หลังจากคิดอยู่นานใต้ตะเกียง เขาก็เรียกคนรับใช้ที่รออยู่ข้างนอกเข้ามา "ไปจัดการสองคนนั้นที่อยู่ข้างกายเหวินเสวียนเสีย" หลังจากที่โหวหย่งหนิงมือไพล่หลังเดินไปเดินมาและคิดอยู่นาน เขาจึงออกคำสั่ง "ไปจัดการกับแม่นมถังที่อยู่ข้างกายหมิงจูด้วย นอกจากนี้ให้คนเฝ้าเรือนไห่ถัง ในหนึ่งเดือนนี้อย่าปล่อยให้หมิงจูออกมา”บ่าวคนสนิทถาม "ถ้าองค์รัชทายาทต้องการพบคุณหนูหมิงจู ... " โหวหย่งหนิงคิดไตร่ตรองอีกครั้ง เขากัดฟันพูดว่า "บอกว่านางเป็นหวัดและไม่เหมาะจะพบปะผู้คน ถ้าองค์รัชทายาทยืนกรานที่จะพบนาง ... เราก็ไม่มีทางจะหยุดเขาได้เหมือนกัน” บ่าวคนสนิทหลังจากได้รับคำสั่งแล้วจึงไปเตรียมการ โหวหย่งหนิงมองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้าและรู้สึกว่าคืนนี้ยาวนานยิ่งนักในที่สุด ค่ำคืนอันยาวนานได้สิ้นสุดลงแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่เซี่ยเหยาฮวากินอาหารเช้าเสร็จ แม่นมหวังก็พาสาวใช้และเด็กรับใช้ชายกลุ่มใหญ่มาด้วยแม่นมหวังพูดด้วยความเคารพ "คุณหนู บ่าวเลือกพวกที่ใช้งานได้ ท่านเลือกอันสักสี่ห้าคนไว้รับใช้ข้างกาย ส่วนคนอื่น ๆ บ่าวจะจัดไว้ที่ข้างนอก"เซี่ยเหยาฮวาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น "มีชิงเย่อยู่ข้างๆ ข้าก็พอแ
ในตอนกลางวัน สนมหลิ่วส่งคนไปเรียกเซี่ยเหยาฮวาให้เข้าวังทันที นางไป๋ซึ่งใจยังไม่เย็นลงมา ยังสาปแช่งเซี่ยเหยาฮวาในใจพลางรีบหาชุดพิธีการเพื่อเข้าวังให้กับเซี่ยเหยาฮวาเมื่อเสื้อผ้าถูกส่งไปยังหอจินเฟิง นางกำนัลที่สนมหลิ่วส่งมาแตะเพียงครั้งเดียวก็โยนพวกมันออกไปด้วยสีหน้ารังเกียจ“นี่เป็นครั้งแรกที่คุณหนูใหญ่เซี่ยเข้าวัง และนางอาจต้องเจอฝ่าบาท แต่ตระกูลเซี่ยกลับเตรียมเสื้อผ้าเช่นนี้ให้นางหรือ? ตระกูลเซี่ยยากจนมากจนไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้วหรือ หรือเห็นว่าพระสนมของเราไม่คู่ควรให้บุตรสาวสายตรงของตระกูลเซี่ยซื้อเสื้อผ้าใหม่”แม้ว่าสนมหลิ่วจะไม่ใช่ฮองเฮา แต่น้ำหนักของนางที่อยู่ในใจฝ่าบาทก็ไม่น้อยไปกว่าฮองเฮาเลย!นางไป๋รีบอธิบาย: “ท่าน ขออภัยด้วย ลูกสาวข้าเพิ่งกลับมา ที่บ้านยังไม่รู้รูปร่างของนาง จึงยังไม่ได้ตัดเสื้อผ้าใหม่ให้ชั่วคาว เดิมทีข้าให้คนไปวัดขนาดตัวนางวันนี้แล้ว ..."“พูดเช่นนี้คือเป็นความผิดของพระสนมข้ารึ”"ท่าน......"“โชคดีที่องค์ชายใหญ่ได้เตรียมการไว้แล้วและขอให้ข้านำเสื้อผ้ามาด้วย มิฉะนั้น คุณหนูใหญ่เซี่ยคงจะต้องเสียมารยาทต่อหน้าฝ่าบาทแล้ว”นางกำนัลหยิบกล่องออกมาข้าง
ส่วนความคิดเห็นของผู้คนน่ะหรือ?เหอะ นางไม่กลัวกระทั่งคมดาบ แล้วแค่คำพูดจะทำร้ายนางได้อย่างไรกัน?หลังจากขึ้นเกวียนแล้ว อิงกูก็รีบส่งคนกลับไปที่ตำหนักเฉิงผิงทันทีเพื่อรายงานเรื่องนี้ต่อสนมหลิ่ว และตัวเองก็ติดตามนางไปตลอดทางสนมหลิ่วยิ้มเย็นหลังจากได้รับข่าวนางเป็นคนที่รับเซี่ยเหยาฮวาเข้ามา และไม่มีใครในวังหลังนี้ที่กล้าแตะต้องคนของนางอย่างเปิดเผย ยกเว้นคนที่มาจากตำหนักเจาหยางคนนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางสนมในวังจะใช้วิธีใดก็ตามเพื่อต่อสู้เพื่อความโปรดปราน แต่สนมหลิ่วก็ทนไม่ได้กับการกระทำของฮองเฮาที่ลากผู้บริสุทธิ์ลงน้ำไปด้วยดังนั้นนางจึงไม่ทน นางส่งคนไปรายงานขันทีหลี่ฟู่ไห่โดยตรง ส่วนขันทีหลี่จะไปรายงานต่อหน้าฮ่องเต้หรือไม่นั้น นั่นคือสิ่งที่ฮองเฮาควรกังวลเซี่ยเหยาฮวาเพียงไม่นานก็ได้พบกับสนมหลิ่ว สนมหลิ่วที่แต่งตัวมาแล้วนั้น ดูสดใสและมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่งขณะที่เซี่ยเหยาฮวากำลังจะถวายบังคมสนมหลิ่ว สนมหลิ่วก็โบกมือ "เจ้าคือเหยาฮวาใช่หรือไม่? มาให้ข้าดูหน่อยสิ"สนมหลิ่วจับหน้าและบีบไหล่อย่างมีความสุข "เจ้าดูสวยมากนะ แต่ผอมไปหน่อย ... อิงกู ไปที่โกดังแล้วไปเอาโสมสองสา
ขอพระราชทานตำแหน่งยศให้แม่บุญธรรม?ฮ่องเต้และสนมหลิ่วต่างตกตะลึงจากนั้นไม่นานสนมหลิ่วก็เอ่ยว่า "เหยาฮวา ตำแหน่งยศพวกนี้มิใช่นึกอยากจะแต่งตั้งก็แต่ตั้งขึ้นมาตามอำเภอใจ สามีหรือบุตรชายของนางจะต้องมีคุณงามความดีต่อชาติบ้านเมืองด้วย “หม่อมฉันก็คิดว่าการช่วยชีวิตองค์ชายใหญ่ร่วมกับแม่จะนับเป็นการทำคุณงามความดีให้กับชาติบ้านเมืองเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่…” เซี่ยเหยาฮวาดูผิดหวัง “ถ้าเช่นนั้นก็ช่างมันเถอะเพคะฝ่าบาท พระองค์ทรงพระราชทานอาภรณ์สักชิ้นสองชิ้นให้เป็นรางวัลกับมารดาของข้าก็พอ”จากการขอพระราชทานยศมาจนถึงอาภรณ์เพียงไม่กี่ชิ้น ความคาดหวังไม่ลดลงเร็วเกินไปหน่อยหรือฮ่องเต้กล่าวอย่างขบขัน "มารดาของเจ้าขาดแคลนอาภรณ์มากขนาดนั้นเชียว?"เซี่ยเหยาฮวาลังเลที่จะพูด แต่สุดท้ายเขาก็กัดริมฝีปากและบีบนิ้วของเขา ราวกับเป็นเด็กน้อยผู้ถูกกระทำอย่างน่าสงสาร แต่ไม่มีที่ให้ร้องไห้เล่าความอัดอั้นสนมหลิ่วถอนหายใจ "เฮ้อ นี่แหละหนาความแตกต่างของการไม่ได้เลี้ยงดูอยู่ข้างกาย เกรงว่าแม้จะเป็นผู้ให้กำเนิดเขาออกมา แต่ก็มิอาจเทียบเท่าการได้เจอหน้าทุกเช้าเย็น" คำพูดของสนมหลิ่วไปสะกิดพระทัยของฮ่อง
“นอกจากนี้” ฝ่าบาทแย้มสรวลที่ไม่ชัดเจนนักออกมา “เจ้าไปที่ตำหนักจ้าวหยางแล้วทูลฮองเฮาว่า ถึงเวลาหาคู่ครองให้กับองค์รัชทายาทแล้ว ให้ทรงเฟ้นหาสตรีในวัยที่เหมาะสมจากแต่ละตระกูล ตำแหน่งไท้จื่อเฟยนั้นจะไม่ถือชาติกำเนิดเป็นสำคัญ ขอแค่มีภูมิหลังครอบครัวที่สะอาด และอย่าเย่อหยิ่ง!”“พะย่ะค่ะ” สองนายบ่าวเดินจากไปไกล เหล่าหูตาของแต่ละตำหนักต่างพากันแจ้งข่าวให้นายของตนทราบอย่างรวดเร็วแต่ละตำหนักต่างก็พากันตกตะลึงกับข่าวนี้ เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า ฮองเฮาทรงหมายพระทัยไว้กับเซี่ยหมิงจูแห่งจวนโหวหย่งหนิงมาตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว ไหนจะเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังว่ากันว่า องค์รัชทายาททรงใกล้ชิดกับเซี่ยหมิงจูอีก แต่บัดนี้ฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้ฮองเฮาเฟ้นหาสตรีจากแต่ละตระกูล... เป็นเพราะว่าฝ่าบาทไม่พอพระทัยในตัวเซี่ยหมิงจู หรือไม่พอพระทัยในจวนโหวหย่งหนิงกันแน่? โดยสรุป ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด นี่คือโอกาสสำหรับแต่ละตระกูลที่จะได้เลื่อนชั้นไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น!และแล้วข่าวจากในราชสำนักก็แพร่สะพัดออกไปสู่ภายนอกอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับความเร่งรีบและคึกคักในสถานที่อื่น เฉิงพิงกงนั้นเงียบกว่ามาก จิต
“ข้ามีเรื่องอยากขอให้ท่านช่วย”“เรื่องใหญ่หรือ ? ”“สำหรับข้าแล้วมันเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวง แต่สำหรับองค์ชายแล้วมันเป็นเรื่องแค่พลิกฝ่ามือ” หรงเจิ้งเหลือบมองตราสัญลักษณ์หยกในมือของนางด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย “เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตราสัญลักษณ์หยกนี่มีความหมายเช่นไร?” “สามารถออกคำสั่งให้คนในอาณัติของท่านทำตามคำสั่งของข้าได้”“เช่นนั้นแล้วเจ้ายังคิดที่จะสิ้นเปลืองมันไปกับเรื่องนี้เช่นนั้นหรือ?”“สำหรับข้าแล้วมันคุ้มค่า ไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลืองอะไร” เซี่ยเหยาฮวายื่นตราสัญลักษณ์หยกไปข้างหน้า “องค์ชาย?”หรงเจิ้งเอามือไว้ด้านหลัง “ในเมื่อข้าได้มอบตราสัญลักษณ์หยกให้แก่เจ้าแล้วก็จะไม่รับมันกลับมาอีก คุณหนูเซี่ยยังต้องการความช่วยเหลือจากข้าก็เอ่ยตรง ๆ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ช่างมันเสียเถิดทันใดนั้นเซี่ยเหยาฮวาก็กระเถิบเข้าไปใกล้แล้วโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของหรงเจิ้ง “ในคราวนั้นท่านยายไม่ได้ให้กำเนิดเพียงฝาแฝด หากแต่เป็นแฝดสาม ท่านลุงคนเล็กที่ไม่มีใครล่วงรู้นั้นนั้นมีนามแฝงว่า เฉินจ้าวฉิน ซึ่งบัดนี้กำลังซ่อนตัวอยู่ในค่ายหนานกวน ข้าคิดว่าตอนนี้เขาคงจะกำลังรอท่านอยู่หรงเจิ้งตกใจมาก ในครั้งที่เขากลั
ต่อมานางก็กลายเป็นเหยาจินเหนียง เมื่อมาถึงเมืองลั่วจิง นางจึงไปหาบุคคลที่ภรรยาของอาจารย์กล่าวถึง แต่กลับได้รับแจ้งว่าบุคคลนั้นเสียชีวิตไปนานแล้วนางถูกไล่ออกมา และได้พบกับกลุ่มคนเสเพลที่มีโหวหย่งหนิงซื่อจื่อเป็นผู้นำ พวกมันใช้ตัวนางเป็นรางวัลในการพนัน โดยสุดท้ายโหวหย่งหนิงซื่อจื่อเป็นผู้ชนะในครั้งนั้น และใช้กำลังบังคับชิงตัวนางกลับไปนางถูกพรากเอาความบริสุทธิ์ หากไม่มีสัญญาการเป็นทาสเป็นใบเบิกทาง นางก็คงจะต้องถูกกักขังให้ใช้ชีวิตอยู่ในจวนโหวหย่งหนิงไปตลอด นางไม่เคยเอยถึงอดีตพวกนี้กับใครเลย และ “เหยามู่หลาน” สามคำนี้ก็เป็นความลับที่นางรู้แต่เพียงผู้เดียว แต่เซี่ยเหยาฮวากลับล่วงรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจนนางเป็นใครกัน?หรงเจิ้งที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจเช่นกันเขาสงสัยได้ว่า การสังหารหมู่ ณ หุบเขาราชาโอสถเป็นเพราะการสืบสวนฉินไท่โป โดยพบว่าราชาโอสถกับฉินไท่โปมีความเชื่อมโยงกันในช่วงแรก อย่างไรก็ตามหลังจากถึงแก่กรรมของท่านแม่จ้าวหมิ่นของเขา ทั้งสองก็ขาดการติดต่อกัน แล้วจึงพบว่าในวันที่มารดารของเขาถึงแก่กรรม หุบเขาราชาโอสถก็เกิดเหตุสังหารหมู่เช่นกัน เขาใช้เวลาร่วมครึ่งปีในการสืบจาก
หลังจากการแข่งจ้องตา เซี่ยเหยาฮวาก็ยกริมฝีปากขึ้นแล้วพูดว่า “เรือนโยวหลานภายใต้ชื่อขององค์รัชทายาท มีแม่ครัวชื่อเนี่ยเฟิง นักฆ่าทั้งหมดที่ฝ่าบาทได้พบเห็นในช่วงสองปีที่ผ่านมา ล้วนแล้วได้รับการฝึกฝนมาจากนาง” “ หากใครสงสัยในศิลปะการต่อสู้ของเจ้า ข้าก็จะบอกว่า คุณหนูเซี่ยเป็นศิษย์สำนักเดียวกันกับข้า มีอาจารย์เป็นปรมาจารย์ผู้ละทางโลก”“หัวของเนี่ยเฟิงเหลือไว้ให้ข้าไปเด็ด ส่วนทหารในมือนาง…”หรงเจิ้งต่อคำ “เปลี่ยนเป็น คนของตัวเอง แล้วเอาไว้ใช้งาน”เซี่ยเหยาฮวายิ้มและชนแก้วกับเขา “เยี่ยม” เมื่อเซี่ยเหยาฮวาและหรงเจิ้งกลายเป็นพันธมิตรกัน เซี่ยหมิงจูก็ได้พบกับองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทออกจากเมืองหลวงเมื่อสองวันก่อน และเพิ่งถูกคนใต้อาณัติตามตัวกลับมาเมื่อสองชั่วยามก่อน หลังจากเข้าเมืองมายังไม่ทันได้เปลี่ยนอาภรณ์ใด ๆ ก็ทรงตรงไปที่จวนโหวหย่งหนิง เมื่อเห็นเซี่ยหมิงจูที่ดูซีดเซียว องค์ชายจึงรีบเข้าไปปลอบนางทันที “อย่ากังวลไปเลยหมิงจู ไม่ว่าจะเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่แค่ไหน หากมารังแกเจ้าข้าจะไม่ปล่อยมันไปแน่นอน” เซี่ยหมิงจูสะอื้นและถอนหายใจ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเต็มใจปกป้องข้า แต่สถานะ
“แต่ว่าท่านโหว เฉินสุ่ยเป็นผู้ติดตามใกล้ชิดของท่าน เมื่อเขาไปฆ่าท่านแม่ของข้า เขาทำตามคำสั่งของท่านหรือเขาไปเองกัน และผู้ลอบสังหารเมื่อคืนนี้ เป็นไปได้ไหมว่าท่านโหวเป็นคนสั่งการ " “พูด พูดไร้สาระ ข้า ข้าไม่เคยทำ” “เรื่องใหญ่ขนาดนั้นเจ้ายังไม่รู้ งั้นท่านก็โดนหลอกได้ง่ายสินะ แต่ข้าก็แตกต่างออกไป ข้าตระหนี่ ความแค้นเล็กๆ น้อยๆ อาจเก็บไว้ได้เป็นร้อยปี โหวหย่งหนิง อย่าหลอกข้าจะดีกว่า เพราะข้าจะมองหาโอกาสที่จะแก้แค้นจริงๆ...อ่า บางทีอาจจะเหมือนอย่างในวันนี้ พระเจ้ามีเมตตาออกโรงช่วยข้าจัดการคนร้าย” เซี่ยเหยาฮวาเป็นภัยคุกคามชัด ๆ โหวหย่งหนิงโกรธมากจนหัวเราะออกมา เขาเป็นท่านโหวชั้นสอง กลับถูกเด็กหญิงเล็ก ๆ คนหนึ่งข่มขู่ในที่สาธารณะ เด็กคนนี้เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตนเองด้วย หากเขาไม่สามารถควบคุมนางได้ในวันนี้ ต่อไปเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มีหรงเจิ้งเป็นที่พึ่งพาแล้วอย่างไร ได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้แล้วทำไม เขาเป็นพ่อแท้ ๆ นาง พ่อสั่งสอนลูก เป็นเรื่องสมควรแล้ว โหวหย่งหนิงยกมือขึ้นและตบหน้าเซี่ยเหยาฮวา เซี่ยเหยาฮวาขยับร่างของนางแล้วดึงเซี่ยหมิงจูที่กำลังดูเหตุการณ์ทั้งห
นางไป๋สีหน้าขรึม นางรู้สึกเช่นเดียวกับเซี่ยเหวินเสวียน ทั้งๆ ที่เรื่องของอนุเหยาไม่เกี่ยวข้องกับเซี่ยเหยาฮวา แต่เมื่อมองดูนาง ในใจกลับรู้สึกรังเกียจมาก นางไป๋ปฏิเสธที่จะพูด และส่งสายตาร้ายกาจให้เซี่ยเหยาฮวา อย่างไรก็ตาม โหวหย่งหนิงมีความคิดรอบคอบกว่า เขารู้ว่าตอนนี้ไม่สามารถทำให้เซี่ยเหยาฮวาขุ่นเคืองได้ โหวหย่งหนิงถึงกับยิ้ม "เจ้าไม่เข้าใจอะไรล่ะ ถามได้หมด" "เมื่อคืนท่านแม่ของข้าถูกลอบสังหาร มิรู้ว่าท่านโหวจับผู้ลอบสังหารได้หรือยัง ผู้ลอบสังหารมีคนสมรู้ร่วมคิดหรือไม่ ตอนนี้ผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ที่ใดแล้วท่านโหวมีแผนจะทำอย่างไรกับผู้ลอบสังหารพวกนี้ ใครเป็นคนสั่งการพวกนี้ ท่านโหวได้สอบถามอะไรมาบ้างหรือไม่" เซี่ยเหยาฮวาได้ถามติดกันหลายคำถาม ทำเอาโหวหย่งหนิงหน้ามืดทะมึน เฉินสุ่ยเป็นคนทำอะไรเรียบร้อยอยู่แล้ว เมื่อวานนี้ คำขอของเขาคือการฆ่าฟางชุยฮวา หลักฐานอื่น ๆ ยังไม่ต้องสนใจ เฉินสุ่ยอยู่เคียงข้างเขามาหลายปีแล้ว และเขาเชื่อว่าเฉินสุ่ยเข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่เฉินสุ่ยไม่ได้เลือกที่จะลงมือด้วยตัวเอง ในที่สุดไม่เพียงแต่ทำพลาด แต่ยังทำให้เสียคนไปคนหนึ่ง
องครักษ์ขององค์หญิงเป่าฮวามาอย่างเร็ว เขาไม่ได้มาคนเดียว กลุ่มเล็กๆ ห้าคน สามคนอยู่ข้างหน้าและสองคนอยู่ข้างหลัง ทั้งสามคนด้านหน้าโค้งคำนับและหลีกทางให้ทุกคน จากนั้นจึงเห็นสองคนอยู่ด้านหลังนั้นยกอะไรบางอย่าง - ไม่! คนสองคนกำลังยกเสื่อซึ่งถูกม้วนขึ้น และมีเท้าคู่หนึ่งโผล่ออกมาตรงกลาง มีคนถูกห่ออยู่ในเสื่อนี้ และเป็นคนตายอีกด้วย องครักษ์ทั้งสองที่อยู่ด้านหลังวางเสื่อฟางลงแล้วเขย่าเล็กน้อย จากนั้นก็เผยให้เห็นศพหญิงร่างหนึ่ง ผิวหนังบนใบหน้าของศพถูกลอกออก และไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมได้ ใบหน้ามีเลือดไปหมด ร่างกายแข็งทื่อ ตายอย่างสมบูรณ์แบบ องค์หญิงเป่าฮวาส่งศพให้เซี่ยเหวินเสวียน? ดวงตาของเซี่ยเหวินเสวียนเบิกกว้าง "นี่ นี่ องค์หญิงเป่าฮวาหมายความว่าอย่างไร" องครักษ์พูดว่า "เย็นวานนี้ องค์หญิงกำลังเล่นอยู่ข้างนอก ผู้หญิงคนนี้ดูหมิ่นองค์หญิง นางด่าองค์หญิงหน้าอ่อนหวานแต่จิตใจน่าเกลียด องค์หญิงโกรธมากแต่ท่านก็ยังมีเมตตา ตอนนั้นท่านแค่อยากจะกรีดใบหน้านางแต่คนๆ นั้นบอบบางเกินไป แค่แทงครั้งเดียวก็เจ็บจนตายเสียแล้ว" สองสามีภรรยาโหวหย่งหนิงและเซี่ยเห
ระหว่างทางแม่นมหวังบอกว่าโหวหย่งหนิงให้นางมา คงเพราะเรื่องอนุเหยา เรื่องของอนุเหยา เซี่ยเหยาฮวาพอจะรู้มาบ้าง ดังนั้นนางจึงไม่แสดงท่าทีอะไรในตอนนั้น ตอนที่กำลังจะไปถึงเรือนหลักนั้น นางก็ชมแม่นมหวังว่า "ข้อมูลนี้มีประโยชน์มาก ด้วยความช่วยเหลือจากแม่นมหวัง ข้าเชื่อว่าชีวิตของข้าที่อยู่ในจวนโหวจะดีขึ้นเรื่อยๆ " แม่นมหวังตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่เซี่ยเหยาฮวาชมนางอยู่และมีรอยยิ้มบนใบหน้าด้วย ทำไมนางถึงรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกกันนะ? ความกลัวนั้นมันออกมาจากในกระดูก แปลกประหลาดมาก แต่การแสดงความภักดีนั้นไม่ผิด แม่นมหวังพูดอย่างรวดเร็วว่า "ตราบใดที่คุณหนูใหญ่สั่ง บ่าวพร้อมจะบุกน้ำลุยไฟ" บุกน้ำลุยไฟ...ประโยคว่างเปล่านี้อีกแล้ว แต่ใครๆ ก็ชอบฟัง เซี่ยเหยาฮวายิ้มก่อนก้าวเข้าไปในเรือนหลัก สามีภรรยาโหวหย่งหนิง เซี่ยเหวินเสวียน และ เซี่ยหมิงจูต่างอยู่กันพร้อมหน้า เซี่ยเหยาฮวาดูประหลาดใจ "เฮ้ ท่านซื่อจื่อกับคุณหนูหมิงจูไม่ได้ถูกกักบริเวณไว้อยู่หรือ ทำไมถึงมากันหมด ที่แท้ในตระกูลใหญ่บอกว่ากักบริเวณก็เป็นแค่คำพูดลอยๆ ไว้หลอกคนเท่านั้นสินะ"
ใครว่ามิใช่เล่า โหวหย่งหนิงถอนหายใจ แต่เรื่องมันพลาดไปแล้ว ตอนนี้จะทำอย่างไรได้เล่า ได้แต่เอาใจฮองเฮาก่อน รอให้การแต่งงานระหว่างเซี่ยหมิงจูและองค์รัชทายาทได้กำหนดลงมาเสียก่อน จากนั้นค่อยไปแก้ไขความสัมพันธ์กับฮ่องเต้ แค่หวังว่าเฉินสุ่ยจะทำสำเร็จในคืนนี้ คืนนี้ ไร้ดาว แต่มีพระจันทร์ ฟางชุ่ยฮวาอาศัยอยู่ห้องข้างของหอจินเฟิง แต่เดิมแม่นมหวังจัดสาวใช้คนหนึ่งให้นาง แต่หลังจากที่นางได้ป้ายหยก แม่นมหวังก็เพิ่มสาวใช้และบ่าวให้อีก คืนนี้คือบ่าวคนนั้นเฝ้าห้อง คั่นด้วยฉากบังตา ฟางชุ่ยฮวาก็สามารถได้ยินเสียงกรนดังสนั่นของนาง ฟางชุ่ยฮวาถือป้ายหยกที่ฮ่องเต้พระราชทาน รู้สึกปลอดภัยเต็มเปี่ยม แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงนอนไม่หลับ นี่ก็ยามสองแล้ว ฟางชุ่ยฮวายังคงนอนไม่หลับ นางพลิกตัวและอยากจะลุกขึ้น แต่จู่ๆ ก็มีคนปิดปากของนาง “อย่าส่งเสียง” เซี่ยเหยาฮวาพูดเบาๆ “ไปซ่อนตัวอยู่ข้างๆ” ดวงตาของฟางชุ่ยฮวาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เซี่ยเหยาฮวาเข้ามาในห้องนางตั้งแต่เมื่อไร ทำไมนางไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งๆ ที่นางไม่ได้หลับด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้นางกลัวยิ่งกว่าน
เฉินสุ่ยเป็นคนใช้สนิทของโหวหย่งหนิง และเป็นลูกชายของแม่นมเขา กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาเป็นน้องของโหวหย่งหนิงด้วย ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง โหวหย่งหนิงก็เชื่อใจเฉินสุ่ยมาก หากเป็นเรื่องสำคัญ โหวหย่งหนิงก็จะมอบให้เฉินสุ่ยไปจัดการ เฉินสุ่ยติดตามโหวหย่งหนิงไปที่ห้องลับในห้องหนังสือ โหวหย่งหนิงกล่าวว่า "เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องของเหยาฮวา" เฉินสุ่ยขมวดคิ้ว "คุณหนูเหยาฮวาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านเอง ไม่ว่านางจะหยาบคายและไม่เอาไหนเพียงใด ทางจวนก็สามารถรองรับนางได้อยู่แต่ฟางชุ่ยฮวานั้นไม่ได้" “สิ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าไปทำก็คือเรื่องของฟางชุ่ยฮวา” “ท่านโหวอยากให้นางออกจากลั่วจิง หรืออยากให้นางหายตัวไปตลอดกาล” "หายตัวไปตลอดกาล" เฉินสุ่ยพยักหน้า "ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ" “ต้องทำแผนให้ละเอียดหน่อย จะใช้เวลามากหน่อยก็ไม่เป็นไร จวนโหวหย่งหนิงเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นอยู่แล้ว จะนานไปกว่านี้สักพักก็ไม่เห็นจะเป็นไร ข้าต้องการให้มันรอบคอบ ต้องจัดการให้เรียบร้อย อย่าทิ้งร่องรอยอะไรที่ไม่เป็นผลดีกับจวนโหวไว้” "ไม่ต้องกังวล ท่านโหว ข้าน้อยจะจัดการเรื่องนี้ให
“คุณท่าน มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด…” นางไป๋ปาดน้ำตา “ข้าไม่ควรโวยวายที่ขอร้องให้รับนางกลับมาตั้งแต่แรก ถ้าไม่ใช่ข้า จวนโหวคงจะไม่กลายเป็นตัวตลกเช่นนี้…” โหวหย่งหนิงโบกมืออย่างจนใจ “มาพูดแบบนี้ในยามนี้จะมีประโยชน์อะไรเล่า เอาล่ะ อย่าร้องไห้เลย สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเซี่ยเหยาฮวา ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไร ต้องเกลี้ยกล่อมเซี่ยเหยาฮวาเอาไว้ อย่าให้นางย้ายออกจากจวนไป" เมื่อนึกถึงรางวัลที่ฮ่องเต้มอบให้ฟางชุ่ยฮวาอย่างมากมายนั้น โหวหย่งหนิงก็เริ่มปวดหัวตุบๆ อีกครั้ง นางไป๋ปาดน้ำตาและพยักหน้า "คุณท่านสบายใจเถอะ ข้าจะเกลี้ยกล่อมนางให้ได้ นางต้องการอะไร ข้าจะให้หมด แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่คือฟางชุ่ยฮวา" หากฟางชุ่ยฮวาเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรดา ตระกูลเซี่ยก็สามารถหาที่ไหนสักแห่งจัดแจงให้นางอยู่ได้ ยังอาจถูกคนอื่นชมว่าเราเป็นคนใจกว้าง แต่ประเด็นคือฟางชุ่ยฮวาไม่เพียงเป็นแค่หญิงชาวบ้านธรรดา แต่มีผู้คนมากมายที่เห็นนางถูกทำลายความบริสุทธิ์ ขณะนี้ ข้างนอกไม่มีข่าวลืออะไร แต่เมื่อเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป ในความคิดของคนที่นินทาจะคิดว่า ความบริสุทธิ์ของฟางชุ่ยฮวาไม่มีทางถูกทำลายแต่จะ
คนเดียวที่ทำให้เซี่ยเหยาฮวาเรียกนางว่า "ท่านแม่" นั้นก็มีแต่ฟางชุ่ยฮวา แม่บุญธรรมของนางที่มาจากหมู่บ้านหลิงสุ่ยที่พร้อมกับนาง สีหน้าขององค์รัชทายาทและโหวหย่งหนิงเปลี่ยนไปอย่างมากในเวลาเดียวกัน องค์รัชทายาทคว้าป้ายหยกจากนั้นโยนมันกลับไป เขายิ้มให้โหวหย่งหนิงพลางพูดว่า "โหวหย่งหนิงมีลูกสาวที่ดีจริงๆ ยินดีด้วย เสด็จพี่ ข้ายังต้องกลับไปรายงานเสด็จพ่อ ขอตัวก่อน” “ข้าก็ต้องการกลับวังเพื่อรายงาน ไปด้วยกันพอดีเลย” หรงเจิ้งออกไปกับเขา องค์รัชทายาทและหรงเจิ้งเป็นพี่น้องต่างมารดากัน พวกเขามีรูปร่างและนิสัยคล้ายกันมาก แต่ไม่ว่ามองจากด้านใด หรงเจิ้งก็อยู่เหนือกว่าองค์รัชทายาทเสมอ ตัวองค์รัชทายาทเองอาจไม่ทันสังเกตเห็น แต่โหวหย่งหนิงซึ่งเฝ้าดูจากด้านหลังสามารถมองความแตกต่างได้อย่างรวดเร็ว หลังจากส่งคนใหญ่คนโตทั้งสองด้วยสายตา โหวหย่งหนิงก็ไม่ต้องแสดงต่อ เขาคว้าป้ายหยกจากมือของเซี่ยเหยาฮวา ด้านหน้าของป้ายหยกเขียนว่า 'หลี่ฮูหยิน' ด้านหลังเขียนว่า 'พระราชทาน' และวันที่สลักอยู่ด้านล่าง นี่คือป้ายหยกจริงๆ เซี่ยเหยาฮวาอยากจะหัวเราะ "ท่านโหวคงไม่คิดว่านี่มันป
องค์รัชทายาทลูบผมของเซี่ยหมิงจู แล้วตรัสว่า “หมิงจูเจ้ามีใจภักดีต่อข้าเยี่ยงนี้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” “เจ้ากับข้าเราเป็นใจเดียวกันมาตั้งนานแล้ว จะขอบพระทัยก็ดูห่างเหินกันไป” องค์รัชทายาทจับมือนางแล้วตรัสว่า “วันนี้คงไม่ทันแล้ว ข้าจะต้องกลับวังไปเข้าเฝ้า” พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาเจ้าออกไปพักผ่อนนอกเมือง ! ” เซี่ยหมิงจูดูมีความสุข แต่คิ้วของนางกลับตกลง “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท แต่ท่านพ่อของหม่อนฉันอยากให้หม่อมฉันพักผ่อนอยู่กับบ้าน” “ข้าจะไปพูดกับโหวหย่งหนิงให้เอง วันนี้เจ้าพักผ่อนให้ดีเสียเถิด วันพรุ่งข้าจะมารับเจ้าแต่เช้า”“เพคะฝ่าบาท หากหม่อมฉันนึกเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับหรงเจิ้งออกอีก หม่อมฉันจะรีบส่งคนไปกราบทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ”ทั้งสองกอดกันแน่นเซี่ยหมิงจูค่อย ๆ ขดริมฝีปากภายในอ้อมแขนขององค์รัชทายาทในชาติที่แล้ว ก่อนที่หรงเจิ้งจะแสวงหาอำนาจและแย่งชิงบัลลังก์ แม้ว่านางจะหลบอยู่เบื้องหลัง มองโหวหย่งหนิงและลูกชายของเขาวางแผนทุกอย่างให้นาง แต่นางก็รู้ทุกสิ่งที่นางจำเป็นต้องรู้ เพียงแค่องค์รัชทายาทเป็นโรคขี้สงสัยและเห็นแก่ตัว นางจึงต้องระมัดระวังเอาไว้