จะว่าไป ในตอนแรกที่เขาใช้หลิงลั่วอินมาเป็นตัวแทนของเด็กสาวในตอนที่ยังเด็ก เพราะริมฝีปากของเธอเหมือนริมฝีปากของเด็กสาวที่อยู่ในความทรงจำแต่หลังจากนั้น จุดประสงค์ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป บางครั้งตอนที่รู้สึกเบื่อ ๆ พอได้ฟังหลิงลั่วอินพูดเรื่องที่เกี่ยวกับหลิงอี้หราน ก็รู้สึกราวกับว่าความเบื่อนั้นเริ่มหายไปเห็นได้ชัดว่าหลิงอี้หรานไม่ใช่เด็กสาวที่เคยช่วยชีวิตของเขาไว้ในอดีตอาจเป็นเพราะว่ารูปร่างหน้าตาของหลิงอี้หรานมีความคล้ายคลึงกับเด็กสาวในตอนที่เขายังเป็นเด็กมาก นั่นจึงทำให้เขาอยากได้การดูแลเป็นพิเศษ เมื่อได้เห็นเธอทีไร เขาจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้เธอแต่ว่า… ผู้หญิงคนนั้นเป็นของจิ่นหลี เขาจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องฉีกหน้าจิ่นหลีเพื่อผู้หญิงคนเดียว อย่างไรแล้ว… เธอก็ไม่ใช่คนที่เขาอยากเจอจริง ๆ อยู่ดีเมื่อรถขับผ่านถนนเส้นหนึ่ง สายตาของกู้ลี่เฉินก็มองออกไปที่ถนนทันที เกือบจะเผลอมองผู้คนที่สวมชุดพนักงานสุขาภิบาลบนถนนโดยไม่รู้ตัวหลิงอี้หรานเคยรับผิดชอบกวาดถนนเส้นนี้นี่!แต่จนกระทั่งรถขับผ่านไปแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นหลิงอี้หรานเลยความผิดหวังบางอย่างปรากฏขึ้นในแววตานกเหยี่ยวสีดำขลับห
หลิงลั่วอินสวมสร้อยคออัญมณีราคา 100 ล้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข รู้สึกว่ามูลค่าของตัวเองเหมือนกับอัญมณี 100 ล้านนี้ และไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอีกต่อไปตอนนี้เธอได้เข้าร่วมทีมนักแสดงใหม่และได้รับบทเป็นนักแสดงนำหญิง แม้ว่าโปรดิวเซอร์และผู้กำกับจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับเมื่อก่อน แต่โดยรวมแล้วก็ไม่แย่ และเธอก็ได้รับบทเป็นนักแสดงนำหญิงด้วย ดังนั้นในส่วนนี้หลิงลั่วอินก็ค่อนข้างพอใจมากแล้วกับทรัพยากรที่กู้ลี่เฉินมอบให้เธอตราบใดที่เธอยังเอาอกเอาใจลี่เฉินเป็นอย่างดี ในอนาคตยังจะกลัวไม่มีทรัพยากรอีกเหรอ?แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหดหู่ใจคือ ทุกครั้งเวลาที่ลี่เฉินนัดเดตกับเธอ ก็มักจะให้เธอเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับหลิงอี้หรานให้ฟังเสมอ และเธอก็เกือบจะบอกทุกอย่างที่เธอรู้หมดแล้วบางครั้งเธอก็รู้สึกว่าลี่เฉินเพียงแค่ให้ตำแหน่งแฟนสาวกับเธอเพียงแค่เพราะอยากฟังเรื่องที่เธอพูดเกี่ยวกับหลิงอี้หรานแค่นั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจแต่ในเมื่อหลิงอี้หรานตอนนี้ยึดมั่นกับอี้จิ่นหลีแล้ว อย่างนั้นกู้ลี่เฉินก็น่าจะไม่ได้คิดอะไรกับหลิงอี้หรานเธอได้ไปสอบถามมาแล้ว ลี่เฉินคนนี้คือคนที่รักความบริสุทธิ์ส
แน่นอนว่า เมื่อผู้หญิงบางส่วนที่อยากดึงดูดความสนใจจากกู้ลี่เฉินได้เห็นสร้อยคอที่หลิงลั่วอินสวมใส่อยู่และได้ฟังสิ่งที่หลิงลั่วอินเอ่ย ก็เกิดความอิจฉาริษยาปรากฏขึ้นในแววตา และสุดท้ายก็มีบางส่วนที่เดินออกไปหลิงลั่วอินยกยิ้มมุมปาก รู้สึกว่าตัวเองบรรลุเป้าหมายแล้วเมื่อเห็นทุกคนรอบตัวได้เดินออกไปแล้ว หลิงลั่วอินก็กระซิบว่า “ลี่เฉิน คุณอย่าว่าที่ฉันซื้อสร้อยคอที่แพงขนาดนี้ที่ร้านเครื่องประดับเลยนะ” เธอทำท่าทีเหมือนผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย ทำให้ตัวเองดูเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารในฐานะนักแสดง เธอย่อมรู้ดีว่าต้องแสดงออกอย่างไรถึงจะทำให้ตัวเองดูน่าสงสารมากขึ้น “ฉันแค่อยากทำให้ตัวเองดูมีคุณค่าคู่ควรกับคุณมากขึ้น ไม่อยากทำให้คุณขายหน้าเวลาที่ฉันได้ยืนข้างคุณ”กู้ลี่เฉินมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเกียจคร้าน ไม่คู่ควร? หรือคำว่าคู่ควรของเธอเป็นแค่การใช้เครื่องประดับและของแบรนด์เนมตกแต่งตัวเอง?ถ้าเป็นแบบนี้ บนโลกใบนี้ก็คงมีผู้หญิงมากมายนับไม่ถ้วนที่คู่ควรกับเขาผู้หญิงคนนี้ นอกจากริมฝีปากแล้ว เธอไม่เหมือนกับเด็กสาวที่อยู่ในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อย!“ของพวกนี้ คุณซื
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลิงลั่วอินก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆทันใดนั้น นิ้วของเธอก็สัมผัสกับบางสิ่งที่มีความแข็ง เธอจึงยื่นหน้าไปมองใกล้ ๆ จึงเห็นว่าเป็นสร้อยข้อมือเงินที่เขาจะพกติดตัวไว้เสมอสร้อยข้อมือเส้นนี้… หลิงลั่วอินเพ่งมองสร้อยข้อมือที่ตอนนี้อยู่บนอกตรงหัวใจของเขา มันก็เป็นแค่สร้อยข้อมือธรรมดา ๆ นี่ ทำไมเขาถึงได้ใส่มันตลอดเวลาเลยล่ะ? ราวกับว่ามันเป็นสมบัติอันล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นนิ้วของหลิงลั่วอินเกี่ยวสร้อยข้อมือเส้นนั้นขึ้นมา ก่อนจะขยับเข้าใกล้เพื่อมองมันให้ชัดขึ้นแต่เพียงชั่วครู่ ก็มีมือข้างหนึ่งคว้ามือของเธอเอาไว้ ทันใดนั้นความเจ็บปวดบางอย่างก็แล่นผ่านข้อมือของเธอ เธอจึงปล่อยนิ้วมือจากสร้อยข้อมือไปโดยสัญชาตญาณหลิงลั่วอินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเธอได้สบตาเข้ากับตาเหยี่ยวที่แสนเย็นชาเห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาเมาแล้ว แต่ตอนนี้ ตาเหยี่ยวคู่นั้นไม่มีความขุ่นมัวที่เกิดจากความเมาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเต็มไปด้วยความน่ากลัว“คุณห้ามแตะของชิ้นนี้เด็ดขาด!” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นจนเข้ากระดูก“ฉัน… วันหลังฉันไม่กล้าทำแล้ว ฉันแค่อยากช่วยคุณเปลี่ยนเสื้อผ้า
ในตอนนี้ หลิงลั่วอินได้จ้องมองภาพวาดตรงหน้าของเธอด้วยความตะลึง สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อเมื่อก่อนตอนที่เธอเคยเดินผ่านสตูดิโอแห่งนี้ เธอมีความคิดว่าอยากจะเข้าไปดู แต่กู้ลี่เฉินก็ห้ามเธอไว้แต่ในครั้งนี้เธออดไม่ได้ที่จะผลักประตูสตูดิโอเปิดเข้าไปข้างในด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่เธอไม่เคยนึกเลยว่าจะได้มาเห็นภาพเหมือนของหลิงอี้หรานไม่ใช่ภาพหลิงอี้หรานที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เป็นภาพของหลิงอี้หรานตอนยังเด็กภาพวาดนี้ที่อยู่ตรงหน้า เป็นภาพของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่แบกเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ไว้บนหลัง ใบหน้าของเด็กสาวคนนั้นคือใบหน้าของหลิงอี้หรานตอนที่ยังเป็นเด็กอย่างชัดเจนโดยเฉพาะกระโปรงลายดอกไม้ตัวเล็กที่เด็กสาวคนนั้นสวมใส่อยู่ เธอจำได้ว่าเธอเคยเห็นกระโปรงลายดอกไม้แบบเดียวกับที่หลิงอี้หรานใส่ในอัลบั้มรูปนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงมีหลิงอี้หรานในภาพที่อยู่ในสตูดิโอของลี่เฉินได้? ความสัมพันธ์ของลี่เฉินกับหลิงอี้หรานคืออะไรกันแน่?ในหัวของหลิงลั่วอินเต็มไปด้วยความสงสัยที่พุ่งเข้ามาไม่หยุด และในใจของเธอก็เริ่มเกิดความตื่นตระหนกอย่างห้ามไม่อยู่ และความตื่นตระหนกนี้ก็รุนแรงกว
หลังผ่านไปนานเธอก็ได้ยินเสียงเขาถอนใจก่อนที่จะค่อย ๆ ยืดตัวขึ้น ดวงตาสีดอกท้อทรงเสน่ห์ของเขามองเธออย่างจนปัญญา “ก็เพียงแค่เธอ”มีแค่เธอที่เขาต้องการจะให้คิดถึงเขา และมีเพียงแค่เธอที่จะปฏิเสธเขา แต่ว่าเขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้ดูเหมือนว่าเมื่ออยู่ตรงหน้าเธอ เขาจะเป็นตัวของตัวเองน้อยลงไปทุกที“ช่วยเช็ดผมให้ฉันหน่อย” เขาบอกและส่งผ้าเช็ดตัวให้เธอเช็ดผมที่เปียกของเขาหลิงอี้หรานอึ้งไปขณะหนึ่ง และมองเขาก้มลงมาพร้อมยื่นหัวมาตรงหน้าด้วยสายตางง ๆ“เป็นอะไรไป? ตอนที่เราอยู่บ้านเช่าด้วยกัน พี่สาวก็เช็ดผมให้ฉันตลอดไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยและมองเธอแต่ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้เลยสักนิด หลิงอี้หรานเม้มปากจากนั้นก็เอาผ้าเช็ดตัวคลุมหัวเขาและเริ่มเช็ดผมที่เปียกนั้นเพราะว่ามีผ้าเช็ดตัวบังหน้าเขาอยู่ เธอก็เลยผ่อนคลายได้เล็กน้อยตอนนี้เขาเหมือนลูกหมาตัวน้อยที่เชื่อฟังแล้วปล่อยให้เธอได้เช็ดขน แต่ตอนนี้หลิงอี้หรานรู้สึกสับสน มันเหมือนว่าเธอเป็นเจ้านายและเขาก็ก้มหัวลงคำนับเธอจู่ ๆ เธอก็ลอบหัวเราะในใจ พระเจ้า นี่เธอมีความคิดแบบนั้นไปได้อย่างไรกัน? น่ากลัวว่าต่อหน้าอี้จิ่นหลีเธอไม่ต่างกับมดต
”ฉันจะฟังเธอ แล้วเธอจะชอบฉันไหม?” เขาพูดและเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกลังเลใจเล็กน้อยหาก… เขาไม่ใช่อี้จิ่นหลี บางที… เธอก็อาจจะชอบเขาแต่ว่าเขาคืออี้จิ่นหลี ระหว่างสามปีในคุกนั้น เขาเหมือนเป็นฝันร้ายของเธอ เป็นคนที่เธอกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ……หลิงอี้หรานรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอี้จิ่นหลีนั้นเป็นบางสิ่งที่แม้แต่เธอก็คิดไม่ตก เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวเขาแต่บางทีเธอก็อดสงสารเขาไม่ได้และเมื่อเขามองเธออย่างจริงจังและพูดคำที่ทำให้ใจปั่นป่วน เธอก็รู้สึกสับสนอีกครั้งนี่เขาทำกับเธอเหมือนเป็นตัวหมากในเกมเหรอ? หรือว่าเขาอาจจะจริงจังเล็กน้อย? แล้วเธอเองล่ะ? เธอตกหลุมรักเขาอีกแล้วเหรอ?แต่สำหรับเธอตอนนี้ มีหลายอย่างที่ต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละน้อยเหมือนขาติดหล่มอยู่ เธออยากจะออกมาแต่กลับพบว่าตัวเองจมลึกลงไปเรื่อย ๆหลังจากที่ส่งอาหารเสร็จ หลิงอี้หรานก็กลับไปที่ร้าน แต่ต้องตกใจไปชั่วขณะเพราะคนที่นั่งอยู่ในร้านตอนนี้ คนที่พูดตรง ๆ ว่าไม่ควรจะเข้ามาอยู่ในร้านอาหารเล็ก ๆ เลยสักนิดเดียว คนนั้นก็คือ… กู้ลี่เฉินเขาใส่ชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างดีและมีใบหน้าหล่อเหลามีชาติตระกูล เป็นชายที่เหมาะกับการ
“รอก่อน” เขาก้าวออกมาแล้วคว้าเธอไว้ “คุณโกรธเหรอ? ที่ผมเพิ่งพูดไปไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกงานตอนนี้ของคุณนะ”เธอมองเขาแปลก ๆ และบอกว่า “ฉันไม่ได้โกรธค่ะ” หากว่าเธอจะโกรธกับเรื่องแค่นี้ ก็คงต้องโมโหจนตายไปแล้ว“ถ้าคุณต้องการ ผมหางานอื่นให้คุณได้นะ” กู้ลี่เฉินบอก“คุณกู้คะ เราไม่ได้คุ้นเคยอะไรกันขนาดนั้น แล้วคุณก็ไม่จำเป็นช่วยหางานใหม่ให้ฉันหรืออะไร ฉันพอใจกับงานตอนนี้แล้วค่ะ” หลิงอี้หรานพูดพลางชำเลืองมองที่มือของอีกฝ่าย “คุณช่วยปล่อยมือได้ไหมคะ? ฉันยังต้องรีบไปส่งอาหาร”ดวงตาฟินิกซ์ดำสนิทของเขาจ้องเธออย่างแน่วแน่ หลังผ่านไปอึดใจเขาก็ปล่อยมือออก นี่มันคุ้นเคยกันไปไหม? แต่เขารู้จักเธอดีกว่าที่เธอรู้จากปากของหลิงลั่วอิน เขาได้รู้เรื่องหลายอย่างเกี่ยวกับอดีตของเธอ ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กจนโต…“พอใจกับงานตอนนี้เหรอ?” เขาหัวเราะออกมาทันที “คนที่เคยเป็นทนายจะมาพอใจกับการเป็นแค่เด็กส่งอาหารตอนนี้เหรอ?”ดวงตาของหลิงอี้หรานฉายแววเศร้าหมอง ทนายเหรอ… รู้สึกเหมือนว่าเป็นเรื่องไกลตัวเธอมากเธอขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของเธอ และเสียงของกู้ลี่เฉินก็ดังก้องในหู “ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับอี้จิ่นหลี
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ