เหวยอิ้งหวนส่งเสียงหึเบา ๆ "ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ นี่ไม่ใช่เพราะถูกพวกนางลากลงน้ำหรือ?""ตั้งแต่เจอองค์หญิงซือเจ๋อเยว่ ข้าก็รู้สึกว่าโลกนี้มันแปลก ๆ ""ประเดี๋ยวข้าจะไปหาพระในวัดเป้ากั๋วเพื่อขอยันต์กันสิ่งชั่วร้าย อยู่ห่างจากพวกเจ้าเสียหน่อย"เยียนเซียวหรานมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ เขาจึงถามขึ้น "เจ้ามองข้าเช่นนี้ด้วยเหตุใด?"เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเรียบ "คดีของจวนเยียนอ๋องยังไม่จบสมบูรณ์ เราน่าจะมีโอกาสเจอใต้เท้าเหวยอีกหลายครั้ง"เหวยอิ้งหวน "..."เขาเสียงหึเบา ๆ ไม่เอ่ยอันใดเดิมเขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายของสายตาเยียนเซียวหรานนัก แต่เมื่อเขาเห็นศพของจ้าวซือหว่าน เขาก็เริ่มเข้าใจศพนั้นถูกเผาจนไหม้ดำไปทั้งตัว ดูแล้วไม่ธรรมดาเหวยอิ้งหวนตรวจสอบสักพักแล้วเอ่ยถาม "นางถูกสายฟ้าฟาดตาย?"เยียนเซียวหรานพยักหน้า "ใช่ ข้าเห็นกับตา"เหวยอิ้งหวนขมวดคิ้ว "วันนี้อากาศแจ่มใส หมื่นลี้นี้ไม่มีเมฆฝน สายฟ้ามาจากที่ใด?"เยียนเซียวหรานตอบ "ข้าได้ยินมาว่าที่ใดมีปีศาจปรากฏ เทพสวรรค์จะส่งสายฟ้าลง จงใจขจัดปีศาจ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านให้ปลอดภัย"เหวยอิ้งหวนมองเขา "หากข้าจำไม่ผิดแล้วล
เจ้าอาวาสมองไปรอบ ๆ ตาเปี่ยมไปด้วยความตกใจ "นี่คือค่ายกลรวมพลังชั่วร้าย สามารถรวบรวมพลังที่ชั่วร้ายได้ นับว่าชั่วร้ายอย่างยิ่ง!"เหวยอิ้งหวนถามต่อ "ค่ายกลรวมพลังชั่วร้ายเป็นค่ายกลของพุทธหรือลัทธิเต๋า?"เจ้าอาวาสลังเลเล็กน้อยแต่ก็ตอบ "เป็นของพุทธ""แต่เป็นเพราะค่ายกลนี้ชั่วร้ายเกินไป จัดว่าเป็นค่ายกลต้องห้ามของพุทธ""ปัจจุบันในวัดเป้ากั๋ว ไม่มีผู้ใดใช้ค่ายกลนี้ได้""แม้แต่ข้าเอง ก็แค่บังเอิญเห็นในตำราเท่านั้น"เหวยอิ้งหวนขมวดคิ้วเข้มกว่าเดิมทว่าในตาของเยียนเซียวหรานกลับมีความคิดบางอย่าง จ้าวซือหว่านเป็นแค่เป็นหญิงสาวในห้องหอ จะไปร่ำเรียนค่ายกลชั่วร้ายเช่นนี้มาจากที่ใด?อีกอย่าง เหตุใดจ้าวซือหว่านต้องสังหารเขา? แล้วนางจะเอาโชคของเขาไปให้ผู้ใด?เหตุใดจ้าวซือหว่านต้องมุ่งร้ายต่อจวนเยียนอ๋องเพียงนี้? เรื่องของจวนเยียนอ๋องครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับนางอย่างไร?ที่นี่มีปริศนามากมาย แต่เพราะยันต์ห้าอัสนีบาตของเยียนเหนียนเหนียนทำให้จ้าวซือหว่านถูกสายฟ้าผ่าตาย ทุกอย่างจึงกลายเป็นปริศนาทางนั้นซือเจ๋อเยว่กลับเสวนาเรื่องไร้สาระกับฮูหยินเหวยในห้องฌานนิสัยของซือเจ๋อเยว่เดิมทีก็เป็นคนที่สนุก
“ดวงชะตาขององค์หญิง ข้าได้ฟังมาบ้างแล้วเช่นกัน ค่อนข้างคู่ควรกับหวนเอ๋อร์เพคะ”นางพูดมาถึงตรงนี้ก็จ้องมองซือเจ๋อเยว่ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระยับทั้งสองข้าง “หากองค์หญิงทรงมีความคิดเรื่องแต่งงานใหม่ ทรงพิจารณาหวนเอ๋อร์ดูนะเพคะ”ซือเจ๋อเยว่ “...”คำพูดประโยคนี้ของฮูหยินเหวยค่อนข้างตรงไปตรงมา ถึงแม้ว่าซือเจ๋อเยว่จะไม่รู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ยังรู้สึกแปลก ๆตัวตนของนาง ในราชสำนักเดิมทีก็มีความน่าอึดอัดอยู่บ้าง เมื่อทอดสายตามองในราชสำนัก มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าแต่งงานกับนางนางขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงของพระชายาเยียนอ๋องดงลอยมา “องค์หญิง ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”ฮูหยินเหวยเห็นพระชายาเยียนอ๋องที่ยืนอยู่บริเวณไม่ไกล นางรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เกรงว่าพระชายาเยียนอ๋อง จะได้ยินบทสนทนาของพวกนางเมื่อครู่นี้เข้าความรู้สึกของการถูกจับได้คาหนังคาเขาว่าแย่งลูกสะใภ้ของคนอื่นแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างนางรีบทำความเคารพ จากนั้นกล่าว “ข้าขอไปแก้บนที่พระอุโบสถก่อน ขอทูลลาเพคะ”พระชายาเยียนอ๋องพยักหน้าเล็กน้อยทีหนึ่ง “เชิญฮูหยินเฒ่า”ฮูหยินเหวยเดินออกไปอย่างรวดเร็วทันทีท
ซือเจ๋อเยว่ปลอบโยนนาง “เสด็จแม่อย่าได้ร้อนใจ เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหนทางแก้ไขเลย”“วันนี้จ้าวซือหว่านล้มเหลว ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนางจะต้องร้อนใจแน่”“พวกเราสามารถอาศัยความคิดนี้ของคนคนนั้น ตามรอยไปสืบดู ตามหาตัวคนผู้นั้นออกมา จากนั้นหาหนทางทำลายค่ายกลนั่น”พระชายาเยียนอ๋องไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าในเวลานี้ซือเจ๋อเยว่จะอธิบายเรื่องราวอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม ในใจของนางยังคงร้อนรนเช่นเดิมซือเจ๋อเยว่ไม่ได้กล่าวโน้มน้าวพระชายาเยียนอ๋องอีกตลอดหลายปีที่ผ่านมา พระชายาเยียนอ๋องถูกเหล่าไท่จวินปกป้องเอาไว้ดีเกินไป จนแบกรับปัญหาไม่ไหวจวนเยียนอ๋องในเวลานี้ แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง พระชายาเยียนอ๋องไม่สามารถเป็นคนที่แบกรับปัญหาไม่ได้เหมือนดังเช่นเมื่อก่อนอีกแล้วนางเพียงกล่าวเสียงเบา “วิธีการทำลายคนบนโลกไปนี้มากมายนัก บางวิธีก็โหดเหี้ยมและอำมหิต”“ครั้งนี้จ้าวซือหว่านยืมมือเสด็จแม่ เกือบจะสังหารน้องสาม ต่อไปเสด็จแม่จะทำอะไรก็จะต้องระวังให้มากขึ้นอีกหน่อย อย่าเปิดโอกาสให้คนอื่นอีก”พระชายาเยียนอ๋องกำหมัดแน่นกล่าว “ต่อไปข้าทำอะไรจะระวังให้มาก ไม่มีทางเชื่อใจผู้ใดง
วัน ๆ เขาเอาแต่ทำหน้าเย็นชา ทั้งยังคบค้าสมาคมกับคนตายตลอดทั้งปี ท่าทางดูค่อนข้างเย็นชา จ้าวอวี่ชุนจึงรู้สึกหวาดกลัวเขาเล็กน้อยเขายื่นมือออกไปชี้เยียนเซียวหราน กล่าว “ซือหว่านตายเพราะจวนเยียนอ๋อง”“ไม่ว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงของนางจะเป็นอะไร จวนเยียนอ๋องจะเป็นต้องชดใช้!”ในเวลานี้นับว่าเขาสงบสติอารมณ์ลงบ้างแล้ว จ้าวซือหว่านก็ตายไปแล้ว ในเวลาแบบนี้ เขาจำต้องต่อสู้เพื่อผลประโยชน์บางอย่างของตัวเองซือเจ๋อเยว่กล่าวพร้อมยิ้มร่า “หากแม่นางจ้าวตายเพราะจวนเยียนอ๋องจริง จวนเยียนอ๋องย่อมไม่มีทางนั่งดูอยู่เฉยๆ เป็นแน่”เหวยอิ้งหวนหันหน้าไปมองนางแวบหนึ่ง ฟังจากคำพูดของนางยังมีประโยคหลังอีก เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นพระชายาเยียนอ๋องก้าวออกมาพูดเสริมอีกครึ่งประโยคหลังที่ซือเจ๋อเยว่ไม่ได้พูดออกมา “จวนเยียนอ๋องไม่เคยปฏิบัติต่อแม่นางจ้าวอย่างไม่ยุติธรรม”“หากนางตายเพราะมีเจตนาไม่ซื่อสัตย์ รนหาที่ตายเอง เช่นนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนเยียนอ๋อง”จ้าวอวี่ชุนกล่าวด้วยความโมโห “หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าซือหว่านมีเจตนาไม่ซื่อสัตย์? พระชายาเยียนอ๋อง เหตุใดท่านจึงกล่าวอย่างไม่มีมโนธรรมเช่นนี้
พระชายาเยียนอ๋องหันหน้าไปมองเหล่าไท่จวินด้วยดวงตาแดงก่ำ เช็ดน้ำตาอีกครั้งเหล่าไท่จวินถอนหายใจทีหนึ่งแล้วกล่าว “บัดนี้เจ้าเป็นนายหญิงผู้ดูแลจวนอ๋อง มีเรื่องราวมากมายจำเป็นต้องให้เจ้าตัดสินใจ”“ข้าไม่ขอให้เจ้าสามารถประคับประคองจวนเยียนอ๋องได้ แต่เจ้าก็ไม่ควรกลายเป็นภาระของบรรดาลูกๆ”“ครั้งนี้ที่จ้าวซือหว่านมีโอกาสทำร้ายเซียวเอ๋อร์ สุดท้ายก็เป็นเพราะเจ้าตัดสินใจเอง”“ก่อนหน้านี้องค์หญิงก็เคยเตือนเจ้า บอกว่าจ้าวซือหว่านมีปัญหา แต่เจ้ากลับไม่เอามาใส่ใจเลยสักนิด”“หลังจากที่ท่านอ๋องจากไป เดิมทีเซียวเอ๋อร์ก็ต้องไว้ทุกข์เป็นเวลาสามปี สามปีนี้จวนอ๋องไม่ควรมีงานแต่งงาน”“เมื่อวานนี้ข้าก็เตือนเจ้าเช่นกัน จ้าวซือหว่านตามไปที่วัดเป้ากั๋วนั้นไม่เหมาะสม เจ้ากลับไม่ฟัง ยืนกรานที่จะให้เซียวเอ๋อร์กับจ้าวซือหว่านพัฒนาความสัมพันธ์กัน”“หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงเตรียมการตั้งแต่เนิ่น ๆ วันนี้คนที่ตายคงไม่ใช่จ้าวซือหว่าน แต่คงเป็นเซียวเอ๋อร์!”เดิมทีพระชายาเยียนอ๋องก็รู้สึกเสียใจเพราะเรื่องหยกแขวนชิ้นนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การที่ถูกเหล่าไท่จวินหยิบเรื่องนี้ออกพูดเช่นนี้ ในใจของนางก็ยิ่งรู้สึกเสียใจบ
ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า เตรียมที่จะไปพบเหวยอิ้งหวนเยียนเซียวหรานวางแผ่นป้ายวิญญาณในมือลง กล่าวเสียงเรียบ “ข้าจะไปพบเขาพร้อมกับองค์หญิง”ซือเจ๋อเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อยกล่าว “เขามีธุระอยากจะถามข้าเป็นการส่วนตัว น้องสามไปด้วย เขาอาจจะคิดมากได้ ข้าไปคนเดียวก็พอ”นางพูดจบก็เห็นทุกคนในห้องหันหน้ามามองนาง นางตบหน้าผากเบา ๆ ทีหนึ่ง “ที่เขามาในวันนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะถามเรื่องค่ายกล”“เรื่องนี้นอกจากข้าแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถอธิบายได้อย่างละเอียด”“ประตูโถงบุปผาเปิดอยู่ ด้านนอกมีคนรับใช้กับสาวใช้คอยเฝ้าอยู่ ทั้งยังอยู่ที่จวนอ๋อง ข้าไม่มีอันตรายหรอก”เหล่าไท่จวินรู้ว่าคำพูดประโยคนี้ของนางไม่เกี่ยวกับเรื่องอันตรายหรือไม่อันตรายเลยสักนิด แต่พูดเพื่อหลบเลี่ยงความสงสัยถึงอย่างไรการที่สตรีที่มีครอบครัวแล้วเจอผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัวตามลำพัง ก็ไม่ถูกต้องตามกฎสักเท่าใดเหล่าไท่จวินกล่าวเสียงอ่อนโยน “ท่านไปเถอะ ข้าเชื่อท่าน”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้าเล็กน้อยทีหนึ่ง แล้วจึงเดินไปยังโถงบุปผาเหล่าไท่จวินหันหน้ากลับมา เห็นว่าเยียนเซียวหรานกำลังมองซือเจ๋อเยว่ นางไม่ได้คิดมาก เพียงกล่าว “องค์หญิงเป็นคน
‘คน’ คนนั้นใบหน้าซีดเซียว มุมปากมีเขี้ยวยื่นออกมา ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำบนร่างกายของมันถูกรัดด้วยสายสีแดงเส้นหนึ่ง ไม่รู้ว่าสายนั้นมีไว้ทำอะไร มัดมันเอาไว้แน่นมันกล่าวด้วยความเกลียดชัง “ซือเจ๋อเยว่ ข้าจะฆ่าเจ้า!”เล็บของมันทั้งดำทั้งยาวทั้งแหลม พุ่งเข้าไปหาซือเจ๋อเยว่ด้วยความดุร้าย แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้นาง ก็ถูกสายสีแดงมัดเอาไว้ เข้าใกล้ตัวนางไม่ได้ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ใต้เท้าเหวยไม่ต้องกลัว นี่เป็นวิญญาณร้ายที่ข้าจับได้ก่อนหน้านี้”“ในมือของมันมีดวงชะตาคนอยู่สิบดวง ค่อนข้างดุร้าย ตอนนั้นไม่ได้ฆ่ามันทันที เป็นเพราะคิดว่าการฆ่ามันเลยจะเป็นการดูถูกมันเกินไป”สีหน้าของเหวยอิ้งหวนซีดขาวเล็กน้อย “ดังนั้นบนโลกใบนี้มีผีจริงๆ?”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ถือว่ามี ปกติใต้เท้าสืบคดี น่าจะได้พบเจอเรื่องราวแปลกประหลาดและไม่สามารถอธิบายได้อยู่บ้าง”“วันนี้ข้าปล่อยของสิ่งนี้ออกมา เพียงแค่อยากจะให้ใต้เท้ามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟ้าผ่าคนตายบนโลกใบนี้”เหวยอิ้งหวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง สายตาที่จ้องมองซือเจ๋อเยว่ค่อนข้างซับซ้อนวิญญาณร้ายดวงนั้นกล่า
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ