แชร์

Chapter  35. เจ็บตรงไหน

ผู้แต่ง: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56

“คุณหนูเจ้าคะท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

เสียงชุนเอ๋อร์ดังอยู่ด้านนอก เคอหลิ่งหลินสบตากับดวงตาคบกริบคู่นั้นแล้ว เขานั่งอยู่ขอบเตียงแต่นางไม่มีแรงยันตัวเองขึ้นจากที่นอน

“ไม่...ไม่มีอะไร ข้าจะนอนแล้ว”

สิ้นเสียงของนาง มือใหญ่ยกขึ้นสะบัดเพียงเล็กน้อยเทียนในห้องก็ดับวูบไปเหลือเพียงแสงจันทร์ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง นางอยากจะหัวเราะแต่ทำไม่ได้ เขาเคยพร่ำเตือนนางให้เข้าทางประตู แต่ครั้งนี้เป็นเขาที่เข้ามาทางหน้าต่าง เวลานี้เขาไม่เหมือน

คนเจ็บป่วยอ่อนแอเลย

“เจ็บตรงไหน?”

น้ำเสียงนั้นไม่อ่อนโยนสักนิด มิใช่คำถามแต่เหมือนคาดคั้น นางเผยอริมฝีปากขึ้นเพื่อจะอ้าปากกัดริมฝีปากตัวเองกลั้นเสียงร้องแห่งความทุกข์ทรมาน ทว่าบุรุษผู้นั้นกลับส่งนิ้วตนเองขวางไว้ให้นางงับแทนเสียนี่

“อย่า! เจ้าอาจกัดลิ้นตัวเองได้”

ใช่ นางมิได้กัดลิ้นตนเอง แต่กัดนิ้วของเขาแทน

เพราะกัดเข้าไปเต็มแรงจนรู้สึกถึงรสคาวในปาก ริมฝีปากที่ซีดนั้นกลายเป็นสีแดงชาดเพราะเลือดของเขา นางอ้าปากออก มองใบหน้าของเขา เขาไม่ใช่ ‘คุณชายเฉิน’ ของนาง เขาเป็นองค์ชายไท่หยาง โอรสองค์โตของฮ่องเต้ต่างหาก นางเจ็บปวดและเจ็บใจ ช่างโง่นักไยไม่ใช้สมองน้อยๆ คิดบ้างล่ะว่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter  36.  จะคอยหวังพึ่งผู้อื่นได้อย่างไร

    “เจ้าได้ยินชัดแล้ว” เคอหลิ่งหลินถอนหายใจเบาๆ“แต่ข้าอยากพบองครักษ์ของเขามากกว่า” “คุณหนูจะพบคนผู้นั้นทำไมเจ้าคะ” “ข้ามีเรื่องต้องสอบถามเขา” แล้วนางก็หุบปากลง เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองพลั้งปากพูดมากเกินไป “เจ้านี่ช่างซักข้าเหมือนท่านแม่เสียจริง” “ก็จริงนี่เจ้าคะ ท่านจะไปพบชายหน้าตาโหดแถมไร้กิริยามารยาทอย่างคนผู้นั้นทำไมกัน” ชุนเอ๋อร์เบ้ปากทำจมูกย่น “หิ้วข้ามานี่ถามข้าสักคำไหมว่าเจ็บหรือเปล่า” เคอหลิ่งหลินเห็นท่าทางกระฟัดกระเฟียดของชุนเอ๋อร์ก็หัวเราะออกมาเบาๆ “เขาเป็นองครักษ์ จะให้ทำตัวนุ่มนิ่มเป็นขันทีได้อย่างไรกัน” นางหยอกล้อสาวใช้ประจำตัว “แหม! ทะนุถนอมบ่าวหน่อยก็มิได้ หิ้วมาอย่างกับข้าเป็นกระต่ายจะเอาไปเชือดอย่างไรก็ไม่รู้ หน้าตาบึ้งตึงผิดกับองค์ชายไท่หยางที่หล่อเหลาสง่างามยิ่งนัก” “เจ้านี่ก็เปรียบเทียบไปได้ คนผู้นั้นเป็นถึงโอรสของฮ่องเต้อย่างไรก็ต้องดีกว่าองครักษ์อยู่แล้ว” ใช่ ก็มีแต่นางที่โง่งมดูไม่ออกว่าเขาเป็นใครมาตั้งสองปี “แล้วทำไมท่านไม่ไปหาองค์ชายไท่หยางละเจ้าคะ จะไ

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter  37.   เหตุใดนางจึงเป็นเช่นนั้น

    “เออนะ...แม่เคยได้ยินว่าองค์ชายไท่หยางสุขภาพไม่แข็งแรง ทรงมาพักฟื้นแถบชายแดนบ่อยๆ เพราะมีบ่อน้ำพุร้อนที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดี เจ้าชอบเข้าป่าไปฝึกเพลงขลุ่ยนี่เคยพบองค์ชายบ้างหรือไม่ หลินเอ๋อร์” ร่างที่สวมอาภรณ์งดงามไม่แพ้องค์หญิงใดถึงกับสะดุ้ง นางพยายามซ่อนอาการไม่ให้ผิดปกติ แต่ช้าไปแล้ว ทุกอากัปกิริยาของนางนั้นอยู่ในสายตาของผู้เป็นแม่และบ่าวรับใช้ที่ติดตามมานาน “ขะ...ข้า...มะ...ไม่... ไม่เคยเจอองค์ชายเสียหน่อย”นางถึงขั้นกับพูดไม่ออก ใช่ๆ นางมิได้โกหกเพราะคนที่นางเจอคือคุณชายเฉิน หากรู้ว่าเขาเป็นถึงองค์ชาย นางรึจะกล้าเข้าไปใกล้ขนาดนี้เพราะไม่ต้องการถูกซักถามอะไรอีก นางรีบเดินออกมาแต่ก้าวพ้นประตูไปแค่ครึ่งก้าวก็ต้องหันกลับมาทางฮูหยินอี้ซิ่วและชุนเอ๋อร์ “ข้าจะไปพบองครักษ์ขององค์ชายไท่หยางได้ที่ใด” ทั้งฮูหยินอี้ซิ่วกับชุนเอ๋อร์มองหน้ากันแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เสียงหัวเราะของทั้งสองทำให้เคอหลิ่งหลินได้แต่เม้มปากตัวเองแน่นจนเรียบตึงข่มความเขินอายที่เกิดขึ้นในใจ ท่าทางตอนนี้ของนางนั้นน่ารักเสียจนฮูหยินอี้ซิ่วอยากให้สามีนางได้

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 38.  มาไม่ถูกเวลา

    “หม่อมฉันขอยืมตัวองครักษ์ของพระองค์สักครู่เพคะ”“?!?”คิ้วเข้มเรียวยาวเป็นระเบียบขมวดกันด้วยความงุนงง ไท่หยางเห็นว่านางพูดจริง จึงปรายตามองไปทางองครักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หากสายตาของผู้เป็นนายคมดุจลูกธนู ต้าซื่อรู้สึกได้เลยว่ามันพุ่งตรงเสียบหน้าอกของเขาดัง ฉึก! เลยทีเดียวเคอหลิ่งหลินไม่เข้าใจ ทำไมเขาต้องสูดลมหายใจลึกและแรงแบบนั้น สีหน้าดูไม่พอใจอย่างมากหรือว่านางมาไม่ถูกเวลา “หม่อมฉันมีเรื่องต้องสนทนากับเขาสักครู่ หวังว่าจะไม่ทำให้พระองค์ขุนเคืองพระทัย” องครักษ์ร่างใหญ่เห็นผู้เป็นนายพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตแล้ว เขาจึงก้าวเท้าเข้าไปทางเคอหลิ่งหลินที่มีหญิงรับใช้ตามติดมาด้วย เขาผายมือเชิญให้นางเดินตามเขาไปอีกด้านหนึ่งของบริเวณสวน เมื่อเคอหลิ่งหลินมั่นใจว่าบริเวณนี้ไม่มีผู้อื่นที่จะได้ยินแล้วจึงหันไปสั่งชุนเอ๋อร์ให้รออยู่ห่างสักหน่อย“แต่...ท่านหญิง”“ไม่มีอะไรหรอก เจ้ารออยู่นั้นสักประเดี๋ยวเถอะ”“เจ้าค่ะคุณหนู” ชุนเอ๋อร์จำใจรับคำสั่ง แต่เมื่อเงยหน้าเห็นคนตัวใหญ่ยักษ์ก็แอบแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ ต้าซื่อได้แต่งุนงงกับคนติดตามของเคอหลิ่งหลิน“นางแค่เป็นห่วงข้า ไม่มีอะไรหรอก” เคอหลิ่งหลินหัวเราะเ

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter  39. แผลแค่นี้จะสักแค่ไหน

    ไท่หยางเจตนาพูดให้เคอหลิ่งหลินได้ยินชัดทุกถ้อยคำ นางเพียงอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแล้วก็หุบปากยืนนิ่งราวกับไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่นางทำไว้กับเขา หากนางเป็น ‘เคอหลิ่งหลิน’ คนเดิมของเขา นางจะพูด...พูด...พูดทุกอย่างที่รู้สึก ไม่ใช่อ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้ “ตายจริงให้หม่อมฉันทำแผลให้เถิดเพะคะ ปล่อยทิ้งไว้หากแผลติดเชื้อมาจะรักษายากนัก” ถ้าเขาเป็น ‘คุณชายเฉิน’ ของนางละก็...นางคงไม่ต้องกล้ำกลืนถ้อยคำไว้จนเต็มกระพุ้งแก้มแบบนี้หรอก “หม่อมฉันมารบกวนเวลาของพระองค์นานแล้วขอตัวกลับก่อนเพคะ” เคอหลิ่งหลินหุนหันหมุนตัวเดินออกไป แต่นางนึกขึ้นได้ก็เดินกลับมายอบคารวะองค์ชายไท่หยางก่อนสะบัดหน้าเดินเร็วๆออกมา ชุนเอ๋อร์แทบจะวิ่งตามเลยทีเดียว “คุณหนู รอบ่าวด้วยซิเจ้าคะ” เคอหลิ่งหลินเดินออกมาได้หลายก้าว ใจที่เต้นแรงก็เริ่มเบาลง เป็นนางที่กัดนิ้วของเขา แต่เขานั้นแหละยื่นนิ้วให้นางกัดทำไม พอนึกถึงรอยช้ำสีเขียวที่รอบนิ้วของเขาก็อดเป็นกังวลไม่ได้ หญิงสาวหันกลับไปมองตำหนักขององค์ชายไท่หยาง กวาดตามองรอบๆ แล้วแอบยิ้มนิดๆ รอยยิ้มของเคอหลิ่งห

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter  40.   กลับมาเป็นคนเดิม

    “อยู่ในอ้อมกอดข้า ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้น ข้าเพียงแต่ช่วยเจ้ามิให้ทหารยามเห็นเจ้าก็เท่านั้น”“ขอบพระทัยที่ช่วยเหลือเพคะ” ทำบ่อยละซิ! ชิ! นางเม้มปากกัดกลืนคำพูดที่คิดไว้ลงท้องเสียหมดสิ้น“ข้างนอกอากาศเย็น เข้าไปในตำหนักเถิด” เขายอมถอยให้ก่อน แต่ไหนแต่ไรนางมักเอาอกเอาใจเขาเสมอ ตั้งแต่พบหน้ากัน ได้รู้ฐานะที่แท้จริงของอีกฝ่าย ยังมิได้พูดจากันดีๆ สักคราเดียว“พระองค์รู้ว่าหม่อมฉันจะมาหรือเพคะ” นางถามอย่างแปลกใจ มองไหล่ซ้ายที่มือใหญ่ประคองให้ก้าวเดินไปข้างหน้า “หม่อมฉันเดินเองได้ มิต้องลำบากพระองค์ประคองให้เช่นนี้ก็ได้”บุรุษหนุ่มเผยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่มิยอมปล่อยให้หญิงสาวเดินเองตามลำพังตามที่นางร้องขอ“เมื่อคราวที่ดวงตาของข้าพร่าเลือน ข้าก็ห้ามมิให้เจ้าประคองข้า แล้วเจ้ายอมทำตามที่ข้าขอหรือไม่”“ตะ...ตอนนั้น...มัน...มันไม่เหมือนตอนนี้นี่เพคะ” นางเถียงตะกุกตะกักหญิงสาวยอมเดินเข้ามาในตำหนักอย่างว่าง่าย ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้คิดแค่ว่าจะเอายาสมานแผลมาแอบวางไว้ให้เขา แต่เมื่อถูกจับได้แล้ว นางก็เป็นอันทำสิ่งใดไม่ถูก ไท่หยางพาหญิงสาวเข้ามาในห้องทรงอักษรที่เขาทำงานอยู่และแ

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 41. ข้ารู้

    “ไยตอนที่เราพบกันเจ้ามิเคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ข้ารู้”“ไม่สำคัญอันใด ข้าก็มิได้โกหกอะไรท่าน ข้าก็บอกท่านแล้วว่าข้าอยู่จวนแม่ทัพจ้าว” หญิงสาวไหวไหล่ “ท่านจะเห็นข้าเป็นคนเลี้ยงม้าหรือบ่าวไพร่ก็หาใช่เรื่องที่ข้าใส่ใจ ทีท่านเองก็มิเคยบอกข้าว่าท่านเป็นใคร”“น้ำเสียงเจ้าเหมือนเคืองข้าอยู่นะ”“เปล่าเสียหน่อย ท่านคิดไปเอง” นางแย้มยิ้ม ราวกับเด็กน้อย “ไหนๆ ข้าก็ทำนิ้วท่านเจ็บ ข้าเขียนแผนที่ให้ท่านใหม่ก็แล้วกัน เส้นทางบ้างเส้นเป็นความลับทางการทหาร แต่ในฐานะที่ท่านเป็นองค์ชาย ข้าคงเปิดเผยได้ไม่ผิดกฏอะไร”นางนั่งลงแล้วพับแขนเสื้อขึ้น หยิบพู่กันแล้วจุ่มหมึกวาดเส้นทางใหม่ลงบนกระดาษ“ได้ยินว่าท่านเตรียมเรื่องที่จะไปช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม ข้าจะเขียนแผนที่เส้นทางลัดให้จะย่นเวลาได้หนึ่งหรือสองวันเลยทีเดียว”ไท่หยางนั่งลงเคียงข้างเคอหลิ่งหลิน ข้อมือที่จับพู่กันตวัดพลิ้วไปมาปรากฏเส้นทางที่เข้าใจได้ง่าย แม้จะมองเพียงเสี้ยวหน้าแต่ก็เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง“เรื่องแต่งโคลงกลอนหรือเขียนภาพข้าไม่ถนัด แต่ถ้าเป็นเรื่องแผนที่ข้าชำนาญนัก” นางพูดอวดตัวแต่กลับหัวเราะอย่างร่าเริง“ข้ามักเดินทางคนเดียว แฝงตัวกับช

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 42. จุมพิต

    “เจ้าจะปีนป่ายต้นไม้กลับไปหรือไรกัน” ถามคล้ายไม่ต้องการคำตอบ น้ำเสียงยากจะคาดเดาว่าห่วงใยหรือขบขัน ทำให้เคอหลิ่งหลินยืนหลังตรงใบหน้าหวานเชิดหน้าขึ้นวางมาดเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ขึ้นมาทันที ใช่ซิ! นางเหมือนลิงค่างในป่านักนี่! จะไปน่ารักงดงามอย่างแม่นางเจี้ยนเหิงเยว่ได้เล่า!“ดึกมากแล้ว หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”“ก็ข้าบอกว่าจะไปส่งไง” ไท่หยางหัวเราะในลำคอ นิสัยนางเหมือนเด็กนัก เปิดเผย ใสซื่อ และนางคือความสบายใจทุกครั้งคราวที่พบหน้า ในวังหลวงก็มิต่างอะไรจากสนามรบ รู้หน้ามิรู้ใจ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแต่อาจซ่อนคมมีดไว้พร้อมจะปลิดชีพกัน แม้จะร่วมสายเลือดกันก็ตามเคอหลิ่งหลินอ้าปากจะโต้เถียง แต่กลัวถูกปิดปากด้วยปากของเขาอีก นางจึงปิดปากแน่น ปรายตาไปที่มุมหนึ่งของห้อง แล้วนิ้วเรียวชี้ไปทิศทางที่องครักษ์ร่างใหญ่ยืนซ่อนตัวในเงามืดอยู่“ถ้าพระองค์ทรงเมตตา ก็ให้องครักษ์ของพระองค์ไปส่งหม่อมฉันเถิดเพคะ”ไยนางชอบโยนเผือกร้อนใส่เขาเสียจริง ต้าซื่อได้แต่สูดลมหายใจลึกก่อนก้าวเท้าออกมาเพื่อรอรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย ใบหน้าที่สุขุมอยู่เป็นนิจปรากฏความไม่พอใจขึ้นเล็กน้อย แต่เอาเถิด ถ้านางขอ เขาก็ต้องให้จะได้รู

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 43. เพียงหวังว่า

    เคอหลิ่งหลินนึกถึงสายตาของเจี้ยนเหิงเยว่ที่มองนางอย่างไม่ชอบใจนัก ทั้งที่นางเองก็มิรู้ว่าเคยทำสิ่งใดให้นางไม่พอใจมาก่อนหรือไม่ แต่นางไม่เคยเจอเจี้ยนเหิงเยว่มาก่อนนี่นา คนเราจะไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่ครั้งแรกเชียวรึ หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนไม่สนใจชุนเอ๋อร์ที่พยายามดึงให้นางลุกขึ้นนั่ง“คุณหนู! ลุกขึ้นจากที่นอนเดี๋ยวนี้นะเจ้าคะ”“ขอข้าหลับสักงีบเถอะ แล้วข้าจะยอมให้เจ้าแต่งตัวข้าเป็นตุ๊กตาเลยล่ะ”หญิงสาวหลับตาลง เพราะใครกันที่ทำให้นางนอนไม่หลับจนต้องนั่งเขียนแผนที่ถึงเช้าอย่างนี้เล่า ถ้าเข้ามาก่อกวนในความฝันของนางด้วยละก็...นางจะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุดเลย แต่ถ้านางฝันถึงเขาจริง นางจะไปทำอะไรเขาได้ นั้นองค์ชายไท่หยาง พระโอรสพระองค์โตขององค์ฮ่องเต้เชียวนะ แล้วนางล่ะ ก็แค่ลิงน้อยตนหนึ่งเท่านั้น‘ข้าก็เพียงหวังว่า หัวใจของเจ้าจะยังมีข้าอยู่ในนั้น’เสียงของเขาดังแว่วขึ้นมาอีกครั้ง เคอหลิ่งหลินดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง คนผู้นั้นเป็นคนเดียวกับ ‘คุณชายเฉิน’ ของนางจริงๆนะหรือ นี่นางหลงชอบคนแบบนี้ได้อย่างไรกันแน่.เคอหลิ่งหลินได้หลับเพียงครึ่งชั่วยามก็ถูกชุนเอ๋อร์จับแปลงโฉมเป็นหญิงงาม อาภรณ์สีฟ้าละมุนทำให้นาง

บทล่าสุด

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 90 จบ.

    นางจึงให้กินยาบำรุงไป ส่วนคนอื่นก็เจ็บป่วยตามประสาโรคของผู้หญิงจึงมิกล้าเอ่ยปากพูดไป พอเห็นนางเป็นหญิงจึงแทบจะเรียกว่ารุมล้อม จากที่คิดจะเสร็จเร็วจึงใช้เวลาไปมากกว่าที่คิด “อ้อ! ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อไปส่งเจ้านะ” คณิกานางหนึ่งเอ่ยอย่างเพิ่งนึกได้ เชิญตัวนางมารักษา ต้องมีคนไปส่งนางกลับ เหตุเพราะท่านหมอหญิงผู้นี้ ฝีมือเก่งกาจนัก ทว่ากลับมักจะหลงทิศหลงทางบ่อยๆ “อืม” นางได้แต่พยักหน้ารับ กำลังง่วนกับการเก็บสัมภาระ มือบางก็ถูกยื้อไว้แล้วกำไลหยกวงหนึ่งก็ถูกวางใส่ฝ่ามือของนาง “เห็นว่าเจ้าไม่รับเงิน เจ้าก็เอาสิ่งนี้ไปแทนเถิด หากจำเป็นเจ้าจะขายหรือทำอย่างไรก็ย่อมได้” “ไม่เป็นไรเจ้าคะ เรื่องเล็กน้อยจริงๆ” มู่ฟางเหนียงปฏิเสธแต่อีกฝ่ายยืนกรานนางจึงรับไว้ เสี่ยวเอ้อเดินมารับมู่ฟางเหนียง หญิงสาวกล่าวลาแล้วเดินออกมา ทว่าเมื่อเดินผ่านห้องๆ หนึ่ง นางกลับเห็นเงาร่างที่คุ้นตา ยิ่งเมื่อเพ่งตามองผ่านช่องประตูกลับเห็นชายผู้นั้นชัดเจน เขานั่งดื่มสุราอย่างเมามาย “ท่านรองแม่ทัพ” มู่ฟางเหนียงร้องอย่างตกใจ นางรีบผลักบานประตูเข้าไปทันทีโดยไม่สนใจว่าใครจะร้องห้าม “นี่ๆ ใครให้เจ้าเข้ามา” คณิกานางหนึ่งโวยว

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 89.  โรงเตี๊ยมหมื่นบุปผา 3

    “มิคิดว่าโรงเตี๊ยมเล็กๆ จะมีสุราเลิศรสอย่างนี้” พูดพลางชิมอาหาร “อาหารรสชาติก็ใช้ได้ อีกหน่อยคงโด่งดังมิแพ้โรงเตี๊ยมอื่น” “เป็นอย่างไรล่ะ ผลงานของข้า” นางอวดขึ้นมาทันที “ว่าแต่ท่านรู้ได้อย่างไร ข้าอุตส่าห์แอบเก็บเป็นความลับ ตั้งใจว่าให้โรงเตี๊ยมเข้าที่เข้าทางกว่านี้อีกหน่อยค่อยบอกท่าน” “เจ้าออกจากวังอย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้” องค์ชายไท่หยางส่ายหน้าไปมา ยังดีที่นางบอกใครต่อใครว่าแต่งงานแล้ว มิใช่ทำตัวเป็นสาวน้อย นางคงไม่รู้ตัวว่านับวันนางยิ่งดูเปล่งปลั่งงดงามขึ้นมากกว่าเดิมนัก “ท่านหมอมู่มา เจ้าได้ให้ท่านหมอตรวจร่างกายบ้างหรือไม่” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง เขารู้เรื่องที่ท่านหมอมู่กับบุตรสาวมาเมืองหลวงในช่วงที่เขาไปราชการต่างเมืองพอดี“ข้าให้น้องฟางเหนียงตรวจแล้ว” นางแย้มยิ้ม “นางเขียนใบสั่งยา เป็นยาบำรุงร่างกาย ร่างกายข้าขับพิษออกไปเกือบหมดแล้ว บำรุงตัวเองอีกนิดก็พร้อมมีทายาทให้ท่านได้”เพราะนางบาดเจ็บในครั้งนั้น แม้กำลังภายในจะกลับคืนแต่ร่างกายก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มทีนัก“ข้าห่วงเจ้ามากกว่า เรื่องนั้น ข้ารอได้” เขาแตะหลังมือนาง “สามีไม่โกรธภรรยานะ ข้าแค่อยากช่วยเหลือคนเหล่านี้” นางเคย

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 88.  โรงเตี๊ยมหมื่นบุปผา 2

    เสี่ยวหลิวกับอาปู้-ลูกชายวัยสิบขวบและอาเหลียง-ลูกสาววัยเจ็ดขวบ รวมถึงคนเฒ่าคนแก่หลายคนที่นางเคยเจอที่ศาลเจ้าร้างเมื่อครั้งที่แอบย่องหนีออกจากวังมาตามหาหัตถ์เทวะ คราแรกนางคิดแค่ว่าอยากมาดูว่าพวกเขายังอยู่ที่นี่หรืออพยพไปแล้ว แต่เมื่อกลับมาก็พบว่าทุกคนยังอยู่ คนไหนที่พอแข็งแรงหน่อยก็ออกไปหาทำงานรับจ้างทั่วๆ ไป พอได้มีข้าวสารมาจุนเจือคนอื่น จากที่คิดว่าจะหาบ้านให้อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งพอคุยกันไปกันมาก็กลายเป็นโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งนี้ “คนพอใช้งานหรือเปล่า เมื่อครู่ข้าเห็นอาปู้ยกอาหารส่งลูกค้า” เคอหลิ่งหลินถามอย่างเป็นห่วง เขาเป็นแค่เด็กผู้ชายวัยสิบขวบ เพื่อนวัยเดียวกันวิ่งเล่นสนุกสนาน แต่เขากลับต้องทำงานหนัก ครั้งแรกที่เจอกันเขาผายผอมมากแต่ตอนนี้เริ่มมีเนื้อมีหนัง ยามว่างนางก็ให้เขาฝึกหัดเพลงมวยขั้นพื้นฐาน คิดอยู่ว่าจะหาทางให้อาปู้ได้ร่ำเรียนหนังสือหนังหาจะได้มีความรู้และมาช่วยดูแลคนอื่นๆ ได้ “ร้านเพิ่งเปิดค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า อย่าเพิ่งรีบร้อนเลยเจ้าคะ” เสี่ยวหลิวพูดขึ้น “อีกหน่อยอาปู้ต้องไปเรียนหนังสือจะไม่มีคนช่วยงานนะซิ” เคอหลิ่งหลินถอน

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 87.  โรงเตี๊ยมหมื่นบุปผา 1   

    “ก็ได้ ข้าถามใหม่ก็ได้ ท่านจะกลับเมืองหลวงเมื่อไหร่” นางถามทั้งที่ยังเคี้ยวขนมอยู่ “ข้ามาหลายวันแล้ว พรุ่งนี้ได้กำหนดกลับ ยังคิดอยู่ว่าจะได้เจอเจ้าหรือไม่” “โชคดีที่ได้พบกันก่อนท่านจะไป” นางพึมพำ “ระหว่างที่ท่านไม่อยู่ ข้าจะแวะเวียนไปดูแลแม่นมเหมยให้ท่านก็แล้วกัน” ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ยังเอร็ดอร่อยกับขนมในตะกร้า แม่นมเหมยดูแลเขาอยู่หลายปีตั้งแต่อยู่เมืองหลวง เมื่ออายุมากขึ้นจึงขอกลับมาอยู่บ้านเดิม เมื่อเขาเดินทางมาพักฟื้นรักษาร่างกายจึงได้พบกับแม่นมเหมยอีกครั้ง แม้เขาจะไม่ใช่เด็กน้อยแล้วแต่แม่นมเหมยก็ยังคอยทำขนมของกินอร่อยๆ ให้เขาเสมอ ที่ไหนๆ ก็มีบ่อน้ำพุร้อน ทว่าแต่ละที่ที่เคยไป เขามักเบื่อหน่ายกับสตรีมากหน้าหลายตาที่พยายามเข้ามาทำให้ชีวีตคนใกล้ตายอย่างเขาวุ่นวายนัก ร่างกายของเขาอ่อนแอตั้งแต่กำเนิดจะตายวันตายพรุ่งมิอาจรู้ แต่เมื่อมาที่นี่ตามคำเชื้อเชิญของเหวินเฮ่าหลัน กลับได้พบหญิงสาวนิสัยตรงไปตรงมาผู้นี้ นางตรงเสียจนพูดต่อหน้าว่าชอบเขา แต่กลับไม่ได้วุ่นวายในชีวิตเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่น ไปๆ มาๆ เขากลับรู้สึกชอบมองผู้หญิงที่ย

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 86 . ได้ยินว่า

    “แต่คุณหนูเพิ่งเข้ามานะคะ” “ข้าจะพาเมฆเหินไปแช่น้ำร้อน มันอ่อนเพลียมาก” นางบอกไปตามตรง “แต่นายท่านทั้งสองรอคุณหนูอยู่นะเจ้าคะ” “ก็ไปรายงานอย่างที่ข้าบอกนั้นแหละ” หญิงสาวยืนยัน และเมื่อได้เสื้อผ้าเนื้อหยาบแบบสาวชาวบ้านแล้วก็รีบผลัดเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ชุนเอ๋อร์รีบสางผมและเกล้าขึ้นให้คุณหนูใจร้อนของตนเอง ยามอยู่ในชุดทหารนางดูเคร่งขรึมไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ แต่เมื่อถอดเกราะออกแล้ว นางก็เป็นหญิงสาวที่ร่าเริงและซุกซนราวเด็กน้อย หากคุณหนูของนางแต่งกายงดงามเหมือนคุณหนูบ้านอื่นละก็ นางก็งดงามไม่แพ้หญิงใดเลยทีเดียว ร่างเพรียวยกมือขึ้นแตะแก้มชุนเอ๋อร์หยอกล้อเหมือนทุกครั้ง “ข้าไปนะ เดี๋ยวมา” “คุณหนู” ทำได้แค่เรียก แต่คุณหนูของนางก็กระโจนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับกับหายตัวได้อย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนรับใช้อย่างนางต้องแบกภาระไปรายงานท่านแม่ทัพและฮูหยิน เคอหลิ่งหลินแอบย่องเข้าไปในห้องครัวได้หมั่นโถวมาสองลูกแล้วเดินกัดกินอย่างไม่กังวลเรื่องกิริยามารยาทแล้วเดินมาทางคอกม้า เมฆเหินเห็นนางก็ยกหัวสะบัดไปมาคล้ายจะบ่นที

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 85 จบแล้วสินะ

    หญิงสาวอดคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ นางเองก็ไม่รู้หรอกว่า โม่ชิงถงถูกหมอกหลอนประสาทไปเห็นภาพอะไรจึงได้ปลิดชีพตนเช่นนั้น แต่นางเข้าใจลวดลายดอกไม้แดงที่ปรากฏแผ่นหลังของนางนั้น เป็นการเผยค่ายกลและที่ซ่อนกระบี่ผงาดฟ้า นางขอร้องให้เหวินเฮ่าหลันหาช่างทำลายดอกไม้แดงบนแผ่นหนังให้เพื่อเก็บไว้ยามจำเป็น เพราะนางจะไม่สำแดงดอกไม้ให้ผู้ใดเห็นอีกนอกจากชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางองค์ชายไท่หยางยื่นมือไปดึงร่างบางมานั่งบนตัก กอดรัดนางไว้ดื่มด่ำความอบอุ่นที่ละลายความโดดเดี่ยวในใจของเขาที่เกาะกุมอยู่เนิ่นนาน ‘ทายาทหญิงรุ่นต่อไปเมื่ออายุครบยี่สิบปีดอกไม้แดงจะปรากฏ แม้การปรากฏตัวของดอกไม้แดงจะนำความเจ็บปวดมาให้เจ้าของ ทว่าเมื่อเหยื่อพรหมจรรย์ถูกทำลายความเจ็บปวดนั้นก็มลายไปด้วย เพราะหมายความว่านางจะยอมเสียพรหมจรรย์กับชายคนที่นางรักและเชื่อใจ’เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่สอบถามท่านนักพรตหญิง ปล่อยให้นางเข้าใจไปเถิด เขาจะเก็บความลับรอยสักดอกไม้แดงไว้เอง มือเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาไว้และเอียงคอมองเขาด้วยกิริยาน่ารักจนอีกฝ่ายต้องขมวดคิ้ว“ท่านรู้แล้วอย่าแสร้งทำไม่เป็นรู้ซิ” นางทำท่าแง่งอนออกมา“หาเรื่องไปเที่ย

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 84.  ส่งท้าย

    ใครเลยจะคาดคิดว่าบุตรสาวบุญธรรมของแม่ทัพจ้าวซื่อก่วงและฮูหยินอี้ซิ่วจะถูกตาต้องใจองค์ชายไท่หยาง หลังจากเสร็จงานดูแลราษฏรผู้ประสบอุทกภัยได้เดือนเศษ ทางวังหลวงก็ส่งเกี้ยวมารับเจ้าสาวอย่างสมเกียรติ จ้าวหลิ่งหลินหรือเคอหลิ่งหลิน แม้อยู่ในกองทัพจะแลดูดุดันและใบหน้าเรียบนิ่งอยู่เสมอ ทว่าเมื่อมีข่าวมงคลเช่นนี้ เหล่าทหารที่เคยร่วมรบก็อดดีใจมิได้ แน่ชัดแล้วว่านางเป็นที่รักของทุกคนแม้จะโดนนางเคี่ยวกรำฝึกฝนหนักมืออยู่บ้าง กลายเป็นเรื่องเล่าของผู้คนไปทั่ว คราวนั้นนางติดตามฮูหยินอี้ซิ่วเข้าวังหลวง เพียงการพบหน้าครั้งแรก พรหมลิขิตก็บันดาลให้ องค์ชายไท่หยางถึงกับตกหลุมรักบุตรสาวบุญธรรมของแม่ทัพจ้าวเข้าให้จนถอนตัวมิขึ้น บุรุษผู้มีใบหน้าอ่อนโยนแสสุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิด กลับหลงรักหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นมือขวาของจ้าวจิ่นสือ บุตรชายของแม่ทัพจ้าวซื่อก่วง องค์ชายไท่หยางขอจัดงานอภิเษกอย่างเรียบง่ายแต่กระนั้นองค์ฮ่องเต้ก็ทรงพระราชทานงานเลี้ยงให้อย่างสมเกียรติ จ้าวหลิ่งหลินขอให้มีการเลี้ยงอาหารแจกทานให้คนยากไร้แทนการมอบของขวัญให้นาง นำพาซึ่งเสียงสรรเสริญแก่คนทั้งสอง ว

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 83. นางยิ่งงดงามเปล่งปลั่งขึ้นเหลือเกิน

    “ข้าโง่งมนักมิรู้จะทำอย่างไรให้ท่านเชื่อใจข้าได้” นางใช้ปลายจมูกถูกไถแผงอกเขาอย่างหยอกล้อ “แล้วท่านมาหาข้าได้อย่างไรกัน” “ก็ใช้สิทธิ์ขององค์ชายขี้โรคหลบออกมาตามหาเจ้าไงล่ะ” องค์ชายไท่หยางจับมือข้างหนึ่งของนางมากุมไว้แล้วยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากของตน “เป็นข้าที่ทำให้ท่านเสียการเสียงาน” นางรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าอีกแล้ว “ใช่...แต่จ้าวจิ่นสือก็บัญชาการได้อย่างดี ทุกอย่างราบรื่น ข้ามิอยู่ตรงนั้นก็ไม่เป็นอะไรหรอก” เขาเริ่มแทะเล็มปลายนิ้วที่ละนิ้วของนาง “เห็นทีข้าต้องไปส่งเจ้าถึงจวนแม่ทัพจ้าวเสียแล้ว” “ข้าไม่อยากเป็นตัวปัญหาของท่าน” นางหายใจติดขัดกับลิ้นชื้นที่ไล้เลียปลายนิ้วของนางอยู่ “หลินเอ๋อร์” เขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงรักใคร่ “ข้าควรคุยกับเจ้าให้รู้เข้าใจเสียที” “หือ?” นางช้อนตาขึ้นมอง เห็นแววตาชวนให้หัวใจไหวสั่นแต่ก็ไม่อาจหลบดวงตาคมคู่นี้ได้“อย่างที่เจ้ารู้ ข้าอ่อนแอมาแต่เกิด มิอาจคาดหวังถึงวันพรุ่งนี้ได้ ดังนั้นจึงใช้ชีวิตไปในแต่ละวัน จนเมื่อเจ้าเข้ามาพร้อมไข่มุกหมื่นราตรี ข้าได้มีหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป” เขานิ่

  • บุปผาร่ายรัก   Chapter 82. ลงทัณฑ์

    คนผู้นี้ยามโกรธก็น่ากลัวเหลือเกิน จะขยับร่างกายหนีแต่เตียงก็ไม่ได้กว้างสักเท่าใด เคอหลิ่งหลินทำได้เพียงเบือนหน้าหนีเพราะต้องการตั้งหลักเตรียมรับมือกับโทสะของเขาที่นางเป็นผู้ก่อ ทว่ามือใหญ่กลับยื่นมาจับปลายคางของนางให้หันมามองเขา เห็นเขาอ้าปากจะพูด นางก็ชิงพูดออกมา“ข้าขอโทษๆ ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว” เคอหลิ่งหลิงจำใจทำใจกล้าสบตากับดวงตาคู่คมของเขา นางรู้ว่าตนเองทำผิดไป แต่นางตั้งสติได้จะถามว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ก็กลายเป็นริมฝีปากของเขาก็จู่โจมนางอย่างไม่ทันตั้งตัว “อุ๊บ!” ร่างสูงโถมเข้าใส่ปิดปากนางด้วยจุมพิตรุนแรง บดขยี้และขบเม้มริมฝีปากนางจนนางรู้สึกเจ็บ มือเรียวยกดันแผงอกเขาเป็นการประท้วงการลงทัณฑ์อันแสนร้ายกาจของเขา หัวใจชายหนุ่มร้อนระอุ ทั้งห่วงหาอาทร ปวดร้าวใจยิ่งนัก หากไม่เอะใจกับข่าวที่เหวินเฮ่าหลันส่งมากับนกพิราบสื่อสารแล้วละก็ เขาคงควบม้าเร็วตามมาไม่ทันช่วยนางเป็นแน่ มิรู้ว่าเกิดสิ่งใดกับนางบ้าง เขามาถึงเป็นจังหวะที่ร่างใหญ่ยักษ์ของโม่ชิงถงร่วงลงสู่บึงมรกต พอแหงนหน้าขึ้นไปก็เห็นร่างของหญิงสา

DMCA.com Protection Status