอบอย่างเหมาะสม “ผมคิดว่าคุณหลิง… เป็นคนค่อนข้างจริงจังกับความรู้สึก เธอคงไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ หากว่าชอบใครไปแล้ว”“จริงเหรอ? แต่เธอก็เคยเป็นแฟนของเซียวจื่อฉีนะ” อี้จิ่นหลีถามเสียงเย็นเกาฉงหมิงอยากจะร้องไห้แต่รู้สึกว่าตนเองช่างเป็นเลขาแสนอาภัพ “คุณหลิงและเซียวจื่อฉีเป็นเรื่องในอดีตแล้ว เพราะว่าคุณหลิงโดนเซียวจื่อฉีหักหลังแบบนั้น เป็นธรรมดาที่เธอต้องไม่มีเยื่อใยให้เขาแล้วครับ”“หักหลังเหรอ?” อี้จิ่นหลีเลิกคิ้วเล็กน้อย“ครับ ตอนที่เซียวจื่อฉีเลิกกับคุณหลิง ก็เป็นตอนที่เธอต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด แบบนั้นไม่เรียกหักหลังเหรอครับ?” เกาฉงหมิงบอก “ด้วยนิสัยของคุณหลิงแล้ว เธอจะไม่มีวันให้อภัยคนที่หักหลังเธอแน่”เมื่ออี้จิ่นหลีได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขากลับมืดครึ้มและริมฝีปากบางก็เม้มจนเป็นเส้นตรง หากว่าสิ่งที่เซียวจื่อฉีทำกับอี้หรานถือว่าเป็นการหักหลัง แล้วสิ่งที่เขาทำกับเธอล่ะ?มีบางอย่างกดทับในใจของ
“ทำไมไม่เปิดไฟคะ?” เธอถามอย่างแปลกใจ“ฉันคิดถึงเธอ” เขาตอบจู่ ๆ ใบหน้าเธอก็แดงก่ำ และหัวใจเธอก็เต้นรัวกระหน่ำ ตอนนี้เองหลิงอี้หรานดีใจที่ตอนนี้อยู่ในที่มืดเขาจะได้ไม่เห็นว่าเธอหน้าแดง“แล้วเธอล่ะ วันนี้คิดถึงฉันไหม?” เสียงของเขายังดังอยู่ข้างหูเธอ และลมหายใจก็เป่ารดที่ต้นคอเธอรู้สึกเพียงว่าความสนใจของเธอตอนนี้ไปเพ่งอยู่ที่คอ หลังจากที่รู้สึกได้ถึงลมหายใจเขา เธอก็รู้สึกถึงริมฝีปากที่ใกล้หู ดูเหมือนว่าจะใกล้มากเกินไป ริมฝีปากของเขานั้นเกือบจูบใบหูเธอแล้วตอนที่เธอกำลังเหม่ออยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่หูนิดหน่อย เธอตะลึงไปและก็ได้สติ จากนั้นใบหน้าเธอก็แดงก่ำ เขากำลัง… กัดหูเธอ“เธอคิดไหม?” เสียงทุ้มต่ำของเขาถามอีกครั้ง“ฉันคิดว่า…” เธอตอบ “เอ่อ… ปล่อยฉันก่อน ให้วางของก่อน”เธอหายใจไม่ทั่วท้อง และรู้สึกเหมือนบรรยากาศมันคลุมเครือเกินไป มากเสียจนเธอแทบหายใจไม่ออกแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอจากอ้อมกอด แต่เขากลับถามเธอต่อ “แล้วเธอรักฉันเหมือนกันไหม?”เธออึ้งตะลึงไป รัก… ความรู้สึกนี้ลึกซึ้งไป และนี่เธอต้องพูดว่า “รัก” กับเขาแล้วเหรอ?“ฉัน… ชอบคุณ” หลิงอี้หรานสูดหายใจเข้าลึกและพูดต
“ฉันไม่ได้ขอให้เธอรักฉันเดี๋ยวนี้ และฉันก็ไม่ได้ขอให้เธอเปิดใจกับฉันในครั้งเดียว ฉันแค่ขอให้เธอชอบฉัน เธอจะรักฉันสักหนึ่งในสิบส่วนของที่ฉันรักเธอได้ไหม? ฉันแค่อยากให้เธอ ชอบฉันมากขึ้น” เขาพึมพำเขากลัวว่าเธอจะชอบเขาไม่พอ กลัวว่าความชอบที่เธอมีให้เขาจะโดนความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนตอนไหน กลัวว่าสักวันเธอจะทิ้งเขาไปเธอค่อย ๆ หันกลับมาเผชิญหน้าเขา เพื่อที่ว่าทั้งสองจะได้มองหน้ากันแม้ตอนนี้บริเวณห้องนั่งเล่นก็ยังคงมืดสนิท แต่ด้วยแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา หลิงอี้หรานก็เห็นโครงหน้าของอี้จิ่นหลีได้ชัดเจน เพียงแต่ว่าเธอไม่อาจจะเห็นสีหน้าเขาได้และเธอก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้เขากำลังมองเธออยู่เธอค่อย ๆ ยกมือขึ้นแล้ววางแนบแก้มเขา ก่อนพูดจริงจัง “ได้สิ ฉันจะชอบคุณมากขึ้น” ตอนแรกเธอยังสับสนเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา เพราะเธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์นี้ไม่มีอนาคตตอนนี้ความคิดก็เหมือนจะเปลี่ยนไปไม่ว่าอนาคตที่รอพวกเขาอยู่จะเป็นอย่างไร อย่างน้อยตอนนี้ เธอก็อยากจะเปิดรับชายคนนี้ไว้ อยากที่จะมอบความรู้สึกให้เขามากขึ้น และอยากจะคลายความทุกข์ใจของเขาเมื่อเธอพูดจบ เธอก็เขย่งปลายเท้าและ
ยิ่งตอนนี้ผู้ชายอย่างอี้จิ่นหลีนั้นมีสถานะสูงส่ง และรอบกายเขาก็มีสิ่งล่อตาล่อใจมากมาย เธอรู้ว่าความรู้สึกที่เขามีให้เธอตอนนี้นั้นเป็นของจริงแต่ความสัมพันธ์นี้จะยืนยาวไปถึงอนาคตได้เหรอ?“ฉันจะไม่ไปรักคนอื่น คนเดียวที่ฉันจะรักในชีวิตนี้ก็คือเธอ” เขาพูด “ดังนั้นหากว่ามีเรื่องอื่นอะไรและฉันทำผิดพลาด เธอก็จะให้อภัยฉันใช่ไหม?”เขาพึมพำ อย่างออดอ้อนเล็กน้อย“ค่ะ” หลิงอี้หรานตอบเมื่อคำว่า “ค่ะ” หลุดออกจากปากเธอ เธอก็รู้สึกได้ว่าเขากอดเธอแน่นขึ้น “หลิงอี้หราน อย่าลืมที่สัญญากับฉันวันนี้นะ ห้ามลืมเด็ดขาด เข้าใจไหม”ดูเหมือนว่าคำสัญญาของเธอจะเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นบางอย่างที่หลงลืมหรือกลับคำพูดไม่ได้……ในห้องน้ำ หลิงอี้หลานจ้องมองแก้มที่แดงก่ำของตัวเองแม้ว่าที่เธอกอดและจูบกับอี้จิ่นหลีในห้องนั่งเล่นจะผ่านไปพักใหญ่แล้ว แต่รอยแดงระเรื่อบนใบหน้าเธอก็ยังไม่จางหายไปอี้จิ่นหลีดูแปลกไปคืนนี้ แต่เธอก็บอกไม่ถูกว่าแปลกตรงไหนบางทีอาจจะเพราะการที่เขาจู่ ๆ ก็บอกว่ารักเธอทำให้เธอตกใจมากจริง ๆเมื่อคิดถึงคำเหล่านั้น หลิงอี้หรานก็รู้สึกได้ถึงความหวานที่อวลอยู่ในใจ และมุมปากที่สะท้อนในกระจกก็อดย
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ