51 : เสี่ยวไฉยามอยู่ในร่างมนุษย์เจ้าพูดได้หรือไม่ รออยู่ในตำหนักแห่งนี้มาค่อนครึ่งวันแล้ว แต่เจียงหยุนฟ่านก็ไม่ปรากฏตัวสักที มีทหารยามเฝ้าอยู่ด้านหน้าทางเข้า ทำเช่นนี้เหมือนถูกคุมขังก็ไม่ปาน หลี่เมิ่งเหยารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย นางจึงฝากน้องชายไว้กับมารดา แล้วออกไปเดินเล่นที่ส
แม่ทัพเซี่ยโหว ? “เฮอะ ตั้งแต่ฝ่าบาทประชวร พวกเจ้าก็ปิดปากเงียบเชื่อแต่หมอเทวดานั่น ยามนี้ยังจะมีทำยาจากโลหิตสายเดียวกันอีก เลอะเลือนกันไปใหญ่แล้ว” บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ร่างกายบึกบึนผู้นี้ คือแม่ทัพเซี่ยโหวหานตง หน้าตาดุดันน่าเกรงขามยิ่งนัก “ท่านหมอหลวงทุกท่าน ต่างลงความเห็นกัน
52 : นำโลหิตของเด็กสองคนนั้นมาตรวจสอบด้วย เมื่อชายแดนสงบลงเขาจึงเรียกตัวบุตรชายกลับมา แต่พักหายเหนื่อยไม่ทันไร เซี่ยโหวหานเฟิงกลับส่งตัวเอง ออกไปทำงานต่างแคว้นอยู่หลายเดือน เรียกว่าหลบเลี่ยง ไม่อยากพบหน้าคู่หมั้นของตนเองก็ว่าได้ “วันนี้ข้าไปขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท แต่เจียงกงกงไม่อนุ
จี๋ฟู่ผายมือเป็นเชิงตั้งคำถาม ทั้งที่คิดเอาไว้แล้วว่าต้องใช่ คนที่ตนต้องการพบเจอ เจียงหยุนฟ่านรีบเดินเข้ามา แนะนำทั้งสามคนให้ทั้งคู่ได้รู้จัก “ท่านนี้คือฮูหยินเฉาซูหลิ่ง นั่นบุตรสาวของนางหลี่เมิ่งเหยา และบุตรชายหลี่ชงหยวน” สามแม่ลูกโน้มตัวเล็กน้อยให้ทั้งคู่ เพราะว่าไม่รู้จะเร
53 : ท่านอาจารย์ท่านดูนางสิ เพียงก้าวเท้าเข้ามา กลิ่นยาหลากหลายชนิด ฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งตำหนัก เรียกว่ายิ่งกว่าห้องบรรทมของฮ่องเต้เสียอีก อาจเพราะอากาศหนาวเย็น พวกเขาไม่สามารถนำสมุนไพรมาตากแดดได้ จึงใช้การอบไฟให้แห้ง กลิ่นของยาเลยมีมากกว่าปกติ หลี่เมิ่งเหยาอดเปรียบเทียบ กับเร
“อีกอย่างท่านเชื่อเรื่องนี้รึ” หลี่เมิ่งเหยาเอ่ยต่อ “ข้าเป็นหมอย่อมเชื่อในสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้เท่านั้น จึงได้นำโลหิตของสายเลือดของราชวงศ์ทุกพระองค์ มาหลอมเป็นยาตามที่ปรมาจารย์ผู้นั้นบอก ผลที่ได้ก็คือล้มเหลวทุกครั้งไป กระทั่งพวกท่านสามคนแม่ลูกได้มาอยู่ที่นี่ คงต้องรบกวนเลือดของพวกท่านอ
54 : ท่านหมอหลวงบอกว่าเรารอดได้เพราะเลือดของเจ้า รุ่งเช้าเกิดความโกลาหลเล็ก ๆ ขึ้นในตำหนักฮุ่ยหยาง แต่ไม่มีผู้ใดส่งข่าวให้สามแม่ลูกได้รู้ หลี่เมิ่งเหยาหรี่ตาลงด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางหันไปบอกเสี่ยวไฉให้แปลงกายเป็นนกน้อย บินไปสืบข่าวที่ห้องปรุงยา ราวครึ่งชั่วยามเสี่ยวไฉก็บิ
“หม่อมฉันมิบังอาจ สุดแล้วแต่พระองค์จะเมตตาเพคะ” ท่านทำตัวห่างเหินหลานสาวอย่างข้าก่อน เช่นนั้นข้าก็จะทำตัวห่างเหินกับท่านเหมือนกัน สีหน้าของฮ่องเต้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “เอาไว้เรากลับไปคิดให้ดีก่อนก็แล้วกัน ส่วนเรื่องคืนฐานันดรศักดิ์นั้น ต้องหารือกับกรมพิธีการอีกที เมื่อเรียบร้อยแล้วเราให้สั
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว