ช่างเป็นการเจรจาสู่ขอที่ใช้คำว่า ‘ร่ำรวย’ ได้สิ้นเปลืองเสียจริง ซูหนิงเซียนจิบชาพลางลอบมองสหายชั่วช้าที่นั่งเอ่ยวาจาเจื้อยแจ้วอยู่ตรงหน้า “หนิงเซียนเจ้าออกไปร้านผ้ากับข้าเถิดนะ ข้าอยากไปดูอาภรณ์ใส่ไปงานเลี้ยงที่จวนคหบดีหลิน” “เจ้าไปเถิด ท่านพ่อสั่งให้ข้าเก็บเนื้อเก็บตัว หากไม่จำเป็นไม่ให้ออกไปไหนมาไหนจนกว่าจะถึงวันงาน” แท้จริงแล้วนางคิดว่าต้องเป็นเขาเสนอบิดาของนางเช่นนั้นแน่นอน ซึ่งพักหลังมานี้ท่านพ่อก็คล้ายจะสนทนาถูกคอกับว่าที่บุตรเขย “หนิงเซียนไปเถิดนะ เจ้าเป็นสหายคนเดียวของข้า หากเจ้าไม่ไปข้าก็ไม่รู้จะไปชักชวนใครแล้ว” “กล่าวถึงงานเลี้ยงจวนคหบดีหลิน เจ้าได้เทียบเชิญด้วยหรือ” “ข้าเคยช่วยเหลือคุณหนูรองตระกูลหลินเอาไว้ นางจึงส่งเทียบเชิญให้ข้าไปร่วมงานเลี้ยง” ก็แค่ทำให้รถม้าของหลินอี้เฟยมีปัญหาแล้วยื่นมือเข้าช่วย สตรีผู้นั้นก็ซาบซึ้งใจและขอเป็นสหายกับตนแล้ว “ในเมื่อเจ้าคุ้นเคยกับนาง เหตุใดไม่ลองชวนคุณหนูรองหลินออกไปเลือกซื้ออาภรณ์ ในภายหน้าหากข้าแต่งเข้าจวนหยางแล้ว เจ้าจะได้ไม่เหงา” คำกล่าวข
‘ถึงคราวต้องใช้เจ้าแล้ว หลินอี้เฟย’ สตรีที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเดินออกจากหลังฉากกั้น กลิ่นหอมกรุ่นโชยเข้าจมูกของบุรุษที่มานั่งจิบชารอนางในดวงใจ “ท่านคงไม่ได้ปีนหน้าต่างเรือนของข้าเพื่อมานั่งจิบชาใช่หรือไม่เจ้าคะ” “ฮูหยินของพี่ช่างเก่งกาจไม่แพ้พี่ แท้จริงพี่มีเรื่องสำคัญจะมาบอกกล่าวเจ้า” “เช่นนั้นก็บอกมาเถิดเจ้าค่ะ” “ในครานั้นที่ท่านพ่อตาโดนคนร้ายทำร้าย เป็นฝีมือของกวางเหลียงอี้จริง และวันนี้สหายของเจ้าและกวางเหลียงอี้ ก็มีแผนจะลงมือกับเจ้า เพียงแต่เมื่อเจ้าปฏิเสธที่จะออกจากจวนแผนของพวกนั้นจึงพัง” เรื่องราวเหล่านั้นเขาได้เก็บหลักฐานเอาไว้หมดแล้ว เมื่อซูหนิงเซียนยินยอมให้ลงดาบ เขาจึงจะนำมันออกมาใช้ “การกระทำของหม่าลี่อินวันนี้ดูรีบร้อนไม่รอบคอบ คงเป็นเพราะข่าวลือที่ข้าขอให้ท่านปล่อยออกไป” ถึงได้เก็บอาการไม่อยู่ พยายามเร่งเร้าให้นางออกจากเรือนด้วยจนน่าสงสัย “นางจะลงมืออีกครั้งในงานเลี้ยงที่จวนหลิน โดยมีหลินอี้เฟยให้ความร่วมมือด้วย” แม้เป็นเพียงบุตรสาวของฮูหยินรอง แต่เขาก็ไม่คิดว่าบุตรสาวที่มีบิ
20คืนสนอง ซูหนิงเซียนซ่อนความเอือมระอาเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มบางอย่างแนบเนียน นางส่งเสียงตอบรับวาจาของสหายชั่วช้าเป็นครั้งคราว “ข้าได้ยินอี้เฟยกล่าวว่าเจ้าตอบรับเทียบเชิญจากจวนหลินแล้ว” “อืม คราแรกข้าคิดว่าจะไม่ไป แต่เป็นซีซวน เอ่อ...ข้าหมายถึงคุณชายเล็กหยางเอ่ยวาจาโน้มน้าวจนข้ายินยอมไปร่วมงานในฐานะว่าที่ฮูหยินของเขา” “ดียิ่งนักที่เจ้าไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนหลิน ข้าจะได้มานอนที่จวนเจ้า รุ่งเช้าเราจะได้ช่วยกันเลือกสรรอาภรณ์ แต้มหน้าทาปาก...” “ลี่อิน คุณชายเล็กหยางจะมารับข้าที่จวนและเราจะนั่งรถม้าไปด้วยกัน คงไม่ดีแน่หากเจ้าจะไปพร้อมข้า” “เช่นนั้นเจ้าก็นั่งรถม้าคันเดียวกับคุณชายเล็กหยาง ส่วนข้าก็นั่งรถม้าของจวนซูตามหลังเจ้าไป” “ลี่อิน เราค่อยเจอกันที่จวนหลินเลยดีหรือไม่ แต่หากเจ้าอยากได้สหายช่วยแต่งตัว เหตุใดเจ้าไม่ไปขอค้างที่จวนหลิน จะได้ไม่ต้องเดินทางให้เหนื่อย ข้าว่าคุณหนูหลินต้องยินดีที่เจ้าจะไปนอนค้างที่จวนกับนาง” จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร หลินอี้เฟยหรือจะยอมให้ตนหยิบยืมอาภรณ์และเครื่องประดับล้
“ต่อจากนี้หากต้องไปร่วมงานเลี้ยงจวนใดอีก เจ้าต้องบอกกล่าวพี่ด้วย พี่จะได้ไปร่วมงานกับเจ้า” สายตาของบุรุษพวกนั้นไม่น่าไว้ใจยิ่ง เขากลัวจะมาล่อลวงนาง “เจ้าค่ะ เราเข้าไปด้านในเถิด” นางและหยางซีซวนเดินไปทักทายนายท่านหลินก่อนจะเดินตามสาวใช้ที่เดินนำไปยังที่นั่งซึ่งได้ถูกจัดเอาไว้แล้ว ‘เป็นสตรีในห้องหอ แต่จ้องมองบุรุษของข้าราวกับหญิงนางโลม’ ซูหนิงเซียนเผลอจ้องมองสตรีรอบตัวด้วยสายตาไม่ชอบใจ “พี่ไม่สนใจสตรีเหล่านั้นหรอก เซียนเอ๋อร์อย่าได้มีโทสะเลย” น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยคล้ายกับกำลังกลั้นหัวเราะ ทำให้นางตวัดสายตาหันไปมอง “แม้ท่านจะมากมารยา แต่ท่านก็อย่าได้ดูถูกมารยาสตรีนะเจ้าคะ หากวันใดท่านพลาดพลั้งจนต้องรับสตรีอื่นเข้าจวน ข้าคงได้แต่เขียนหนังสือหย่ามอบให้ท่านแล้วจากไป” “จะไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นแน่นอน” เพราะหากวันหนึ่งเขาเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาจริง สตรีผู้นั้นเกรงว่าจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและไร้ชีวิต เฝ้ารอนางเพื่อให้ได้ครองคู่มานานถึงเพียงนี้ เขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องใดหรือใครมาขัดขวางได้
“ข้านี่ไม่ได้เรื่องเลย เชิญคุณชายหยางคุณหนูซูไปนั่งที่โต๊ะทางนั้นก่อนเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนเตรียมขนมและน้ำชามาขึ้นโต๊ะ” “รบกวนคุณหนูรองหลินแล้วเจ้าค่ะ” นางตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานก่อนจะก้าวเดินด้วยท่วงท่าสง่างาม บุรุษรูปงามสตรีงดงามอ่อนหวานเดินเคียงข้างกันเรียกสายตาของผู้อื่นให้หันมามองได้ไม่ยาก เมื่อถึงที่นั่งหลินอี้เฟยแจ้งว่างานเลี้ยงนี้แบ่งที่นั่งชายหญิง ดังนั้นบุรุษรูปงามจึงไม่อาจนั่งเคียงข้างคู่หมั้นได้ “คุณชายหยางเจ้าคะ ที่นั่งฝ่ายชายอยู่ด้านโน้น ให้ข้าได้นำทางท่านไปเถิดเจ้าค่ะ” “หนิงเซียนงานเลี้ยงที่แบ่งแยกเช่นนี้ พี่ไม่อยากอยู่ร่วมแล้ว หากเจ้าไม่อาจนั่งกับพี่ พี่ไม่อาจนั่งกับเจ้าได้ เราก็กลับจวนกันเถิด” เพื่อป้องกันความผิดพลาดหยางซีซวนไม่มีทางยอมแยกกับนางจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม “หากท่านอยากกลับข้าก็จะ...” “อี้เฟย ยกเว้นคุณชายหยางไว้สักคนเถิด เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ให้คุณชายหยางกับหนิงเซียนสหายข้าไปนั่งตรงโน้น จะได้ไม่เป็นที่สังเกตมาก” “แต่ว่า...” “นะอี้เฟย ถือว่า
“นำทางไปเรือนรับรอง” หยางซีซวนมีท่าทางเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดพลันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วตัวแต่ด้วยความโกรธจึงพยายามระงับอาการแปลกประหลาดเอาไว้ สีหน้าที่แสดงออกมาจึงดูสับสนยิ่งนัก “ทางนี้เจ้าค่ะ ข้าจะนำทางท่านไปเอง” คุณหนูหลินอาสาก่อนจะเดินนำหน้าคุณชายหยางไป มุมปากของหลินอี้เฟยยกยิ้มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก้าวเดินใกล้ถึงเรือนรับรอง ก่อนจะต้องทรุดตัวพร้อมกับสติที่ดับวูบ “พาไปส่งยังห้องที่นัดหมายไว้” หยางซีซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบติดเย็นชา ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ “ขอรับคุณชาย” เจียวมิ่งกล่าวก่อนจะพาสตรีผู้นี้ไป “ทางฮูหยินข้าเป็นอย่างไรบ้าง” “เรียบร้อยดีขอรับ” เจียวโจวรายงานผู้เป็นนาย “บุรุษผู้นั้นเล่า” “เข้ามาอยู่ในแผนการเรียบร้อยแล้วขอรับ” “ดีมาก ข้ายินดีจะทำตัวเป็นผู้เฒ่าจันทรา สานวาสนาให้หญิงโฉดชายชั่วได้ครองคู่กัน” เกรงว่าครานี้คงต้องรีบแต่งอย่างมิอาจรั้งรอ “อีกราวๆ หนึ่งเค่อ อย่าลืมส่งสัญญาณให้คนผู้นั้น จะได้มีสักขีพยานให้คู่ยวนยางทั้งสองคู่มาก
“แม้ไม่ได้ร่วมลงมือ แต่คุณชายหมิงสามารถเพลิดเพลินกับความสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้นได้” หยางซีซวนที่เอาแต่สูดกลิ่นกายสตรีจนร้อนรุ่มไปทั้งตัวเงยหน้าขึ้นบอก “เช่นนั้นจะรออันใด รีบไปสมทบกับกลุ่มคนที่เพิ่งเดินไปทางเรือนรับรองเถิด” หมิงอี้เฉินกล่าว “ซีซวนท่านควรปล่อยข้าได้แล้ว” กอดนางคล้ายลูกลิงไม่ยอมปล่อย โชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีใครเดินผ่านไปมาให้อับอาย “สนทนากับสหายจบแล้วหรือ” หากได้กอดนางเช่นนี้ นางจะสนทนานานเพียงใดเขาย่อมไม่กล้าต่อว่า “ท่านรีบปล่อยข้าเถิด ข้าอยากไปชมงิ้วที่พวกนางเตรียมไว้ให้ข้า” “เช่นนั้นก็ได้” เขากล่าวก่อนจะยอมคลายอ้อมกอดด้วยสีหน้าเสียดาย สองบุรุษหนึ่งสตรีเดินตามเสียงโหวกเหวกโวยวายไป จนไปหยุดที่หน้าเรือนรับรองที่เปิดประตูกว้างอยู่ เสียงก่นด่าของนายท่านหลินยังคงดังอย่างต่อเนื่อง “เหตุใดพวกเจ้าถึงมาทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ในจวนข้า” คหบดีหลินเอ่ยถามหลังจากให้บุรุษสตรีที่ทำเรื่องบัดสีเมื่อครู่ไปสวมใส่เสื้อผ้า “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้ามิได้ตั้งใจ ข้าต้องถูกวางยาแน่ๆ” หม่าลี่อินบอกเสียงส
21เรื่องราวของคนตระกูลหลิน บรรดาฮูหยิน คุณชายและคุณหนูที่ได้ยินเสียงร้องต่างพากันเดินไปทางต้นเสียงจนไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องแห่งหนึ่ง เพราะประตูที่เปิดกว้างทุกคนจึงได้เห็นสิ่งที่อยู่ในห้อง หนึ่งสตรีสองบุรุษที่โรมรันพันตูกันในสภาพเปลือยเปล่าทำให้บรรดาคุณหนูยกมือปิดหน้าด้วยความอาย “อี้เฟย หยุดนะ เจ้ากำลังทำอันใด” ฮูหยินรองที่ได้สติรีบคว้าผ้าห่มที่ตกอยู่บนพื้นจะเข้าไปคลุมกายให้บุตรสาว แต่กลับถูกนางผลักออกก่อนจะโผเข้าหาบุรุษทั้งสองอย่างไร้ยางอาย “ท่านแม่อย่ามายุ่งกับข้า” “พ่อบ้าน พาทุกคนกลับไปที่งานเลี้ยง” สิ้นเสียงที่เปี่ยมด้วยโทสะของนายท่านหลิน บรรดาฮูหยิน คุณหนูและคุณชายที่ได้รับรู้เรื่องราวคาวโลกีย์แล้วต่างพากันล่าถอย มิคาดคิดจริงๆ ว่าการตอบรับเทียบเชิญมาร่วมงานเลี้ยงที่ชาวบ้านร่ำลือกันว่าครั้งนี้นายท่านหลินหักหน้าฮูหยินเอก มอบหมายให้ฮูหยินรองจัดการ จะเกิดเรื่องสนุกเช่นนี้ คิดว่าคหบดีหลินจะเฉลียวฉลาดเก่งกาจ แต่ที่ใดได้ก็แค่บุรุษหน้าโง่ที่หลงใหลมารยาของสตรีโดยไม่สนกฎเกณฑ์ กว่าคุณหนูรองหลินจะได้สติก็ผ่านไป
“อ้ายช่าง พี่คิดถึงรอยยิ้มของเจ้ายิ่งนัก” “...” “อ้ายช่าง พี่อยากเห็นรอยยิ้มของเจ้าในวันวานได้หรือไม่” “...” “อ้ายช่าง พี่ขอโทษที่เคยทำร้ายเจ้า พี่ขอโทษที่ร่วมมือกับผู้อื่นทำร้ายเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ พี่มันโง่เง่า” “...” “เจ้าให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวกับเจ้าอีกสักครั้งได้หรือไม่ พี่ขอโอกาสจากเจ้าอีกเพียงครั้งเดียว” “...” “อ้ายช่างเจ้ารู้หรือไม่ แท้จริงแล้วพี่รักเจ้ามานาน เพียงแต่พี่ไม่รู้ใจตนเอง กว่าจะยอมรับว่าพี่ก็รักเจ้ามากเช่นกัน เจ้าก็พยายามจะไปจากพี่” “เฮ้อ...เอาเถิดเจ้าค่ะ ข้าง่วงแล้วเราไปนอนกันดีกว่า” “เช่นนั้นให้พี่กล่อมเจ้านอนนะ” “ไม่...” นางกล่าววาจาไม่ทันจบ ริมฝีปากนางก็ถูกปิด ลิ้นร้อนรุกเร้าโพรงปากของนางอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการบดเบียดริมฝีปากอย่างหนักหน่วงคล้ายกับลงโทษที่นางกล่าววาจาไม่เข้าหู “ให้พี่ได้ดูแลเจ้าเถิด” เขายกตัวนางขึ้นก่อนจะวางลงบนเตียงด้านใน ไม่ปล่อยให้นางปฏิเสธอีก “อ้ายช่าง ให้โอกาสบุรุษโง่เ
แท้จริงในใจเขาอยากจะฉีกหนังสือถอนหมั้นเช่นที่เคยทำ แต่ทว่าเขากลัวว่าหากทำเช่นนั้นแล้วนางจะโกรธจนไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อีก องค์ชายที่เคยถูกเอาอกเอาใจมาโดยตลอดอย่างเขาจึงยอมลงให้นางและหาข้ออ้างสารพัดเพื่อหลีกหนีการลงนามแทน ไม่กี่วันต่อมาเขานำขนมมาให้นางถึงจวนอีกแล้ว เมื่อเห็นเขากล่าวถึงความเลิศรสของขนมที่นำมา ในดวงตาหงส์มีประกายเย็นชาพาดผ่าน “ลี่เกา[1]ที่พี่นำมาทั้งหมดนี้ล้วนรสเลิศพี่จึงอยากให้เจ้าลองชิม” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางยังคงตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อเห็นขนมที่เขานำมาให้นางในวันนี้ นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก เพราะขนมทั้งหมดล้วนเป็นขนมที่กวนฮวาเหมยเคยบอกว่าชอบนักหนา แต่เซียวอ้ายช่างผู้นี้นั้น ‘แพ้เกาลัด’ “ลองชิมสิ กินคู่กับชารสดีไม่น้อย” “ได้เจ้าค่ะ ข้าจะชิมมัน แต่ต้องเป็นหลังจากท่านลงนามให้ข้าเรียบร้อยแล้ว” แม้จะต้องแพ้จนหายใจติดขัด จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดนางก็จะยอมกิน ขอเพียงแค่เขาลงนามในหนังสือถอนหมั้นให้นาง “อ้ายช่าง พี่ขอโทษในเรื่องราวที่แล้วมา พี่ไม่ขอให้เจ้าอภัยให้ เพราะพี
“คงต้องรบกวนให้เจ้าช่วยเหลือแล้ว” คนที่เคยปรามาสสหายของตนบัดนี้กลับลงมือทำเสียเอง หากหยางซีซวนทราบเข้ามิแคล้วคงล้อเลียนเขาไปอีกนาน แต่แล้วอย่างไร หากมารยาแล้วทำให้เขาได้สตรีอันเป็นที่รักกลับคืน เขาก็ยินยอมจะถูกสหายเย้ยหยัน “เช่นนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นนะเจ้าคะ” เซียวอ้ายช่างที่เห็นเลือดซึมออกจากอาภรณ์ของเขาใจคอไม่ดี จึงรีบทำตามคำขอของเขาในทันที ใช้เวลาไม่นานท่านหมอก็มาถึงและเริ่มทำการรักษา เซียวอ้ายช่างฟังคำแนะนำของท่านหมออย่างตั้งใจก่อนจะให้เจ๋อคุนมอบตำลึงแล้วไปส่งท่านหมอ แก้วตาดวงใจของตระกูลเซียวมีสีหน้ายุ่งยากเมื่อท่านหมอสั่งว่าเขาต้องกินยาในทันที แต่คนที่คล้ายจะเสียเลือดมากกลับไร้สติไม่อาจทำตามที่ท่านหมอสั่งไว้ได้ “เหตุใดข้าถึงใจแข็งกับท่านไม่ได้สักที” นางพึมพำเสียงเบาก่อนจะยกชามยาสีน่ากลัวขึ้นดื่มแล้วป้อนยาให้เขาด้วยปากของตนเอง หากท่านหมอไม่กล่าวว่าเขาต้องดื่มยาในชามให้หมดห้ามขาดแม้แต่หยดเดียวนางก็คงไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก ‘เป็นเช่นนั้นดีแล้ว’ คนที่แสร้งหมดสติอยู่คิด นอกจากเขาจะไม่ยอมถอนหมั้นนาง
น้ำตาของนางไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว พี่ชายทั้งห้าคนที่ลอบฟังอยู่ด้านนอกตั้งแต่แรกรีบเข้ามาหลังจากเขาออกไป ไร้คำปลอบประโลมใดๆ มีเพียงอ้อมกอดอบอุ่นจากบุรุษที่รักนางทั้งห้าคน สุดท้ายแล้วคนที่รักนางที่สุดคงจะมีเพียงบุรุษตระกูลเซียว หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้ออกจากจวนไปไหนอีก ข่าวการลอบเจอกันของทั้งคู่ยังคงดังเข้าหูนางอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่อาจถอนหมั้นยกเลิกสมรสพระราชทานได้ จวนเซียวจึงได้แต่ตระเตรียมงานมงคล แต่ทว่าก่อนกราบไหว้ฟ้าดินเพียงหนึ่งวันก็ได้รับข่าวว่าองค์ชายห้าหายตัวออกไปจากตำหนักส่วนพระองค์ เพื่อเป็นการปลอบใจ นางจึงได้รับพระราชทานของล้ำค่าจำนวนมาก พร้อมทั้งยังได้รับคำสั่งลับให้ตามตัวองค์ชายกลับคืน ด้วยเหตุนี้นางพร้อมผู้ติดตามจึงรีบไปตามหาทันทีที่ได้รับรายงานว่าพบเขา แต่กลับต้องคลาดกันเพราะบุรุษรูปงามผู้หนึ่งเข้าช่วยเหลือ และก็อีกครั้งที่ชายแดนแคว้นหวงนางก็เกือบจะพบตัวเขาแล้ว แต่ทว่าก็คลาดกันจนได้เพราะเล่ห์เหลี่ยมของบุรุษคนเดิมที่นางทราบภายหลังว่าเขาเป็นบุตรชายคนเล็กของแม่ทัพหยาง แม้นางจะท้อแต่นางก็ยังคงตามหาเขาตามคำสั่งของฮ่องเต้
เรื่องราวของท่านหมอ 1 สตรีที่มีใบหน้างดงามน่าเอ็นดูนิ่งฟังวาจาที่เต็มไปด้วยโทสะของบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้า “อ้ายช่างเจ้าถอนหมั้นเถิด มิเช่นนั้นหากเจ้ายังดื้อรั้นตบแต่งเข้าตำหนักข้า ชีวิตของเจ้าจะไม่ได้พบกับความสุขอีกชั่วชีวิต” หากไม่เป็นเพราะนางรักเขา นางคงไม่ยอมทนให้เขากล่าววาจาร้ายกาจใส่หลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่จริงสิ่งที่นางทำไปทั้งหมดเพราะต้องการปกป้องเขาจากสตรีที่มีคู่หมายแล้วอย่างกวนฮวาเหมยที่มาดักรอหวังจะแสร้งบังเอิญพบเขา ‘คุณหนูเซียว เหตุใดท่านจึงชอบกล่าวว่าร้ายข้าเช่นนี้’ ท่าทางโศกเศร้าราวกับดอกสาลี่ต้องฝนของสตรีที่ตนพึงใจทำให้หวงหลี่จื้อเกิดโทสะ เซียวอ้ายช่าง สตรีที่เขาเคยมองว่าน่าเอ็นดูเหตุใดถึงได้ทำตัวร้ายกาจเช่นนี้ ให้บิดาขอสมรสพระราชทานหวังบีบบังคับแต่งเป็นพระชายาเขายังไม่พอ ยังชอบเอ่ยวาจาหยามเกียรติสตรีที่เขาพึงใจอีก ‘อ้ายช่าง เจ้าขอโทษคุณหนูกวนเดี๋ยวนี้’ ‘เหตุใดข้าต้องขอโทษนาง ในเมื่อที่ข้ากล่าวไปทั้งหมดเป็นความจริง’ นางกอดอกอย่างไม่ยอม ‘ช่างเถิดเพคะองค์ชาย บ่อยครั้งที่หม่อมฉันม
“ข้าเพียงแต่จะถามว่าหลังจากที่สหายชั่วช้าของข้าถูกสามีตบตีจนเจ็บหนักแล้วเป็นอย่างไรต่อเจ้าคะ” “สองแม่ลูกที่กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงมีหรือจะยอมเรียกหมอมาดูอาการ แต่อดีตนางโลมผู้นั้นกลับหยิบยื่นความเมตตาให้ด้วยความสงสาร ท่านหมอจึงถูกสาวใช้ที่ติดตามอนุฯ ผู้นั้นพาไปรักษาฮูหยินเอกอย่างเงียบๆ” “ตระกูลกวางช่างน่าขันนะเจ้าคะ ฮูหยินเอกไม่มีสาวใช้ แต่อนุภรรยากลับมีสาวใช้เคียงกาย” “นี่คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สตรีผู้นั้นโกรธแค้น” แท้จริงสาวใช้ผู้นั้นเป็นคนของเขา ทั้งยังมีวรยุทธ์เก่งกาจยิ่งกว่ามือปราบกวาง “แล้วเป็นอย่างไรต่อเจ้าคะ” “ตรงนี้ร้อนแล้ว เราไปนั่งสนทนากันในเรือนดีหรือไม่” “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้านี่มันใช้ไม่ได้...” จุ๊บ ริมฝีปากของเขาแตะลงบนกลีบปากบางราวกับไม่ต้องการให้นางได้เอื้อนเอ่ยวาจา “อย่าได้กล่าววาจาเช่นนั้น พี่ไม่ได้กล่าวโทษเจ้า พี่เพียงแต่ไม่อยากให้เจ้าร้อนหรือต้องยืนเมื่อยเช่นนี้” “ขอบคุณนะเจ้าคะที่รักและห่วงใยข้าถึงเพียงนี้” เขาช่างใส่ใจนาง แต่กว่าฮูหยินน้อยจะทราบว่
ตอนพิเศษจุดจบของคนชั่วช้า เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เผลอครู่เดียวบุตรชายของนางก็อายุครบหนึ่งปีแล้ว พิธีจวาโจว[1] เพิ่งจัดไปเมื่อสามวันก่อน แม่สามีกล่าวว่าหนิงเฉิงช่างเลือกหยิบของได้เหมือนกับบิดาไม่มีผิด ดูแล้วกิจการที่มากมายของหยางซีซวนจะมีผู้สืบทอดแล้ว “กำลังคิดอันใดอยู่หรือฮูหยิน” บุรุษผู้นี้เป็นฟูจวินมานานเกือบสองปีแล้ว ความโปรดปรานที่มีให้ไม่เคยลดน้อยลง น่าสงสารก็แต่บุตรชายที่แม้จะร้องไห้งอแงเพียงใด ก็ยังถูกมอบให้แม่นมดูแล เพื่อจะได้ไม่มารบกวนบิดามารดาในยามค่ำคืน “กำลังคิดถึงคำของท่านแม่เจ้าค่ะ คิดไปคิดมาหนิงเฉิงนอกจากมีใบหน้าคล้ายคลึงกับท่านแล้ว อีกไม่นานคงเก่งกาจไม่แพ้ท่าน” ในพิธีจวาโจว มีของวางมากมาย ทั้งธนู ตำรา หรือแม้แต่ดาบ แต่พอนางปล่อยหยางหนิงเฉิงลง เจ้าเด็กคนนั้นกลับคลานตรงไปหาตำลึงทองก้อนใหญ่และซ่วนผาน[2] สายตาของบุตรชายจับจ้องของสองสิ่งนี้อย่างมุ่งมั่น ยามคลานนั้นไม่มีท่าทีลังเลเลยแม้แต่น้อย จะว่าลังเลหรือไม่ ก็มีบ้างเพียงเล็กน้อย เพราะก่อนที่เด็กคนนั้นจะคลานไปหยิบตำลึงทองและซ่วนผาน เขาพยายามจับและยกทองก้อนใ
“ใช่ แต่เป็นเพียงต่อหน้าสามีเท่านั้น เพราะลับหลังนางก็แทบจะเข้าไปตบตีกับฮูหยินผู้เฒ่า จนกวางเหลียงอี้เอือมระอาปัญหาในจวนทั้งมารดาและฮูหยินต่างผลัดเปลี่ยนกันไปฟ้องขอความเป็นธรรม สุดท้ายหอนางโลมจึงกลายเป็นที่หลับนอนของเขา” “สหายข้าคงมีความสุขไม่น้อยที่ทราบเรื่องนี้” “จากที่พี่ดูก็น่าจะมีความสุข ได้ยินว่าอีกไม่นานมือปราบกวางเตรียมไถ่ตัวแม่นางเหมยฮวาเพื่อไปเป็นอนุฯ” คนทั่วไปย่อมเข้าใจเช่นนั้นแต่แท้จริง การที่กวางเหลียงอี้ยอมไปขลุกอยู่ที่หอนางโลมเป็นเพราะนอกจากนางจะเอาอกเอาใจเก่ง นางยังมอบเงินช่วยเหลือยามที่เขาเดือดร้อนความซาบซึ้งใจนี้ทำให้กวางเหลียงอี้ยอมคล้อยตามที่นางบอกทุกอย่าง เงินทองที่คล้ายว่าจวนกวางจะมีจับจ่ายไม่ขาดมือย่อมมาจากเหมยฮวาที่เป็นคนของเขา การไถ่ตัวที่ว่ามีจริงที่ใด เพราะเหมยฮวาไม่ได้มีสัญญาอันใดกับหอนางโลมแห่งนั้นตั้งแต่แรก “คงมิใช่ว่านางโลมผู้นั้นตั้งท้องนะเจ้าคะ” “ใช่แล้ว” และอีกไม่นานนางโลมผู้นั้นจะต้องแท้งลูกเพราะฝีมือของหม่าลี่อิน สุดท้ายรับความเสียใจไม่ไหว ไปผูกคอตายในห้องที่หม่าลี่อินนอนยามค่ำคืน
“ท่าน...” นางยังไม่ทันเอ่ยวาจาต่อรองอีกครั้ง ริมฝีปากก็ถูกปิดไม่ให้เอื้อนเอ่ยวาจาปฏิเสธ ลิ้นร้อนที่เกี่ยวกระหวัดปลุกเร้าความรัญจวนทำให้นางคล้ายจะอ่อนระทวยไร้แรงต่อต้าน มือใหญ่แหวกอาภรณ์ที่บดบังให้เปิดออก นิ้วแกร่งบดเบียดแทรกเข้าไปในส่วนลึกของโพรงนุ่มที่ตอดรัดอย่างรู้งาน น้ำหวานยิ่งเอ่อล้นออกมามากขึ้นเมื่อนิ้วที่ว่างอยู่เคล้นคลึงจุดอ่อนไหว “อ๊า...” นางส่งเสียงร้องครวญครางออกมาทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ “พี่ชอบยามเจ้าครวญครางยิ่งนัก” บุรุษที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการหยอกเย้ายอดอกอวบอิ่มที่ชูชันกล่าว นิ้วแกร่งก็ขยับเข้าออกทำให้เรือนร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดเขา “อ๊า...ข้าปรารถนาท่านเหลือเกินท่านพี่” “พี่ก็ปรารถนาในตัวเจ้าฮูหยิน” กล่าวจบเขาก็จับสะโพกกลมกลึงให้ยกสูงขึ้นก่อนจะจับแท่งหยกให้ตั้งตรงแล้วกดตัวนางลง “ท่านี้ทำข้าเสียวซ่านยิ่งนัก” ทุกครั้งที่ทำท่านี้นางจะปลดปล่อยความสุขสมออกมาอย่างรวดเร็ว “พี่ก็ชอบ ยามเจ้าขยับขึ้นลง” อกอวบอิ่มที่ขยับไปมาตามแรงช่างเป็นภาพที่น่ามอง “อ๊า...ท่าน