หลังจากที่หลิงอี้หรานล้างหน้าล้างตาเสร็จ อี้จิ่นหลีก็อุ้มเธอกลับไปที่เตียง อาหารของเธอถูกนำมาเสิร์ฟแล้ว มันประกอบด้วยโจ๊กและเครื่องเคียงไม่กี่อย่าง แม้จะดูง่าย ๆ แต่ก็น่ากิน ท้องของอี้หรานร้องขึ้นทันที“หมอแนะนำให้พี่กินอาหารที่ย่อยง่าย” อี้จิ่นหลีกล่าว จากนั้นเขาก็เริ่มวางจานบนโต๊ะข้างเตียงให้เธอถ้าใครได้เห็นฉากนี้ ตาของพวกเขาจะต้องถลนออกมาจากเบ้าแน่นอน นายน้อยอี้ชายที่ถูกเรียกว่าเป็นเจ้าของเมืองเฉิน กำลังดูและผู้หญิงคนหนึ่งแบบนี้หลิงอี้หรานหยิบช้อนส้อมและเริ่มกินอาหาร เมื่อเธอก้มหน้าลงเพื่อรับประทานอาหารผมยาวของเธอก็ร่วงลงระใบหน้าของเธอเกือบจะจุ่มลงโจ๊กขณะที่เธอกำลังจะมองหาที่มัดผม อี้จิ่นหลีก็เร็วกว่าและพูดว่า "ให้ฉันทำเถอะ" ในขณะที่หยิบยางมัดผมและหวีออกมาเมื่อหลิงอี้หรานเห็นโลโก้บนที่มัดผมเธอก็รู้ว่ามันของแบรนด์เนม ก่อนที่เธอจะติดคุก รายได้ของเธอในตอนนั้นสามารถซื้อของชิ้นเล็ก ๆ ของยี่ห้อนี้ได้เธอไม่ได้คิดว่าอี้จิ่นหลีจะใส่ใจในเตรียมของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้“นายมัดเป็นเหรอ?" เธอถาม“ฉันดูพี่มัดทุกวัน ฉันก็เรียนรู้มา" อี้จิ่นหลีตอบเขาหยิบหวีและเริ่มหวีผมก่อนจะมัดด้วยที
”ดูเหมือนว่านักข่าวคนนี้จะไม่รู้ว่าคุณหลิงเคยถูกจำคุกมาก่อนครับ เขารู้แค่ชื่อของเธอและคิดว่าเขาสามารถเขียนข่าวซุบซิบเกี่ยวกับคุณได้" เกาฉงหมิงกล่าวอี้จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชาว่า "สอบปากคำเขาต่อไป ปล่อยเขาเมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการจากเขา แล้วไปหาให้พบว่าใครเป็นคนโพสต์เรื่องในเน็ตแล้วมีใครเห็นบ้าง"“เข้าใจแล้วครับ" เกาฉงหมิงตอบเมื่ออี้จิ่นหลีผลักเปิดประตูเข้าไปในห้อง เขามองหลิงอี้หรานกำลังกินโจ๊ก เขาก็สงสัยว่า นักข่าวรู้เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญ เขาดันไปเจอเรื่องเมื่อคืนเข้า หรือว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไร?หลิงอี้หรานเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าอี้จิ่นหลีมีสีหน้าเคร่งเครียด เธอชะงักไปและจ้องเขาทันใดนั้นกลิ่นอายไม่เป็นมิตรรอบตัวเขาก็หายไป รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาและเขาก็เริ่มทำตัวตามปกติ “มีอะไรล่ะ พี่จ้องฉันทำไมเหรอ?" อี้จิ่นหลีถามเธอส่ายหน้าอย่างประดักประเดิด "ไม่มีอะไรหรอก"ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นหลิงอี้หรานรู้สึกราวกับว่าเธอไม่รู้จักคนตรงหน้า หรือว่า... นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขา รอยยิ้มที่เหมือนฑูตสวรรค์ของเขาอาจเป็นการแกล้งทำก็ได้?…นับตั้งแต่ที่เซียวจื่ออี้
เซียวจื่ออี้แอบซ่อนรอยยิ้มขณะที่เธอปรายตามองผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มที่อยู่หลังผู้อำนวยการ เธอจำได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นไปซื้อของกับหลิงอี้หรานดังนั้นน่าจะเป็นเพื่อนกัน แม้ว่าเธอจะไม่สามารถระบายความแค้นที่มีต่อหลิงอี้หรานได้ แต่เธอก็สามารถเอาไปลงกับเพื่อนแทนได้!เมื่อสายตาของชินเหลียนอีประสานกับเซียวจื่ออี้ เธอก็รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาตามที่คาดไว้ไม่นานหลังจากทานอาหารเย็น เซียวจื่ออี้ก็ดื่มอวยพรกับทุกคน เนื่องจากขาเธอบาดเจ็บทุกคนจึงผลัดกันไปชนแก้วดื่มกับเธอเมื่อชินเหลียนอียกแก้วขึ้น เซียวจื่ออี้จงใจจับมือเหลียนอีแล้วทำให้ไวน์กระเด็นไปโดนเท้าที่ใส่เฝือกเอาไว้เซียวจื่ออี้ด่าว่า "ถึงเธอจะไม่อยากชนแก้วดื่มกับฉัน แต่ก้ไม่ถึงขนาดต้องทำแก้วหล่นใส่เลยนี่ ถ้าไม่อยากให้ฉันมาร่วมกินอาหารด้วยบอกมาดี ๆ ก็ได้ ฉันจะไปเอง"ชินหลียนอีจ้องเซียวจื่ออี้อย่างเย็นชา ผู้อำนวยการยืนอยู่ตรงหน้าเซียวจื่ออี้ทันทีและยืนยันให้ ชินเหลียนอีขอโทษโดยไม่สนใจว่าเป็นความผิดใครกันแน่"เหลียนอี ขอโทษคุณหนูเซียวเดี๋ยวนี้!"“ใช่ เหลียนอี ขอโทษเดี๋ยวนี้!"เพื่อนร่วมงานของเธอพากันบอกทุกคนรู้ว่าเซียวจื่ออี้ตั้งใจหาเรื่องชิ
ชินเหลียนอียืนขึ้นและยกมือขึ้น ทำให้เซียวจื่ออี้ลมลงกระแทกพื้น เก้าอี้ที่เซียวจื่ออี้นั่งอยู่ตอนแรกก็ล้มลงมาทับลงบมเท้าข้างที่บาดเจ็บของเธอเซียวจื่ออี้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทันที เมื่อคนอื่นเห็น พวกเขาก็ไปหาช่วยเธอขึ้นมาทันที“ชินเหลียนอี คุณไม่ต้องการงานนี้แล้วใช่ไหม? คุณปฏิบัติต่อคุณหนูเซียวแบบนี้ได้ยังไง?!" ผู้อำนวยการตำหนิชินเหลียนอีด้วยความโกรธชินเหลียนอีหัวเราะเยาะ “คุณพูดถูก ฉันไม่เอาแล้ว ฉันพอแล้ว ฉันแค่ทำงานเงินเดือนเท่านั้นไม่ได้ขายตัวเองเป็นทาสให้สถาบันวิจัยการออกแบบ ทำไมฉันต้องยอมให้ตัวเองถูกกระทำแบบนี้ด้วยล่ะ?”เซียวจื่ออี้พูดด้วยความโกรธ "เธอคิดว่าลาออกแล้วจะจบอย่างนั้นเหรอ? ฉันจะฟ้องเพราะเธอเจตนาทำให้ฉันบาดเจ็บ!""เอาเลย ฉันจะฟ้องคุณว่าจงใจทำร้ายฉันด้วย! ฉันจะไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเอาไว้เป็นหลักฐานเดี๋ยวนี้เลย" ชินเหลียนอีกล่าวขณะที่เธอโบกมือที่บาดเจ็บต่อหน้าเซียว จื่ออี้ความอวดดีของเซียวจื่ออี้ยิ่งทำให้ซินเหลียนอีโมโห พอไปจัดการกับหลิงอี้หรานไม่ได้ก็มาเล่นงานเพื่อนแทนสินะ?“บอกไว้เลยนะ เธอคิดว่าหลิงอี้หรานช่วยเธอได้เพราะมีอี้จิ่นหลีหนุนหลังอยู่เหรอ เธอคิดว่าเข
เธอไม่อ่อนแรงเหมือนที่เคยเป็นในวันแรก เธอรับโทรศัพท์สายจากญาติทางฝั่งแม่ของเธอเป็นระยะเหตุผลที่พวกเขาโทรมาก็มีทุกอย่าง บางคนขอให้เธอให้อภัยกับลุงของพวกเขาและหวังว่าเธอจะสามารถถอนฟ้อง บางคนถามว่า คนใหญ่โตที่ไหนกันที่ช่วยเธอไปจากตระกูลเฟิงในวันนั้น เพราะมีรถตำรวจจำนวนมากล้อมรอบตระกูลเฟิงอย่างแน่นหนาจนเพื่อนบ้านทุกคนเห็นจากนั้นมีบางคนขอยืมเงินจากหลิงอี้หราน พวกเขาเดาว่าเธอรู้จักคนใหญ่คนโตก็น่าจะมีเงินมากและการมาช่วยญาติ ๆ ก็นับว่าสมเหตุผลหลิงอี้หรานไม่พูดอะไร เพราะเธอเองก็ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของ "จิน" อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่คนเหล่านี้พูด เธอค่อย ๆ ปะติดปะต่อเรื่องที่จินไม่ได้เล่า และได้เข้าใจว่าเธอได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลเฟิงในคืนนั้นอย่างไรหลิงอี้หรานเดินออกจากห้องไปตามทางเดินช้า ๆ เธอพูดกับพยาบาลที่ดูแลเธอว่า "ไม่ต้องตามฉันหรอกค่ะ ฉันอยากเดินไปเอง มีคนคอยตามแล้วมันน่าอึดอัดใจ”พยาบาลยินยอมทำตามบอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะอย่างไรตั้งแต่เช้า หลิงอี้หรานก็เดินไปตามทางเดินหลายครั้งแล้วเมื่อหลิงอี้หรานเดินไปที่ทางออกของบันไดหนีไฟ เธอก็เห็นอี้จิ่นหลี เขายืนอยู
“อันที่จริงฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน" ชินเหลียนอีกล่าว "ฉันเพิ่งเจอกับเซียวจื่ออี้ หล่อนพูดว่าอี้ จิ่นหลีสนับสนุนเธอ หล่อนพูดทำนองว่าเธอคบกับอี้จิ่นหลี แต่ผู้ชายคนเดียวที่อยู่ข้าง ๆ เธอคือ จิน ฉันก็เลยสงสัยว่า ที่จริงแล้วจินคืออี้จิ่นหลีหรือเปล่า? "เพราะอย่างไรลักษณะของจินนั้นก็ดูไม่ใช่คนจรจัด แถมยังไม่มีรูปถ่ายของอี้จิ่นหลีบนอินเทอร์เน็ตเลยด้วย เธอค้นหามาสักพักแล้วและพบเพียงภาพที่ถ่ายจากระยะไกลหรือบางภาพที่ถ่ายจากด้านหลัง ไม่มีภาพใบหน้าของเขาที่ชัดเจนเลยหลิงอี้หรานรู้สึกเพียงว่า เสียงของชินเหลียนอีเบาลง เธอรู้ว่าจินไม่ใช่คนธรรมดา เขาน่าจะร่ำรวยและมีเกียรติมาก เธอยังรู้ว่าเธอและจินเป็นคนจากโลกที่แตกต่างกัน แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจินจะเป็นอี้จิ่นหลีถูกต้องแล้วว่าชื่อทั้งคู่มีตัวจิน ทำไมเธอถึงไม่คิดเรื่องนี้มาก่อนนะจิน... คืออี้จิ่นหลี คนที่เหมือนเงามืดในชีวิตเธอยิ่งกว่าห่าวอี้เหมิงอีกคนอื่น ๆ มักบอกว่า เธอเป็นต้นเหตุให้คู่หมั้นของอี้จิ่นหลีตาย ดังนั้นเธอจึงสมควรที่จะต้องเจ็บปวด พวกเขาทำให้เธอเป็นทุกข์และทนทรมานเพื่อเอาใจอี้จิ่นหลีซึ่งเคยพูดว่า "ปล่อยให้เธออยู่ในคุกไปสักพัก"“อี
“นายนี่สอดรู้น่าดูใช่ไหม?” จิ่นหลีบอก"แล้วทำไมนายไม่พาผู้หญิงคนนั้นมาให้เราได้เห็นบ้างล่ะ? ฉันอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง" เย่ฉงเว่ยแนะในหมู่ของพวกเขา อี้จิ่นหลีมักจะเย็นชาต่อผู้หญิง แม้แต่ตอนที่หมั้นกับห่าวเหมยยวี่ เขาก็ปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชา เขาไม่เคยทุ่มเทเพื่อผู้หญิงขนาดนี้มาก่อน เมื่อเย่ฉงเว่ยได้ยินเรื่องนี้เขาก็ตะลึง ทำให้เขารีบโทรมาถามว่าเรื่องเป็นยังไงแต่อี้จิ่นหลีไม่ค่อยพอใจกับความอยากรู้อยากเห็นของเย่ฉงเว่ย เขาไม่ต้องการให้ผู้ชายคนอื่นอยากรู้เกี่ยวกับเธอ และไม่ต้องการให้เธอพบกับคนเหล่านั้น ที่จริงเขาอยากเก็บเธอไว้ในที่ที่มีแต่เขาที่เห็นเธอ ถ้าเย่ฉงเว่ยและคนอื่น ๆ พบเธอแล้วเกิดมีใครถูกตาต้องใจเธอขึ้นมา…อี้จิ่นหลีรู้ว่าในสายตาของเพื่อน ๆ เขาเป็นคนที่จะมีผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่ต้องการ แต่คำพวกนี้ดันเป็นคำต้องห้ามเมื่อเกี่ยวกับเธอ"ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง มีอะไรให้ดูล่ะ" เขาพูด“แต่ผู้หญิงคนนี้แตกต่างออกไป นายถึงกับทิ้งปู่ของนายตอนวันส่งท้ายปีไปเมืองเล็ก ๆ เพื่อช่วยผู้หญิงคนนี้ " เย่ฉงเว่ยกล่าว “แหม ๆ ฉันไม่เคยเห็นนายสนใจผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน อย่าบอกนะว่า หลงรักเ
ที่ผ่านมาก็เป็นแค่เกม เป็นเกมระหว่างชายร่ำรวยกับสาวยากจนเขากำลังจะบอกตัวตนที่แท้จริงของเขากับเธอและประกาศยุติเกมนี้เมื่อเธอออกจากโรงพยาบาลใช่ไหม? อย่างไรก็ตามท่าทีสงบนิ่งของเธอทำให้ความกลัวในใจของอี้จิ่นหลีรุนแรงขึ้น แม้ว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขารู้สึกว่าทั้งสองคนอยู่ห่างกันมาก“นายคืออี้จิ่นหลีใช่ไหม?” เธอถามเขาเป็นครั้งที่สอง น้ำเสียงยังสงบขณะที่หาคำตอบริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่น ดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันลึกซึ้งของเขาประสานกับดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอ ในที่สุดเขาก็เปิดปากและพูดออกมาคำเดียวว่า "ใช่"หัวใจของหลิงอี้หรานเต็มไปด้วยความขมขื่น ที่จริงเธอเคยค่อนข้างมั่นใจ แต่... เธอยังอยากได้ยินเขาพูดด้วยตัวเอง“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว" หลิงอี้หรานพูดอย่างใจเย็น "คุณอี้ไม่ต้องกังวล ฉันรู้ว่าฉันควรทำยังไง ถ้านี่คือการแก้แค้นของคุณ ฉันคิดว่า... ในหลายวันที่ผ่านมา คุณคงรู้ว่า ฉันไม่มีอะไรเหลือให้คุณได้แก้แค้นแล้ว”เขาหรี่ตาลง แก้แค้นเหรอ? ผู้หญิงคนนี้คิดว่า เขากำลังแก้แค้นให้ห่าวเหมยยวี่เหรอ? เหมยยวี่ไม่มีค่าอะไรให้เขาต้องวุ่นวายขนาดนี้หรอกยิ่งเธอสงบนิ่งมันก็ยิ่งกวนใจเขา ทำไมเขาถึงกลัวน
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ