ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ เมื่อเช้านี้ตอนเธอออกมาเธอยังสบายดี แต่ตอนนี้... เธอกลายเป็นสภาพแบบนี้ ถ้าวันนี้เขามากับเธอ อี้หรานคงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้เมื่อเขาพยายามเข้าใกล้ ตัวเธอก็ยิ่งสั่นมากขึ้นและมือที่เธอใช้จับชิ้นส่วนกระจกก็ยิ่งแน่นขึ้น ทำให้เลือดยิ่งไหลเร็ว“พี่สาวฉันเอง รีบปล่อยมือเถอะ ตอนนี้พี่ปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครจะทำอะไรพี่อีกต่อแล้ว" อี้จิ่นหลี รีบบอกที่ผ่านมาเขาไม่เคยกลัวเลือดแม้ว่าจะมีคนมาเลือดไหลท่วมต่อหน้า แต่ตอนนี้เขากลัวเลือดของเธอ กลัวว่าเธอจะบาดเจ็บหนักขึ้น กลัวว่าเธอจะเสียเลือดมากเกินไปป ความกลัวทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านหลิงอี้หรานชาไร้ความรู้สึก เธอรู้สึกได้เพียงความร้อนรุ่มและความเจ็บปวดเล็กน้อย เธอต้องเจ็บกว่านี้เพื่อจะปกป้องตัวเอง เพื่อไม่ให้ตัวเองหมดสติเธอจะหมดสติไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด เธอรู้สึกโดดเดี่ยว เธอเคยคิดว่าเมื่อเธอได้รับการปล่อยตัวจากคุกเธอจะเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง แต่นี่กลับไม่ต่างจากตอนที่อยู่ในคุก เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้ เธอต้องแบกรับความเจ็บปวดนี้ไว้เพียงลำพัง ...“พี่สาว... พี่... ” มีเสียงกำลังเรียกเธอ นั่นใคร?
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของอี้จิ่นหลีขณะที่เขาอุ้มผู้หญิงคนนั้นไว้ในอ้อมแขน ทุกคนก็บอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญสำหรับเขามาก บรรดาผู้ที่ได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของอี้จิ่นหลี ต่างก็ตะลึงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า คนยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองเฉินมาปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ตอนเช้ามืดเพื่อผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้สร้างฉากใหญ่อลังการเช่นนี้อีกด้วยไม่ว่าเธอจะเป็นใคร เธอได้ก่อให้เกิดคลื่นลมขึ้นในเมืองเฉินแล้ว“ค้นหาว่าใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง แล้วอย่าให้รอดไปได้แม้เเต่คนเดียว" อี้จิ่นหลีกล่าว“ครับท่าน" ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เขาตอบขณะเดียวกันเฟิงไคและภรรยาของเขาที่ตอนนี้กำลังมองลูกชายร้องด้วยความเจ็บปวด รวมถึงตำรวจทั้งหน่วยที่อยู่เต็มสนามบ้านพวกเขา ก็กำลังรู้สึกสิ้นหวัง พวกเขามองลุงทั้งสองของหลิงอี้หรานอย่างเกรี้ยวกราด“ผู้หญิงที่พวกแกพามาให้เรานี่เป็นใครกัน?” คู่สามีภรรยาเฟิงถามอย่างมีโทสะพวกลุงของหลิงอี้หรานซึ่งมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ตอนนี้ก็หน้าซีดเผือดและมองหน้ากัน หลานสาวของพวกเขาเพิ่งออกจากคุกมาได้ไม่ถึงหกเดือนซึ่งเหมือนจะไม่มีที่พึ่งแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีสายสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโต พวกเข
“ประมาณสิบห้านาทีครับ” เกาฉงหมิงกล่าวอาการของหลิงอี้หรานต้องรักษากับโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง ไม่สามารถหาหมอตามคลีนิคเล็ก ๆ ได้ เมื่อรถมาถึงโรงพยาบาล เกาฉงหมิงก็รู้ส่วนผสมของยาที่หลิงอี้หรานได้รับมาเหล่าแพทย์ได้ติดต่อกับพวกเขาในระหว่างทางมาที่นี่ทั้งหมดเป็นแพทย์ที่ได้รับการยอมรับนับถือในสาขาของตน ถ้าใครเห็นการเรียกรวมตัวของหมอพวกนี้ในเวลาอันแสนสั้นก็คงจะตกใจ เพราะสถานการณ์แบบนี้ปกติต้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายทางการแพทย์ แต่คราวนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาต้องให้คำปรึกษาอย่างเร่งด่วนกับผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าราคาถูก“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ เราจะให้ยากล่อมประสาทและปล่อยให้เหงื่อออกจนร่างกายของเธอขับยาออกมาด้วยการเพิ่มน้ำให้ร่างกายเธอ ตราบใดที่ไม่ได้กินยานี้ในปริมาณมากเป็นเวลานานก็จะมีผลกระทบต่อร่างกายไม่นาน” นายแพทย์ชื่อดังคนหนึ่งกล่าว "นอกจากนี้เราจะสั่งจ่ายยาให้เธอในช่วงสามวันต่อไปนี้เพื่อเร่งการเผาผลาญของร่างกาย""งั้นให้ยากล่อมประสาทแก่เธอเร็วเข้า" อี้จิ่นหลีกล่าวยากล่อมประสาทถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของหลิงอี้หราน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็สงบลงราวกับว่าเธอหลับไปเมื่อเห็นเช่นนี้ อี้จิ่นห
”จิน... " เสียงพึมพำดังออกมาจากปากของเธอและราวกับว่าค้อนหนักหนึ่งหมื่นปอนด์กำลังกระแทกเข้ามาในหัวใจของเขาเธอเงยหน้าขึ้นและมีรอยยิ้มอ่อนหลานบนใบหน้างดงามของเธอ ริมฝีปากนุ่มของเธอเข้ามาใกล้เขาและเธอก็จูบเขาอย่างลึกซึ้งเขามองเธออย่างตะลึง เขาสามารถหลบจูบนี้ได้อย่างง่ายดาย เขารู้ว่าเธอทำไปเพียงเพราะอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยาแต่... เขากลับทำไม่ได้เขาไม่สามารถทำให้ตัวเองปฏิเสธจูบนี้ได้ เมื่อเธอจูบเขาเขารู้สึกเหมือนตกอยู่ใต้มนต์สะกดจากนั้นเธอก็ยังคงกดจูบให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อปลายลิ้นของเธอแทรกเข้ามาในปาก ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ แต่เขาก็เผยอปากและปล่อยให้เธอทำตามที่เธอต้องการเธอคงเป็นคนเดียวที่เขายอมให้ทำแบบนี้กับเขาเลือดในร่างกายของเขาดูเหมือนจะเดือดพล่าน เขาเป็นคนเย็นชามาโดยตลอด แม้ว่าจะมีผู้หญิงเข้ามาใกล้เขา แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้ แต่เธอแตกต่างออกไปจูบของเธอ ลมหายใจของเธอและทุกสัมผัสจากนิ้วของเธอทำให้เขาลุ่มหลงมากขึ้นเรื่อย ๆสุดท้ายเธอพูดด้วยเสียงแหบพร่า “จิน มันอึดอัดจัง... อึดอัดจังเลย... ”ทันใดนั้นเขาก็กลับมามีสติสัมปชัญญะ ตอนนี้เขาเกือบจะล่วงเกืนเธอไปแล้ว! เมื่อ
ห่าวอี้เหมิงถามเขาอีกหลายข้อ แต่ละคำถามยิ่งทำให้หน้าของเซียวจื่อฉีซีดเผือด เขาได้แต่เงียบตอบอะไรไม่ได้ และเขาก็กลัวว่าอี้เหมิงอาจจะเข้าใจผิด"อี้เหมิง บางเรื่องถึงผมอยากตอบแต่ก็ตอบไม่ได้" เซียวจื่อฉีสูดหายใจลึกห่าวอี้เหมิงจ้องเซียวจื่อฉีและถามว่า “อาการบาดเจ็บของจื่ออี้เกี่ยวข้องกับหลิงอี้หรานหรือเปล่า?”เซียวจื่อฉีมองคู่หมั้นอย่างประหลาดใจ เขาพูดอะไรไม่ออก สีหน้าของเขาทำให้เธอรู้ว่าตัวเองเดาถูกแล้ว“มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอจริง ๆ ด้วยสินะ อย่าบอกนะว่าหลิงอี้หรานได้รู้จักกับคนบางคนที่มีอิทธิพลตอนอยู่ในคุก?” ห่าวอี้เหมิงเดาต่อไปก่อนที่เซียวจื่อฉีจะตอบ ก็มีเสียงดังขึ้น “สรุปว่าที่ฉันได้รับบาดเจ็บเพราะหลิงอี้หรานสินะ”เซียวจื่ออี้เดินกะเผลกเข้ามา เดิมทีเธอแค่ต้องการเรียกพี่ชายของเธอและอี้เหมิงให้กลับไปที่ห้องโถงใหญ่และไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องนี้เมื่อพูดถึงการได้รับบาดเจ็บ เธอรู้สึกหดหู่ใจมาก เท้าของเธอหักและเธอได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากในโรงพยาบาล แถมยังกลายเป็นเรื่องตลกในหมู่เพื่อนของเธอ ที่สำคัญเธอยังไม่สามารถไปร่วมงานหมั้นของพี่ชายได้อีกด้วยเธอเก็บกักโทสะไว้ เธอโกรธมากเมื
เซียวจื่ออี้เกือบเป็นลมเธอไม่ได้คาดคิดว่าเหตุผลที่ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ นั่นคือ อี้จิ่นหลีต้องการแก้แค้นแทนหลิงอี้หราน ทำไมถึงเป็นหลิงอี้หราน?!ในอดีตห่าวเหมยยวี่เคยมีชื่อเสียงเรื่องความงาม! ส่วนหลิงอี้หรานนั้น... แม้ว่าเซียวจื่อฉีจะยอมรับว่าหลิงอี้หรานเป็นผู้หญิงหน้าตาดี แต่หลังจากถูกจำคุกสามปีแถมตอนนี้เธอก็เป็นแค่คนกวาดถนน เธอจะสวยแค่ไหนกันเชียว?อี้จิ่นหลีที่เคยชินกับสาวสวย ๆ เขาสนใจหลิงอี้หรานได้อย่างไร?!“เพราะอย่างนั้นอย่าไปสร้างปัญหาให้กับหลิงอี้หรานอีก” เซียวจื่อฉีเตือนน้องสาว "อีกอย่างเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่าพูดกับใครแม้แต่กับพ่อแม่ อี้จิ่นหลีไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ ที่ฉันหลุดปากบอกเธอวันนี้ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่”เซียวจื่ออี้หยุดพูด ถ้าเป็นคนอื่นเธอก็ยังหาทางแก้แค้นได้ แต่ถ้าเป็นอี้จิ่นหลี... ถ้าเธอยั่วยุเขาละก็ แม้แต่ตระกูลเซียวอาจไม่สามารถอยู่ในเมืองเฉินได้อีกต่อไปคนผู้นั้น... บางคนบอกว่าเขาเป็นราชาแห่งเมืองเฉิน บางคนบอกว่าเขาเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามในโลกธุรกิจและบางคนก็บอกว่าเขาเป็นคนบ้า…ว่ากันว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เซียวจื่อฉีก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เขามองไปที่ห่าวอี้เหมิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาตอนนี้ครอบครัวเซียวและครอบครัวห่าวอยู่ในเรือลำเดียวกัน ถึงแม้อี้จิ่นหลีจะสนใจหลิงอี้หรานตอนนี้ แต่เขาก็จะไม่... ลงมือกับทั้งสองครอบครัวเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งหรอกกระมังท้ายที่สุดแล้วการที่หลิงอี้หรานลงเอยในสภาพนั้นในตอนนั้นเป็นความผิดของเธอเองใช่ไหม?…หลิงอี้หรานรู้สึกว่าเธอตื่นขึ้นจากความฝันอันแสนยาวนานในความฝันเธอรู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในคุก ไม่ว่าเธอจะพยายามหลบหนีหรือร้องขอความเมตตาเพียงใด เธอก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากความทรมานนี้ไปได้ความหนาวเข้ากระดูก น้ำที่สกปรกโสโครก การถูกซ้อม คนที่ทำร้ายทรมานเธอพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า "ดูสิเธอเป็นทนายความที่ยอดเยี่ยมมีปัญญา แต่ตอนนี้เธอก็เหมือนกับเรา ต้องมาจบในคุก พวกเรายังซ้อมคนได้แต่เธอทำได้แค่โดนซ้อมเท่านั้น”เธอต้องทนกับความทุกข์ทั้งหมดนี้นานแค่ไหน? ทำไม... ทำไมเธอต้องเจ็บปวดขนาดนี้ในเมื่อเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย?"หลิงอี้หราน เธอรู้ไหมว่าอะไรคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของเธอ? เธอไม่ควรไปทำให้คนใหญ่คนโตในเมืองเฉินขุ่นเคืองไง"“หลิงอี้หราน
”แต่... ชุดของนาย ... "ตอนนั้นเองเขาถึงรู้ตัวว่าเขายังใส่ชุดเดียวกับที่เขาใส่เมื่อวันก่อนตอนที่ไปทานอาหารค่ำกับปู่ของเขา หากว่าเป็นจินก็ไม่มีทางที่จะซื้อหาเสื้อผ้าแบบนี้มาใส่ได้แน่ แต่หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาก็ไม่คิดจะปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตนอีกต่อไป เพราะยังไงท้ายที่สุดเขาก็ต้องบอกเธอสักวัน ก็เพียงแค่บอกเร็วขึ้นเท่านั้น และเมื่อเธอได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา เขาก็จะปกป้องเธอได้ง่ายขึ้น“ถึงจะแต่งตัวต่างออกไป ฉันก็ยังเป็นจินอยู่ใช่ไหม?” เขาถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ พร้อมมองเธอในขณะนั้น แม้ว่าหลิงอี้หรานจะเป็นคนโง่แต่เธอก็สามารถรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอตระหนักว่ามีบางสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่เธอคิดไว้“นายไม่ใช่คนจรจัดเหรอ?”“ไม่ใช่" เขาสารภาพ“แล้ว... ทำไมมาแกล้งเป็นคนเร่ร่อนด้วย?” เธอรู้สึกว่าถูกหลอกและจ้องมองเขา สองมือของเธอกำผ้าปูที่นอนแน่น นิ้วของเธอสั่นเล็กน้อยน้องชายที่เธอคิดว่าไร้เดียงสาและไม่มีใครให้พึ่งพากลับไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด ตั้งแต่ต้นจนจบเธอหลอกตัวเอง เหมือนอย่างที่เหลียนอีพูดว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย แต่ก็รีบพาเขากลับบ้านมาด้วย ถ้าเขาไม่ใช
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ