ตอนที่ 26รอช้าไม่ได้อีกแล้วภายในห้องอาบน้ำเงียบสนิท เบื้องหน้าของเฉินจินฮวายามนี้มีเจ้าของร่างสูงกำลังประทับนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำไม้ทรงโค้งกลมขนาดใหญ่ แรกเห็นเฉินจินฮวาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เนื่องด้วยเมื่อก่อนนั้นมีเพียงนางเพียงคนเดียวที่เคยอาบน้ำในถังอาบน้ำไม้นี้ ยามนี้ภายในห้องอาบน้ำมีไอร้อนจากน้ำที่ผสมอยู่ในอ่างอาบน้ำลอยอยู่ไม่น้อยทีเดียว นางค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไปใกล้ไท่จื่อหนุ่มที่กำลังสรงน้ำอยู่อย่างไม่เร่งรีบ ไม่เร่งรีบที่ว่าก็คือนาน ๆ จึงจะก้าวเท้าเดินสักครั้งหนึ่ง คงเป็นเพราะรอท่าอยู่นานแล้วหรือไม่ก็รู้สึกไม่สามารถทนต่อความเชื่องช้าของนางได้แล้วพระองค์จึงได้ตรัสถามขึ้น"ชายารัก หากเจ้ายังมัวแต่เชื่องช้าอยู่เช่นนั้นเห็นทีน้ำในอ่างคงจะเย็นหมดเสียก่อน""หม่อมฉันไม่เคยปรนนิบัติผู้ใดอาบน้ำมาก่อนอาจจะปรนนิบัติพระองค์ได้ไม่ดีนักนะเพคะ" นางเอ่ยดักคอขึ้นมาก่อน แล้วจึงรวบรวมความกล้าก้าวเข้าไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังอ่างอาบน้ำไม้ที่ทรงแช่ตัวอย่างผ่อนคลายอยู่"เรื่องนั้นข้าจะถือสาได้อย่างไร มิใช่ว่าก็ควรแล้วมิใช่หรือที่เจ้าจะไม่เคยปรนนิบัติผู้อื่น เจ้าเป็นคนของข้าก็ควรจะปรนนิบัติเพียงข้าถูก
ตอนที่ 27ลงมือเมื่อวานหลังจากที่นางกลับมาถึงตำหนักบูรพาก็แยกกับองค์ไท่จื่อทันทีเพราะฝูกงกงเข้ามารอรับเสร็จองค์ไท่จื่อและรีบรายงานว่าฝ่าบาททรงเรียกองค์ไท่จื่อให้รีบไปเข้าเฝ้าโดยด่วน ทั้ง ๆ ที่พระองค์เพิ่งเสด็จกลับออกมาจากวังหลวงยังไม่ถึงวันด้วยซ้ำเพราะเป็นพระบัญชาจึงไม่อาจรอช้าได้ เมื่อพระองค์ทรงเสด็จออกไปพร้อมฝูกงกงในทันทีส่วนเฉินจินฮวานั้นทันทีที่กลับมาถึงตำหนักนั้นก็ได้สั่งให้อาหลัวรีบไปหาคนคนหนึ่งแทนนางคนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือหมอผู้หนึ่งที่นางให้ติดตามมาจากจวนสกุลเฉินด้วยตั้งแต่แรกในฐานะบ่าวรับใช้“อาหลัวเจ้าไปบอกท่านหมอเหยาว่าข้าต้องการยาที่ดื่มเข้าไปแล้วรู้สึกมึนงง ร้อนรุ่ม และมีความต้องการอ่อน ๆ เมื่อดื่มยาเข้าไปจะออกฤทธิ์เมื่อได้กลิ่นหอมของดอกไม้หรือเครื่องหอมอะไรก็ได้ เจ้าไปให้ท่านหมอเตรียมมาให้ข้าที”“คุณหนูนี่ท่านจะใช้ยากับองค์ไท่จื่อหรือเจ้าคะ ทำเช่นนี้หากทรงกริ้วขึ้นมาไม่เป็นการดีแน่อีกอย่างองค์ไท่จื่อดูแล้วโปรดปรานคุณหนูอยู่ไม่น้อย ไม่นานก็คงทรงร่วมหอกับคุณหนูเองนะเจ้าคะ อย่าใจร้อนจนต้องวางยาองค์ไท่จื่อเลยเจ้าค่ะ”อาหลัวกล่าวออกมาอย่างร้อนใจ นางเป็นสาวใช้คนสนิทข
ตอนที่ 28เชื่อใจไม่ได้?องค์ไท่จื่อทรงเข้าวังไปในเวลาใกล้ค่ำเช่นนี้เฉินจินฮวาคิดว่า ทรงจะต้องประทับค้างคืนในวังหลวงเป็นแน่ คืนนี้นางก็สามารถมั่นใจ ได้ว่าความสงบสุขในค่ำคืนจะไม่ถูกก่อกวนอีกจึงได้เข้านอนตั้งแต่ หัวค่ำคงเป็นเพราะมื้อเย็นนางรู้สึกไม่อยากอาหารเท่าไหร่นักจึงทาน โจ๊กไปเพียงไม่กี่คำ ตกดึกจึงได้ตื่นขึ้นมาเพราะความหิว“อาหลัว” นางเอ่ยเรียกสาวใช้คนสนิทของตนที่น่าจะนอนเฝ้า ประตูอยู่ที่ห้องด้านนอก ส่งเสียงเรียกเพียงครั้งเดียวเจ้าของร่างอัน คุ้นเคยก็ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะช่วยนางรวบม่านกั้นเตียงที่ปิดอยู่ขึ้น“คุณหนู ท่านต้องการสิ่งใดหรือเจ้าค่ะ”“ข้ารู้สึกหิวมากเลยอาหลัว”“คุณหนูรอบ่าวสักครู่ บ่าวจะไปดูที่ห้องครัวว่ามีสิ่งใดพอจะนำมาให้คุณหนูรับประทานได้บ้าง” อาหลัวเสนอขึ้น“ข้าไม่อยากรอ ไปพร้อมกันกับเจ้าเลยจะดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาด้วย”“เช่นนั้นบ่าวไปหยิบเสื้อคลุมมาให้คุณหนูสวมนะเจ้าคะ”หลังจากที่เฉินจินฮวาสวมเสื้อคลุมที่อาหลัวไปหยิบมาให้เรียบร้อยแล้ว สองนายบ่าวก็ออกจากเรือนนอนหลักของตำหนักไปยังโรงครัวที่ตั้งอยู่หลังเรือนหลักของตำหนักทิศประจิมตลอดเส้นทางจากเ
ตอนที่ 29 ความลับของตำหนักพายัพ“ดูพอแล้วหรือไม่ พอแล้วก็ควรกลับได้แล้วกระมัง”น้ำเสียงอันคุ้นหูกระซิบข้างหูนางอย่างแผ่วเบา เฉินจินฮวาได้สติขึ้นมาในทันทีจึงได้รู้ว่ายามนี้อาหลัวหายไปแล้ว ผู้ที่เมื่อครู่ใช้มือปิดปากกลั้นเสียงร้องของนางเอาไว้ได้ทันนั้นแท้จริงแล้วคือองค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ที่ยามนี้ควรบรรทมอยู่ในวังหลวงมิใช่มาแอบอยู่ในสวนของตำหนักพายัพกับนางในขณะนี้นางถูกพาตัวกลับมายังเรือนนอนที่ตำหนักทิศประจิมในเวลาต่อมา ตลอดทางกลับมานางไม่เจออาหลัวเลยจึงไปเอ่ยถามองค์ไท่จื่อขึ้นเมื่อมาถึงห้องชั้นนอกเรือนนอนของนาง“อาหลัวเหมือนจะหายไปพระองค์ทรงเห็นนางบ้างหรือไม่เพคะ”“ข้าให้ลู่เหยียนส่งนางกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว” เมื่อได้ไขความสงสัยแล้วนางจึงได้หันกลับมาย่อกายลงทำความเคารพอย่างอ่อนน้อมก่อนจะเอ่ยขึ้นกับบุรุษตรงหน้า“หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ” เอ่ยจบเฉินจินฮวาก็เดินเข้าเรือนชั้นในซึ่งเป็นห้องนอนของนางไปในทันที ไม่ได้สนใจองค์ไท่จื่อหนุ่มอีก นางในยามนี้ยังต้องการเวลาทำความเข้าใจกับเรื่องที่เพิ่งพบเห็นมากับตาตนเองเสียก่อน ซ้ำยังไม่ใจกล้าถึงขั้นเอ่ยถามถึงเรื่องของหมิงเช่อเฟยกับพระองค์โดยตรงเพราะก
ตอนที่ 30 เอาใจเป็นเช้าอีกวันหนึ่งที่นางตื่นมาก็ไม่เจอองค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ แล้ว อาจูกับอาหลัวเข้ามาช่วยนางล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนอาภรณ์เหมือน เช่นทุกวัน ครั้งแรกที่เห็นหน้าอาจูนางเพียงยิ้มออกมาเบา ๆ ไม่ได้ทำสี หน้าหรือท่าทางใด ๆ ที่แปลกไปจากปกติทั้ง ๆ ที่ในใจนั้นว้าวุ่นไป หมด อาหลัวก็เช่นเดียวกันกับนางที่ทำตัวได้อย่างปกติ หากเมื่อครั้งที่อาหลัวเดินเข้ามาในคราวแรกแล้วไม่ได้ส่ง สายตาอย่างรู้กันให้นางก่อนนางก็คงคิดว่าเรื่องที่ได้พบเห็นเข้าโดย บังเอิญนั้นเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้นอาจูออกไปเพื่อเตรียมตั้งสำรับอาหารมื้อเช้าให้นาง ตอนนี้จึงเป็นเวลาดีที่นางจะได้เอ่ยกับอาหลัว“เรื่องเมื่อคืนห้ามเจ้าแพร่งพรายออกไปโดยเด็ดขาด ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้นเข้าใจหรือไม่”“คุณหนูไม่ต้องเป็นกังวลเจ้าค่ะ บ่าวจะไม่แพร่งพรายไปอย่างเด็ดขาด” อาหลัวตอบกลับผู้เป็นนายของนางด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พลางนึกไปถึงเมื่อตอนรุ่งสางที่องค์ไท่จื่อทรงกำชับกับนางด้วยตัวเอง ด้วยพระสุรเสียงทรงอำนาจด้วยพระองค์เอ่ย จำได้ดีเลยว่ายามนั้นนาง ได่แต่ก้มหน้าทูลตอบพระองค์ได้เพียงแค่คำว่าเพคะ ๆ อยู่อย่างเดียวเท่านั้น“หากเร
ตอนที่ 31 พระองค์ทรงโปรดปรานเจ้าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับไปยังตำหนักแล้วหลังจากที่ฝูกงกงมาทูลรายงานว่ามีขุนนางมาของเข้าพบพระองค์ ยามนี้ที่ศาลากลางน้ำจึงเหลือเพียงนางและหมิงเช่อเฟยเพียงเท่านั้น“หมิงเช่อเฟย ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วยเรื่องหนึ่ง”“เจ้าอยากให้ข้าช่วยเรื่องอะไรหรือ”“ข้าเห็นว่าทิวทัศน์ที่บึงเหลียนฮวาหยกนี่งดงามเป็นอย่างยิ่ง น่าจะเหมาะกับการจัดงานเลี้ยงมื้อค่ำเล็ก ๆ ไม่รู้ว่าหากข้าเอ่ยชวนเจ้ามาร่วมจัดงานเลี้ยงด้วยกันจะได้หรือไม่”“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่างานเลี้ยงมื้อค่ำของเจ้ามีนัยพิเศษอะไรซ่อนเอาไว้หรือไม่”“ในเมื่อหมิงเช่อเฟยมองออก ข้าเองก็ไม่ขอปิดบัง ตัวข้านั้นได้เคยออกปากว่าจะช่วยสวีเช่อเฟยให้เป็นที่โปรดปรานเรื่องนี้เจ้าเองก็รู้”“เจ้าตั้งใจจะสร้างโอกาสให้นางในคืนงานเลี้ยงมื้อค่ำสินะ”“ข้าได้ยินมาว่าสวีเช่อเฟยมีความสามารถมากในฝีมือด้านดนตรี หากในวันนั้นบรรยากาศและเสียงเพลงเป็นใจสวีเช่อเฟยย่อมโดดเด่นมากเป็นแน่ องค์ไท่จื่อก็คงถูกนางดึงดูดได้ไม่ยาก” นางเอ่ยขึ้นกับหมิงเช่อเฟย แต่ไม่ได้บอกแผนการลับออกไป เพราะกลัวว่าหมิงเช่อเฟยจะไม่เอาด้วยกับนางหากล่วงรู้ถึงแผนการที่แท้จริง“หากจะ
ตอนที่ 32 โทสะขององค์ไท่จื่อท่วงทำนองบรรเลงหวานพลิ้วไหว สวีเช่อเฟยสมเป็นเทพแห่งเสียงเพลงโดยแท้ ท่วงทำนองกู่เจิงที่นางบรรเลงช่างนุ่มนวลไพเราะน่าฟังน่าหลงใหลยิ่งนัก เฉินจินฮวาฟังไปแล้วยังรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ครั้งนางหันไปทางองค์ไท่จื่อก็เห็นว่าพระองค์มีท่าทีพอใจกับการบรรเลงกู่เจิงของสวีเช่อเฟยอยู่มากทีเดียวนางเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกได้ทันทีว่าแผนการในคืนนี้จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอนไม่นานฝูกงกงและอาหลัวก็มาพร้อมกับน้ำแกงไก่ตุ๋นของนางซึ่งมีอาหลัวทำหน้าที่ยกใส่ถาดมา เจ้าของน้ำแกงไก่สูตรพิเศษมองถ้วยชามใบเล็กที่อยู่ในถาดที่สาวใช้คนสนิทของตนถือประคองมาอย่างระมัดระวังด้วยสายตาพึงพอใจ แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาก็ทอดมองไปยังถ้วยชามใบนั้นด้วยสีหน้าแสนเสียดายไม่ต้องรอให้ฝูกงกงยกน้ำแกงไก่ตุ๋นของนางลงมา เฉินจินฮวาก็แย่งถ้วยน้ำแกงมาถือเอาไว้ซะก่อน"เฉินเช่อเฟยโปรดช้าก่อน น้ำแกงไก่ในมือท่านยังไม่ได้ถูกตรวจสอบเลยขอรับ" ฝูกงกงเอ่ยออกมาเฉินจินฮวาไม่ได้สนใจเสียงร้องเรียกของฝูกงกง นางประคองถ้วยน้ำแกงในมือลงบนโต๊ะเสวยหน้าพระพักตร์ขององค์ไท่จื่อทันที"น้ำแกงไก่ที่หม่อมฉันตุ๋นด้วยตัวเองเพคะ" นางเอ่ยขึ้นด้วยรอยย
ตอนที่ 33 โทสะนี้แน่นอนว่าเป็นเจ้าที่จะต้องรับเอาไว้ 1 ยามนี้หัวใจของสวีฟางซินเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ใบหน้างามเต็มไปด้วยความขัดเขินอย่างเห็นได้ชัดเจน ครั้งพระพักตร์คมคาย เคลื่อนเข้ามาใกล้ นางจึงหลับตาลงเตรียมตัวรับความใกล้ชิดลึกซึ้งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามความปรารถนาของพระองค์ที่มีทว่ายังไม่ทันที่ความใกล้ชิดใด ๆ จะเกิดขึ้นอย่างที่นางคาดคิดเอาไว้ ความขวยเขินก่อนหน้านี้เป็นอันต้องหายลับไปและถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวแทนเมื่อองค์ไท่จื่อที่สมควรจะต้องโอบกอดนางลงที่ประทับอย่างเร่าร้อนกลับผลักนางลงมาจากเตียงบรรทมอย่างแรง จนนางล้มลงอย่างไม่เป็นท่าอยู่ที่พื้นด้านล่างเตียงบรรทม“เพียงเพื่อที่จะได้ปีนขึ้นเตียงบรรทมข้า เจ้าที่มาจากสกุลใหญ่ถึงขั้นใช้วิธีสกปรกที่สุดอย่างการวางยาปลุกกำหนัดได้อย่างไม่รู้สึกละอาย” พระสุรเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะและความเดือดดาลเต็มทีตรัสออกมาอย่างไม่ไว้หน้าโชคดีที่พระองค์มีวรยุทธ์จึงได้สามารถสกัดฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดเอาไว้ได้ครู่หนึ่ง แม้พระวรกายจะยังมีความต้องการอย่างห้ามไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ร้อนรุ่มอย่างหน้ามืดตามัวอีก“หม่อมฉันไม่ได้ทำนะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้เป็นคนวางยาพระองค์”
ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั
ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล
ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว
ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้
ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ
ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม
ตอนที่ 49สุมไฟโม่หลงอวี้กว่าจะกลับถึงตำหนักบูรพาฟ้าก็ใกล้จะมืดเต็มที่แล้ว พระองค์เสด็จไปยังตำหนักทรงอักษรส่วนพระองค์ทันทีที่กลับมาถึง เมื่อทรงเข้ามาในตำหนักทรงอักษรแล้วก็มีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวน“ลู่เหยียน” สิ้นเสียงเรียกเพียงครั้งเดียวองครักษ์หนุ่มก็ออกมาจากเงามืดทันที เขามาหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นนายเหนือหัวก่อนจะก้มลงคุกเข่า“องค์ไท่จื่อ”“เปิ่นไท่จื่อสั่งให้เจ้าคอยจับตาตำหนักหรดีเอาไว้ได้ความว่าอย่างไร”“ทูลองค์ไท่จื่อ หลังจากพระองค์เสด็จออกไปจากตำหนักบูรพาไม่นานเฮ่อเช่อเฟยก็ไปที่ตำหนักทิศประจิมพ่ะย่ะค่ะ”“หลังจากนั้นเล่า” ทรงตรัสถามต่อ“เช่อเฟยทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฮูหยินรองแม่ทัพมู่จะมาพบเฉินเช่อเฟย เฮ่อเช่อเฟยถึงได้แยกกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”“พวกนางเพียงพูดคุยกันเท่านั้นหรือ”“เริ่มแรกสนทนากันอย่างเป็นมิตรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลอบฟังได้เล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งใดผิดปกติจึงได้ตามไปดู การสนทนาหลังจากนั้นจึงไม่ทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอประทานอภัยด้วย”“นอกจากตำหนักทิศประจิมแล้ว เฮ่อเช่อเฟยได้ไปอีกสองตำหนักอีกหรือไม่”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ลู่เหยียน จงรับคำสั่ง” ไ
ตอนที่ 48ตำหนักหรดีน้ำแกงผักตุ๋นกระดูกหมูอ่อนดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้นำไปถวายองค์ไท่จื่อแล้ว เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะว่าคืนนี้องค์ไท่จื่อทรงจะยุ่งมากเป็นพิเศษทั้งคืน“อาหลัวเจ้านำน้ำแกงตุ๋นส่งไปที่ตำหนักพายัพแทนก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิทของตน“คุณหนูตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจริงให้นำไปส่งให้หมิงเช่อเฟยแทนเล่าเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ น้ำนั่นแกงที่นางอุตส่าห์เคี่ยวอยู่กว่าสองชั่วยามเชี่ยวนะ“ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งเช่อเฟยคนใหม่ เฮ่อเช่อเฟย เจ้าไม่ได้ยินที่เสี่ยวหม่ากงกงมาแจ้งข่าวเมื่อครู่หรือว่าฤกษ์ส่งตัวของนางก็คือคืนนี้”“ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ข้าน้อยสามารถนำน้ำแกงตุ๋นของคุณหนูไปถวายให้แก่องค์ไท่จื่อที่ตำหนักหลักได้นะเจ้าคะ คุณหนูให้ข้าไปเถอะเจ้าค่ะ น้ำแกงนี่ท่านอุตส่าห์ตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อ”“ทำเช่นเจ้าว่าได้ที่ไหนกันอาหลัว ผู้ใดรู้เข้าจะคิดว่าข้าคิดเรียกร้องความสนใจจากองค์ไท่จื่อขัดขวางพระองค์ไม่ให้เสด็จตำหนักหรดีของเช่อเฟยคนใหม่ เจ้าทำตามข้าบอกส่งน้ำแกงนั้นไปให้หมิงเช่อเฟยแทน”“เจ้าค่ะคุณหนู” อาหลัวจำต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายตน นำน
ตอนที่ 47องค์หญิงเฮ่อหลินจือณ วังหลวงแคว้นเป่ยซี ภายในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียว ยามนี้องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้กำลังเดินหมากอยู่กับเสด็จพ่ออีกทั้งพระองค์กำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ด้วย “คณะทูตจากเผ่าต้าเหอจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกหลายวัน เจ้ารองทำการดูแลคณะทูตได้ดีไม่มีสิ่งใดเกิดปัญญา”“หน้าที่ดูแลคณะทูตจากต่างแดนเหมาะสมกับน้องรองมาก หากมีทูตมาจากที่อื่นลูกก็เชื่อว่าเขาจะจัดการได้ดียิ่งขึ้นไปอีก” ไท่จื่อหนุ่มเอ่ยขึ้นสนับสนุนผู้เป็นน้องชายตน ถึงแม้ภายนอกน้องรองของพระองค์จะดูช่างพูดจนน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ก็เหมาะกับตำแหน่งต้อนรับทูตดี อีกทั้งเวลาทำงานก็ตั้งใจดีไม่น้อย“พ่อก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า ภายหน้าเจ้ารองกับเจ้าสามจะช่วยแบ่งเบางานเจ้าได้มาก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่องที่พ่อยังต้องบอกและปรึกษาเจ้า” ทรงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” พระองค์วางมือจากหมากในมือลง แล้วหันไปสนใจเสด็จพ่อของตนด้วยสีหน้าจริงจังไม่แพ้กัน“หัวหน้าเผ่าส่งสาส์นมาถึงจ้า ต้องการให้องค์หญิงบุญธรรมเฮ่อหลินจือแต่งกับเจ้า”“กระหม่อมของปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ” โม่หลงอวี้ตอกกลับออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด“เพร