#เวลา 00:30 น.
นักร้องสาววัยละอ่อนนั่งตัวเกร็งอยู่ท่ามกลางชายหนุ่มที่เมาได้ที่ เธอไม่กล้าที่จะหนีไปไหนแม้ว่าจะโดนลวนลามอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยคือเจ้านายของเธอ
“คืนนี้ไปต่อกับเฮียมั้ยคนสวย”
“ขอโทษนะคะ พอดีลินมีงานต่อ” ไพลินพยายามใช้คำพูดที่สุภาพและถอยห่างจากคนเมา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่รุนแรงทำให้เธอรู้สึกเวียนหัวไปด้วย
“เฮียรอได้ ปกติหนูลินเสร็จงานตอนไหน แล้วคิดราคาเป็นคืนหรือชั่วโมงบอกได้เลย เฮียพร้อมจ่าย”
ไพลินถึงกับหมดความอดทนกับคำถามสองแง่สองง่ามของเพื่อนเจ้านาย พูดแบบนี้มันไม่ให้เกียรติกันชัดๆ
“ลินต้องกลับแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ”
ร่างสวยลุกขึ้นทันทีที่พูดจบ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความโกรธ ทำไมผู้ชายถึงชอบทำตัวแบบนี้นะ คิดว่าคนทำงานกลางคืนจะขายตัวทุกคนเลยหรือไง ไพลินได้แต่บ่นในใจก่อนที่เธอจะถูกฉุดกระชากเข้าไปยังมุมมืด
“อือ…”
มือหนาที่ปิดปากไว้ทำให้ไพลินได้แต่ส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมา และพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดตลอดทางที่ชายร่างโตพาก้าวเดินไป กลิ่นแอลกอฮอล์ที่รุนแรงเพิ่มความหวาดกลัวให้ไพลินเป็นอย่างมาก
“ไปสนุกกันนะคนสวย อ๊ะ! โอ๊ย!”
คนเลวเอ่ยออกมาและพยายามลวนลามหญิงสาวอย่างคนหื่นกามก่อนที่จะโดนใครบางคนถีบเข้าไปที่แผ่นหลังจนเสียหลักพุ่งไปไกล
“ไอ้สัส! มึงไม่อยากแก่ตายใช่มั้ยวะ!”
ศรันย์ตะคอกออกไปด้วยท่าทางโกรธจัดแล้วพุ่งไปเอาเรื่องคนเมาจนลงไปกองกับพื้น ส่วนไพลินนั้นได้แต่ยืนตัวสั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่พี่ๆ ในร้านเข้ามาห้ามศรันย์
แต่ลูกเจ้าสัวใหญ่กลับไม่ฟังใคร ตั้งใจเอาไอ้หื่นเข้าคุกให้ได้ จนทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตลากคอคนผิดไปถึงสถานีตำรวจ กว่าจะจบเรื่องก็ปาไปเกือบตีสาม
“โอเคมั้ย?”
ศรันย์หันมาถามไพลินด้วยท่าทางเป็นห่วง เมื่อเห็นเธอเอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทาง ดูท่าทางจะยังขวัญเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่
“โอเค ขอบคุณอีกครั้งนะ ถ้าไม่ได้นายฉันคงแย่”
ไพลินพูดเสียงเบาแล้วหยุดชะงักไปเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ใบหน้าสวยถอดสีแล้วน้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้ากลัวก็ไม่ต้องไปทำงานที่นั่นอีก ถ้าอยากได้เงินฉันจะจ้างเธอเอง แต่จะให้ทำอะไรขอคิดดูก่อน ตอนนี้เธอกลับไปพักได้แล้ว แล้วไม่ต้องคิดถึงเรื่องพวกนั้นอีก!”
ศรันย์ปลอบใจเพื่อนรักไม่ให้เธอคิดมาก แต่กลับเป็นเขาที่คิดมากซะเอง ที่เห็นคนที่รักต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ แบบนี้
“ขอบคุณนะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ขับรถกลับดีๆ นะ” ไพลินพยายามพูดไปให้ปกติ เพื่อไม่ให้ศรันย์เป็นห่วงเธอมากไปกว่านี้ เธอรู้ดีว่าเขาเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน
“โอเค เธอเข้าไปก่อนฉันถึงจะไป” ศรันย์ลดกระจกลงมองดูจนไพลินปิดประตูบ้าน ถึงขับรถออกมา
ทันทีที่ประตูปิดลง เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“วันนี้ได้ลูกค้ากี่คน ถึงกลับมาเกือบเช้า”
คำพูดและสายตาที่กำลังจ้องมาทำเอาหญิงสาวนิ่งไป เพราะไม่รู้ว่าวรานนท์จะมายืนอยู่ตรงนี้ แล้วที่แปลกใจมากกว่านั่นคือเขายืนรอเธออย่างนั่นเหรอ หรือเขาลงมาทำอะไร ไพลินได้แต่ถามตัวเองในใจ
“ไง! ถึงกับพูดไม่ออกเลยหรอ แต่ดูจากสภาพแล้วคงจะไม่ต่ำกว่าสองคนแน่ๆ” วรานนท์พูดเสียงเข้ม ในหัวนึกถึงแต่ภาพของเธอกับผู้ชายตอนอยู่ในร้านนั้น ถ้าเขาเดาไม่ผิด เธอต้องไปต่อกับพวกนั้นมาแน่ๆ ถึงได้กลับมาในสภาพแบบนี้
สายตาคมมองร่างสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า สภาพเธอตอนนี้แย่มากๆ อย่างกับโดนรุมโทรมมาอย่างไงอย่างงั้น เพราะชุดสวยที่อยู่บนตัวเธอตอนนี้มันดูหลุดลุ้ยยิ่งกว่าเศษผ้าซะอีก
“คุณนนท์พูดเรื่องอะไรคะลินไม่เข้าใจ”
หญิงสาวถามไปเสียงเบา ตอนนี้เธอแทบจะไม่มีแรงด้วยซ้ำ ทั้งร่างกายและจิตใจบอบช้ำไปหมด แค่เรื่องที่เจอมาก็แย่พอแล้ว ยังต้องมาโดนคนตรงหน้ามองด้วยสายตาที่รังเกียจอีก
“มาถึงขนาดนี้แล้ว เธอยังจะทำเหมือนตัวเองใสซื่อบริสุทธิ์อีกหรอ ทำไมถึงใฝ่ต่ำขนาดนี้ เงินที่ให้ใช้มันไม่พอหรือไง!”
วรานนท์ตะคอกออกไปเสียงดัง มือหนายื่นไปบีบแขนเรียวด้วยอารมณ์โมโห ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อฝากฝังไว้ก่อนสิ้นใจให้ดูแลเธอ เขาก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเธอนักหรอก
“หยุดทำตัวเป็นผู้หญิงหากินแล้วกลับไปตั้งใจเรียนซะ! ส่วนเรื่องเงินฉันจะเพิ่มให้เอง แล้วอย่าคิดว่าฉันพิศวาสเธอเหมือนผู้ชายพวกนั้นนะ เพราะที่ฉันทำก็เพราะคุณพ่อฝากให้ฉันดูแลเธอ อย่าทำให้ท่านผิดหวังในตัวเธอไปมากกว่านี้ แค่นี้คุณแม่ก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!”
ไพลินได้แต่กลืนน้ำลายฝืดลงคอ ตอนนี้มันรู้สึกจุกและเจ็บไปทั้งใจ เธอไม่นึกเลยว่าจะได้ยินผู้ชายที่เธอรักมาพูดแบบนี้ ถ้าใครจะหาว่าเธอหวังสูงก็ตาม แต่เธอก็รักผู้ชายคนนี้ไปแล้ว รักมาตั้งแต่แรกพบเลยก็ว่าได้ วรานนท์เป็นผู้ชายที่ดูดีมากๆ ถึงจะดูนิ่งๆ แต่กลับดูอบอุ่นน่าค้นหา แล้วยังเก่งจนบริหารธุรกิจต่อจากคุณพ่อได้ทันทีที่ท่านเสียชีวิต
“ที่ไม่ตอบคืออะไร หรือว่าเธอติดใจอาชีพนี้ไปแล้ว”
วรานนท์พูดออกมาด้วยสายตาดุดัน ตอนนี้เขาถือว่าเขาเป็นผู้ปกครองของเธอ เพราะเขาคือคนที่ดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านหลังนี้
“ลินไม่รบกวนคุณนนท์หรอกค่ะ แค่มีที่ให้ซุกหัวนอนและมีข้าวกินก็เป็นพระคุณมากแล้ว”
ไพลินตอบไปด้วยน้ำเสียงประชด เธอน้อยใจอยู่ไม่น้อยที่คนตรงหน้าคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบนั้น ทั้งๆ ที่เขาน่าจะเป็นคนที่รู้จักเธอดีที่สุด
“อย่าประชด!!!” วรานนท์ตะคอกออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ลินไม่ได้ประชดค่ะ แต่ลินพูดความจริง แล้วคุณนนท์ก็ไม่ต้องห่วงว่าลินจะทำให้คุณท่านอับอายหรอกค่ะ เพราะอีกไม่นานลินก็จะออกไปจากที่นี่แล้ว!”
ไพลินฝืนใจพูดไปอย่างน้อยใจ เพราะคนอื่นจะพูดยังไงเธอไม่เคยสนใจ และไม่เคยเก็บมาคิดให้รกสมอง ต่างจากคำพูดของผู้ชายคนนี้ เธอเจ็บปวดทุกคำที่เขาพูดออกมา มันเหมือนกลับมีมีดมากรีดลงกลางใจ
“จะไปจากที่นี่งั้นหรอ ตอนไหนล่ะ”
ใบหน้าหล่อเหยียดยิ้มออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด เพราะนอกจากเธอจะไม่ฟังที่เขาพูดแล้ว เธอยังดื้ออีกต่างหาก
“อีกไม่นานหรอกค่ะ ลินกำลังเก็บเงินอยู่”
ไพลินพูดออกไปพร้อมใจที่จุกหน่วง เขาจะรู้มั้ยที่เธอทนอยู่บ้านหลังนี้ได้ก็เพราะเขา แต่เขากลับเป็นคนไล่เธอซะเอง ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เธอจะทนอยู่ไปทำไม
“เก็บเงินด้วยการขายตัวน่ะหรอ น่าภูมิใจชะมัด!”
ใบหน้าหล่อฉีกยิ้มที่มุมปากอย่างสมเพช แล้วก็ผิดหวังในตัวหญิงสาวเป็นที่สุด
“ใช่ค่ะ! ถ้าคุณนนท์อยากให้ลินทำอย่างงั้น ลินก็จะทำ!”
“ไพลิน!!” วรานนท์ตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห มือหนากระชากแขนเรียวเข้ามาหาตัวอย่างแรง จนใบหน้าสวยชนเข้ากับหน้าอกแกร่ง
“ลินเจ็บนะคะ!!”
ไพลินพยายามดันตัวออกจากการจับกุม แล้วก็รู้สึกกลัวอารมณ์ของชายหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มา เธอไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้เลย
“เจ็บสิดี จะได้จำไว้ ว่าอย่าประชดฉันแบบนี้อีก!” วรานนท์พูดออกไปพร้อมออกแรงบีบแขนเรียวแรงขึ้น เพื่อเรียกสติให้เธอเลิกทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น
“ลินไม่ได้ประชด คุณนนท์เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอคะว่าลินขายตัว” หญิงสาวเงยหน้ามองอย่างท้าทาย เพราะแก้ตัวยังไงเขาก็ไม่เคยมองว่าเธอเป็นคนดีอยู่แล้ว
“ก็ได้! อยากขายตัวนักใช่มั้ย” วรานนท์กดเสียงต่ำอย่างเหลืออด แล้วกระชากแขนเรียวให้เข้ามาชิดตัวอีกครั้ง
“คุณนนท์ปล่อยลินนะคะ ลินเจ็บ!!!”
“ขายครั้งละเท่าไหร่ ลองเสนอราคามาซิ ฉันจะช่วยซื้อให้ เผื่อเธอจะมีเงิน แล้วออกไปจากที่นี่เร็วขึ้น!!!!”
“ขายครั้งละเท่าไหร่ ลองเสนอราคามาสิ ฉันจะช่วยซื้อให้เผื่อเธอจะมีเงิน แล้วออกไปจากที่นี่เร็วขึ้น”คำถามของวรานนท์ยังคงก้องอยู่ในหัวของไพลินจนเธอจุกหน่วงไปทั้งใจ เธอได้แต่มองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาผิดหวัง ไม่คิดเลยว่าคนที่เธอเคารพและรักตั้งแต่แรกเจอจะพูดกับเธอแบบนี้ แล้วยิ่งสายตาที่เขามองมา ก็ยิ่งตอกย้ำว่าเขาก็รังเกียจเธอเหมือนแม่และน้องสาวของเขา หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนปวดหนึบ“ว่าไง!! ปกติเธอขายครั้งละเท่าไหร่”วรานนท์ตะคอกออกไปด้วยน้ำเสียงโกรธจัด แทบความคุมสติไม่อยู่ เมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่จ้องหน้าของเขา แทนที่จะอธิบายความจริงให้เขาเข้าใจ“คุณนนท์จะถามทำไมคะ สนใจใช้บริการผู้หญิงอย่างลินด้วยเหรอ”ไพลินกลั้นใจถามออกไปอย่างเหลืออด ไม่ว่าจะทำยังไงเธอไม่เคยดีในสายตาของเขาอยู่แล้วหนิ“ฉันรู้... ว่าเธอรู้ความหมายในสิ่งที่ฉันพูด อย่าแกล้งทำตัวใสซื่อไปหน่อยเลย”วรานนท์พูดออกไปอย่างโกรธจัดแล้วบีบแขนของเธออย่างแรง ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อหญิงสาวตอนนี้มันหายไปเกือบหมด ไม่คิดเลยว่าสาวน้อยในวันนั้นจะกลายมาเป็นสาวกร้านโลกแบบนี้“ถ้าคุณนนท์คิดแบบนั้น ลินก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว แล้วไม่ต้องห่วงว่าลินจะอยู่ที่นี่น
‘ทำไมเธอถึง…?’วรานนท์ได้แต่นิ่งไม่กล้าขยับร่างกาย ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาสู่หัวใจแกร่งจนปวดหนึบไปหมด เขากล่าวหาว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่า แต่กลับเป็นเขาเองที่พรากความบริสุทธิ์ของเธอไปเพราะความเข้าใจผิดสายตาคมจับจ้องไปที่ใบหน้าสวยสลับกับเลือดบริสุทธิ์ที่เปื้อนที่นอนด้วยความสับสน ในเมื่อเธอไม่ได้ทำงานแบบนั้น ทำไมเธอถึงกลับบ้านดึกทุกวัน โดยเฉพาะวันนี้เธอกลับมาสภาพอิดโรยอย่างกับคนที่ผ่านศึกหนักมา ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย“คุณนนท์!! หยุดเถอะนะคะ ลินเจ็บ!!” เสียงหวานอ้อนวอนด้วยความเจ็บปวด เพราะเธอไม่อาจทนความเจ็บปวดนี้ได้จริงๆ มันเหมือนร่างกายกำลังจะฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ“ฉันหยุดไม่ได้” วรานนท์พูดเสียงอ่อนลงต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง“แต่ลินเจ็บ ลินไม่ไหวแล้ว” ไพลินยังคงอ้อนเสียงสั่น สิ่งที่เขากำลังทำกับเธอมันไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอคิดไว้เลย“หยุดเถอะนะคะ ลินสัญญาว่าจะออกไปจากบ้านคุณนนท์พรุ่งนี้เลยค่ะ”ไพลินพูดในสิ่งที่เขาต้องการ เผื่อเขาจะหยุดความเจ็บปวดนี้สักที แต่คำพูดของเธอกลับทำให้เจ้าของบ้านไม่พอใจขึ้นมา เธอคิดจะไปจากที่นี่ทั้งๆ ที่เป็นของเขาแล้วงั้นเหรอ หรือว่าเธอมีคนที
“ทำไมเธอต้องทำขนาดนี้ด้วยลิน”ศรันย์ถามออกไปด้วยท่าทางไม่พอใจ นี่ขนาดพึ่งกลับมายังไม่เข้าบ้านเลยนะยังโดนใช้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนอยู่ในบ้านเธอจะโดนใช้งานหนักขนาดไหน แค่คิดก็หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว หากเป็นไปได้เขาอยากจะพาเธอไปอยู่ด้วยตอนนี้เลย“ก็แค่เปิดประตูเอง ไม่เห็นเป็นอะไรเลย นายก็กลับไปได้แล้ว”ไพลินยิ้มให้ศรันย์ก่อนจะหันหน้าเข้าบ้าน ทั้งที่ปกติต้องรอให้รถของศรันย์ออกไปก่อน แต่วันนี้เธอกลับดูรีบผิดปกติ เพราะอยากจะรีบเข้าไปอธิบายให้ทั้งสองคนที่พึ่งขับรถเข้าไปในบ้านได้เข้าใจว่าเธอกับศรันย์ไม่ได้เป็นอะไรกันไพลินกลับเข้ามาในห้องพักแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน พอเปลี่ยนเสร็จก็รีบเข้ามาที่บ้านใหญ่ทันที สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือไปอธิบายให้วนิดาเข้าใจก่อนว่าเธอไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับศรันย์“คุณหนูคะ” ไพลินรีบร้องเรียกวนิดาทันที ที่เธอเดินลงมาจากบนห้องพอดี“ยังกล้าเสนอหน้ามาให้ฉันเห็นอีกหรอ” วนิดาพูดออกมาด้วยท่าทางชิงชัง เพราะปกติเธอก็ไม่ชอบขี้หน้าไพลินอยู่แล้ว แล้วยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่ที่ไพลินไปสนิทกับศรันย์“ฉันกับศรันย์เราไม่ได้มีอะไรมากกว่าเพื่อนจริงๆ นะคะ ที่คุณหนูเห็นวันนี้ มันก็แ
- หลายวันต่อมา -“ทำไมวันนี้อารมณ์ดีจังเลยจ๊ะ” เสียงป้าอิ่มแซวไพลินที่ยืนล้างจานไปยิ้มไปท่าทางมีความสุขเหลือเกิน แล้วพักนี้ยังดูมีความสุขผิดปกติ จนน่าสงสัย แต่ป้าอิ่มก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไร เพราะวัยนี้เป็นวัยที่กำลังอยู่ในช่วงอินเลิฟ“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ลินก็แค่คิดอะไรเพลินๆ” ไพลินหันมายิ้มให้ป้าอิ่ม ก่อนจะหันไปล้างจานต่อตอนนี้ไพลินอยากจะหมุนเวลาให้มันไปถึงตอนสี่ทุ่มเร็วๆ เหลือเกิน เพราะจะได้ขึ้นไปหาคนที่หัวใจเรียกร้องสักทีLINE!!!!เสียงไลน์ดังขึ้นมา ทำให้ไพลินต้องล้างมือแล้วมาล้วงมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู เผื่อจะเป็นคนสำคัญส่งมา แต่ก็ไม่ใช่...Risa : ลินทำอะไรอยู่ คืนนี้แกว่างมั้ยพออ่านไลน์ที่ริสาส่งมา ไพลินขมวดคิ้วด้วยท่าทางสงสัย ก่อนจะตอบกลับไปPilin : ทำไมหรอ?ไพลินถามออกไป แล้วรอคำตอบ ปกติริสาไม่เคยส่งไลน์มาเวลานี้ แล้วที่สำคัญพักนี้ริสาก็ไม่ค่อยพูดกับเธอด้วยRisa : ฉันมีเรื่องกลุ้มใจนิดหน่อย อยากจะไปดื่ม แกออกไปเป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ยPilin : ได้สิ ไปตอนไหนหรอRisa : สองทุ่มPilin : โอเคหลังจากที่คุยไลน์เสร็จไพลินก็หันไปบอกป้าอิ่ม ป้าอิ่มก็บอกให้มาขออนุญาตคุณหญิงก่อนตา
หลังจากที่ศรันย์มาส่ง ไพลินก็รีบกลับเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วแอบดูคนในบ้าน ว่านอนหลับหรือยัง ถ้านอนหลับแล้วเธอจะได้ขึ้นไปหาเจ้าของหัวใจเหมือนที่เคยทำLINE!!!!เมื่อเสียงไลน์ดังขึ้นมา ใบหน้าสวยก็ฉีกยิ้มออกมาทันทีVaranon : ต่อไปนี้ ไม่ต้องขึ้นมาอีกแต่พออ่านข้อความที่ส่งมา รอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าสวยทันที หัวใจดวงน้อยเจ็บหน่วงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็ไม่เข้าใจเลยว่าที่เขาส่งมาคืออะไร หรือว่าเธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่าไพลินเดินวนไปวนมารอบห้อง ด้วยท่าทางร้อนใจ ทั้งๆ ที่เขาก็บอกแล้วว่าไม่ต้องไปหา แต่เธอกลับอยากขึ้นไปจนใจจะขาด แต่ก็กลัวจะโดนไล่ออกมา...หลายวันต่อมา...“ทำไมวันนี้ไม่ยิ้มเลยล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” ป้าอิ่มถามไพลินที่นั่งทานข้าวอยู่เงียบๆ จากที่เคยอารมณ์ดี ยิ้มแทบตลอดเวลา แต่พักนี้เธอกลับดูเศร้าๆ“ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้า ลินแค่คิดเรื่องเรียน” ไพลินแกล้งตอบไป ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ คิดจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเลยหลายวันมานี้วรานนท์เอาแต่หลบหน้าเธอ เวลาเจอกันก็มักจะเดินหนี แล้วยังทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน จนเธออึดอัดไปหมด อยากจะถามเรื่องข้อความนั้นให้รู้
หลังจากเรียนเสร็จไพลินก็รีบเก็บกระเป๋า เพราะอยากจะเคลียร์กับริสา แต่พอก้มเก็บของใส่กระเป๋าแค่แปปเดียว ริสาก็ออกไปซะแล้ว ไพลินรีบเดินตามออกมาก็เห็นแต่หลังเท่านั้น“ออกมาไม่รอเลยนะ” ศรันย์เดินตามไพลินออกมาติดๆ“ริสาเป็นอะไร นายรู้มั้ย?” ไพลินมองหน้าศรันย์ด้วยความไม่เข้าใจ ปกติริสาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ว่าโกรธอะไรเธอหรือเปล่า“ไม่รู้สิ ไม่ต้องไปสนใจหรอก เดี๋ยวฉันไปคุยให้” ศรันย์ตอบไปด้วยท่าทางปกติ แล้วช่วยถือกระเป๋าให้ไพลินเหมือนทุกครั้ง ทั้งสองคนเดินคุยกันมาที่รถ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของหลายคนแอบมองอยู่..ไพลินกลับมาบ้านด้วยความอึดอัดใจ นึกถึงแต่เรื่องของริสาวนไปวนมา ไพลินคิดว่าริสาต้องโกรธเธอแน่ๆ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าริสาโกรธเธอเรื่องอะไร“ลินจ๊ะ” เสียงป้าอิ่มมาเคาะประตูห้องเรียก ไพลินเลิกคิดมากแล้วรีบเดินออกไปเปิดทันที“มีอะไรหรอคะป้า”“คุณนนท์สั่งไว้ว่า ถ้าลินกลับมา ให้ลินไปทำความสะอาดห้องทำงานให้ ลินว่างหรือเปล่า” ป้าอิ่มพูดด้วยท่าทางใจดี แต่พอได้ยินชื่อของคนที่อยู่ในใจ ไพลินก็รู้สึกหน่วงขึ้นมาที่ใจทันที“เอ่อ... แล้วคุณนนท์กลับมาหรือยังคะ” ไพลินถามออกไปเสียงเบาเพราะไม่
“ลินไม่มีแฟนหรอกค่ะ คุณนนท์จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ”คำพูดและท่าทางแง่งอนของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มให้วรานนท์ได้เป็นอย่างดี ความหงุดหงิดก่อนหน้านี้หายไปเป็นจนหมด เขาไม่รู้ว่าตอนนี้… เขาต้องเป็นฝ่ายง้อเธอหรือให้เธอง้อเขากันแน่ เพราะดูท่าทางเธอจะงอนเรื่องที่ได้ยินวันนั้น…“มานี่ซิ!!” วรานนท์สั่งออกไปเสียงเข้ม มือหนาตบที่นั่งข้างๆ แล้วเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าสบาย สายตาคมหลี่มองร่างสวยด้วยท่าทางดุดัน จนเธอยอมเดินมา“มีอะไรหรอคะ?” ไพลินเดินมาหยุดตรงหน้าของวรานนท์ ด้วยท่าทางนิ่งๆ สายตาหยุดต่ำไม่กล้าสบตาเขา เพราะกลัวจะห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้หมับ!!ร่างบางถูกฉุดลงมานั่งที่ตักแกร่งอย่างรวดเร็ว สองแขนแกร่งกอดรัดเอวบางไว้ไม่ให้ลุกขึ้น“คุณนนท์จะทำอะไรคะ?” ไพลินถามออกไปด้วยท่าทางตื่นกลัว แล้วมองใบหน้าหล่อด้วยสายตาสงสัยตึกตัก!! ตึกตัก!!พอได้อยู่ใกล้กันอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยก็เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องก้มหน้าหลบความเขิน“ทำเหมือนที่เราเคยทำไง” เขากระซิบข้างหูของเธอด้วยน้ำเสียงแหบพล่า ใบหน้าหล่อซุกไซ้ดมกลิ่นหอมจากซอกคอขาว จนร่างบางขนลุกชัน“ไม่ได้นะคะ” ไพลินรีบดึงสติกลับมา ก่อนที่อะไ
ไพลินเดินออกจากห้องทำงานของวรานนท์พร้อมรอยยิ้ม เธอเดินเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดไปเก็บแล้วเข้ามาช่วยงานป้าอิ่มในครัวต่อ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนออกนอกหน้าของเธอ จึงโดนป้าอิ่มกับพวกพี่ๆ แม่บ้านแซวอีกตามเคยหลังจากช่วยทำกับข้าวเสร็จ ไพลินก็กลับเข้ามาในห้องของตัวเอง ร่างบางทิ้งตัวลงนอนที่นอนของตัวเองก่อนจะเอามือปิดปากแล้วกรี๊ดร้องออกมาด้วยความดีใจ ความรู้สึกเหมือนคนที่ได้คืนดีกับแฟนยังไงก็ไม่รู้ครืด~~เสียงการสั่นสะเทือนของมือถือ ทำให้ไพลินหยุดความคิดแล้วลุกขึ้นไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือ เวลาไปบ้านใหญ่เธอจะไม่เอามือถือติดตัวไปด้วยเพราะคุณหญิงไม่ชอบให้เธอเล่นมือถือเวลาทำงาน ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยเล่นเลยสักครั้ง>> ริสา ไพลินมองรายชื่อที่โชว์บนหน้าจอแล้วรีบรับสายทันที“ว่าไงริสา” ไพลินถามออกไปด้วยน้ำเสียงดีใจ ที่เห็นริสาโทรมา(ทำอะไรอยู่… ฉันโทรไปหาเธอร้อยสายได้แล้วมั้ง) ปลายสายพูดออกมาเสียงเรียบ“ฉันไปทำความสะอาดห้องทำงานคุณนนท์มา แล้วก็ช่วยแม่บ้านทำกับข้าว พึ่งจะได้กลับมาห้อง เธอมีอะไรหรอ แล้ววันนี้เป็นอะไรถึงไม่คุยกับฉันทั้งวันเลย ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า” ไพลินยิงคำถามรัวๆ จนคนฟั
- สองวันต่อมา -@บ้านกิตติคุณเวลา 10.00 น.หลังจากที่วรานนท์ได้ออกจากโรงพยาบาลก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน คุณหญิงวรมลต่างให้แม่บ้านจัดเตรียมอาหารต้อนรับลูกชายกลับบ้าน มีทั้งอาหารคาวหวานต่างๆ มากมายหลายเมนู พร้อมกับจัดเตรียมห้องไว้สำหรับไพลินกับวรานนท์หลังจากที่เรื่องไม่ดีต่างๆ ผ่านไปก็ย่อมมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น อย่างที่เขาว่ากันว่า... ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ... ชีวิตของไพลินก็เช่นกันบนโต๊ะอาหารที่มีอาหารต่างๆ หลากหลายเมนูให้เลือกทานที่ถูกจัดแต่งไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม ที่โต๊ะอาหารกลับมีคนนั่งอยู่แค่เพียงสี่คน แต่กลับทำอาหารเยอะแยะมากมายราวกับทำเอาไว้เลี้ยงคนทั้งซอยไพลินนั่งมองอาหารด้วยท่าทางตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับคุณหญิงวรมลและวนิดา ครั้งก่อนเธอยังได้ทำหน้าที่เป็นสาวใช้ของบ้านหลังนี้อยู่เลย แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้...ไพลินยังคงตื่นเต้นอยู่ภายในใจไม่หาย“ทานเยอะๆ นะตานนท์... ไพลินก็ด้วยนะ” คุณหญิงบอกลูกชายอย่างห่วงใย ก่อนที่จะหันไปบอกไพลินด้วยความเป็นห่วงหลานที่อยู่ในท้องของเธอ“ค่ะ... คุณหญิง” ไพลินพูดออกมาอย่างอ่อนน้อม“คุณหญิงอะไรหล่ะ เรียกคุณแม่แบบตา
- สองเดือนต่อมา -ไพลินนั่งมองวรานนท์อย่างอ่อนใจ วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธออยู่ดูแลวรานนท์แทบจะตลอดเวลา ใช้ชีวิตทุกอย่างอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ว่าจะกินข้าว จะนอน จะอาบน้ำ เธอแทบจะไม่ได้ออกไปไหน เรียกได้ว่าโรงพยาบาลจนแทบจะเป็นบ้านของเธอกับวรานนท์อีกหลังเลยก็ว่าได้ไพลินไม่อยากออกไปไหนเพราะกลัวว่าวรานนท์จะตื่นมาไม่เจอเธอ ในทุกๆ วันจะมีคุณหมอและพยาบาลเข้ามาตรวจและดูแลวรานนท์อยู่ตลอด ไพลินก็จะจัดดอกไม้ภายในห้องให้ดูสดใสและสวยงามอยู่ตลอดเช่นกัน เพราะเธอเชื่อว่าดอกไม้จะทำให้วรานนท์สดชื่นและจะได้รีบฟื้นขึ้นมาหาเธอกับลูกในเร็วๆส่วนคุณหญิงวรมลกับวนิดาก็วิ่งวุ่นอยู่กับเรื่องงาน เพราะตั้งแต่ที่วรานนท์เกิดอุบัติเหตุ หุ้นในบริษัทก็ลดลง จนคุณหญิงกับวนิดาต้องเข้าไปช่วยกันบริหารต่อจากวรานนท์ ส่วนเรื่องที่โรงพยาบาลไพลินอาสาที่จะดูแลวรานนท์ให้ ในตอนแรกคุณหญิงไม่ยอมเพราะเป็นห่วงหลานคนแรกทีี่อยู่ในท้องของไพลิน แต่ไพลินก็ดื้อไม่ยอม ยังคงยืนยันที่จะเป็นคนดูแลวรานนท์ คุณหญิงวรมลจึงจำยอมอย่างขัดไม่ได้ แต่คุณหญิงกับวนิดาก็เข้ามาหาไพลินกับวรานนท์ที่โรงพยาบาลทุกวัน“ลินอยากให้พี่นนท์ตื่นขึ้นมาเร็วๆ จัง อีกไม่กี
“สวัสดี... ไพลิน” อยู่ๆ ก็มีเสียงแหบของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยทักทายไพลินขึ้นมา“อะ เอ่อ... สวัสดีค่ะ”ไพลินตกใจเมื่อได้ยินเสียงและเห็นบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน จนเธอรู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นคือคุณหญิงวรมลกับวนิดานั่นเอง“ทำไมเธอถึง...” คุณหญิงวรมลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด แต่ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องหยุดพูดเสียก่อน“ลินไม่ได้เป็นคนบอกเรื่องนี้ให้คุณชาญรู้นะคะ... ลินจะไม่กลับไปหาคุณนนท์อีก ลินสัญญาค่ะ แต่...” ไพลินรีบพูดสวนขึ้นมาทันที เพราะกลัวคุณหญิงวรมลจะเข้าใจผิด ก่อนที่เธอจะเว้นระยะของคำพูดไว้“ลินอยากรู้แค่ว่า... ตอนนี้คุณนนท์เป็นยังไงบ้างคะ” ไพลินก้มหน้าก้มตาพูดออกมาด้วยความกลัวคุณหญิง“ตานนท์จะเป็นหนักกว่านี้ก็เพราะเธอนั้นแหละ!!” คุณหญิงวรมลพูดออกมาเสียงเรียบ พร้อมกับมองหน้าของไพลินด้วยสีหน้าและท่าทางเคร่งเครียด“คุณแม่คะ...” วนิดารีบพูดขึ้นเพื่อเตือนให้คนเป็นแม่ใจเย็นๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ แต่คุณหญิงก็ทำหูทวนลมไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย“ลินขอโทษนะคะ” ไพลินพูดออกมาเสียงเบา ด้วยท่าทางที่รู้สึกผิด“ขอโทษเหรอ... ขอโทษแล้ว
หลังจากที่ชาญวิทย์นั่งคุยเรื่องแผนการที่จะทำให้ไพลินกลับมา กับวนิดาและคุณหญิงวรมลอย่างเข้าใจกันในทุกฝ่ายแล้ว ชาญวิทย์จึงขอตัวกลับก่อน ถึงแม้คุณหญิงวรมลกับวนิดาจะยังไม่อยากให้กลับและขอร้องให้เขาอยู่จนไพลินโทรกลับมาก็ตาม ชาญวิทย์จึงจำเป็นต้องโกหกว่าต้องเข้าไปทำงานที่บริษัท คุณหญิงวรมลจึงให้เขากลับก่อน ได้เรื่องยังไงให้รีบโทรมาบอกวนิดากับคุณหญิงวรมลทันที...ชาญวิทย์ขับรถออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของชาญวิทย์ก็ดังขึ้น...สายตาคมมองทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ มือหนารีบควานหาโทรศัพท์เพื่อจะได้ดูว่าใครที่โทรมา และชาญวิทย์ก็รีบกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นไพลินโทรมา“ครับน้องลิน” ชาญวิทย์ไม่รอช้ารีบพูดทักทายขึ้นมาทันที(พี่นนท์เป็นยังไงบ้างคะ?) ไพลินเองก็รีบถามออกมาทันทีด้วยความเป็นห่วงคนรัก“เอ่อ... คือว่า...” ชาญวิทย์พูดออกมาตะกุกตะกัก เพราะยังไม่ได้เตรียมคำพูดที่จะพูดกับไพลิน(คืออะไรคะ... พี่นนท์เป็นอะไร?) ไพลินคิดไปไกลกับท่าทางและคำพูดที่ฟังดูไม่ค่อยสู้ดีนักของชาญวิทย์ จึงรีบถามขึ้นมาทันที“น้องลินว่างมั้ยครับ... ออกมาเจอพี่ที่ร้านกาแฟxxxหน่อยได้มั้ย พี่จะบอกอาการของไอ้นนท์ให้น้องลินฟ
@โรงพยาบาลxxx“คิดอะไรอยู่เหรอยัยดา?” คุณหญิงวรมลเอ่ยถามวนิดาออกมาด้วยความสงสัย เพราะเห็นวนิดาเอาแต่นั่งเหม่อ ไม่สนใจอะไรอยู่สักพักแล้ว“คะคุณแม่...” วนิดาถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงของคุณหญิงวรมลพูดขึ้น แต่ด้วยใจที่เหม่อลอยจึงทำให้เธอไม่ได้ยินในสิ่งที่คุณหญิงวรมลพูดออกมาสักเท่าไหร่ เธอจึงถามออกไปทันทีที่มีสติขึ้นมา“แม่ถามว่าเป็นอะไร... คิดอะไรอยู่ถึงได้นั่งเหม่อขนาดนี้” คุณหญิงวรมลจึงถามออกมาด้วยความสงสัยอีกครั้ง“คือ... ดากำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะไปตามหาไพลินที่ไหนได้บ้าง” วนิดาพูดออกมาด้วยท่าทางที่คิดหนัก เพราะเธอไม่รู้ว่าไพลินจะไปอยู่ที่ไหนหรือว่าจะไปอยู่กับใคร นอกจากบ้านของเธอกับคอนโดของวรานนท์แล้วไพลินก็ไม่เคยไปอยู่ที่ไหนกับใครเลยสักครั้ง“จริงด้วยสิ...” คุณหญิงวรมลพูดออกมาเสียงเบา ก่อนที่จะเดินไปหาวรานนท์ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง“แม่จะทำยังไงดีตานนท์...” คุณหญิงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เตียง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับมือของวรานนท์เอาไว้ด้วยความหนักใจ ไม่รู้ว่าจะไปตามหาไพลินที่ไหน..ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!“สวัสดีครับ...”ทันทีที่เสียงเคาะประตูเงียบลง ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชาญวิทย์ดังขึ้
- วันต่อมา -“เป็นยังไงบ้างยัยดา?”คุณหญิงวรมลเอ่ยถามลูกสาวออกมาเสียงเรียบ ทันทีที่เดินเข้ามายังห้องที่วรานนท์พักฟื้นอยู่“อาการก็ยังเหมือนเดิมค่ะคุณแม่” วนิดาพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ไม่อยากให้คุณหญิงวรมลต้องเป็นห่วง“ถ้าตานนท์ตื่นขึ้นมาเร็วๆ ก็คงจะดี...” คุณหญิงวรมลพูดออกมาเสียงเศร้า“คุณแม่คะ... ดามีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ค่ะ” วนิดาพูดออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง“เรื่องอะไร?” คุณหญิงวรมลถามออกมาด้วยความสงสัยเมื่อได้เห็นท่าทางของลูกสาว“เรื่อง... ลินค่ะ” วนิดาพูดออกมาเสียงเรียบ“ดา... แม่ว่าเราอย่า...” คุณหญิงวรมลที่กำลังจะห้ามลูกสาวไม่ให้พูดถึงไพลิน แต่คุณหญิงพูดยังไม่ทันจบ วนิดาก็พูดสวนขึ้นมาทันที“คุณแม่ไม่อยากช่วยให้พี่นนท์ฟื้นเหรอคะ” วนิดาพูดออกมาด้วยความอยากรู้คุณหญิงวรมลนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา เพราะรู้ดีว่าวนิดากำลังคิดจะทำอะไร“คุณแม่ลองคิดดูดีๆ นะคะ ที่พี่นนท์ต้องเป็นแบบนี้เพราะใคร” วนิดาพูดออกมาพร้อมกับมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างรอคำตอบ“ก็เพราะนังลินไง!! ตานนท์ถึงต้องเป็นแบบนี้!!” คุณหญิงวรมลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจงเกลียดจงชัง“คุณแม่คะ…” วนิดามองหน้าคุณแม่อย่างไม่เข้าใจคุณหญิง
บรึ้มมมมโคร่มมมมม!!!!!!!!!!ภายในเวลาไม่นานก็มีเสียงอุบัติเหตุดังขึ้นมาเสียงดัง ผู้คนมากมายที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็รีบเข้าไปดูและรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือยังจุดเกิดเหตุทันทีอุบัติเหตุในครั้งนี้พบเป็นรถเก๋งคันหรูขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนกับรถสิบล้อขนส่งสินค้าของบริษัทแห่งหนึ่ง จนทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสหนึ่งคน นั่นก็คือวรานนท์...เสียงโทรศัพท์มือถือของคุณวรมลดังขึ้นมาเสียงดัง“สวัสดีค่ะ” เสียงปลายสายพูดขึ้นมาเสียงเรียบทันทีที่รู้ว่าคุณหญิงวรมลนั้นกดรับสาย“ค่ะ” คุณหญิงวรมลพูดออกมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก“ญาติของคุณวรานนท์ใช่มั้ยคะ?” เสียงหญิงสาวที่อยู่ปลายสายก็เอ่ยถามออกมาด้วยท่าทางเร่งรีบ“ค่ะ... ใช่ค่ะ ฉันเป็นแม่ของตานนท์ มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” คุณหญิงวรมลได้ยินเสียงหญิงสาวที่อยู่ปลายสายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก จึงรีบถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงวรานนท์“ตอนนี้คุณวรานนท์เกิดอุบัติเหตุที่xxxและตอนนี้อยู่ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลxxxค่ะ อาการของคนไข้ตอนนี้ห้าสิบห้าสิบ หน่วยแพทย์ฉุกเฉินกำลังช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ฉันจึงติดต่อเพื่อที่จะแจ้งให้ญาติทราบและมาดูอาการค่ะ” เสียงปล
@คอนโดวรานนท์ตลอดทางที่กลับมาจากเกาะไม่ว่าจะเป็นตอนนั่งเรือหรือตอนที่นั่งรถกลับมาที่คอนโด ตลอดทางไพลินได้แต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรจนมาถึงคอนโดเมื่อมาถึงคอนโด วรานนท์ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที เพราะต้องรีบเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท“พี่จะเข้าบริษัทนะ” วรานนท์พูดออกมาเสียงเรียบเมื่อเห็นไพลินนั่งอยู่ที่โซฟาไพลินที่นั่งอยู่ก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มให้วรานนท์ทันที เธอพยายามทำตัวให้ปกติ ให้เหมือนกับทุกๆ วันและทุกๆ ครั้งที่ได้อยู่ด้วยกันกับเขา ถึงแม้ว่าข้างในใจเธอจะแตกสลายไปจนไม่เป็นชิ้นดี แต่เธอก็ต้องทำตัวให้เป็นปกติให้ได้ถึงใบหน้าสวยจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่ความจริงแล้วมีเพียงน้ำตาที่ไหลอยู่ภายใน วันนี้แล้วที่จะต้องจากเขาไป และนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ที่จะได้มีความสุขด้วยกัน และได้เห็นรอยยิ้มของกันและกันแบบนี้ ทุกสิ่ง ทุกความทรงจำที่เกี่ยวกับเขา เธอจะเก็บทุกอย่างไว้ในใจตลอดไป...“ค่ะ... แล้วพี่นนท์จะกลับตอนไหนคะ?” ไพลินพูดออกมาเสียงเบา เมื่อได้เห็นว่าวรานนท์อยู่ในชุดที่พร้อมจะออกไปทำงาน ไม่ได้อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหมือนกับชุดตอนที่ใส่กลับจากเกาะ“ตอนเย็นนะหรือไม่ก็อาจจะค่ำ
“ไปเดินเล่นกันเถอะค่ะพี่นนท์” ไพลินพูดออกไปทันทีที่เห็นวรานนท์นั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น“อารมณ์ไหนเนี่ย?” ร่างหนาที่กำลังนั่งเล่นอยู่ก็ถามออกมาเสียงเรียบด้วยความสงสัยและแปลกใจ“คือ... ลินอยากไปดูพระอาทิตย์ตกค่ะ ลินอยากรู้ว่าตอนเช้าที่พระอาทิตย์ขึ้นกับตอนเย็นที่พระอาทิตย์ตกแบบไหนจะสวยกว่ากันค่ะ” ไพลินพูดออกไปด้วยท่าทางตื่นเต้นถึงภายนอกไพลินจะดูมีความสุขกับการที่ได้อยู่กับวรานนท์ แต่ภายในใจเธอกลับเต็มไปด้วยความเศร้า พรุ่งนี้เธอก็ต้องจากเขาไป จะไม่มีวันที่จะได้กลับมาเจอกันอีก“พี่ว่า... แบบลินสวยกว่านะ” ร่างหนาลุกขึ้นเดินไปจับมือไพลิน แล้วเดินออกจากบ้าน ตรงไปที่หาดทรายขาว โดยที่ไม่รู้เลยว่าร่างบางที่เดินอยู่ข้างๆ ตอนนี้เขินอายจนใบหน้าแดงกร่ำ เพราะคำพูดของเขา“ลินเคยมาทะเลมั้ย?” เมื่อเดินมาถึงชายหาด วรานนท์จึงเอ่ยถามไพลินขึ้นมาทันที“นี่เป็น... ครั้งแรกค่ะ” ไพลินพูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ“จริงเหรอ?” วรานนท์ถามย้ำออกไป เพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“จริงค่ะ... นี่เป็นครั้งแรกแล้วก็เป็นที่แรกด้วยค่ะ” ไพลินพูดออกไปตามความจริง“แปลกดีนะ” วรานนท์พูดออกไปด้วยท่าทางสงสัย“แปลก... แปลกอะ