“เอ่อ...ก็...คุณอันเจโล่”“ช่างหัวเขาสิค่ะ ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” กฤติกาพยายามตอกย้ำกับใจตัวเองว่าไม่...ไม่ได้เป็นอะไร ไม่รู้สึกอะไรด้วย แต่ยิ่งตอกย้ำมากเท่าไหร่ ทำไมในหัวใจเธอมันถึงได้เจ็บร้าว ปวดไปหมด นัยน์ตาร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อล้นคลอหน่วยขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไม่รู้เป็นอะไรอยู่ดี ๆ ก็อยากร้องไห้กฤติกาเหลือบสายตาขึ้นมองเบื้องบน ท้องฟ้าสีฟ้าครามสดใส กิ่งไม้ใบหญ้าปลิวไสวไปตามสายลมที่พัดโชยโบกโบย แสงตะวันสีส้มสาดทอแสงสะท้อนกับพื้นน้ำทะเลสีมรกต เป็นดั่งเกล็ดเพชรพร่างพราวระยิบรับ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างเธอช่างสวยงามสดใสเสียเหลือเกิน แต่ทำไมในหัวใจเธอมันถึงได้รู้สึกหดหู่ ขัดยอกแปลบปราบราวกับมีแก้วแตกบาดเฉือนหัวใจจนกลัดหนอง“แต่เขาป่าวประกาศอย่างชัดเจนนะครับว่าสนใจคุณ”“แล้วคุณน่านฟ้าก็เชื่อ ผู้ชายมือไวคนนั้นหรือคะ”“คือผม...ไม่ได้อยากเชื่อหรอกนะครับ แต่การกระทำของคุณอันเจโล่ที่ได้เห็นมา...ดูเขาห่วงหาอาทรและหวงแหนคุณจริง ๆ ” คิดว่าตัวเขาเองมองไม่ผิดแน่ สายตายามอันเจโล่ทอดมองกฤติกาคล้ายบอกความนัยว่ามีใจให้จริง ๆ ไม่ได้คิดล้อเล่นคิดลากขึ้นเตียงอย่างเดียวกฤติกาไม่เถียง เพราะเธอเองก็
อันเจโล่คิดอย่างคึกคะนอง ปิด Notebook แล้วลุกขึ้นเดินออกไปยืดเส้นยืดสายกับพวกที่คอยแอบตามสอดแนมเขาอยู่ ได้ออกกำลังกายสักหน่อย ยืดเส้นยืดสายก่อนไปจัดการกับแม่ลูกไก่น้อยฤทธิ์มากให้หนำใจ ทว่าเมื่อเปิดประตูลูกน้องที่เขาส่งไปสืบข่าวก็มาหยุดยืนส่งยิ้มแหย ๆ กะพริบตาพริบ ๆ ยกมือหมายเคาะประตูห้องพอดี ชายหนุ่มมองด้วยความสงสัย คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเดโก้กลับมาเพียงลำพังเพียงแค่เดินเข้ามาในห้องผู้เป็นนายได้ เดโก้ก็รีบเอ่ยบอกถึงเรื่องที่ไปสืบมา “เราพบที่พักของพนักงานทั้งสามคนแล้วครับ เรียกว่าเป็นทั้งความบังเอิญและโชคดีที่เขากับมาริโอ้เดินอย่างไร้ทิศทาง จนขณะที่กำลังพบทางแยกที่ไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหนดี จะไปซ้ายหรือขวา แยกกันหรือว่าไปด้วยกันอยู่นั้นเอง สายตาก็เหลือบไปเห็นพนักงานของบริษัทกำลังเดินควงสาวผิวสีผ่านหน้าไปอย่างกระชั้นชิดเขากับมาริโอ้เดินตามไปจนได้รู้ว่าทุกคนพักที่ไหน แต่ขณะที่จะกลับนั่นเอง สองคนได้ขึ้นไปห้องพักพร้อมสาวที่ควงมาด้วย แต่อีกคนกลับนั่งดื่มกาแฟอย่างสบายอุรา เหมือนกำลังรอใครอยู่ ระหว่างที่ตกลงกัน...ไม่ใช่หรอกเรียกได้ว่าจับไม้สั้นไม้ยาว ใครดวงซว
จากที่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่บ้านให้ผู้เป็นพ่อกับแม่สงสัย แม้ไม่มีคำถามจากปาก แต่ก็มีคำถามด้วยสายตาตวัดมองอยู่บ่อยครั้ง พร้อมกับคำพูดเปรย ๆ ว่าเธอกลับมาอยู่บ้านก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ไม่ชอบที่ลูกมีงานทำ แต่กังวลและเป็นห่วงไม่อยากให้ต้องเจอกับปัญหาอีก เธอเลยรีบกลับมาเพื่อเปิดร้าน แล้วก็จ๊ะเอ๋เข้ากับน่านฟ้าพอดิบพอดีเมื่อชายหนุ่มชวนไปทานอาหารด้วย ครั้นจะปฏิเสธ ทว่าเมื่อได้เห็นสายตาเป็นห่วงเป็นใยที่ทอดมองมาก็ทำให้เอ่ยปฏิเสธไม่ออกไป แม้รู้ดีว่าคิดผิดที่ไป เพราะแม้นั่งรับประทานอาหารและคุยอยู่กับน่านฟ้า แต่ใจเธอกลับไพล่ไปคิดถึงชายอีกคนที่ป่านนี้ไม่รู้โกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง โมโหโกรธาเพียงใด หรือว่าเริงร่าอยู่กับผู้หญิงคนอื่นจนไม่คิดจะมาสนใจเธอแล้ว เจ็บจี๊ด ๆ ราวกับมีแก้วแตกตกหล่นลงบนหัวใจ จนหน่วยตาร้อนผ่าว น้ำใส ๆ เอ่อล้นคลอเบ้ากฤติกาก้มมองโทรศัพท์มือถือในมือ ใช่...คราวแรกที่เห็นอันเจโล่โทรมาเธอหงุดหงิดจนไม่อยากคุยกับเขาเลยติดสายทิ้งและปิดโทรศัพท์ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป เปิดเครื่องและนั่งเฝ้าจนเป็นจ้องโทรศัพท์เกือบตลอดเวลา พร้อมเฝ้าภาวนาให้ชายหนุ่มโทรมาหา แม้ต้องมีปากมีเสียงกันบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่
“อุ้ย!!”เมื่อก้าวออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่หมิ่นเหม่ ด้วยมีเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนเล็กปิดปิดสัดส่วนอวบอิ่มและลำขาขาวนวลเนียน ซึ่งเย็นวาบขึ้นมาราวกับเท้าบอบบางมีน้ำแข็งเกาะอยู่ วงหน้านวลผ่องพรรณที่ยังเริงรื่นด้วยความยินดีกับความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของร้าน หน้าเผือดสีลงอย่างเห็นได้ชัด มือบางที่จับผ้าขนหนูเช็ดผมบนศีรษะหยุดชะงักราวกับใครจับเอาไว้ เมื่อสายตาปะทะกับร่างหนาแกร่ง ที่นอนเอกเขนกยาวอยู่บนเตียงขนาดสามฟุตครึ่งของตัวเองอย่างเป็นเจ้าของลมหายใจคนนอนหงายราบกับพื้นเตียงนุ่ม ๆ ปูด้วยผ้าปูเตียงลายดอกไม้สีขาวอมชมพู สองมือประสานกันสอดรองไว้ใต้ศีรษะยังคงแรง อีกทั้งใบหน้าก็คงจะบ่งบอกถึงโทสะที่มี แม้พยายามระงับความโกรธกรุ่นที่ไหลพล่านไปทั่วกาย อันเนื่องมาจากภาพที่ได้เห็นเมื่อบ่าย...กฤติกาแย้มยิ้มหวาน ๆ และพูดคุยอยู่กับน่านฟ้าอย่างเป็นกันเอง ทำอย่างไรเขาก็ลบเลือนภาพนั้นออกจากความนึกคิดไม่ได้ เธอหายหน้าไป ทำเป็นลืมนัดทานข้าวและเต้นรำ เพราะเธอหายไปเที่ยวเริงร่ากับไอ้ตัวมารน่านฟ้าใช่ไหม...กรามหนาขบกัดจนแก้มตอบนูนขึ้นสัน นัยน์ตาเป็นประกายด้วยเพลิงโทสะสว่างวาบขึ้นมา“คะ...คุณเข้ามาได้ยังไงนะ”ก
“ก็บอกแล้วว่าไม่...ไม่ปล่อย แล้วถ้าฉันได้ยินคำนี้หลุดออกมาจากปากเธออีกคำเดียวนะลูกไก่” คลอเคลียปากร้อนผ่าวกับซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นเนื้อสาวและสบู่ที่สาวเจ้าใช้ “ฉันจะดึงผ้าขนหนูเธอโยนทิ้งไปแล้วก็...” ฝ่ามือหนาทาบเลื่อนไปบนท่อนแขนกลมกลึง นิ้วยาวไล้จากลาดไหล่นวลเนียน ผ่านเนินเนื้อทรวงอกฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง“คุณ!!...คุณนี่มัน” ไม่รู้จะพูดอย่างไรกับคนตัวใหญ่เจ้าเล่ห์นี่ดี “บ้าที่สุดเลยคุณอันเจโล่ เอาเปรียบกันที่สุดเลย”“พูดง่าย ๆ อย่างนี้สิ น่ารัก” ชายหนุ่มเอ่ยชมพร้อมเคลื่อนมืออุ่นขึ้นมาจับต้นแขนกลมกลึงและรั้งร่างอรชรให้หันมา มือใหญ่จับรั้งคางมนให้แหงนขึ้นมองสบสายตาด้วย“ไม่อยากน่ารักกับคุณ” กฤติกาสวนกลับน้ำเสียงกระเง้ากระงอด ดวงหน้าผุดผาดแดงระเรื่อราวกับกลีบกุหลาบงอง้ำ ปากยู่ย่นเล็กน้อยจึงถูกคนตัวใหญ่ลงโทษด้วยการฉกปากหนาหยักแนบลงมาบนกลีบปากอิ่ม บดคลึงเนิบนาบก่อนจะทวีความหนักหน่วงด้วยความคิดถึงและรสชาติกลีบปากที่แสนหวานเย้ายวนจากตอนแรกตั้งใจจะขัดขืนให้ถึงที่สุด ทว่าเมื่อปากร้อนผ่าวเป็นถ่านไฟนาบลงมาก็ดูดเอาเรี่ยวแรงที่เธอมีไปจนหมด กายอรชรสั่นสะท้านแข้งขาอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงในฉับพลัน มือบ
อันเจโล่ฝังจูบบนกลีบปากอิ่มอย่างหนักหน่วง ดื่มด่ำกับเรียวปากหวานฉ่ำ พร้อมเรียวลิ้นล่วงล้ำเข้าไปกวาดไล้ความหวานจากโพรงปากอุ่นนุ่มอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ฝ่ามือร้อนระอุลูบไล้ลำแขนกลมกลึงราวกับท่อนลำเทียน สีข้างนุ่ม ขยำนวดบั้นท้ายกลมกลึง ไล้ลูบปลีน่องเรียวยาวพลางเกี่ยวเอาชายผ้าขนหนูให้แยกห่างออกไป ปลายนิ้วร้อนระอุลากไล้สัมผัสกับผิวเนื้อนวลเนียนนุ่มราวกำมะหยี่“คุณอันเจโล่” กฤติกาหายใจหอบรวยริน เรียวลิ้นเล็กกระหวัดเกี่ยวพลิกพลิ้วกับลิ้นอุ่นชื้น ฝ่ามือนุ่มนิ่มลูบไล้ไต่ขึ้นไปบนเรือนร่างแข็งกระด้าง จิกกดบนต้นคอแกร่งสลับสอดแทรกนิ้วเล็กเรียวลูบพัวพันกับเรือนผมหนานุ่ม ในหัวหมุนคว้างกับจุมพิตร้อนๆ ที่ฝากฝังลงไปบนผิวกายอย่างเรียกร้อง“ขอฉันเห็นเธอชัด ๆ นะลูกไก่” เอ่ยเว้าวอนเสียงพร่าแตก มือหนาโลมลูบไล้ไปทั่วเรือนกายนุ่มนิ่มอย่างหลงใหลเขินอายกับคำขอ ด้วยถ้าปมผ้าขนหนูหลุดออกจากกันเมื่อไหร่ ก็เท่ากับเธอเปลือยเปล่าราวทารกแรกเกิด แต่สายตาคมเข้มที่เว้าวอนขอนั่นก็ทำให้ปฏิเสธไม่ออกเหมือนกัน จึงได้แต่ตะกุกตะกักไม่รู้จะตอบชายหนุ่มกลับไปอย่างไรดี“ฉันรู้เธอคงอาย ถ้าอย่างนั้น...” กายใหญ่ผุดลุกขึ้นนั่งและรีบ
มือหนาลูบไล้ไต่ไปฟอนเฟ้นปทุมถันกลมกลึงอย่างหนักหน่วงพอๆ กับบดเบียดริมฝีปากซุกไซ้กุหลาบดอกงาม ลากไล้เรียวลิ้นอุ่นชื้นไปทั่วหุบเหวลี้ลับ กวาดไล้ดื่มด่ำกับความหวานหอมประหนึ่งหมู่มวลดอกไม้เบ่งบานชูช่อล่อภมร“คุณอันเจโล่” กฤติกาวอนเว้าขอเสียงหวานนุ่มให้เขาช่วยคลายความร้อนรุมในเรือนกาย หยัดร่างอรชรขึ้นส่ายรับการปรนเปรอของลิ้นร้าย ที่เร่งเร้าจังหวะกวาดไล้ซอกซอนแอ่นเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ จนเธอหลุดเสียงหวีดร้องและหายใจรวยรินเธอพร้อมพรั่งสำหรับเขาแล้ว อันเจโล่ยิ้มอย่างเริงร่า รู้สึกเหมือนว่าผิวกายจะเต้นระริกด้วยความตื่นเต้น ปากร้อนผ่าวเลาะเล็มไปบนผิวเนื้อกำมะหยี่อย่างอ่อนโยน“ลูกไก่จ๋า..” “ขา...” กฤติกาขานรับเสียงหวาน มองสบนัยน์ตาเข้มเป็นประกายพร่างพราวหวานเยิ้ม จิกเล็บบนท่อนแขนกำยำที่ยังทำการโลมไล้ทรวงอกเต่งตึงอย่างไม่ยอมให้ได้หยุดพัก อีกมือหรือก็... โอ้..นี่เขาจะทรมานเธอให้ลุกเป็นไฟหรือไรกัน“ขอฉัน..เมกเลิฟกับเธอนะลูกไก่”ถึงเขาไม่ขอ เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงและกำลังเหลือพอจะห้าม ทว่าเมื่อได้ยินคำนี้...มันทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจ ยินยอมรับเพลิงเสน่หาที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างเต็มใจ “ค่ะ” ก่อนฟันขาวขบกัดกลี
ปากหนาคลอเคลียเรื่อยมาจนแนบชิดกลีบปากอิ่มนุ่ม ขดขยี้ลงไปอย่างหื่นกระหาย เลาะเล็มกวาดไล้โพรงปากอุ่นนุ่ม เกี่ยวกระหวัดรัดรึงเรียวลิ้นเล็กนุ่ม ฝ่ามือร้อนนวดคลึงอกนุ่มหยุ่น ซึ่งปลายยอดก็ชูชันรับการกระตุ้นของเขาราวกับปลายยอดหญ้าเจอสายฝน ปากหนายกขึ้นเล็กน้อย ปากเธอบอกว่าไม่...แต่กายเธอกลับโหยหาในรสเสน่หาที่เขามอบให้“ฉัน...ทะ...ทำไมคะ ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงพร่า หยัดร่างแอ่นขึ้นรับสัมผัสร้อนผ่าว สองเท้าถูไถกับเตียงนุ่มที่ตอนนี้ผ้าปูเตียงหลุดร่นขึ้นมา เพราะสองร่างที่คลุกคลีกันด้วยเพลิงปรารถนาเร่าร้อน“เพราะเธอทำให้ฉันโหยหาปรารถนาที่จะ...” ชายหนุ่มกระซิบข้างใบหูเล็ก “ด้วยตลอดเวลา เธอจะต้องรับผิดชอบที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้”“บ้า...ที่พูดมานี่เพราะคุณน่ะความต้องการสูงเกินไปต่างหากล่ะ” เพราะชายหนุ่มยอมหยุดโลมไล้ทำให้เธอพอมีเวลาหายใจหายคออย่างโล่งขึ้นและสามารถต่อปากต่อคำกับเขาได้ด้วย“ใครว่า...ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ ส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่กับงานและงาน ผู้หญิงในชีวิตก็เข้ามาบ้างไม่มาก เพราะต้องการผ่อนคลายความเครียดและความอยากทางร่างกายเท่านั้น แต่พอมาเจอกับเธอ...” อดไม่ได้ที่จะไม่กดแ
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ยิ้มนะลูกไก่ ให้กำลังใจฉันไปทำหน้าที่ของตัวเอง เอาชนะพวกมารและจะได้รีบกลับมาหาเธอ” บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาตั้งใจเอ่ยคำนี้หรือเปล่า แต่เอ่ยออกไปแล้วก็ไม่ได้เสียใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มดีใจของแม่เนื้อนุ่มหวาน“คุณเจ” หัวใจถึงกับโป่งพองราวลูกโป่งอัดแก๊ส จนลอยลิ่วไปบนฟากฟ้าสีครามสดใส ก่อนดวงหน้าผ่องพรรณจะหมองหม่นลงเมื่อเสียงประกาศเตือนดังมาอีกครั้ง ที่ทำให้เธอตัดสินใจทำอย่างแสงกล้าพูด...เอ่ยบอกเขาให้รู้ความจริงในใจ ดีกว่าเก็บเอาไว้ในอกพร้อมความเจ็บช้ำ ได้บอกรักแม้ต้องผิดหวัง ยังดีกว่าไม่ได้บอกให้เขารู้กฤติกาจับมือใหญ่ มองเข้าไปในแววตาเข้ม “ลูกไก่มาเพราะมีเรื่องสำคัญอยากบอกคุณเจค่ะ...” สูดลมหายใจเข้าปอด รวมรวมความกล้า“ลูกไก่...รักคุณเจค่ะ” กฤติกาเอ่ยเสียงเข้มและหนักแน่นอันเจโล่เต็มตื้นกับคำรักที่ได้ยินจนหัวใจคล้ายลูกโป่งที่ถูกสูบแก็สอัดไปจนเต็มลอยพุ่งขึ้นบนฟากฟ้าในทันควัน “ลูกไก่!” สมควรเป็นเขาที่ต้องเอ่ยบอกคำนี้ออกไปก่อน แต่นี่คนตัวเล็กกลับ...เขายอมแพ้ใจเธอจริงๆ แขนกำยำสอดรวบกอดร่างเล็กแนบอก“ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คงมีแค่คำนี้...ขอบใจนะลูกไก่ที่รักคนนิสัยไม่ดีอย่างฉัน” คำเล็ก ๆ ที่มีอาน
อันเจโล่ผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา แม้อยากยืดเวลาออกไปแม้แค่เสียววินาที เพื่อให้ตัวเองได้เฝ้ารอด้วยความหวังอีกครั้ง ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จำต้องยอมรับความจริง กฤติกาไม่มาร่างหนาผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งด้วยเท้าที่หนักอึ้งจนแทบเดินต่อไม่ไหว ในหัวใจราวกับถูกเศษแก้วแตกที่ฝังอยู่ในก้อนเนื้อบาดเฉือนทุกการหายใจ เหมือนโลกที่ยืนอยู่แปรปรวน แผ่นดินไหวโยกทำให้เขายืนทรงตัวไม่อยู่ จนต้องเฝ้าถามย้ำกับตัวเองอีกครั้ง เป็นอะไรไป?“นายครับ”“มีอะไร”“จะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะครับ” กลับไปคราวนี้ศึกหนักหนาสาหัสรอนายอยู่ แล้วก็ไม่รู้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงสามารถเคลียร์เรื่องราวให้มันจบลงไปด้วยดี เขาอยากให้นายได้มีเวลาอยู่กับกฤติกาอีกหน่อย ได้เก็บช่วงเวลานี้ไว้เป็นกำลังใจยามที่ต้องต่อสู้กับเรื่องร้าย“ฉันไม่เป็นไร” อาการเขาคงหนักมากจริงๆ แม้กระทั่งลูกน้องยังสังเกตเห็นได้“จะให้คุณ...”“อย่าเลย” รู้ว่าเดโก้จะเสนออะไร เขาเองก็เคยคิดแวบ ๆ แต่คิดแล้วคิดอีกหลายตลบอยู่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของกฤติกา แต่อีกส่วนก็มาจากตัวเองที่ดันปากหนักเองช่วยไม่ได้ ถ้าเอ่ยปากชวนแม่เนื้อนุ่มไปด้วยนะ ป่านนี้ก็มีเธอข้างกายเรียบร้
“ลูกไก่” เอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า ฝ่ามือหนาไล้ลูบอย่างแผ่วเบาอ่อนโยน ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบทับจุมพิตไต่เลื่อนเคลื่อนไปบนผิวกายเนียนนุ่มลื่นราวกับแพรไหมอย่างเชื่องช้า“ขา...” กฤติกาขานรับ เพียงแค่มองสบนัยน์ตากับอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเขาต้องการสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องเอ่ยด้วยคำพูดอีกแล้ว... “เมื่อไหร่คะคุณเจ” เธออยากรู้ มีเวลานานเท่าไหร่ในอ้อมแขนแกร่งนี้“พรุ่งนี้” ตอบกลับเสียงพร่าแหบราวกับในอกถูกก้อนหินไร้น้ำหนักกดทับอยู่“เร็วจังเลยนะคะ” เปรยเสียงแหบแห้ง อยากขอเขาว่าอย่างเพิ่งไปได้ไหม อยู่กับเธออีกสักวันได้ไหม แต่กฤติกาก็พูดไม่ออก ด้วยรู้ถึงความอึดอัดใจของอีกฝ่าย คงทำได้แค่...ใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีค่าที่สุด เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำในวันต้องจากร้างห่างลากัน“ฉัน...” ถ้าเธอพูดอะไรนอกจากนี้สักคำ เขาคงรู้สึกดีกว่าการได้รับรอยยิ้มแห้งๆ นัยน์ตาหวานเศร้าอมโศกอย่างนี้นิ้วยาวเล็กยื่นไปทาบบนปากหนา “ไม่เป็นไรค่ะ ลูกไก่รู้ว่าคุณเจจำเป็น แค่...คืนนี้ เรา...” ปวดร้าวไปหมดทั้งทรวงจนพูดไม่ออก“ฉันรู้...คืนนี้ จนถึงเวลานั้น” ไม่อยากพูดถึงเวลาจำต้องลาจาก “เราจะมีกันและกันใช่ไหมลูกไก่”“ค่ะ...เราจะมีกันและกัน” กฤติกา
“ว่าไงอันเจโล่ จะบอก หรือจะให้ลูกไก่เจ็บมากกว่านี้”“อย่านะคุณเจ อย่า...‘บอก’” กลายเป็นเสียงกรีดร้องแทน เมื่อบาดแผลถูกกดเปิดออกจนเลือดไหลซึมออกมา“ลูกไก่!” กัดฟันกรอด อยากลุกขึ้นไปช่วยแม่หวานใจจนตัวสั่น แต่เพราะถูกจับเอาไว้เลยต้องทนเห็นแม่เนื้อนุ่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด จะไม่สัญญาใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มีโอกาสพาตัวเองหลุดรอดไปเมื่อไหร่ ริวาโก้ต้องรับผิดชอบในความเจ็บของลูกไก่น้อย แน่นอน!“ว่าไงอันเจโล่ หรือจะให้ฉัน...” ไม่ได้ยินดีกับความเจ็บปวดของใคร แต่มันจำเป็น“ได้” กัดฟันกรอดขณะตอบอีกฝ่าย “ฉันยอมบอก แต่แกห้ามทำร้ายลูกไก่”“ไม่นะคุณเจ! ยะ...อย่า...” กฤติการ้องห้ามก่อนเสียงจะขาดหายไป ด้วยเจ็บและหน้ามืด พ่วงด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง แต่กลับรู้สึกเหมือนมีเหงื่อผุดไหลข้างขมับและแผ่นหลัง“อย่าคิดตุกติกนะอันเจโล่ แกทำเมื่อไหร่ เตรียมตัวเห็นลูกไก่กลายเป็นคนที่มีร่างที่ไร้วิญญาณแน่นอน” ไม่ได้ขู่แม้แต่นิดเดียว เอาจริงทุกคำพูดด้วย เขายอมทำทุกอย่างทุกทางเพื่อให้อันเจโล่และครอบครัวประสบกับความหายนะ แก้แค้นให้กับตัวเองและทุกๆ คนที่ถูกกระทำจากครอบครัวนี้ให้สาสม!อันเจโล่มองดวงหน้าผุดผาดขาวซีด
อันเจโล่หน้าตึง ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ บิดามีเบื้องลึกเบื้องหลังอันไม่ดี แต่ไม่ว่าจะยังไง ท่านก็คือบิดาผู้ให้กำเนิด “พ่อฉันไปทำอะไรแก อย่าพูดใส่ความคนอื่นลอย ๆ ถ้าหากไม่มีหลักฐาน” พ่อเขาคงไม่ได้ไปฆ่าไปแกพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณของอีกฝ่าย ให้ต้องตามมาจองล้างจองพลาญตอนโต อย่างกับนิยายน้ำเน่าหรอกนะฮึ...ริวาโก้ปาดเหงื่อบนหน้า หันไปยิ้มหยันใส่พ่อลูกชายสุดแสนเลิศประเสริฐศรี ที่ถึงตอนนี้ยังให้ความรักและเคารพไอ้พ่อเลว ๆ ที่ทำร้ายลูกตัวเองลับหลังได้ลงคอ อยากรู้นักถ้าได้รู้ความจริง คู่ควงของตัวเองลับหลังถูกคนเป็นพ่อลากเข้าห้อง ปู้ยี้ปู้ยำไปไม่รู้สักกี่คนต่อกี่คน อันเจโล่รับได้หรือเปล่าชายหนุ่มพาร่างเพรียวเดินคล้ายคนเมา ทรงตัวไม่ได้ไปหยุดและค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งเบื้องหน้าอันเจโล่ นิ้วยาวไล้บนแก้มตอบเรื่อยลงมาถึงคางบึกบึน ก่อนลากเลยไปถึงจอนหูอีกฝั่ง โน้มใบหน้าไปแนบกับหู หลับตา ซึมซับเอาความอับอายและเจ็บปวดจากการถูกผู้ชายวัยคราวพ่อสั่งให้ถูกน้องจับเอาตัวขึ้นรถ ลากเข้าโรงแรมแล้วทำอย่างกับว่าเขาเป็นผู้หญิงขายเรือนร่าง น้ำตาอุ่น ๆ เอ่อล้นคลอหน่วยตา“พ่อแกข่มขืนฉัน!”“แกเอาเรื่องบ้าบอเฮงซวยอะไรมาใส่ความพ่อฉ
“จะไปไหนลูกไก่ มานี่เลยยายตัวดี” ยื่นมือไปอย่างเร็วจนคว้าเอาเส้นผมหนานุ่มดึงกลับมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย วงหน้าแดงปลั่งด้วยเพลิงโทสะ นัยน์ตาฉายแววเกรี้ยวกราดกฤติการ้องโอ๊ยดังลั่น สองมือจับผมบนศีรษะ ดวงหน้าผ่องพรรณเหยเกบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บจากแรงกระตุก พลางสาวก้าวเท้าถอยกลับไปด้านหลังอย่างเร็วรี่ เพราะถ้าขืนดันทุรังไป จะทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัวมากขึ้น“ปล่อยฉันนะริวาโก้” กฤติกาพูดเมื่อทนไม่ไหว เจ็บจนน้ำตาแทบไหล เมื่อพูดไปแล้วริวาโก้กระตุกจนในหูได้ยินเสียงดังกราว ราวกับเส้นผมจะหลุดร่วงออกมาทั้งแผง“อย่าทำอะไรลูกไก่นะไอ้ริวาโก้”“ตัวมึงเอง มึงยังเอาไม่รอดเลย ยังจะมาห่วงคนอื่น” หัวเราะใส่หน้า พลางสอดมือมาจับกุมลำคอระหง “ถ้ากูจะหักคอสวย ๆ นี่ทิ้ง มึงจะทำอะไรกูหา...ไอ้อันเจโล่”“ไอ้เลว!” อันเจโล่ฮึดฮัด แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะตัวเองก็ถูกคุมอยู่ จนแขนแทบจะหักออกเป็นสองท่อน “ถ้ากูหลุดไปได้ มึง...พลั่ก!!” พูดไม่ทันจบหมัดหนัก ๆ ก็สวนเข้ามาที่มุมปากเสียก่อน ชายหนุ่มเหลียวไปมองคนที่ทำให้เขาเจ็บด้วยนัยน์ตาดุร้ายราวกับเสือลำบาก ที่พร้อมสู้ไม่เหลียวหลังหนีอีกแล้ว“เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่าไหมคุณอันเจโล่
“ลูกไก่ไม่เป็นอะไรค่ะ แต่คุณเจน่ะสิ รู้อยู่แล้วว่าคนพวกนั้นเขาต้องการอะไร ยังจะ...” ถ้าเธอไม่บ้าจนเพี้ยนฟังอะไรผิดพลาดไปจนจนกลายเป็นความสะเพร่า ปล่อยให้ตัวเองถูกจับเอาตัวมาเพื่อต่อรองกับอันเจโล่ละก็ ป่านนี้ชายหนุ่มจัดการพวกตัวร้ายพวกนี้จนหมอบราบคาบแก้วไปแล้วบ้าจริง...กลีบปากอิ่มนุ่มขบเม้มเข้าหากัน ก้มหน้าหมองเศร้าด้วยความรู้สึกผิด น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้า เพราะเสียใจที่ตัวเองกลายเป็นต้นเหตุให้อันเจโล่ต้องเพลี่ยงพล้ำ แล้วยังกลายเป็นตัวภาระให้ชายหนุ่มต้องคอยกังวลในความปลอดภัยอีก“ร้องไห้ทำไมล่ะลูกไก่” อันเจโล่จับรั้งปลายคางมนให้แหงนขึ้นมองสบตาด้วย นิ้วยาวร้อยไกล่เกลี่ยกดซับหยดน้ำที่เอ่อล้นไหลซึมลงมาตามร่องแก้ม “หรือกลัวฉันเป็นอันตรายฮึ”“แต่ถ้าไม่มีลูกไก่สักคน คุณเจก็คงไม่...”อันเจโล่รีบยกมือปิดปากคนตัวเล็ก ศีรษะทุยสะบัดส่ายเบาๆ “ถึงไม่มีเธอ ริวาโก้ก็ต้องหาทางเล่นงานฉันจนได้นั่นแหละ เพียงแค่ประจวบเหมาะเล็กน้อยเท่านั้นเอง ไม่เป็นไรหรอกเรื่องขี้ปะติ๋ว ฉันรับมือได้สบายมาก” แม้จะกังวล ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีเอาเสียเลย หนทางหนีแทบปิดตาย ด้วยเมื่อมองไปรอบทิศทั่วทุกทางก็ล้วนแล้วแต่ท้อ