ทันใดนั้นน้ำเสียงเร่งเร้าของคุณตาลู่ก็ดังขึ้นที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ “ทำไมไม่บอกให้อี้หรานรีบไปที่สถานีตำรวจเพื่อถอนคดีเพื่อให้ลูกคนโตของเราและคนที่เหลือทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวล่ะ?”"ปล่อยตัวเหรอ? ทำไมพวกเขาถึงต้องถูกปล่อยตัว? พวกเขาทำชั่วร้ายเช่นนี้พวกเขาควรจะถูกขังไว้ให้นานที่สุดถึงจะสาสม!""พวกเขาเป็นลูกของเธอนะ! จะทำแบบนี้เพื่อคนนอกอย่างนั้นเหรอ?"“คนนอกอะไร? เธอเป็นหลานฉันนะ! แม่ของแกไม่อยู่แล้ว ยายแก่คนนี้ก็จะปกป้องแกเอง” ยายของเธอพูดอย่างหนักแน่น“นี่เธอหวังจะพึ่งหลานคนนี้หรือไง คนที่เคยติดคุกมาเนี่ย ให้มาดูแลเธอตอนแก่เนี่ยนะ?” ตาของเธอด่าผู้เฒ่าทั้งสองยังคงโต้เถียงกันต่อไปราวกับว่าพวกเขาลืมไปว่ายังคงมีสายคาอยู่ ครู่หนึ่งผ่านไปก่อนที่คุณยายของเธอจะรู้ว่าโทรศัพท์ยังไม่ได้วางสายและพูดว่า "อี้หราน ยังอยู่ไหม?"“หนูยังอยู่ค่ะ" หลิงอี้หรานตอบ“หลานสบายดีก็ดี ลุงใหญ่ ลุงรอง ป้าสามทำผิดศีลธรรมเช่นนี้ หลานไม่ต้องถอนฟ้อง ขังพวกมันไว้นานเท่าที่สมควร!” คุณยายพูดแข็งกร้าวหลิงอี้หรานกำโทรศัพท์น้ำตาคลอ เธอคิดว่าคุณยายโทรมาหาเพื่อขอให้เธอยกโทษให้และไม่เอาเรื่อง ให้สถานีตำรวจปล่อ
น้ำตาของเธอทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกอยู่เสมอ หากเขาทำอะไรเพื่อให้เธอหยุดร้องไห้ได้ เขาก็ยินดีจะทำทุกอย่างหลิงอี้หรานโผเข้าสู่อ้อมกอดของอี้จิ่นหลีแล้วร้องไห้โฮ เธอร้องไห้ออกมาเสียงดังเหมือนกับระบายความเจ็บปวดและความทุกข์ทั้งหมดออกมาเธอไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้ แต่เมื่อเธอกอดเขาโดยซุกใบหน้าของเธอแนบไปที่หน้าอกของเขา เธอไม่จำเป็นต้องระงับตัวเองและเธอก็สามารถปลดปล่อยความเจ็บปวดทั้งหมดในใจของเธอได้โดยไม่ต้องกลัวอี้จิ่นหลีก้มศีรษะลงมองหญิงสาวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของเขา เขากอดเธอเบา ๆ ปล่อยให้เธอร้องไห้ออกมาหลิงอี้หรานไม่รู้ว่าร้องไห้มานานแค่ไหน จนสุดท้ายดูเหมือนว่าไม่มีน้ำตาให้เธอหลั่งอีกแล้วอี้จิ่นหลีใช้ทิชชู่เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธออย่างเบามือ "พี่สาว บอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?"“คุณยาย" เธอพูดขณะสูดหายใจ“เธอขอให้ปล่อยตัวหรือเปล่า?” เขาถามสายตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย“เปล่า คุณยายถามว่าสบายดีไหมและบอกให้ฉันไม่สนใจญาติของฉัน บอกว่าพวกเขาควรถูกขังไว้นานที่สุดเท่าที่พวกเขาสมควรจะได้รับ” หลิงอี้หรานตอบด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นจมูกอี้จิ่นหลีค่อนข้างประหลาดใจ “คุณยายม
หลิงอี้หรานมองพยาบาลอย่างเงียบ ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ การแสดงออกของเธอไม่เปลี่ยนไปแม้ว่าเธอจะเห็นบาดแผลที่น่ารังเกียจบนฝ่ามือของเธอก็ตาม เมื่อพยาบาลกำลังพันมือขวาของหลิง อี้หราน ด้วยผ้าก๊อซเธอก็ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดโดยไม่ตั้งใจ แต่เธอก็ไม่ได้ร้องออกมาดัง ๆ"ให้ฉันทำเถอะ ออกไปได้" อี้จิ่นหลีสั่งพยาบาลพยาบาลออกจากห้องด้วยความเคารพ อี้จิ่นหลีหยิบผ้าก๊อซและพันมือขวาของเธอด้วยท่าทางที่ฝึกฝนมาอย่างดี การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนและระมัดระวังจนเธอแทบไม่รู้สึกเจ็บที่มือเลยเมื่อเขาพันผ้าพันแผลเสร็จแล้วเขาก็วางผ้าก๊อซลง "พยายามใช้มือขวาให้น้อยที่สุดในอีกสองสามวัน อย่ากำมือแน่นเหมือนที่ทำเมื่อกี้ พี่เสียเลือดมาเยอะแล้ว"เธอมองมือที่พันแผลไว้อย่างเรียบร้อย “ดูเหมือนนายจะชำนาญมาก”เงาวาบผ่านดวงตาของเขาอย่างรวดเร็ว “ฉันเรียนรู้ทักษะการปฐมพยาบาลตอนที่ยังเด็ก” เขาพูดตอนนั้นพ่อเที่ยวตามหาแม่ไปทั่วและบางครั้งเขาก็จำคนผิดและไปมีเรื่องราวชกต่อย อี้จิ่นหลีต้องคอยทำแผลให้จนชำนาญ แต่หลังจากที่พ่อเขาตายเขาก็ไม่ได้ทำแผลให้ใครอีกเลย“จิน นายรู้ไหม? แม้ว่านายจะโกหกฉัน ฉันก็ยังรู้สึกขอบคุณมากที่นายช่วยฉันไว้เ
อี้จิ่นหลีรู้สึกจุกในลำคอ เขาไม่สามารถบอกเธอได้ว่าเขาคืออี้จิ่นหลีตอนแรกเขาตั้งใจที่จะเปิดเผยตัวตนของเขากับเธอ!ในห้องที่มีแสงสลัว ผมยาวของเธอเคลียไหล่และใบหน้าของเธอดูซีดเซียว เธอมองเขาอย่างประหม่าด้วยดวงตารูปอัลมอนด์ ราวกับว่าเธอกังวลกับบางสิ่งบางอย่างอยู่แต่ก็ยอมพ่ายแพ้ชีวิตเธอดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอุปสรรคและความไม่ยุติธรรม จนเธอยอมรับชะตาพวกนี้ไปแล้ว“พี่สาว ในใจเรื่องรักษาตัวในโรงพยาบาลและตอนนี้ยังไม่ต้องกังวลอะไร หลังจากที่พี่ออกจากโรงพยาบาลฉันจะบอกว่าตัวเองเป็นใคร" อี้จิ่นหลีกล่าวหลิงอี้หรานมองเขาอย่างลังเลก่อนจะพยักหน้าดูเหมือนเมื่อเขาทำให้เธอเบาใจแล้ว เธอก็หาวและเริ่มง่วงนอน“ถ้าพี่เหนื่อยก็งีบสักพักนะ หมอบอกว่า พี่จะรู้สึกง่วงนอนบ่อยช่วงสองสามวันนี้" อี้จิ่นหลีพูดขณะที่เขาช่วยให้เธอนอนลงไม่นานหลิงอี้หรานก็หลับไปอี้จิ่นหลีมองเธอหลับอย่างสงบ เขาเม้มปากและใช้ปลายนิวสัมผัสแก้มของเธออย่างอ่อนโยนก่อนเลื่อนมือไปที่ริมฝีปากของเธอ“พี่สาว ฉันควรบอกเธอยังไงดี?"คำตอบที่เขาได้รับมีแต่ความเงียบงัน…เมื่อหลิงอี้หรานตื่นขึ้นมา เธอก็เห็นอี้จิ่นหลีนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ โดยยังค
อี้จิ่นหลีบีบยาสีฟันลงบนแปรงสีฟันให้เธอ จากนั้นเขาก็ยื่นถ้วยน้ำอุ่นใส่มือเธอหลิงอี้หรานหน้าแดงและเธอทำตัวไม่ถูกจนแปรงฟันไม่เป็น เธอรู้สึกได้ถึงตัวตนของเขาที่โอบล้อมรอบกายเธออี้จิ่นหลีหยิบผ้าขนหนูมาชุบน้ำอุ่น“ฉันทำเองได้... ” หลิงอี้หรานพูดพลางกัดริมฝีปาก“ให้ฉันทำไม่ง่ายกว่าเหรอ?” เขาถามปัญหาก็คือพวกเขายืนใกล้กันมากไป! เหมือนว่าเธออยู่ในอ้อมกอดเขา แขนของเขาเอื้อมมาเหมือนโอบเธอเมื่อเขาหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเธอ...หลิงอี้หรานเงยหน้าขึ้นมองกระจกตรงหน้า เธอรู้ว่าอี้จิ่นหลีเป็นคนหน้าตาดี ตอนนี้เขาไม่ได้มีผมม้าหนา ๆ มาปิดหน้าอีก แถมเขาอยู่ในชุดสูทที่ดูสง่างาม ตอนนี้เขามีบรรยากาศที่สูงส่งราวกับว่าเขาเป็นคนยิ่งใหญ่ที่เกินเอื้อมทำไมเธอถึงไม่ได้สังเกตนะ? ขนาดเหลียนอียังคิดว่า เขาไม่ใช่คนจรจัด แต่เธอก็ยังเชื่อว่าเขาเหมือนกันกับเธอและอยากให้เขาอยู่เคียงข้างเธอเป็นเพราะ... เธอรู้สึกเหงาเหรอ?ความจริงก็คือเขาไม่ใช่คนจรจัด แถมเขายังเป็นคนที่มีเบื้องหลังไม่ธรรมดาเครื่องแต่งกายราคาแพงของเขา และการที่แพทย์กับพยาบาลปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพก็เป็นข้อพิสูจน์“พี่สาว คิดอะไรอยู่?” ทันใดนั้น
หลังจากที่หลิงอี้หรานล้างหน้าล้างตาเสร็จ อี้จิ่นหลีก็อุ้มเธอกลับไปที่เตียง อาหารของเธอถูกนำมาเสิร์ฟแล้ว มันประกอบด้วยโจ๊กและเครื่องเคียงไม่กี่อย่าง แม้จะดูง่าย ๆ แต่ก็น่ากิน ท้องของอี้หรานร้องขึ้นทันที“หมอแนะนำให้พี่กินอาหารที่ย่อยง่าย” อี้จิ่นหลีกล่าว จากนั้นเขาก็เริ่มวางจานบนโต๊ะข้างเตียงให้เธอถ้าใครได้เห็นฉากนี้ ตาของพวกเขาจะต้องถลนออกมาจากเบ้าแน่นอน นายน้อยอี้ชายที่ถูกเรียกว่าเป็นเจ้าของเมืองเฉิน กำลังดูและผู้หญิงคนหนึ่งแบบนี้หลิงอี้หรานหยิบช้อนส้อมและเริ่มกินอาหาร เมื่อเธอก้มหน้าลงเพื่อรับประทานอาหารผมยาวของเธอก็ร่วงลงระใบหน้าของเธอเกือบจะจุ่มลงโจ๊กขณะที่เธอกำลังจะมองหาที่มัดผม อี้จิ่นหลีก็เร็วกว่าและพูดว่า "ให้ฉันทำเถอะ" ในขณะที่หยิบยางมัดผมและหวีออกมาเมื่อหลิงอี้หรานเห็นโลโก้บนที่มัดผมเธอก็รู้ว่ามันของแบรนด์เนม ก่อนที่เธอจะติดคุก รายได้ของเธอในตอนนั้นสามารถซื้อของชิ้นเล็ก ๆ ของยี่ห้อนี้ได้เธอไม่ได้คิดว่าอี้จิ่นหลีจะใส่ใจในเตรียมของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้“นายมัดเป็นเหรอ?" เธอถาม“ฉันดูพี่มัดทุกวัน ฉันก็เรียนรู้มา" อี้จิ่นหลีตอบเขาหยิบหวีและเริ่มหวีผมก่อนจะมัดด้วยที
”ดูเหมือนว่านักข่าวคนนี้จะไม่รู้ว่าคุณหลิงเคยถูกจำคุกมาก่อนครับ เขารู้แค่ชื่อของเธอและคิดว่าเขาสามารถเขียนข่าวซุบซิบเกี่ยวกับคุณได้" เกาฉงหมิงกล่าวอี้จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชาว่า "สอบปากคำเขาต่อไป ปล่อยเขาเมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการจากเขา แล้วไปหาให้พบว่าใครเป็นคนโพสต์เรื่องในเน็ตแล้วมีใครเห็นบ้าง"“เข้าใจแล้วครับ" เกาฉงหมิงตอบเมื่ออี้จิ่นหลีผลักเปิดประตูเข้าไปในห้อง เขามองหลิงอี้หรานกำลังกินโจ๊ก เขาก็สงสัยว่า นักข่าวรู้เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญ เขาดันไปเจอเรื่องเมื่อคืนเข้า หรือว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไร?หลิงอี้หรานเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าอี้จิ่นหลีมีสีหน้าเคร่งเครียด เธอชะงักไปและจ้องเขาทันใดนั้นกลิ่นอายไม่เป็นมิตรรอบตัวเขาก็หายไป รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาและเขาก็เริ่มทำตัวตามปกติ “มีอะไรล่ะ พี่จ้องฉันทำไมเหรอ?" อี้จิ่นหลีถามเธอส่ายหน้าอย่างประดักประเดิด "ไม่มีอะไรหรอก"ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นหลิงอี้หรานรู้สึกราวกับว่าเธอไม่รู้จักคนตรงหน้า หรือว่า... นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขา รอยยิ้มที่เหมือนฑูตสวรรค์ของเขาอาจเป็นการแกล้งทำก็ได้?…นับตั้งแต่ที่เซียวจื่ออี้
เซียวจื่ออี้แอบซ่อนรอยยิ้มขณะที่เธอปรายตามองผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มที่อยู่หลังผู้อำนวยการ เธอจำได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นไปซื้อของกับหลิงอี้หรานดังนั้นน่าจะเป็นเพื่อนกัน แม้ว่าเธอจะไม่สามารถระบายความแค้นที่มีต่อหลิงอี้หรานได้ แต่เธอก็สามารถเอาไปลงกับเพื่อนแทนได้!เมื่อสายตาของชินเหลียนอีประสานกับเซียวจื่ออี้ เธอก็รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาตามที่คาดไว้ไม่นานหลังจากทานอาหารเย็น เซียวจื่ออี้ก็ดื่มอวยพรกับทุกคน เนื่องจากขาเธอบาดเจ็บทุกคนจึงผลัดกันไปชนแก้วดื่มกับเธอเมื่อชินเหลียนอียกแก้วขึ้น เซียวจื่ออี้จงใจจับมือเหลียนอีแล้วทำให้ไวน์กระเด็นไปโดนเท้าที่ใส่เฝือกเอาไว้เซียวจื่ออี้ด่าว่า "ถึงเธอจะไม่อยากชนแก้วดื่มกับฉัน แต่ก้ไม่ถึงขนาดต้องทำแก้วหล่นใส่เลยนี่ ถ้าไม่อยากให้ฉันมาร่วมกินอาหารด้วยบอกมาดี ๆ ก็ได้ ฉันจะไปเอง"ชินหลียนอีจ้องเซียวจื่ออี้อย่างเย็นชา ผู้อำนวยการยืนอยู่ตรงหน้าเซียวจื่ออี้ทันทีและยืนยันให้ ชินเหลียนอีขอโทษโดยไม่สนใจว่าเป็นความผิดใครกันแน่"เหลียนอี ขอโทษคุณหนูเซียวเดี๋ยวนี้!"“ใช่ เหลียนอี ขอโทษเดี๋ยวนี้!"เพื่อนร่วมงานของเธอพากันบอกทุกคนรู้ว่าเซียวจื่ออี้ตั้งใจหาเรื่องชิ
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ