นางเอ่ยเช่นนี้หมายความว่า หากภายภาคหน้าฮ่องเต้เกิดสนใจเมืองหยางเป่ย ส่งคนมาปกครองจริง นางก็จะไม่ขัดขวาง ไม่นับว่าเป็นการก่อกบฏแต่อย่างใด “ขึ้นอยู่ว่าคนที่ส่งมาปกครองที่นี่ เป็นคนดีหรือคนเลว” นางเอ่ยต่อ หากดีนางก็ไม่ยุ่ง แต่หากร้าย อย่าหาว่านางโหดเหี้ยมก็แล้วกัน เซ
141 : ต้องเล่นใหญ่เสียหน่อย หมู่บ้านหุบเขาโจรของถูหลิว กำลังประสบเรื่องร้ายเกิดขึ้น หลายวันก่อนสตรีตั้งครรภ์ท้องโตผู้นั้น ไม่สามารถคลอดเด็กออกมาได้ กลายเป็นหนึ่งศพสามชีวิต บรรยากาศแห่งความโศกเศร้า จึงกระจายไปทั่วหุบเขา สตรีหลายคนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ต่างพากันหวาดกลัวในเรื่อง
เมื่อต้องการขอความร่วมมือจากโจร เขาต้องแสดงความจริงใจออกมาก่อน เขายื่นแผ่นกระดาษไปตรงหน้าของถูหลิว “นี่คือข้อตกลงที่ตระกูลเซี่ยโหว ต้องการทำกับพวกท่าน” ถูหลิวหยิบไปอ่านดัง ๆ ให้ทุกคนได้ยินด้วย เซี่ยโหวหานเฟิงต้องการให้กลุ่มโจรของเขา ร่วมมือกับคนตระกูลเซี่ยโหว เพื่
142 : เรื่องราวชีวิตของคนแซ่ฉี จบลงเพียงเท่านี้ ย่างสู่ปลายวสันตฤดูสถานการณ์เริ่มตึงเครียด เหมือนชาวเหมืองหยางเป่ย ล่วงรู้ว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น พวกเขาปิดประตูอยู่ในบ้านเงียบ ๆ ไม่ค่อยมีคนออกมาทำการค้าขาย ส่วนหนึ่งเพราะหลี่เมิ่งเหยา ประกาศปิดห้างเข่อซิงในช่วงหลายวันต่อจ
สายตาที่ฉีหมิงเฉียวมองตามสองพ่อลูกไป เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่หลงเหลือคราบลูกชายหรือพี่ชายอีกต่อไป หลี่เมิ่งเหยาให้พ่อสามีกับสามีจัดการด่านหน้า นางนำคนกลุ่มหนึ่งไปปล้นเรือนคนแซ่ฉี ต้องเรียกว่าปล้น เพราะนางจะเอาเงินทั้งหมดของพวกเขา มาทำคุณประโยชน์แก่ชาวเมืองหยางเป่ย รถม้าหลา
ชาวเหมืองหยางเป่ยต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน คนแซ่ฉีชั่วช้าทั้งตระกูล สมควรที่จะถูกฆ่าตายล้างบางเช่นนั้น แม้ว่าคนที่ลงมือคือบุตรชายของพวกเขาเองก็ตาม “ฉีหมิงเฉียวคือคนชั่วช้าสามานย์ มันนี่แหละสั่งคนไปฆ่าครอบครัวของผู้ว่าการคนเก่า และฆ่าคนที่ราชสำนักส่งมา ไม่แปลกใจเลยที่คนแบบนี้ จะฆ่าคนในครอบ
143 : ขนสมบัติของเจ้ามาเป็นขบวนเลย หลังเหตุร้ายผ่านพ้นไป เมืองหยางเป่ยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ชาวเมืองต่างออกมานั่งพูดคุยกันอยู่หน้าเรือน หรือหน้าร้านค้าของตนเอง ชาวบ้านเริ่มนำสินค้าของตัวเองออกมาวางขาย ร้านขายเสื้อผ้าปลดชุดกันหนาวลง เปลี่ยนเป็นชุดเสื้อผ้าสำหรับฤดูใ
หลี่เมิ่งเหยา “?!” เจ้าเด็กนี่ไปเอาความคิดแปลก ๆ นี่มาจากไหน “เอาเถอะ ๆ เอาไว้เจ้าโตกว่านี้ก่อน ค่อยอยากออกไปเผชิญโลกกว้างก็แล้วกัน” นางยอมแพ้ หันไปทางมารดา “ท่านแม่ล่ะ ท่านสามารถตัดสินใจได้เองเลยนะ ไม่ต้องห่วงข้าแล้ว ท่านก็เห็นว่าสามีข้า ไม่ยอมให้ข้าถูกใครรังแกแน
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว