เหลียนอี… สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้เผชิญกับด้านมืดที่มากเกินไป ไม่เหมือนเธอที่เห็นความมืดมิดมากมายตอนอยู่ในคุก บางครั้งก็ไม่มีแรงแม้แต่จะร้องไห้ด้วยซ้ำ“งั่ม!” พุดดิ้งที่ยังไม่ทันได้ถูกฉินเหลียนอีกลืนเข้าปากก็พุ่งออกมา ก่อนเธอจะรีบใช้กระดาษทิชชูเช็ดมันออกไป จากนั้นจึงเอ่ยกับหลิงอี้หราน “อี้หราน ก่อนที่เธอจะพูดอะไรตลกออกมาเธอก็อย่าทำตอนที่ฉันกินอะไรเข้าปากได้ไหมล่ะ มุขนี้ของเธอมันตลกเกินไปละ”“ฉันพูดจริงนะ” หลิงอี้หรานเอ่ยทั้งสองจ้องหน้ากัน ผ่านไปสักพัก ฉินเหลียนอีก็หัวเราะแห้งออกมา “ถ้าเขารู้สึกกับฉันจริง ๆ เราทั้งคู่ก็ไม่เหมาะสมกันหรอก เธอก็ลองคิดสิดูว่าตระกูลไป๋เป็นยังไง ถ้าฉันลงเอยกับเขาจริง งั้นชีวิตหลังจากนี้คงต้องต่อสู้กันภายในครอบครัวเศรษฐี และด้วยความสามารถในการต่อสู้ของฉัน คงได้โดนยำจนเหลือแค่เศษผุยผงแน่”เอ่อ อย่างนั้นอย่าไปคิดถึงเรื่องนี้เลยจะดีกว่า ไว้รอเธอชำระ ‘หนี้’ ทั้งหมดให้กับไป๋ถิงซิ่นแล้ว เธอก็จะได้มีอิสระสักที“อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย อ้อ ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าเธอได้งานใหม่แล้วนี่ เป็นไงบ้าง โอเคไหม?” ฉินเหลียนอีเปลี่ยนหัวข้อคุย“ก็ดีนะ เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ เงินเดือ
OK! ยืนยันเสร็จสิ้นฉินเหลียนอีเดินไปด้านหน้า “นี่ใช่คุณจางก่วงเทียนไหมคะ สวัสดีค่ะ ฉันฉินเหลียนอีเองค่ะ”“สวัสดีครับ” อีกฝ่ายตอบรับพร้อมกับมองเธอ“เอ่อ… ฉันอยากจะบอกคุณสักหน่อย คือฉัน…” ฉินเหลียนอีกำลังจะเอ่ยขอโทษอีกฝ่าย อย่างไรวันนี้เธอก็ไม่คิดจะออกมานัดบอดอยู่แล้ว แค่มาเพราะแม่บอกให้มาแค่นั้น ไว้เธอค่อยเลี้ยงข้าวเขาสักมื้อ แล้วก็ค่อยไปเป็นเพื่อนกันแบบธรรมดาทั่วไปก็ได้แล้วแต่เธอยังไม่ทันจะได้พูดออกไป อีกฝ่ายก็พูดขัดเธอขึ้นมาก่อน “งั้นก็ไปเดินเล่นด้วยกันก่อนก็ได้ครับ ผมเห็นว่าด้านข้างซูเปอร์มาร์เก็ตมีสวนสาธารณะเล็ก ๆ ด้วย เราไปเดินเล่นที่นั่นกันเถอะ”หา? เดินเล่นที่สวนสาธารณะ?ฉินเหลียนอีมองดูท้องฟ้าที่ตอนนี้เริ่มจะมืดแล้ว จึงก้มลงมองดูเวลา ตอนนี้ก็ 5 โมงเย็นกว่า ๆ แล้ว อีกไม่นานก็ได้เวลากินข้าวแล้ว “คุณไม่กินข้าวก่อนเหรอ?”คำพูดของเธอเป็นสิ่งที่เตือนโดยเฉพาะ เพราะแม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่คนพลุกพล่านไปมา เมื่อถึงเวลากินข้าว ร้านอาหารรอบ ๆ นี้หลายร้านก็อาจจะต้องต่อคิวซื้ออาหาร ถ้ารอเดินเล่นในสวนสาธารณะจนเสร็จแล้วไปกินข้าว ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาพีคพอดี คิดว่าคงต้องรอนานเลยทีเดีย
“คุณฉิน เขาเป็นใครเหรอครับ?” จางก่วงเทียนเอ่ยถาม“ใช่ คุณบอกเขาไปสิว่าผมเป็นใคร?” ไป๋ถิงซิ่นมองไปยังฉินเหลียนอีในตอนนั้นเอง สายตาของผู้ชายทั้งสองต่างก็มองมาที่เธอเป็นตาเดียว ฉินเหลียนอีรู้สึกราวกับว่าตัวเองตอนนี้กำลังถูกสาตาของผู้ชายทั้งสองคนนี้มองจนพรุนไปหมดแล้ว!คนหนึ่งก็เป็นคู่นัดบอดที่แม่เธออุตส่าห์ไปแย่งมา อีกคนก็เป็นแฟนหนุ่มอดีตนักทวงหนี้คนใหม่ของเธอ มันยากมากสำหรับเธอที่จะทำให้ทั้งสองคนไม่พอใจ!แต่ถ้าชั่งน้ำหนักความหนักเบาของสองคนนี้แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชายที่นัดบอดคนนี้ที่แม่หนุนหลังให้อยู่ ฉินเหลียนอีรู้สึกว่าไม่ควรให้ไป๋ถิงซิ่นไม่พอใจมากกว่า ดังนั้นเธอจึงยิ้มเหยเก และเอ่ยกับจางก่วงเทียน “เกือบลืมแนะนำไปเลยค่ะ คุณจางคะ คนนี้เป็นแฟนของฉันเอง เอ่อ แซ่ไป๋”จางก่วงเทียนเมื่อได้ยินแบบถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “แฟน? คุณมีแฟนแล้วงั้นเหรอ?”“ใช่… ใช่ค่ะ…” ฉินเหลียนอีตอบด้วยความรู้สึกผิด ไม่ว่าก่อนหน้านี้จางก่วงเทียนจะทำตัวแปลกมากแค่ไหน แต่อย่างไรเรื่องนี้เธอก็มีความผิดอยู่ดีตัวของจางก่วงเทียนสั่นไปหมด ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ก่อนจะพ่นคำด่าฉินเหลียนอีออกมา “ผมอุตส่าห์มีน้ำใจ
ฉินเหลียนอีเกือบจะสำลักคำพูดเหล่านี้ทันที เหยียบเรือสองแคม? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ประเด็นคือที่จริงแล้วเธอได้เหยียบเรือลำไหนเลยต่างหากเล่า!แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋ถิงซิ่น เธอก็คิดแล้วอธิบายด้วยท่าทีประนีประนอม “เอ่อ… ก็แม่ของฉันบังคับให้มาน่ะสิ แม่อยากให้ฉันนัดบอด ไม่งั้นจะตัดความสัมพันธ์แม่ลูกกับฉัน อันที่จริงเมื่อกี้ฉันก็อยากจะบอกกับอีกฝ่ายว่าฉันมีแฟนแล้วเหมือนกัน แต่เขาก็ขัดฉันไม่หยุด”อันที่จริงสิ่งที่เธอพูดไปก็ไม่ใช่เรื่องโกหกซะทั้งหมด“แม่คุณบังคับให้คุณไปนัดบอดเหรอ?” เขาเลิกคิ้ว“ใช่ ใช่แล้ว!” เธอยิ้มเหยเก สรุปคือ เรื่องที่แม่บังคับให้เธอไปนัดบอดเป็นอะไรที่ทรมานแถมตอนนี้เธอยังจะโดนกล่าวหาว่าเป็นคนหลอกลวงอีก“คุณไม่ได้บอกกับที่บ้านเรื่องที่คุณมีแฟนแล้วงั้นเหรอ?” เขาเอ่ยถามพร้อมกับสัญญาณอันตรายบางอย่างที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าฉินเหลียนอีใจฝ่อขึ้นมาทันที บอกกับพ่อแม่เหรอ? จะบอกไงล่ะ สถานะของไป๋ถิงซิ่นจะทำให้พ่อกับแม่เธอตกใจเอาได้ โดยเฉพาะ… เธอกับไป๋ถิงซิ่นยังไม่ได้ลงเอยกันแบบนั้น เพิ่งจะได้เริ่มความสัมพันธ์กันเอง“ฉันคิดว่าการคบกันของพวกเราสองคนมันกะทันหันเกินไป กลัวว่าถ้าบอกพ่
ดูแล้วเหมือนกับลูกหมูที่อยากกินหมดทุกอย่างไป๋ถิงซิ่นไม่แน่ใจว่าร้านอาหารแถวนี้มีร้านไหนอร่อยบ้าง แต่ก็นั่นก็ไม่สามารถขวางฉินเหลียนอีในการพาเขาไปในร้านอาหารที่เธอชอบกินได้“ร้านอาหารนี้มีแต่อาหารที่มีเอกลักษณ์ บางเมนูก็ไปหากินที่ร้านอื่นไม่ได้ด้วยนะ มีแต่ร้านนี้เท่านั้น” เมื่อเข้ามาในร้าน ฉินเหลียนอีก็เริ่มหยิบเมนูและเริ่มสั่งอาหารด้วยความตื่นเต้นขณะที่เธอสั่งอาหารเธอก็เริ่มแนะนำอาหารไปโดยอัตโนมัติ เมื่อพูดไปได้สักพักหนึ่ง เธอก็เริ่มเห็นว่าไป๋ถิงซิ่นกำลังมองเธออย่างจริงจัง“เอ่อ โทษที ฉันพูดมากไปหน่อย” เธอเอ่ย“ไม่เป็นไร ผมฟังคุณพูดอยู่” ไป๋ถิงซิ่นเอ่ยนิ่ง ๆ ฉินเหลียนอีลูบจมูกตัวเอง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปสักพัก “อ้อ ทำไมวันนี้คุณถึงมาที่นี่ล่ะ?”เธอถามโดยไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากที่เธอถามคำถามนี้ออกไป เธอก็อยากกัดลิ้นตัวเองเลยทันทีเธออุตส่าห์เอาเรื่องที่มานัดบอดบอกไปอย่างยากลำบากขนาดนี้ แล้วตอนนี้จะมาเอาเรื่องนี้กลับมาพูดอีกเนี่ยนะ?ตามที่คิดไว้ เขามองเธอก่อนจะเอ่ย “ถ้าผมไม่มาที่นี่ คุณก็คงคิดจะกินข้าวมื้อนี้ทั้งมื้อด้วยกันกับผู้ชายคนนั้นใช่ไหมล่ะ?”เธอสำลักจนหน้าแดง “ใช
“กำลังคิด…” เธอสะดุ้งโหยงทันที ดวงตาคู่นั้นของเธอจ้องมองไปยังคนตรงหน้า จะว่าไปไป๋ถิงซิ่นเป็นคนถือหางเสือเรือคนปัจจุบันของตระกูลไป๋ เขามีทั้งคนที่อยู่ในกำมือและเส้นสายต่าง ๆ ถ้าไป๋ถิงซิ่นยอมช่วยเธอสืบคดีของอี้หราน ก็น่าจะได้เบาะแสที่มีประโยชน์ง่ายกว่าเธอหาเบาะแสด้วยตัวเองเมื่อนึกได้แบบนี้ ประกายในแววตาของเธอก็สว่างขึ้นมา แววตาที่เธอมองไป๋ถิงซิ่นตอนนี้ราวกับว่ากำลังมองไปยังหมั่นโถวหอม ๆ ลูกหนึ่ง“เอ่อ… ฉันรู้ว่าตอนนั้นฉันทำผิดต่อคุณ ฉันขอโทษนะ ฉันจะยอมทำทุกอย่างตามที่คุณพูดเลย ฉันรับประกันว่าจะตามใจคุณทุกอย่าง แต่ว่า… ในระหว่างที่เราคบกัน คุณช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?” ฉินเหลียนอีมองอีกฝ่ายด้วยความคาดหวัง“ช่วย?” ไป๋ถิงซิ่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คุณอยากให้ผม ‘ช่วย’ อะไร?” โดยพื้นฐานแล้ว เมื่อมองดูท่าทาง ‘หมาน้อย’ ของเธอตอนนี้ ก็รู้ได้เลยว่าการขอความช่วยเหลือครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแน่“ก็อี้หรานเพื่อนของฉัน คนที่มาหาฉันด้วยกันกับอี้จิ่นหลีคนนั้นน่ะ เมื่อก่อนเธอเคยถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีก่อนหน้านี้และถูกจำคุกสามปี แต่เธอถูกกล่าวหาแบบผิด ๆ แต่ว่าพวกเรายังหาหลักฐานมาช่วยเธอพลิกคดีไม่
สายตาของเขามองดูมือทั้งสองข้างของเธอด้วยความมึนงงเล็กน้อย มือคู่นี้ ตอนนี้กำลังกุมมือเขาไว้แน่น ราวกับว่าแม้แต่มือคู่นี้ก็ยังแสดงความยินดีไปด้วยเลยเขาเงยหน้าขึ้นและสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาก็คือรอยยิ้มดีใจของเธอ ในตอนนั้นเอง เขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา เพราะรอยยิ้มของเธอในตอนนี้ไม่ใช่เพราะเขา แต่เป็นเพราะหลิงอี้หรานเห็นได้ชัดว่าสำหรับเธอแล้วหลิงอี้หรานสำคัญกว่าเขามาก!……กู้ลี่เฉินกำลังนั่งพิงเบาะในรถอยู่ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบขมับเบา ๆเลขาที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันก็พูดกับกู้ลี่เฉินหลังจากที่ได้รับสายหนึ่งว่า “คุณกู้คะ ชุดเครื่องประดับในร้านขายเพชรที่คุณหลิงสนใจ มีราคา 100 ล้านบาท อยากให้คุณหลิงไปเอาเครื่องประดับหรือเปล่าคะ?”เนื่องจาก 100 ล้านเป็นราคาที่สูงเล็กน้อย เจ้าของร้านขายเพชรจึงได้โทรมาสอบถามโดยเฉพาะกู้ลี่เฉินเอ่ยนิ่ง ๆ “ในเมื่อเธอเลือกแล้ว ก็ให้เธอไป”“รับทราบค่ะ” เลขาตอบรับ ก่อนจะตอบเจ้าของร้านเพชรไปแบบนี้ แต่ในใจลึก ๆ ของเธอก็รู้สึกว่าคุณหลิงคนนี้คิดอะไรตื้นเกินไป เพิ่งจะคบกันได้ไม่นานเธอก็รอแทบไม่ไหวที่จะเอาตัวเองเข้าสู่สังคมชั้นสูง ช่วงนี้ก็ชอบไปเดินที่ร้านเพชรบ่อย ๆ แ
จะว่าไป ในตอนแรกที่เขาใช้หลิงลั่วอินมาเป็นตัวแทนของเด็กสาวในตอนที่ยังเด็ก เพราะริมฝีปากของเธอเหมือนริมฝีปากของเด็กสาวที่อยู่ในความทรงจำแต่หลังจากนั้น จุดประสงค์ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป บางครั้งตอนที่รู้สึกเบื่อ ๆ พอได้ฟังหลิงลั่วอินพูดเรื่องที่เกี่ยวกับหลิงอี้หราน ก็รู้สึกราวกับว่าความเบื่อนั้นเริ่มหายไปเห็นได้ชัดว่าหลิงอี้หรานไม่ใช่เด็กสาวที่เคยช่วยชีวิตของเขาไว้ในอดีตอาจเป็นเพราะว่ารูปร่างหน้าตาของหลิงอี้หรานมีความคล้ายคลึงกับเด็กสาวในตอนที่เขายังเป็นเด็กมาก นั่นจึงทำให้เขาอยากได้การดูแลเป็นพิเศษ เมื่อได้เห็นเธอทีไร เขาจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้เธอแต่ว่า… ผู้หญิงคนนั้นเป็นของจิ่นหลี เขาจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องฉีกหน้าจิ่นหลีเพื่อผู้หญิงคนเดียว อย่างไรแล้ว… เธอก็ไม่ใช่คนที่เขาอยากเจอจริง ๆ อยู่ดีเมื่อรถขับผ่านถนนเส้นหนึ่ง สายตาของกู้ลี่เฉินก็มองออกไปที่ถนนทันที เกือบจะเผลอมองผู้คนที่สวมชุดพนักงานสุขาภิบาลบนถนนโดยไม่รู้ตัวหลิงอี้หรานเคยรับผิดชอบกวาดถนนเส้นนี้นี่!แต่จนกระทั่งรถขับผ่านไปแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นหลิงอี้หรานเลยความผิดหวังบางอย่างปรากฏขึ้นในแววตานกเหยี่ยวสีดำขลับห
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ