นอกเขตชายแดนระหว่างแคว้นตงหลิงและแคว้นซีหลิง หรงซีลอบพาคนเข้าไปในค่ายทหารแคว้นซีหลิงหรงซีพับจดหมายของเทียนซู ในจดหมายเขียนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจียงหวานหว่านในช่วงหลายวันนี้เขาใช้ช่องทางลับ เพียงเพื่อได้รับข่าวของเจียงหวานหว่านเป็นอันดับแรก“ท่านอ๋อง พวกเราควรลงมือตอนนี้หรือไม่?”ไคหยางองครักษ์เงากล่าวหรงซีคิดอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็สวมหน้ากาก มองค่ายแคว้นซีหลิงอย่างหวาดระแวง“ลงมือ”ไคหยางหยิบระเบิดควันที่เตรียมไว้ออกมา จากนั้นก็โยนเข้าไปในค่ายแคว้นซีหลิงเพียงไม่นาน ทั้งค่ายแคว้นซีหลิงปกคลุมไปด้วยหมอกควัน“แย่แล้ว ศัตรูลอบโจมตี”ทหารของแคว้นซีหลิงแตกตื่นอลม่าน“ท่านอ๋อง พิษของซิ่วกู่ไม่เลวเลย ดูคนเหล่านี้แขนขาไร้เรี่ยวแรงแล้ว พวกเราควรฉวยโอกาสทำลายพวกเขาดีหรือไม่”ไคหยางหัวเราะนัยน์ตาหรงซีสีเข้มขึ้น กล้ามาหาเรื่องเขา เช่นนั้นก็ทำให้พวกเขาก็ควรได้รับกรรมตามสนองตนเอง“ไป”เสียงร้องคร่ำครวญของทหารแคว้นซีหลิง ไม่ส่งผลกระทบใดต่อซีหรงแม้แต่น้อย“ท่านอ๋อง กลับเมืองหลวงแล้ว ข้าอยากไปดูคุณหนูหกจวนสกุลเจียง ได้ยินว่าคุณหนูหกหน้าตางดงามดุจดอกไม้ เป็นสาวงามล่มเมือง!”ไคหย
เจียงหวานหว่านหันไปมองตามเสียง ไป๋หยู่ยังคงเป็นคนงดงามที่ใครเห็นก็หวั่นไหวเหมือนดั่งชาติก่อน“เถ้าแก่ไป๋ ความจริงแล้วข้ามาหาคุณชายเซียวหวายของพวกเจ้า”เจียงหวานหว่านยิ้มอธิบายไป๋หยู่มองเจียงหวานหว่านแล้วรู้สึกแปลกใจครั้งนี้คุณชายสายตาดีมาก นึกไม่ถึงว่าจะดึงดูดแม่นางที่หน้าตางดงามเช่นนี้มาได้แม่นางตรงหน้ามาถึงที่นี่ได้ แปลว่ามีความสัมพันธ์ของนางกับนายท่านคงไม่ธรรมดา“แม่นาง คุณชายไม่อยู่ หากไม่รังเกียจ ข้าจะบอกคุณชายว่าแม่นางมาหา”ไป๋หยู่ยิ้มแย้ม“ได้ยินมาว่าตัวไหมที่สกุลเซียวจัดหามาเกิดปัญหา ข้ามีวิธีแก้ไข”รอยยิ้มบนใบหน้าไป๋หยู่ค่อยๆ หายไปเรื่องนี้มีเพียงคนภายในครอบครัวสกุลเซียวเท่านั้นที่รับรู้ นึกไม่ถึงว่าคุณชายจะบอกคนอื่นด้วย“แม่นาง โปรดตามขอมารอข้างในเถอะ”ไป๋หยู่ไม่อยากให้คนนอกรับรู้เรื่องนี้เจียงหวานหว่านพยักหน้าเดินตามไป๋หยู่เข้าไปข้างในไป๋หยู่เดินนำอยู่ข้างหน้า ปรายตามองหงเหลียนที่ยืนอยู่ด้านข้างนางดูออกว่าหงเหลียนมีวรยุทธไป๋หยู่เดินนำด้วยท่าทางองอาจไปข้างหลังเรือน และตรงขึ้นชั้นสองเมื่อเดินถึงหน้าห้องโถง นางสูดหายใจลึก พยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติ“คุ
คำพูดของเซียวหวายทำให้เจียงหวานหว่านรับรู้ถึงความไม่พอใจของเขาแค่นางเดินออกนองประตู เซียวหวายคงงต้องสืบค้นประวัติบรรพบุรุษแปดชั่วคนของนางจนชัดเจน“คุณชายเซียว ข้าไม่มีเจตนาสอดรู้สอดเห็นเรื่องภายในสกุลเซียว แต่ข้ามีผงยาชนิดหนึ่ง สามารถปรับปรุงและบำรุงคุณภาพของรังไหม ลดปริมาณการตายของตัวหนอนอไหม และยังสามารถเปลี่ยนสีเส้นไหมให้มีสีสันได้ด้วย”เซียวหวายไม่เอ่ยสิ่งใด เขาเดินมาและนั่งประจันหน้ากับเจียงหวานหว่านจากนั้นก็รินน้ำชาให้ตัวเองและเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านยิ้ม เซียวหวายอยากเจรจาด้วย ทว่าเขาไม่กล้าประมาทนาง“แม่นางเจียง บอกเงื่อนไขเจ้ามา”เจียงหวานหว่านไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางบอกอย่างตรงไปตรงมา “พี่ชายข้าล่วงเกิดกุ้ยเฟย ตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ที่จิงจ้าวอิ่น อยากขอร้องให้คุณชายช่วยเหลือ ช่วยพี่ชายข้าออกมาด้วยเถิด”“พี่ชายเจ้าล่วงเกินพี่สาวข้าด้วยเรื่องใด?”เซียวหวายไม่รู้เรื่องนี้ เขาอยากถามให้ชัดเจน ค่อยตัดสินใจว่าจะช่วยหรือไม่เจยงหวานหว่านเล่าเรื่องที่เจียงจิ่นหนิงทำที่โรงหมอเสวียนให้เขาฟังเซียวหวายคิดคำนวนในใจ “หากเป็นเช่นที่แม่นางเล่า เรื่องพี่ชายเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
นำสิ่งนี้ส่งให้คุณชายโจว ดูว่าจะลดปริมาณการตายของหนอนไหมได้หรือไม่”ไป๋หยู่เก็บเทียบยา เมื่อเห็นกระดาษที่วางไว้อยู่บนโต๊ะ นางยิ้ม“คุณชาย แม่นางยังเขียนจดหมายรักส่งให้เจ้าด้วย?”เซียวหวายมองตามสายตาของไป๋หยู่ จากนั้นเขาก็กางแผ่นกระดาษออก“ว้า สวยมาก!”สิ้นสุดเสียงอุทานของไป๋หยู่ กระดาษในมือเซียวหวายถูกไป๋หยู่แย่งไปแล้วสิ่งที่เจียงหวานหว่านมอบให้เซียวหวายคือรูปเสื้อผ้าที่นางออกแบบสำหรับเจียงหวานหว่านแล้ว มันก็เป็นแค่ของติดไม้ติดมือมาเท่านั้น ทว่ามันอยู่ในมือไป๋หยู นี่คือผลงานของปรมาจารย์เซียวหวายยื่นมือไปทางไป๋หยู่ ไป๋หยู่ยื่นภาพคืนให้เขาด้วยความไม่เต็มใจ“คุณชาย ระวังหน่อย อย่าทำพัง”เซียวหวายมองภาพที่เจียงหวานหว่านทิ้งไว้ให้อย่างละเอียด “ให้คนทำตัวอย่างออกมา ดูว่าผลงานเป็นเช่นไร”ไป๋หยู่ดีใจมาก นางไม่สนใจจะสนทนากับเซียวหวายต่อแล้ว และกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ข้าจะทำตัวอย่างด้วยตัวเอง”นางไม่ได้เห็นเสื้อผ้าสวยงามเช่นนี้มานานแล้วส่วนเซียวหวายเริ่มสนใจเจียงหวานหว่านขึ้นมาแล้วเคยได้ยินว่าผลงานการวาดของคุณหนูหกจวนสกุลเจียง เทียบชั้นกับอาจารย์โอวหยางได้ไปคิดแล้วแบบเสื้อผ้
ตอนที่เจียงป๋อเหนียนกำลังอาละวาดอยู่ที่เรือน ฮูหยินใหญ่เจียงไม่นานก็รู้แล้วนางเรียกเจียงป๋อเหนียนมาหา สองแม่ลูกสนทนากันอยู่นานตอนเจียงป๋อเหนียนออกมจากเรือนฮูหยินใหญ่เจียง สีหน้าเขาดีขึ้นมากเขาตัดสินใจเชื่อฟังฮูหยินใหญ่เจียง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสกุลหลิ่วเจียงป๋อเหนียนเดินไปยังเรือนเหมยเพื่อหาสกุลหลิ่วประตูเรือนเหมยเปิดอยู่ เจียงป๋อเหนียนจึงเดินเข้าไปสือหลิ่วเห็นเจียงป๋อเหนียนเดินเข้ามา นางไม่ได้ขัดขวาง จากนั้นไปหาเจียงหวานหว่านเงียบๆซิ่วกู่บอกกับสือหลิ่วว่าคุณหนูหลับไปแล้วทั้งสองปรึกษากัน นายท่านมาถึงที่นี่ คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีต้องแจ้งให้คุณหนูทราบซิ่วกู่เคาะประตูห้องเจียงหวานหว่านเจียงป๋อเหนียนมาที่ห้องหลิ่วซู่เมื่อเห็นสกุลหลิ่ว ในใจเขาไม่รู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อยสำหรับเขาแล้วสตรีที่ให้กำเนินบุตรชายบุตรสาวที่อยู่ตรงหน้านั้น เขารู้สึกแปลกหน้ามาก ไม่ยอมเข้าใกล้นาง กระทั่งรังเกลียดนางด้วยซ้ำ“คารวะนายท่าน”สกุลหลิ่วนอนอยู่บนเตียงและกล่าวทักทายเจียงป๋อเหนียนเจียงป๋อเหนียนขานรับลวกๆ “เรื่องหนิงเกอเออร์ เจ้าต้องดูแลให้มากหน่อย เช่นไรเสียเจ้าก็เป็นแม่แท้ๆ ข
ถึงเช่นไรเขาก็เป็นผู้ทิ้งพวกนางแม่ลูกเอาไว้ที่บ้านเก่าโดยไม่สนใจใยดี“อืม พยามยามให้ดี พวกเจ้าพักผ่อนเถอะ ข้ากลับก่อนแล้ว”เจียงป๋อเหนียนไม่บึ้งตึงเหมือนในยามปกติเขามองเจียงหวานหว่าน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าลูกสาวคนนี้ช่างรู้ความเหมือนกัน“หว่านเจี่ยเออร์ เป็นพ่อที่หลายปีมานี้ทำหน้าที่ไม่ดีพอ!”น้ำเสียงใจดีของเจียงป๋อเหนียนมาอย่างกะทันหัน ทำให้หลิ่วซื่อรู้สึกผิดปกติเจียงหวานหวานสีหน้าไร้ความรู้สึก “ท่านพ่อ กล่าวเกินไปแล้ว”เจียงป๋อเหนียนสำหรับนางแล้วมีแต่ความเย้ยหยัน ความละอายของเจียงป๋อเหนียนไร้ค่ายิ่งกว่าต้นหญ้าหลังเจียงป๋อเหนียนไปแล้ว เจียงหวานหว่านเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจียงจิ่นหนิงให้หลิ่วซู่ฟังท่านแม่ได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆ แล้ว เพื่อไม่ให้ท่านแม่ต้องคิดมาก นางจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจนวันหน้าท่านแม่จะได้ไม่เอาแต่โทษตัวเอง“หว่านเจี่ยเออร์ หลังจากนี้ไป เจ้าต้องคอยดูแลหนิงเกอเออร์มากหน่อย”หลิ่วซื่อกล่าวด้วยสีหน้าสงบเจียงหวานหว่านมองหลิ่วซื่อด้วยสีหน้าประหลาดใจหลิ่วซื่อลูบศีรษะเจียงหวานหว่าน “แม้เจ้าจะติดต่อพบปะกับผู้คนบ้างแล้ว ทว่าชีวิตของเจ้าลำบากกว่าหนิงเกอ
ไป๋หยู่สั่งคนเก็บขี้ผึ้งเหมันต์นวลกระจ่างของเจียงหวานหว่านนางหยิบชุดเสื้อผ้ามาวางไว้ตรงหน้าเจียงหวานหว่าน“แม่นางเจียง นี่คือตัวอย่างเสื้อผ้าที่ข้าทำตามแบบภาพวาดของเจ้า เจ้าเห็นว่าเป็นเช่นไร?”นางอดหลับอดนอนตั้งหลายคืนเพื่อทำมันออกมาเจียงหวานหว่านดูเสื้อผ้าทุกตัวอย่างละเอียด “ฝีมือเถ้าแก่ไป๋ดีมาก!”“แม่นางเจียงชมเกินไปแล้ว”ไป๋หยู่พอใจมาก ฝีมือของนางนั้นเป็นยอดเยี่ยม“แม่นางเจียง ชุดเหล่านี้มอบให้ท่าน มีแบบภาพวาดเหล่านี้ เสื้อผ้าของหอหนีซางพวกเราสวยขึ้นไปอีก”ไป๋หยู่ทำราวกับเห็นเงินจำนวนมากบินมาหานางแล้วนึกไม่ถึงว่าการมาสกุลเจียงในครั้งนี้จะจัดการปัญหาเรื่องขี้ผึ้งบำรุงผิวหยกได้ ทั้งยังได้ลองใช้ขี้ผึ้งเหมันต์นวลกระจ่างด้วยเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าจริงๆ!โรงหมอเสวียนเป็นกิจการของสกุลเซียว ครั้งนี้ขี้ผึ้งบำรุงผิวหยกเสียหาย ก็สร้างความกังวลให้กับสกุลเซียวเช่นกันกุ้ยเฟยใช้ขี้ผึ้งบำรุงผิวหยกเพื่อมัดใจผู้คนขี้ผึ้งบำรุงผิวหยกเสียหาย นางจะปล่อยเจียงจิ่นหนิงไปได้เช่นไรขี้ผึ้งเหมันต์นวลกระจ่างที่ไป๋หยู่นำกลับมา ไม่นานก็ส่งมอบให้หมอที่โรงหมอเสวียนทำการทดสอบหลังทดสอบ พบว่าขี้
จนกระทั่งเขาได้เห็นขวดยาที่หงเหลียนทิ้งไว้ให้ เขาจึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่ความฝันเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นกับเขากระทันหันเกินไปเฉาซื่อเลี้ยงเขาให้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เจียงอวิ้นเห็นเขาเป็นแค่เบี้ยหมากตัวหนึ่งเขามีชีวิตอยู่โดยเปล่าประโยชน์มาตั้งหลายปี เขาเป็นแค่ตัวตลกในสายตาคนอื่นเท่านั้นความผิดปกติของเจียงจิ่นหนิงดึงดูดความสนใจของฮูหยินใหญ่เจียง นางเป็นห่วงเจียงจิ่นหนิงมากนางสั่งให้แม่นมหลี่ทำอาหารอร่อยๆ ส่งไปให้เขาที่ห้อง ทว่าเจียงจิ่นหนิงไม่กินแม้แต่คำเดียวฮูหยินใหญ่เจียงเรียกเจียงป๋อเหนียนมาปรึกษาหาวิธีรับมือเจียงป๋อเหนียนครุ่นคิด จากนั้นก็เอ่ยกับฮูหยินใหญ่เจียง “ส่งเขาไปอยู่กองทัพเช่นเดียวกับเจ้ารอง แก้ไขพฤติกรรมของตน วันหน้าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลเรา”“หนิงเกอเออร์ตั้งแต่เล็กไม่เคยได้รับความลำบาก เขาจะทนได้เช่นไร”ฮูหยินเจียงรักเจียงจิ่นหนิงมาก เช่นไรเขาเป็นเด็กที่นางเลี้ยงเอาไว้ข้างกายตลอดเจียงป๋อเหนียนขมวดคิ้ว “ข้าจะไปหาเขา”กล่าวจบ เจียงป๋อเหนียนก็ไปหาเจียงจิ่นหนิงเขาผลักประตูห้องเจียงจิ่นหนิงเข้าไป เห็นเจียงจิ่นหนิงนั่งเหม่อลอยขดอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
เจียงหวานหว่านตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองชาติก่อน หรงมู่หานขังนางเอาไว้ในห้องลับ ยังมีสตรีอีกนางหนึ่งอยู่ด้วยตอนที่นางถูกจับเข้าไป สตรีนางนั้นก็ถูกนำตัวออกไปสตรีนางนั้นหายใจโรยรินตอนที่หิ้วสตรีนางนั้นออกไป นางได้เห็นใบหน้าสตรีนางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจตอนนั้นคิดว่าสตรีนางนั้นหน้าตาคุ้นตามากเมื่อรวมกับใบหน้าของหรงซี สตรีนางนั้นและหรงซีมีความคล้ายกันอยู่แปดส่วนคงเป็นเสด็จแม่ของหรงซีซ่างกวนเสวี่ยเจียงหวานหว่านมองหรงซีด้วยสายตาสับสนนางรู้แล้ว เป็นความลับที่ชาติก่อนนางกับหรงซีไม่ล่วงรู้นางคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับหรงซีเช่นไรหรงซีเห็นสีหน้าเจียงหวานหว่านก็คิดว่านางต้องรู้เรื่องบางอย่าง“เจ้ารู้จักเสด็จแม่ข้า?”หรงซีกล่าวประโยคนี้ออกมาสัญชาตญาณเขาบอกเขาว่าเจียงหวานหว่านเคยพบเสด็จแม่ของเขาเจียงหวานหว่านสับสนในใจห้องลับอยู่ในห้องอักษรของฝ่าบาทหากสตรีนางนั้นเป็นเสด็จแม่ของหรงซีจริงเช่นนั้นใครเป็นผู้บงการเรื่องการหายตัวของเสด็จแม่หรงซี ก็ไม่ต้องคาดเดาแล้วเป็นฝ่าบาทองค์ปัจจุบันฝ่าบาทมีประสงค์ใดจึงได้กักขังเสด็จแม่ของหรงซีเอาไว้ในห้องลับหรือเพื่อควบคุมอำนาจทหารในมือหรง
“เจียงหวานหว่าน เจ้าเคยทำอาหารให้เซียวหวายกินหรือไม่?”เจียงหวานหว่านยิ้ม “นอกจากท่านแม่และสือหลิ่วแล้ว ข้าเคยทำอาหารให้ท่านอ๋องแค่คนเดียว”หรงซีพอใจกับคำตอบของเจียงหวานหว่านมาก“ต่อไปทำอาหารให้ข้ากินได้คนเดียวเท่านั้น”เจียงหวานหว่านคิดสักพัก “ได้”หรงซีพอใจมากเมื่อเห็นคราบโจ๊กที่มุมปากนางหรงซีใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดให้ ทำเอาเจียงหวานหว่านเขินจนหน้าแดง“ท่านอ๋อง มือท่านไม่มีแรงไม่ใช่หรือ?”เจียงหวานหว่านถามอย่างรู้ทัน“อืม”หรงซีหน้าไม่แดง ใจไม่เต้นเร็วเจียงหวานหว่านเบะปาก หรงซีกำลังโกหกชัดๆแต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่หรงซีถูกพิษเพราะขนมของนาง นางก็ยอมให้ความร่วมมือกับเขา“ท่านอ๋องต้องกินให้มากหน่อย ไม่แน่พรุ่งนี้ก็อาจลุกจากเตียงได้แล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยความหงุดหงิด“ยาพิษกลืนวิญญาณ จะหายเร็วเพียงนั้นได้เช่นไร”“ตุบ”ชามในมือเจียงหวานหว่านร่วงลงพื้น“ท่านถูกยาพิษกลืนวิญญาณ?”ผู้ถูกยาพิษกลืนวิญญาณจะต้องตายภายในสามวันนางจับมือของหรงซีแล้ววางนิ้วมือตัวเองทาบลงไปหรงซีเห็นท่าทางร้อนใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“ชีพจรท่านอ๋องได้รับความเสียหาย ยังดีที่ยายใบ้อยู่ด้วย
เจียงหวานหว่านส่ายหน้า นางไม่ได้วางยาหรงซี“ปล่อยนาง”หรงซีได้ยินเสียงจึงเอ่ยปาก“ท่านอ๋อง พิษถอนหมดแล้ว พักผ่อนมากๆ”หญิงชรานั่งอยู่ข้างเตียงหรงซีกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“ขอบคุณมากยายเฒ่า”หรงซีกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงหญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปตอนที่เจียงหวานหว่านได้เห็นใบหน้าหญิงชราก็ใจกระตุกหญิงชราก็คือยายใบ้ อาจารย์ของซิ่วกู่“เทียนซู เจ้าก็ออกไปด้วย”“ท่านอ๋อง แต่ว่า...”เทียนซูไม่ไว้ใจกลัวว่าเจียงหวานหว่านจะคิดร้ายต่อท่านอ๋อง“ออกไป...”แม้เสียงของหรงซีจะอ่อนแรง แต่น้ำเสียงนั้นก็เกินพอแล้วเทียนซูมองเจียงหวานหว่านด้วยสายตาเตือน จากนั้นก็ออกจากห้องไปเจียงหวานหว่านเห็นหรงซีใบหน้าซีดขาว นางไม่กล้าเข้าไปหานางนึกถึงฉากที่หรงซีตายเพื่อนางในชาติที่แล้วขึ้นมา“เข้ามา”หรงซีขมวดคิ้วเจียงหวานหว่านน้ำตาตก เดินเข้าไปหาหรงซี“เจียงหวานหว่าน เป็นโชคดีของเจ้าที่ข้ายังไม่ตาย”หรงซีมองเจียงหวานหว่านที่กำลังตื่นตระหนกทำสิ่งใดไม่ถูกเขาถูกพิษหลังจากที่กินขนมของเจียงหวานหว่านแต่เขาไม่สงสัยในตัวเจียงหวานหว่านสักนิด“ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้เหตุใด...”“เจ้าไม่ใช่คนวางยา ข้ารู้”
“ไอ้หยา”เจียงจิ่นเซวียนแกล้งทำเงินตกพื้นอย่างไม่ตั้งใจสือหลิ่วเห็นดังนั้นก็วางกล่องอาหารลงและวิ่งไปเก็บเศษเงินที่ตกกระจายอยู่ทั่วพื้นเจียงจิ่นเซวียนค่อยๆ ขยับและเปิดกล่องอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โรยผงบางอย่างลงไปสือหลิ่วเก็บเศษเงินกลับมาหมดแล้ว เจียงจิ่นเซวียนกล่าวขอโทษ “แม่นางสือหลิ่วลำบากแล้ว”“ไม่เป็นไร คุณชายสี่ ข้าไปก่อนเจ้าค่ะ”สือหลิ่วหยิบกล่องอาหารขึ้นมาแล้วบอกลาเจียงจิ่นเซวียนเจียงจิ่งเซวียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “แม่นางสือหลิ่วเดินทางระวังด้วย”“เจ้าค่ะ”สือหลิ่วรู้สึกเขินอายหลังจากพยักหน้าให้เจียงจิ่นเซวียนแล้ว นางก็เดินทางไปจวนอ๋องในมุมที่สือหลิ่วมองไม่เห็น เจียงจิ่นเซวียนยิ้มเยาะเย็นชานี่คือบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาให้เจียงหวานหว่านสือหลิ่วไม่สงสัยสักนิด นางเดินถือกล่องอาหารมาถึงจวนอ๋องหลังส่งกล่องอาหารเรียบร้อย นางไปร้านหนังสือเพื่อซื้อกระดาษให้เจียงจิ่นเซวียนซื้อกระดาษเสร็จแล้ว สือหลิ่วกลับถึงจวนและนำกระดาษไปส่งให้เจียงจิ่นเซวียน“แม่นางสือหลิ่ว เรื่องซื้อกระดาษในวันนี้ ไม่ต้องบอกน้องหก นางไม่ชอบให้ข้าเข้าใกล้คนเรือนเหมย หากนางรู้ว่าข้าเรียกใช้คนข
เจียงหวานหว่านมองดูรถม้าจวนอ๋องจากไปรถม้าจวนอ๋องไปไกลแล้ว เจียงหวานหว่านเก็บสายตากลับมาและเดินเข้าจวนไป“น้องหก รอก่อน”เจียงจิ่นเซวียนเรียกเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหยุดเดินแล้วถามเสียงเย็น “มีเรื่องใด?”“น้องหก ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง เป็นวาสนาของเจ้านัก ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าทำให้ท่านอ๋องโกรธจนลากคนในจวนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”เจียงจิ่นเซวียนเดินมาข้างกายเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหงุดหงิด เจียงจิ่นเซวียนไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปจริงด้วย คอยแต่จะหาโอกาสถากถางนางน้ำเสียงดูแคลนหาว่านางไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง ช่างเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนางจริงๆ“พี่สี่คอยปรนนิบัติรัชทายาทมาตั้งหลายปี การประจบสอพลอคงเป็นสิ่งที่พี่สี่ถนัดนัก หน้าไหว้หลังหลอกเป็นความสามารถโดดเด่นของพี่สี่ พี่สี่ใช้ชีวิตได้อย่างหน้าซื่อใจคดจริงๆ”รอยยิ้มจอมปลอมของเจียงจิ่นเซวียนเลือนหายไปเขานึกไม่ถึงว่าเจียงหวานหว่านจะด่าเขาไม่ไว้หน้าสักนิดเจียงหวานหว่านไม่มองเจียงจิ่นเซวียนแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปในประตูจวนหากอยู่นานกว่านี้หน่อยนางยิ่งรู้สึกขยะแขยง เจียงจิ่นเซวียนน่ารังเกียจกว่าเจียงจิ่นหนิงเสียอีกเจียงจิ่น
นางเปิดผ้าม่านเตรียมตัวลงรถม้าทันใดก็ถูกแรงกระชากนางกลับเข้ามาในรถม้าเจียงหวานหว่านจมเข้าสู่อ้อมกอดหรงซีกลิ่นหอมอำพันทะเลลอยเข้าจมูกนางหรงซีกุ้มหน้ามองเจียงหวานหว่านไม่พูดไม่จาเจียงหวานหว่านคิดจะลุกขึ้นกลับถูกหรงซีกอดเอาไว้แน่นคนสองคนจ้องตากันและกัน ไม่มีใครพูดจา“เหตุใดรถม้าจวนอ๋องถึงจอดอยู่ตรงนี้?”เจียงจิ่นเซวียนกลับมาถึงจวนพอดีและเห็นรถม้าจวนอ๋องจอดอยู่หน้าบ้านของตนเจียงหวานหว่านได้ยินเสียงเจียงจิ่นเซวียน ดวงตาก็กลับมาแจ่งชัดอีกครั้ง“ท่านอ๋อง พี่สี่ข้าอยู่ข้างนอก รีบปล่อยข้า”หรงซียิ้มเย็น “ข้าต้องกลัวเขาด้วย?”เจียงหวานหว่านกัดฟัน “ท่านอ๋องไม่กลัว แต่ชื่อเสียงข้าไม่เหลือแล้ว วันหน้าหากแต่งงานก็จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้”“เจ้าคิดจะแต่งกับใคร? กู้ฉางชิง? หรือเซียวหวาย?”เจียงหวานหว่านประหลาดใจ นางแต่งงานเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาฝีเท้าของเจียงจิ่นเซวียนเดินเข้ามาใกล้เจียงหวานหว่านกดร่างต่ำลงแล้วกล่าวอย่างออดอ้อน “ท่านอ๋อง ขอร้องท่านล่ะ”หรงซีได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเจียงหวานหว่าน ความโมโหในใจลดไปไม่น้อย“เจียงหวานหว่าน เจ้าติดค้างข้า ครั้งหน้าข้าไม่ปล่อ
เจียงหวานหว่านได้ฟังคำพูดของหรงซีก็หันไปยิ้มให้เซียวหวายอย่างจนปัญญา“เซียวหวาย ขอโทษด้วย พรุ่งนี้ข้าจะไปพบเจ้า”เซียวหวายยิ้มแย้ม “แม่นางเจียง พรุ่งนี้ข้ามารับเจ้า”“ก็ดี...”ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค เจียงหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองถูกจับข้อมือเอาไว้ไม่รู้ว่าหรงซีลงมาจากรถม้าตั้งแต่เมื่อใดเขาสีหน้าบึ้งตึง ดึงข้อมือเจียงหวานหว่าน ลากนางขึ้นรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง โปรดปล่อยแม่นางเจียงด้วย”เซียวหวายเห็นเจียงหวานหว่านถูกหรงซีผลักขึ้นรถม้า เขาจึงตามไปขวางแต่ถูกเทียนซูขวางเอาไว้ เซียวหวายผลักเทียนซู ทว่าเทียนซูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยหรงซีทำเหมือนไม่ได้ยินเซียวหวายโกรธเจียงหวานหว่านหันหน้ามากล่าวกลับเซียวหวายที่อยู่ด้านหลัง“คุณชายเซียว ข้าไปก่อนนะ”มือของหรงซีดึงศีรษะเจียงหวานหว่านเข้าไปในรถม้าเซียวหวายนั่งอยู่บนรถม้าสกุลเซียว กำลังตามท้ายรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง รถม้าของคุณชายเซียวตามอยู่ด้านหลัง”เทียนซูที่อยู่ด้านนอกกล่าวรายงานหรงซี“สะกดรอยตามราชวงศ์ มีเจตนาไม่ดี เทียนซู ส่งคุณชายเซียวไปยังสถานที่ที่เขาควรไป”เทียนซูลังเล“ท่านอ๋อง คุณชายเซียวเป็นน้องชายเซียวกุ้ย
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น“ฝีมือของอ้ายเฟย ข้าชอบยิ่งนัก”ฝ่าบาทตรัสด้วยถ้อยคำสองแง่สองง่ามเซียวกุ้ยเฟยหุบตาลงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็พยุงฝ่าบาทเดินไปด้วยกันรอจนกระทั่งไม่เห็นเงาฝ่าบาทแล้วหรงซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาเย็นชายิ่งกว่า จับจ้องมองหรงมู่หานหรงมู่หานรับรู้ถึงความโกรธท่วมท้นของหรงซี“เสด็จอา หลานขอตัวก่อน”ระหว่างที่กล่าว สายตาเขาเหล่มองเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านกรอกตาบนใส่หรงมู่หานนัยน์ตาหรงซีใกล้ระเบิดแล้วเขาขยับข้อมือก้อนเงินถูกดีดออกไปดีดโดนบริเวณกระดูกขาของหรงมู่หาน“เอื้อ...”หรงมู่หานรู้สึกถึงกระแทกที่ขาความเจ็บปวดจู่โจมกะทันหัน ทำให้เขาทรุดเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเจียงหวานหว่าน”“องค์ชายรอง รู้ว่าผิดรู้จักแก้ไข เป็นสิ่งที่ดียิ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองเช่นนี้”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง“เจ้า พวกเจ้า...”หรงซีและเจียงหวานหว่านเดินเคียงข้างกันจากไปโดยไม่สนใจหรงมู่หานหรงมู่หานรู้ว่าเป็นฝีมือหรงซีความรู้สึกอัปยศอดสูพุ่งเข้าสู่หน้าอกใบหน้าของเขาถูกหรงซีกับเจียงหวานหว่านทำลายจนป่นปี้หรงมู่หานมองแผ่นหลังทั้งสองคนแล้วสาบานกับตัวเอง
วิชาการแพทย์ของเจียงหวานหวานล้ำเลิศ พิษในร่างกายของน้องชายจะกำจัดไปได้เมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว เขาต้องวางแผนเอาไว้“น้องชาย ช่วงนี้สุขภาพเจ้าดีหรือไม่ เจ้าไม่ได้ไปให้หมอหลวงตรวจนานแล้ว”หรงซีหุบสายตาลง จากนั้นก็ประสานมือ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนึกถึง ช่วงนี้น้องชายสุขภาพไม่ดี วันนี้จะไปให้หมอหลวงตรวจอาการ”ฝ่าบาทเมื่อได้รับฟังก็เบาพระทัยลงมากพิษในตัวน้องชายถูกถอนไปแล้วหรือไม่ ถามหมอหลวงก็รู้แล้วฝ่าบาทหรี่พระเนตร มีแผนการในพระทัยแค่หมอหลวงจับชีพจรก็จะรู้ว่าหรงซีถอนพิษไปแล้วหรือไม่“แม่นางเจียง โรคของหรงซี เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่?”ฝ่าบาททอดพระเนตรเจียงหวานหว่าน“ฝ่าบาท แม่นางเจียงก็รักษาโรคของข้าไม่หายเช่นกัน”หรงซีกล่าวประโยคหนึ่งเจียงหวานหว่านรู้สึกว่าหรงซีประหลาดมาก เหตุใดกล่าวเช่นนั้นทว่าเมื่อเห็นสายพระเนตรฝ่าบาท นางเข้าใจทันทีฝ่าบาทต้องการให้หรงซีประคองความมั่นคงของแคว้น เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้หรงซีได้ครองบัลลังก์ในสมองเจียงหวานหว่านผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาพิษหนอนกู่ในร่างกายหรงซีเป็นของฝ่าบาทจังหวะหัวใจนางเต้นเร็วขึ้น หากเป็นเช่นนี้ หรงซีก็จะถูกฝ่าบาทควบคุม