อีกทั้งวันนี้ฮองเฮาไปที่ตำหนักของอวิ๋นไท่เฟย เหมือนกับไปเพื่อนางเช่นกัน วันนี้นางได้เห็นทักษะการแสดงความฮองเฮาและอวิ๋นไท่เฟย รู้ว่าสตรีในวังมีโฉมหน้ามากมาย วาจาจากปากของพวกนางล้วนเชื่อถือไม่ได้ ต้องดูว่าภายภาคหน้าพวกนางจะกระทำอย่างไรตอนนี้นางไม่เข้าใจความคิดของฮองเฮา แต่นางรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ย่อมต้องเผยให้เห็นเบาะแสบางอย่าง แต่วันนี้อวิ๋นไท่เฟยทำให้ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจมากตอนที่อวิ๋นไท่เฟยต่อกรกับฮองเฮา ท่าทีของนางเปลี่ยนไปทั้งหมดก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่คิดว่าอวิ๋นไท่เฟยอารมณ์ร้าย อาจจะเป็นคนที่ใสซื่อไร้สมอง ทว่าบัดนี้รู้แล้วว่านางไม่ใช่คนอารมณ์ร้าย แต่ว่านางเลือกปฏิบัตินอกจากนี้คนโง่งมไร้สมองที่แท้จริงไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ดีมีสุขในสถานที่อย่างวังหลวงได้อวิ๋นไท่เฟยคร้านจะเสแสร้งต่อหน้านาง อย่าว่าแต่ความรักของมารดาเลย แม้แต่ความอดทนสักนิดเดียวก็ไม่ยินดีมอบให้นางและท่าทีของอวิ๋นไท่เฟยที่มีต่อนางก็ไม่เหมือมารดากับบุตรสาว แต่เหมือนศัตรูมากกว่าซือเจ๋อเยว่หวนนึกถึงพวกคำพูดที่อวิ๋นไท่เฟยถามนามอีกครั้ง แววตาของนางก็เย็นชาลงมีหลายเรื่องที่นางสามารถยืนยันได้ประการแรก
ซือเจ๋อเยว่นึกถึงคำพูดของอวิ๋นไท่เฟย แล้วถามเขาไปตรง ๆ ว่า “อวิ๋นไท่เฟยมีความแค้นกับจวนเยียนอ๋องใช่หรือไม่?” เยียนเซียวหรานตอบว่า “ไม่ถือว่ามีความแค้น ข้ารู้เพียงว่าจวนเยียนอ๋องกับจวนหนิงกั๋วกงไม่ค่อยลงรอยกันมาตลอด”“ส่วนสาเหตุไม่ค่อยชัดเจน ข้าแค่บังเอิญเคยได้ยินเสด็จแม่พูดถึง ตอนที่อดีตฮ่องเต้อภิเษกสมรสกับอวิ๋นไท่เฟยในปีนั้น เสด็จพ่อไม่ค่อยเห็นด้วยนัก” “ตอนแรกอดีตฮ่องเต้เคยลังเล สุดท้ายแม้ว่าอภิเษกสมรสกับอวิ๋นไท่เฟย แต่ก็มีความบาดหมางเกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ นางจึงแค้นจวนเยียนอ๋องอยู่บ้าง”เขาเป็นบุรุษ ไม่สนใจเรื่องซุบซิบนินทาพวกนี้เลย เพียงแต่ว่าเขามีความจำดี ฟังครั้งเดียวก็จำได้แล้ว เขาเองก็ไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้มาก่อน เวลานี้ซือเจ๋อเยว่ถามขึ้น เขาก็บอกสิ่งที่เขารู้ให้ฟัง ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าเยียนอ๋องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอดีตฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อย่างยิ่ง บรรดาศักดิ์เยียนอ๋องก็ได้รับพระราชทานมาจากอดีตฮ่องเต้แต่ไม่รู้ว่าตอนที่พวกเขายังหนุ่ม เยียนอ๋องยังมีสิทธิออกเสียงเกี่ยวกับเรื่องใหญ่อย่างการอภิเษกสมรสของอดีตฮ่องเต้ได้ด้วยนางประหลาดใจมาก “เสด็จพ่อของเจ้ากับเสด็จพ่อของข้าสนิ
นางลอบด่าในใจว่าตนเองไม่ใช่คน ปีนั้นนางถูกท่านอาจารย์สามยุยงล่อลวงให้ลงมือกับคนเช่นนี้ บาปกรรมหนักหนาจริง ๆนางกระแอมไอเบา ๆ ทีหนึ่งและกล่าวว่า “ข้าเองก็ชอบจวนเยียนอ๋องมาก ชอบท่านย่ากับท่านแม่ ชอบเหนียนเหนียนกับซุ่ยซุ่ย และก็ชอบจือเซี่ยกับซิ่วเอ๋อร์ด้วย”“มีพวกเจ้าเป็นญาติของข้า ข้ามีความสุขมาก!” เยียนเซียวหรานฟังนางเอ่ยชื่อทุกคนในจวนอ๋อง แต่ไม่ได้เอ่ยถึงเขาเลย เขารู้ว่านางทำแบบนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา บุรุษสตรีอย่างพวกเขามีความแตกต่าง เมื่อเอ่ยคำว่าชอบนี้ออกมาแล้ว จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย เพียงแต่เขารู้ดีแก่ใจ เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ ในใจกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่อยู่ทว่าดวงหน้าของเขากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย สีหน้าท่าทางดูเรียบนิ่งอย่างยิ่ง “ไปเถิด กลับบ้านกัน!” ซือเจ๋อเยว่ยิ้มพลางตอบรับ แต่พอเห็นว่ามีขนมขายอยู่ข้างทาง นางก็รีบวิ่งไปซื้อทันทีนางไม่ถือว่าเป็นคนที่สุขุม เนื่องจากชะตาชีวิตที่จะต้องจากไปก่อนวัยอันควร นางจึงยึดมั่นกับการมีความสุขอยู่กับปัจจุบันมาโดยตลอด ดังนั้นนางจึงมีความสุขอยู่ทุก ๆ วันเยียนเซียวหรานมองนางพลางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อ
เยียนเซียวหรานตอบว่า “ตอนที่พระองค์เสนอขึ้นมา ข้าก็รับคำสั่งและขอบพระทัย”เหล่าไท่จวินผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “เจ้าทำได้ดี” “จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่องแบบนี้ เจ้าควรแสดงออกว่าตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อจริงๆ”“เจ้าเข่นฆ่านักฆ่าเหล่านั้นจนตายกันไปข้างได้ แต่เจ้าไม่อาจแสดงออกว่ามีแผนการและความกล้าหาญมากเกินไปได้”“ปกติแล้ว เจ้าต้องอยู่ไว้ทุกข์หน้าสุสานเสด็จพ่อของเจ้าอย่างน้อยสี่สิบเก้าวัน เจ้าไว้ทุกข์ไม่ครบ ถึงแม้จะมีเหตุผล แต่ก็ถือว่าเป็นความอกตัญญู”“ตามบรรทัดฐานในเมืองหลวง ภายภาคหน้าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องที่ให้เหล่าผู้สูงศักดิ์นำมาล้อเลียน” “หลานทราบดี” เยียนเซียวหรานเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง “นี่ถือว่าเป็นจุดอ่อนที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก วันหน้าจะถูกคนหยิบมาวิพากษ์วิจารณ์ได้”“บัดนี้จวนเยียนอ๋องต้องการจุดอ่อนที่ไม่สลักสำคัญเล็กน้อยให้คนในเมืองหลวง ทำให้พวกเขาคิดว่าข้าตกใจกลัวจนขวัญเสีย”เหล่าไท่จวินฟังคำพูดของเขาแล้วถอนหายใจเบา ๆ “เจ้าต้องควบคุมมันไว้ให้พอดี” “ไม่อาจโอ้อวดความสามารถ และไม่อาจให้ผู้อื่นคิดว่าสามารถรังแกจวนอ๋องได้” “เจ้าเป็นบุรุษเพียงหนึ่งเดียวของจวนเยียนอ๋อง หากเจ้าย
เหล่าไท่จวินกับเยียนเซียวหรานมองมาที่นางพร้อมกัน นางจึงตระหนักได้ว่าดูเหมือนนางจะด่าแม้กระทั่งตนเองด้วยนางรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย จึงกระแอมไอเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่อาจนับว่าเป็นสายเลือดเดียวกับพวกเขาได้ ถึงอย่างไรข้าก็เติบโตในอารามเต๋ามาตั้งแต่เด็ก ไม่มีความสัมพันธ์กับพวกเขามานานแล้ว”เหล่าไท่จวินหลุดหัวเราะ “องค์หญิงกล่าวถูกต้อง”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าเหวยอิ้งหวนได้รับพระบัญชาให้สืบสวนเรื่องเยียนเซียวหรานถูกล้อมสังหาร มีคนเก็บกวาดศพทั้งหมดในคืนนั้นจนหมดเกลี้ยง เขาจึงสืบหาสาเหตุไม่เจอในระยะเวลาสั้น ๆผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะต้องเก็บกวาดทุกอย่างให้สะอาดเรียบร้อยตั้งแต่ต้นจนจบแล้วอย่างแน่อน ฮ่องเต้เจาหมิงให้เขาไปสืบเรื่องนี้เพื่อแสดงให้เห็นที่ท่าทีของพระองค์ คนที่เล่นลูกไม้อยู่เบื้องหลังเหล่านั้นจะได้ไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือชั่วคราว ช่วงเวลาต่อจากนี้ จวนเยียนอ๋องน่าจะปลอดภัยพอสมควร เหล่าไท่จวินปิดประตูจวนอ๋องโดยอาศัยข้ออ้างว่าไว้ทุกข์ ส่งคนไปแจ้งข่าวให้กับคนที่สนิทสนมกับจวนอ๋องว่าจะไม่เข้าร่วมงานชุมนุมใด ๆ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาปรึกษาหารือกันไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้นำมาใช้อย่างเป็นท
เหล่าไท่จวินกวักมือให้ซือเจ๋อเยว่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยแนะนำว่า “นี่คือองค์หญิงเจ๋อเยว่”จ้าวซือหว่านลุกขึ้นมาทำความเคารพอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย “ถวายบังคมองค์หญิงเพคะ”นับตั้งแต่ที่ซือเจ๋อเยว่กลับมายังเมืองหลวง แม้จะได้ชื่อว่าเป็นองค์หญิง แต่น้อยมากที่จะมีคนคารวะนางด้วยความเคารพถึงเพียงนี้นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้แม่นางจ้าวมาเพราะเรื่องถอนหมั้นหรือ?” จ้าวซือหว่านทำความเคารพเหล่าไท่จวินกับพระชายาเยียนอ๋อง ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ว่า “งานฝังพระศพท่านอ๋องครั้งก่อน เดิมทีข้าคิดจะมาเจ้าค่ะ” “ท่านพ่อบอกว่าข้าเป็นสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานไม่เหมาะที่จะแสดงตัวต่อหน้าสาธารณะ เขามาที่จวนอ๋องเพื่อไปส่งท่านอ๋องเป็นครั้งสุดท้ายก็พอแล้ว” “แต่ข้าไม่ทราบว่าวันนั้นเขาจะก่อเรื่องขนาดนั้นในจวนอ๋อง ข้าจึงมาที่นี่เพื่อขออภัยเหล่าไท่จวินกับพระชายาเจ้าค่ะ” เหล่าไท่จวินกับพระชายาเยียนอ๋องมองมาที่นางโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ นางจึงกล่าวต่ออีกว่า “วันนี้ข้าไม่ได้มาที่จวนอ๋องเพื่อถอนหมั้น แต่มาหารือเรื่องการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้” “ข้ารู้ว่าคุณชายสามต้องไว้ทุกข์ให้ท่านอ๋องสามปี ข้ายินดีรอสามปีเจ้าค่ะ
พระชายาเยียนอ๋องถอนหายใจเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “แต่เซียวเอ๋อร์ต้องไว้ทุกข์ หากพวกเจ้าจะแต่งงานกัน อย่างน้อยต้องรออีกสามปี” “แต่ช่วงวัยสาวของสตรีช่างสั้นนัก ให้เจ้ารออีกสามปี...”“ข้ายินดีเจ้าค่ะ!” จ้าวซือหว่านเอ่ยเสียงดัง “อย่าว่าแต่สามปีเลย ต่อให้สามสิบปีข้าก็ยินดีรอ”พระชายาเยียนอ๋องเอ่ยด้วยความปลาบปลื้มมากว่า “เด็กดี ทำให้เจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว”จ้าวซือหว่านยิ้มน้อย ๆ ดวงตาแฝงไปด้วยความอ่อนโยน ราวกับว่าการได้แต่งงานกับเยียนเซียวหรานเป็นความโชคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางจริง ๆซือเจ๋อเยว่ปรบมือกล่าวว่า “แม่นางจ้าวช่างมีคุณธรรมอย่างยิ่ง! ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจแม่นางจ้าวผิดไปแล้ว”บรรยากาศภายในโถงบุปผาเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายขึ้นมาทันที ทุกคนกล่าวชมเชยจ้าวซือหว่านไม่หยุด แต่นางกลับแย้มยิ้มอย่างสง่างามและเขินอายอยู่ตลอดซือเจ๋อเยว่มองอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นมาเป็นครั้งคราวไม่กี่ประโยค เรื่องที่จวนเยียนอ๋องกับจวนจ้าวพูดคุยว่าจะถอนหมั้นก่อนหน้านี้ก็ถือว่าให้มันผ่านไป เมื่อจ้าวซือหว่านออกจากจวนเยียนอ๋องมานั่งบนรถม้า ก็มีมือข้างหนึ่งดึงนางเข้าไปในรถม้า นางอุทานเบา ๆ หลังจากนั้นก็ล้มลง
เพียงแต่ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าคำพูดที่ทำให้เสียบรรยากาศเช่นนี้ หากนางเอ่ยออกมาตอนนี้คงจะทำลายบรรยากาศจริง ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระหว่างนางกับเยียนเซียวหรานยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจเปิดเผยต่อผู้ใดได้ ทำให้นางร้อนตัว เหล่าไท่จวินมองเรื่องราวลึกซึ้งกว่าพระชายาเยียนอ๋องเล็กน้อย “เรื่องนี้ต้องคอยดูกันต่อไปแล้วค่อยว่ากันอีกที”“หากจ้าวซือหว่านยินดีรอเซียวเอ๋อร์สามปีจริง ๆ หลังจากที่นางแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องแล้ว พวกเราต้องปฏิบัติต่อนางให้ดี ๆ”พระชายาเยียนอ๋องเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ท่านแม่ก็เห็นแล้ว นางรักมั่นต่อเซียวเอ๋อร์นะเจ้าคะ”“หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน จะต้องเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กันดี ไม่นานก็จะมีทายาทให้จวนเยียนอ๋องได้”เหล่าไท่จวินดับฝันของนาง “ต่อให้พวกเขาจะแต่งงานกันก็ยังต้องรออีกสามปีให้หลัง ภายภาคหน้าไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอื่นหรือไม่” พระชายาเยียนอ๋องเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “ซือหว่านรักมั่นต่อเซียวเอ๋อร์ถึงเพียงนี้ บางทีเรื่องอื่น ๆ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่เรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแน่นอนเจ้าค่ะ”“เพียงแต่ว่ายังต้องรออีกสามปี ทำให้ซือหว่านไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ” เ
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ