Share

บทที่ 1

last update Last Updated: 2025-01-18 03:04:06

บทที่1

“แค่ก ๆ” เสียงไอถี่ดังขึ้นไม่หยุด เมื่อตอนนี้ลำคอของเยว่เหลียนในตอนนี้แห้งเป็นผง ริมฝีปากแตกระแหงเพราะไม่ได้ดื่มได้กินมาหลายวันแล้ว หากนางนับแสงที่ลอดเข้ามาไม่ผิดน่าจะสามวันแล้วกระมัง

สวรรค์ข้าเคยทำผิดมามากมายเพียงใดกันถึงได้ลงโทษกันเช่นนี้ เยว่เหลียนต่อว่าฟ้าดินอยู่เพียงครู่ประตูที่ปิดอยู่ถึงสามวันก็เปิดออก

แม้ดวงตาของเยว่เหลียนจะพร่าเพราะแสงยามเย็น แต่นางก็เห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นน้องสาวต่างมารดาของนาง เยว่เม่ย

“แค่ก ๆ เยว่เม่ย ทะ ท่านแม่ให้มาปล่อย แค่ก ๆ ข้าแล้วหรือ” เสียงหัวเราะเสียดหูดังขึ้นจากน้องสาวต่างมารดาที่ในยามนี้นางเป็นฮูหยินรองของตระกูลตง นางเพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่นานนัก

แววตาสมเพชของเยว่เม่ยมองไปยังคนที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่พื้น

“ปล่อยรึ” เยว่เม่ยยกมือขึ้นมาป้องปากและหัวเราะด้วยท่าทางราวกับเรื่องตรงหน้านี่น่าขันเสียเต็มประดา

“พี่สาวท่านลองนึกดู ยามนี้จะมีใครในตระกูลตงนึกถึงท่านอีก ฮูหยินที่ฆ่าลูกตนเองเพียงเพราะไม่พอใจเรื่องรับเมียรอง รู้ไปถึงไหนก็อายไปถึงนั่น ที่จริงความผิดนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเขียนหนังสือหย่าได้ แต่ข้าไม่พอใจแค่นั้นหรอก”

ดวงตาเหยียด ๆ มองมายังพี่สาวของตน เพราะนางเป็นเหตุทำข้าไม่ได้เป็นที่หนึ่ง เกิดก่อนแล้วอย่างไร สุดท้ายข้าจะแย่งทุกอย่างมาจากเจ้าให้หมด

“ไหน ๆ ก็มีโอกาสที่ดีเช่นนี้แล้ว ข้าคิดว่าพี่สาวก็ควรจะติดตามบุตรหรือบุตรีของท่านไปเสียให้สิ้นเรื่องจะดีกว่า”

เยว่เหลียนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ แค่ความรักจากสามีของนางยังไม่เพียงพอจะทำให้น้องสาวคนนี้พอใจอีกหรือ ยังมีสิ่งใดอีกที่เยว่เม่ยต้องการจากนางอีก

“แววตาเช่นนี้ มิรู้จริง ๆ น่ะหรือ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นรองนางไม่ว่าจะเกิดทีหลัง หรือเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลตงหลังจากนาง

“แค่ก ๆ เจ้า อึก เจ้า หมายความเช่นไร” เยว่เหลียนอยากจะเอ่ยถามให้ชัดกว่านี้ แต่เมื่อครู่นางคงใช้เสียงเท่าที่มีถามเรื่องที่ต้องการรู้ไปจนหมดแล้ว ตอนนี้จึงยากเหลือเกินที่จะเปล่งเสียงออกมาจากลำคอแห้งผากนั่น

“เอาเป็นว่าข้าจะบอกให้เอาบุญแล้วกัน” เยว่เม่ยพูดก่อนจะชายตาไปที่สาวใช้ของตน อีกฝ่ายเดินเข้าไปคุกเข่าใกล้ ๆ กับคนที่ได้ชื่อว่าฮูหยินเอก นางจับเอาชายผ้าของเยว่เหลียนยัดเข้าไปในปากของนายหญิงที่มีแต่ตำแหน่ง

“ถึงจะมั่นใจว่าพรุ่งนี้ทุกคนจะเจอพี่สาวอย่างท่านไหม้เป็นเถ้าธุลี แต่ข้าก็ขอสร้างความมั่นใจอีกสักนิดก็แล้วกันนะเจ้าคะ เพราะเรื่องที่จะบอกนั้นไม่อาจจะให้คนเป็นรู้ได้”

หญิงสาวเอียงคอมองใบหน้าที่สร้างความรำคาญใจให้กับนางเสมอมาก่อนจะฉีกยิ้มแม้จะงดงามแต่กลับไม่น่ามอง

“ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน รอวันที่จะได้กำจัดเสี้ยนที่ตำอยู่ที่เท้า แม้จะเห็นอยู่แต่กลับเอาออกไม่ได้ช่างน่ารำคาญใจยิ่งนัก” เยว่เม่ยเดินวนเวียนไปรอบ ๆ ตัวของพี่สาวที่เป็นเหมือนศัตรูของนางมาทั้งชีวิต เหมือนกับมารดาของอีกฝ่ายที่เป็นศัตรูของมารดาของนางเช่นเดียวกัน ฉะนั้นแล้วนางก็จะกำจัดอีกฝ่าย เหมือนอย่างที่มารดาของนางเคยทำ ไม่ให้อยู่เป็นเสี้ยนหนามตำตาไปแบบนี้หรอก

“ไม่แค่นั้นเสี้ยนนั่นยังมีมากกว่าหนึ่ง ทั้งลูกและแม่ อะเกือบลืมไป มารดาของเจ้าก็เป็นเสี้ยนที่ถูกกำจัดทิ้งเฉกเช่นเดียวกันกับเจ้า ข้าเสียเวลาพูดมากไปแล้ว เอาเป็นว่าอย่ามัวแต่เสียเวลาพูดพร่ำกันให้มากเลย รีบ ๆ ตามลูกของเจ้ากับแม่ของเจ้าไปได้แล้ว และก็รู้ไว้ว่าอย่าเกิดมาเป็นศัตรูของพวกเราแม่ลูกอีก มิเช่นนั้นจะต้องตายเช่นนี้ทุกชาติไป”

เยว่เม่ยเดินออกจากสุสานบรรพชน นางไม่ลืมที่จะหันไปมองย้ำกับสาวใช้ของตนให้ทำสิ่งที่ตระเตรียมกันเอาไว้แล้ว สถานที่แห่งนี้จะต้องมีคนเข้ามาจุดธูปเทียนไม่ให้ขาด แต่เพราะหลายวันมานี้ ฮูหยินของคุณชายถูกขังเพราะทำความผิด หน้าที่จุดธูปเทียนจึงมีเพียงนางที่ทำ และหากมันจะเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยก็คงไม่มีใครเอะใจ นั่นก็เพราะหลาย ๆ คนนั้นกลายเป็นคนของเยว่เม่ยมานานแล้ว และคนพวกนั้นก็ไม่ได้ยินดีที่ตระกูลตงจะมีฮูหยินใหญ่นามเยว่เหลียน ทุกคนยินดีที่จะมีข้าเยว่เม่ยเป็นฮูหยินเอกมากกว่า นางยิ้มเยาะ ก็แน่ล่ะ ต่อให้เยว่เหลียนจะแสนดีและโอบอ้อมอารีกับบ่าวในจวนเพียงใด ไหนเลยจะเทียบกับคนที่เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยอย่างนางได้กัน

เปลวไฟจากเทียนที่ตกลงไปที่พื้นจากการกระทำของสาวใช้ของเยว่เม่ยค่อย ๆ ลุกลามจากเล็กเป็นใหญ่และโหมกระหน่ำจนทุกอย่างค่อย ๆ ถูกเผาไหม้

เยว่เหลียนที่อ่อนล้าจากร่างกายที่ขาดน้ำและอาหาร เหมือนจะเพิ่งเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะบอก

นี่หมายความว่าเยว่เม่ยจะบอกว่าท่านแม่และลูกของนางที่สิ้นไปนั้นอีกฝ่ายเป็นคนจัดการสินะ

การตายของท่านแม่ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ใครๆ คิด แต่เป็นฝีมือของคนที่พึ่งเดินจากไปเมื่อครู่

คิดแล้วเยว่เหลียนก็ยิ่งรู้สึกแย่ ผิดหรือที่นางเกิดมาเป็นบุตรสาวของท่านแม่ ผิดหรือที่ท่านแม่เป็นฮูหยินใหญ่ ท่านแม่ของข้ามาก่อนแท้ ๆ แม้จะไม่มีเรี่ยวแรงแต่เยว่เหลียนก็พยายามดึงตนเองมาให้พ้นไฟแม้มันจะทำได้ยากเต็มที

ดวงตาที่เหนื่อยล้ามองไปรอบ ๆ หากท่านแม่ไม่ตกลงกับมารดาของตงเนี่ยนเจินชีวิตของนางจะเป็นเช่นนี้หรือไม่นะ

“แค่ก ๆ แค่ก”

หญิงสาวคิดน้ำตาไหลเป็นทางก่อนที่นางจะสิ้นสติไปทามกลางกองเพลิงที่ลุกโชน แต่ประตูที่พังทลายลงในช่วงสุดท้ายก่อนที่หญิงสาวจะไร้ซึ่งสติกลับทำให้นางเห็นอะไรบางอย่าง เพราะนั่นเป็นภาพที่ทำให้เยว่เหลียนปวดร้าวที่สุดในชีวิต

Related chapters

  • บัวขาวแต้มสี   บทที่ 2

    บทที่2ตงเนี่ยนเจินมองเศษซากของศาลบรรพชนด้วยแววตาที่อ่านยาก เขาเห็นยามที่มันลุกโชนและมอดไหม้ไป ทั้ง ๆ ที่ควรจะเสียใจ แต่เพราะอีกฝ่ายนั้นทำตัวเองจะให้เขาทำเช่นใดได้อีกเยว่เม่ยเอาน้ำไปให้ดื่มก็ไล่นางออกมาคงหมายจะประชดประชัน นางเก่งอยู่แล้วนี่ ขนาดฆ่าลูกเพื่อสิ่งที่ต้องการได้ อย่างอื่นก็คงทำได้หมดทุกอย่างแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักนางแต่ก็ดูแลอย่างดี ทั้งฐานะฮูหยินเอกหรือแม้แต่อำนาจในจวนก็ล้วนให้นางถือเอาไว้ทั้งสิ้น ขอเพียงเรื่องเดียวคือการได้อยู่ครองคู่กับสตรีอันเป็นที่รักอย่างเยว่เม่ย นางถึงขั้นอดรนทนไม่ได้ ลุกขึ้นมาทำร้ายบุตร สังหารเด็กในครรภ์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว “ท่านพี่ตรงนี้มิมีอะไรให้มองหรอกเจ้าค่ะ” เสียงหวานจนแสบหูของเยว่เม่ยเอ่ยเรียกสามีของนาง ยามนี้นางเป็นฮูหยินเอกของตระกูลตงแล้วจะไม่มีผู้ใดมามีอำนาจเหนือนางไปได้ โดยเฉพาะพี่สาวของนางใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องประทินโฉมและชาดแดงราวกับนางเอกงิ้วยกยิ้มอย่างพอใจ ผมที่ประดับเครื่องประดับเอาไว้เกินพอดี อิงไปยังไหล่แกร่งของสามีนาง ทั้งสองมิได้รู้เลยว่าการกระทำไร้ยางอายนั่นได้สร้างมารขึ้นในหัวใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่องของเยว่เหลีย

    Last Updated : 2025-01-18
  • บัวขาวแต้มสี   บทที่ 3

    บทที่3“คุณหนูเยว่เหลียนพบหน้าครอบครัวครั้งแรกในรอบหลายปีก็ควรจะมีของติดไม้ติดมือไปด้วยนะเจ้าคะ แต่ซื้อเพียงเล็กน้อยก็พอรู้ไหม คุณหนูมาจากบ้านนอกคงมิค่อยมีตำลึงเท่าไร ที่นี่ของก็แพงนัก พวกเขาคงไม่ว่าอะไรคุณหนูหรอกเจ้าค่ะ อย่างไรคุณหนูก็เป็นหลาน” เยว่เหลียนส่งยิ้มให้กับคนที่ทำให้นางขายหน้าตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปในจวน ซื้อเพียงเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ เพราะนางเชื่ออีกฝ่ายจึงซื้อของเล็กน้อยไปจริง ๆ สุดท้ายจึงได้รับคำนินทา แม้จะไม่ได้เอ่ยต่อหน้าตรง ๆ แต่บรรดาคนในจวนเยว่ก็แอบโยนของฝากของนางทิ้งด้วยความรังเกียจ แน่ล่ะเพราะคนเหล่านั้นมีของที่ดีกว่าอยู่แล้วจะมาสนใจกับของเล็กน้อยของนางทำไม แน่นอนว่าครั้งนี้นางก็ซื้ออย่างที่แม่นมว่า ซื้อของจากร้านค้าเล็ก ๆ แต่มันไม่เหมือนเดิม เพราะร้านนี้มีภาพวาดของจิตรกรชื่อดังแห่งยุคอย่างโจวผิงวางอยู่นะสินางได้ของขวัญของฝากพอแล้ว นี่มันแค่เรื่องเริ่มต้นเท่านั้น เยว่เหลียนมองยังทางที่นำนางไปยังจวนตระกูลเยว่ นางน่าจะรู้อยู่แล้วว่าที่นี่ไม่ต้อนรับไม่รู้ว่าตอนนั้นนางคาดหวังอะไร“ไม่มีป้ายประจำตระกูลที่รถม้าไปเข้าประตูข้าง” นี่ก็อีกเรื่อง มิใช่ว่านางไม่มีป้ายชื่อต

    Last Updated : 2025-01-18
  • บัวขาวแต้มสี   บทที่ 4

    บทที่4 ดวงตาสวยเหลือบมองไปยังสองแม่ลูกนั่น นางอยากแก้แค้นทั้งสองให้ตายไปเสียเดียวนี้ แต่หากทำเช่นนั้นการย้อนกลับมาครั้งนี้ก็คงเสียเปล่า นางจะต้องค่อย ๆ แก้ไปทีละจุดเพื่อให้ทุกคนที่เคยทำไม่ดีกับนางได้รับผลของตัวเองให้มากที่สุด ทุกคนมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาด้วยสายตาไม่ต้อนรับแต่คนที่มองหญิงสาวด้วยสายตาอาฆาตมากที่สุดคงเป็นฮูหยินตระกูลเยว่ในตอนนี้ หากเยว่เหลียนไม่เอ่ยวาจาเช่นนั้นต่อหน้าธารกำนัล ตอนนี้นางคงถูกส่งกลับไปยังตระกูลของมารดานางแล้ว มาเพื่อจะเป็นฮูหยินตระกูลตงนั่นรึ ทั้ง ๆ ที่ถ้าไม่มีนางสักคนคุณชายตระกูลตงนั่นก็จะต้องเป็นของเม่ยเอ๋อร์ลูกของนางแท้ ๆ น่ารำคาญพอ ๆ กับมารดาของมันเลย “ทุกคนดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ข้ามาช้าไปหรือเจ้าคะ พวกท่านคงไม่ตำหนิข้าที่มาช้านั่นก็เพราะฝนตกหนทางมาเมืองหลวงนั้นลำบากยิ่งนัก” เยว่เหลียนตั้งใจจะบอกทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็น แต่นางทำก็เพื่อดูอาการของแต่ละคนก็เท่านั้น “ปลอดภัยมาก็ดีแล้ว” คำที่เอ่ยออกมาส่ง ๆ ด้วยความไม่เต็มใจก่อนจะเงียบสนิทนั้นก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างชัดเจน “ว่าแต่ที่บ้านนอกเขาไม่สอนเรื่องของฝากหรืออย่างไร” เยว่เหลียนรู้ว่าแม่

    Last Updated : 2025-01-18
  • บัวขาวแต้มสี   บทที่5

    บทที่5เยว่เหลียนเดินในจวนตระกูลเยว่ได้อย่างสบายใจอย่างที่ชาติก่อนนางไม่เคยทำได้ แต่ครานี้ไม่มีสิ่งใดติดขัด นั่นก็เพราะความเมตตาจากท่านย่า และภาพวาดที่ได้มาก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางและท่านพ่อดีขึ้นอย่างที่ไม่ได้คาดคิด นางยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย แม้แต่รอยยิ้มของนางก็เปลี่ยนไป จากยิ้มจนเต็มดวงตา ตอนนี้รอยยิ้มของเยว่เหลียนคล้ายจะมีแผนการอยู่ภายใจในตลอดเวลา“ภาพที่เจ้าเอามาฝากในวันนั้นพ่อได้นำไปให้เหล่าบัณฑิตดูเจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นภาพที่กำลังตามหากันจริง ๆ” เยว่เหลียนยิ้มจาง ๆ แม้ว่านางจะแสร้งทำเป็นไม่รู้แต่เรื่องนั้นนางย่อมรู้แต่แรกอยู่แล้ว“เช่นนั้นก็ยินดีกับท่านพ่อด้วยนะเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยออกไป แต่ดูเหมือนที่ผู้นำตระกูลเยว่ลดตัวมาคุยกับบุตรสาวคนโตที่หมางเมินนั่นก็เพราะอยากได้กำไรที่มากกว่านี้ต่างหาก ทั้ง ๆ ที่รูปในมือนั่นก็ได้หลายพันตำลึงแล้วแท้ ๆ แต่คงไม่พอสินะ เป็นเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นไม่เคยเปลี่ยนดี! ข้าจะได้ควบคุมพวกท่านง่ายหน่อย ข้าเคยเต้นตามเสียงดนตรีที่พวกท่านบรรเลง ครานี้ถึงคราวข้าเป็นผู้กำหนดบ้างแล้วว่าจะเล่นเพลงใด แน่นอนว่าบทเพลงนั้นย่อมไม่ใช่บทเพลงรัก“เจ้าซื้อจากที

    Last Updated : 2025-01-22
  • บัวขาวแต้มสี   บทที่6

    บทที่6เยว่เหลียนเอียนกับการกระทำปั้นแต่งของแม่เลี้ยงของนางเต็มทน นางจึงคอยที่จะหลบเลี่ยงอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าสองแม่ลูกนั่นก็ไม่รู้เลยสักนิด ทั้งคู่ยังคงทำดีกับนาง แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่การแสดงเพราะหญิงสาวเคยแอบไปฟังสองแม่ลูกคุยกัน ซึ่งทำให้รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี่นางไม่ได้คิดไปเองเพราะทุกอย่างมันช่างน่าเหลือเชื่อจึงทำให้มีอยู่แวบหนึ่งที่เยว่เหลียนคิดว่าบางทีนี่มันอาจจะต่างออกไป แต่เมื่อได้ฟังคำของแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาคุยกันแล้วนางคงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีก“ข้าไม่ออกไปเจอเขาหรอกท่านแม่ ให้เขามาหาข้าถึงที่เรือน ตัวเสนียดนั่นจะได้รับรู้ไปเลยว่าพี่เนี่ยนเจินน่ะของข้า” คนเป็นแม่ตีบุตรสาวที่พูดจาปากไม่มีหูรูด “มิไปนั่งตะโกนที่หน้าจวนเลยเล่า เรื่องบางเรื่องแม้จะจริงแต่ก็มิอาจพูด อย่างไรคนที่เป็นคู่หมายของตงเนี่ยนเจินก็คือพี่สาวของเจ้า” “ยี้ ท่านแม่ เหตุใดจึงเรียกนางเช่นนั้นข้ามิอยากมีพี่หรอกนะเจ้าคะ” เยว่เหลียนส่ายหน้า นางฟังมามากพอแล้ว แต่เยว่เม่ยตั้งใจจะให้ตงเนี่ยนเจินมาหยามหน้านางหรือ ครั้งก่อนนางไม่ได้สังเกตเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย คิดแค่ว่าเขาเข้านอกออกในจวนสกุลเยว่มานานจึง

    Last Updated : 2025-01-23
  • บัวขาวแต้มสี   บทที่7

    บทที่7“ที่จริงมาเจอท่านที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ข้ามียาบำรุง และพัดเล่มนี้จะฝากท่านนำไปให้กับ…เขาหน่อยจะได้หรือไม่” หญิงสาวจงใจละคำเอาไว้ และแสดงท่าทางราวกับนาง กำลังเขินอายเมื่อต้องพูดถึงคู่หมาย ตงห่าวเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี เขาทั้งสงสารและเจ็บใจหากเป็นเขาจะไม่มีวันทำเช่นนี้กับนางเป็นแน่ เขารู้ดีว่าที่จวนรู้อยู่แล้วว่าต่อให้เขานำของฝากไปให้เจ้าตัวอีกฝ่ายก็คงจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉย ๆ “ไม่ต้องห่วงข้าจะแจ้งเขาเอง” แม้ปากจะบอกออกไปอย่างนั้นแต่ตงห่าวอยากเก็บเอาพัดเล่มนั้นเอาไว้เอง ไม่อยากให้กับน้องชายไปเลย หากเขาจะเก็บเอาไว้แล้วบอกว่าหายไปหญิงสาวก็คงไม่ว่ากระไรหรอกกระมัง เพราะอย่างไรแล้วให้กับเนี่ยนเจินไปอีกฝ่ายก็คงเอาไปทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แม้จะอยากอยู่กับเยว่เหลียนให้นานกว่านี้ แต่เพราะอีกไม่นานนางจะมีงานมงคลกับน้องชายจึงไม่เป็นการเหมาะที่เขาและนางจะเดินเที่ยวเล่นกันเพียงลำพังเช่นนี้ สุดท้ายแล้วตงห่าวจึงเป็นฝ่ายขอตัวกลับจวนทั้ง ๆ ที่ใจของเขาไม่อยากทำอย่างนั้นเลย ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้นางเขามีความสุขเสมอ แต่ด้วยฐานะของเขาและนางทำให้ไม่อาจทำทุกอย่างที่ส่วนลึกภายในใจต้องการได้ ตงห่าวมองร่า

    Last Updated : 2025-01-23
  • บัวขาวแต้มสี   บทที่8

    บทที่8“ข้าเยว่เหลียนเจ้าค่ะ” ตงเนี่ยนเจินมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะใบหน้าของเยว่เหลียนคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมายของเขามีแต่ผื่นแดงไปทั่ว อีกทั้งผิวก็ดูหยาบกร้านเหมือนกับหญิงวัยกลางคนที่ออกเรือนไปแล้วนานนับสิบปี เสื้อผ้าที่นางใส่ก็ดูราวกับหญิงบ้านนอก มิได้มีราศีของคุณหนูตระกูลดังเลยแม้แต่น้อยไม่แปลกเลยที่เยว่เม่ยจะถูกนางทำร้าย ป่าเถื่อน! ดูอย่างไรก็ป่าเถื่อน แล้วไหนมารดาของเขาถึงบอกว่านางมีความคล้ายอดีตเยว่ฮูหยิน อย่างไรก็ต้องงดงามเหมือนมารดา ให้ทน ๆ แต่งไปก่อน“เป็นเจ้าเช่นนั้นสินะ” ตงเนี่ยนเจินมิรู้จะพูดเช่นไร เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนชายหนุ่มไม่แม้แต่จะปิดบังแววตาที่ไม่พอใจต่อสิ่งที่เห็นความผิดหวังมากมายฉายออกมาชัดเจน“ตอนแรกข้าจะมาชวนพวกเจ้าออกไปเดินชมตลาดแต่ดูเหมือนใบหน้าของแม่นางเยว่เหลียนจะแพ้อะไรบางอย่าง อยู่พักรักษาให้หายก่อนจะดีกว่าดีหรือไม่”ที่จริงเยว่เหลียนก็อยากจะไปล้างมันออกโดยเร็วเหมือนกัน เพราะเริ่มรู้สึกแสบร้อน หากทิ้งไว้นานกว่านี้ นางอาจจะเสียโฉมไปจริง ๆ ก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ต้องแสดงให้เห็นว่านางนั้นสนใจในตัวว่าที่สามีเสียก่อ

    Last Updated : 2025-01-23
  • บัวขาวแต้มสี   บทที่9

    บทที่9ดูเหมือนโอกาสที่เยว่เหลียนต้องการจะมาเร็วกว่าที่คิดเพราะถึงจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการหมั้นหมายว่าแท้จริงแล้วสัญญาที่ว่านั่นต้นสายปลายเหตุเกิดมาเพราะสิ่งใด รู้เพียงว่าเป็นสิ่งที่มารดารของนางต้องการ แต่นางก็จับสังเกตท่าทางของตงเนี่ยนเจินที่มาจวนในครั้งนี้ก็พอจะเดาได้ เขาดูเหมือนจะจัดการสิ่งที่กังวลใจไปได้แล้ว และสิ่งนั้นก็คือนางนี่แหละ เพราะเขาดูโล่งอกโล่งใจและแสดงออกกับเยว่เม่ยอยากเปิดเผยมากกว่าคราแรกที่เห็นเสียอีก เยว่เหลียนคิด เพียงแต่หญิงสาวไม่เข้าใจ หากมีการพูดคุยเรื่องยกเลิกแล้วทำไมถึงไม่มีใครแจ้งมาที่จวนตระกูลเยว่เลย“ท่านพี่เหม่ออะไรอยู่เจ้าคะ คนมากมาย ระวังหลงนะเจ้าคะ ท่านเองก็อาจจะไม่เคยชินเพราะมาจากชนบท” เยว่เหลียนที่ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้หมวกสานที่มีผ้าปิดหัวเราะขันให้กับคำของน้องสาว หากนางใจร้ายกว่านี้สักนิดคงจะกระซิบถามอีกคนว่าไม่ตะโกนเลยเล่า เมื่อครู่อาจจะมีใครไม่ได้ยินเจ้าก็ได้ เสียงยังเบาไปนิดเยว่เหลียนพบว่าแท้จริงแล้ว เยว่เม่ยไม่ได้เป็นคนฉลาดอะไรเลย บางทีเย่วเหลียนก็คิดกับตนเอง ชาติก่อนเป็นเพราะอะไรกันนะ นางถึงได้มองไม่ออกถึงการกระทำหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้ ขนาดตอนน

    Last Updated : 2025-01-23

Latest chapter

  • บัวขาวแต้มสี   บทที่31

    บทที่31“ที่ช่วงนี้พระชายาทรงรู้สึกเพลีย ๆ มิได้เป็นเพราะพระองค์ทรงงานหนักไปหรอกพ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นเพราะกำลังทรงตั้งครรภ์ต่างหาก” ใบหน้าของเยว่เหลียนแดงซ่าน นางเพิ่งคลอดอาฉีออกมาได้ไม่นานนัก เหตุใดจึงตั้งครรภ์อีกแล้วเล่า “เช่นนี้เองที่เขาบอกว่าหัวปีท้ายปี จริงไหมตาเฒ่าหงเฉิน” คนเป็นตาทั้งสองที่ตอนแรกเป็นห่วงรีบมาเยี่ยมหลานและหลานสะใภ้ที่หมดสติ กลายเป็นว่านี่คือเรื่องมงคลจะต้องกลับไปฉลองกันเสียแล้ว“ทำไมทำหน้าเช่นนั้น เจ้าไม่ดีใจหรือ” หลังจากทุกคนออกไปจากห้องตงห่าวก็เอ่ยถามชายาของตน “มิใช่ไม่ดีใจ แต่ข้าอาย” เยว่เหลียนไม่เคยรู้สึกเขินอายเท่านี้มาก่อน นางเพิ่งคลอดลูกไปได้ไม่นานแท้ ๆ“อายทำไมกันเล่า เรื่องธรรมชาติ ใครก็เป็นเช่นนี้กันได้ทั้งนั้น ดีเสียอีก อาฉีจะได้มีน้องอายุไล่ ๆ กัน ถ้าคนนี้เป็นชายก็ดีนะสิ ตระกูลหงของท่านตาก็จะได้มีคนสืบต่อ”และทั้ง ๆ ที่สองคนหมายมั่นเอาไว้เช่นนั้นแต่ท้องที่สองกลับกลายเป็นธิดาไปเสียได้ มิใช่มิยินดี แน่นอนว่าเด็กหญิงก็น่ารักไปอีกแบบ และครานี้ตงชี่จวิ้นก็หลงรักหลานตัวน้อยของเขาเอามาก ๆ ถึงขนาดมาอยู่เมืองฉีนานนับปีจนคนเป็นตงฮูหยินต้องกลับไปเมืองหลวงก่อน เพรา

  • บัวขาวแต้มสี   บทที่30

    บทที่30ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หลังจากช่วยเลี้ยงหลานอยู่นานนับเดือน ตงชี่จวิ้นก็กลับไปเมืองหลวงพร้อมกับฮูหยินของตน เพราะได้ข่าวว่าอนุ ต้องบอกว่ายามนี้นางเป็นฮูหยินเอกของคุณชายรองตงเนี่ยนเจินก็กำลังจะคลอดลูกไม่ต่างกัน และเพราะคำนั้นทำให้เยว่เหลียนแกล้งเอ่ยถามกับสามีของนางเกี่ยวกับเยว่เม่ย“ข้าขอโทษที่ปิดบังเจ้า แต่สถานการณ์ของตระกูลเยว่ไม่ดีนัก”ทั้ง ๆ ที่ตงห่าวกังวลกลัวว่าพระชายาของตนจะรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับข่าวของตระกูลทางบิดา แต่ก็เปล่าใบหน้าของเยว่เหลียนนิ่งสนิท “หม่อมฉันไม่ได้เป็นคนที่สูงส่งขนาดจะไม่รู้สึกอะไรกับคนที่ทำร้ายมารดาหรอกเพคะ”ตงห่าวดึงพระชายาตนเข้ามากอด “ใช้คำพวกนี้อีกแล้ว ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไร” เยว่เหลียนมองพระสวามีของนางที่ตอนนี้รับตำแหน่งแทนท่านตาเรียบร้อยแล้ว“เรื่องบางเรื่องก็ควรทำเพื่อให้คนอื่นดู แต่หากพระองค์อยากได้ยินหม่อมฉันคุยกับท่านอ๋องเช่นพระองค์เหมือนแต่ก่อน คงต้องรอยามที่อยู่กันสองต่อสองแล้ว” ตงห่าวมองคนรักของเขาที่นับวันก็ดูคล้ายจะยั่วยวนมากขึ้นทุกขณะ“ว่าแต่เจ้าแน่ใจนะเรื่องตระกูลเยว่”เยว่เหลียนพยักหน้า “หากพระองค์จะช่วยอะไรก็ทำแต่พอดีเถอะเพคะ แต่

  • บัวขาวแต้มสี   บทที่29

    บทที่29หลังจากคำนั้นของสามีเยว่เหลียนก็ต้องปลอบใจคนตัวใหญ่ใจเล็กอยู่นาน อีกฝ่ายทั้งอายุมากกว่า ทั้งเก่งกาจ ทำทุกอย่างได้ดีไปหมดจนบางครั้งหญิงสาวก็ลืมไปว่าบางอย่างก็ต้องพูดกันตรง ๆ “ท่านพี่ข้าขอโทษ เพราะเป็นฝ่ายที่ถูกท่านรักจนเคยชินจึงลืมที่จะเอ่ยความในใจออกไป ข้ารักท่านมานานมากแล้ว งานมงคลของเราก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความไม่เต็มใจ ท่านพี่อย่ากังวลใจไปนะเจ้าคะ” มือเรียวประคองใบหน้าของผู้เป็นสามีเข้ามาจุมพิตเบา ๆ หลังจากรับรู้ความรู้สึกของตงห่าวในวันนี้ เยว่เหลียนต้องยอมรับเลยว่าทุกสิ่งมันทำให้นางมองตงห่าวไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่มิใช่ในทางที่ไม่ดี นางกลับรู้สึกว่าชายหนุ่มนั้นดูเป็นคนธรรมดามากขึ้น มิได้เพียบพร้อมไปเสียทุกสิ่ง"ท่านพี่ ข้าเองก็ไม่เคยรักใครมาก่อน ไม่เคยต้องกังวลใจเพราะใครมาก่อนนอกจากคนในครอบครัวเช่นนั้นแล้วหากมีเรื่องอะไร ท่านพี่สามารถพูดกับข้าได้เลยนะเจ้าคะ อย่างไรเราก็เป็นคู่ชีวิตกันแล้ว อย่างเช่นเรื่องนี้หากข้าไม่เอ่ยคำว่ารักออกไปชั่วชีวิตนี้ท่านพี่ก็จะอยู่ไปกับความรู้สึกที่ไม่แน่ใจนี่หรือ เรื่องบางเรื่องก็ต้องพูดต้องคุยนะเจ้าคะ” เยว่เหลียนจำต้องเอ่ยต่อว่าสามีของนางไ

  • บัวขาวแต้มสี   บทที่28

    บทที่28วันเวลาผ่านไปท้องของเยว่เหลียนก็โตขึ้นทุกที อาการของท่านตาก็ดีขึ้นที่จริงก็ต้องบอกว่าท่านตาทั้งสอง เพราะตอนนี้ทั้งคู่ชอบมานั่งเล่นหมากล้อมด้วยกันเกือบทุกวันชีวิตของเยว่เหลียนดีแตกต่างจากทางตระกูลเยว่ของนางยิ่งนัก และก็ไม่มีใครกล้าเล่าเรื่องราวหลาย ๆ อย่างในตระกูลเยว่ให้หญิงสาวได้ฟัง นั่นก็เพราะตงห่าวห้ามเอาไว้ เขากลัวภรรยาจะรู้สึกไม่ดีหากได้รับรู้ข่าวที่น่าอดสูหลาย ๆ เรื่องจากตระกูลของบิดา“ท้องเจ้าใหญ่มากหรือจะมิได้มีคนเดียว” คำพูดของสามีทำให้เยว่เหลียนกังวลไม่ใช่น้อย เพราะนางเคยได้ยินหญิงสาวที่ในหนึ่งท้องมีบุตรสองคน ได้ข่าวมาว่าอันตรายยิ่งนัก ทั้งยังคลอดยาก“อย่าเลยเจ้าค่ะ ข้ากลัว ค่อย ๆ ท้องค่อย ๆ คลอดทีละคนดีกว่า” ตงห่าวยิ้มมือแกร่งก็ลูบไปบนหน้าท้องที่นูนขึ้นมา “พูดเช่นนี้เจ้าอยากจะให้ข้าทำให้ตามที่เจ้าขอหรือ” เมื่อเข้าใจความของคำพูดสามีใบหน้าสวยก็แดงซ่าน แม้จะอยู่ด้วยกันมานาน แต่เยว่เหลียนก็ยังเขินอายการได้อยู่กับตงห่าวมันทำให้เยว่เหลียนรู้แล้วว่าสิ่งที่นางรู้สึกกับตงเนี่ยนเจินในชาติก่อนนั้นมันไม่ใช่ความรักเลยแม้แต่นิด กับตงห่าวสิถึงจะเรียกว่าความรักได้ยามนี้หญิงสาว

  • บัวขาวแต้มสี   บทที่27

    บทที่27ข่าวการตั้งครรภ์ของเยว่เหลียนที่มาถึงตระกูลเยว่ยิ่งทำให้เยว่เม่ยที่เพิ่งได้รับหนังสือหย่าจากสามีมาหมาด ๆ เกิดความริษยา ที่ของเยว่เหลียนควรจะเป็นของนางตั้งแต่แรก ชีวิตของนางไม่ควรจะต้องมาติดอยู่กับผู้ชายเฮงซวยอย่างตงเนี่ยนเจิน ทั้ง ๆ ที่เป็นพี่น้องกับตงห่าวแต่ทำไมก็ไม่รู้นิสัยถึงไม่ได้เหมือนกันเลยแม้แต่นิดหญิงสาวนั่งอยู่หน้าป้ายวิญญาณของท่านแม่ของนาง ไม่มีใครสนใจที่จะนำป้ายวิญญาณของท่านแม่ไปร่วมกับศาลบรรพชนของตระกูล นางเองที่กลับมาอยู่ในจวนหลังจากหย่าร้างกับตงเนี่ยนเจินก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอนของตัวเอง นางไม่มีหน้าไปสู้หน้าใครอีกแล้ว ท่านพ่อไม่สนใจนางตั้งแต่สงสัยเรื่องท่านแม่ฆ่าฮูหยินเอก แม้ท่านแม่จะบอกกับท่านพ่อว่าไม่ได้ทำอะไร แต่ความสงสัยเมื่อเกิดแล้วก็ไม่สามารถจะทำให้มันหายไปได้ ที่จริงนางรู้เรื่องทั้งหมด ท่านแม่เคยเล่าให้ฟัง หากฮูหยินยังอยู่ แม่ของนางที่เป็นเพียงอนุก็ไม่มีทางที่จะมีที่ยืนในตระกูลเยว่แห่งนี้ ในตอนที่มารดาของนางตั้งครรภ์ท่านจึงลงมือฆ่าอดีตตงฮูหยิน แสร้งทำเป็นอุบัติเหตุ มันได้ผล ได้ผลเท่าอายุของนางจนถึงวันที่ท่านแม่จากไป เยว่เม่ยคิดอย่างเศร้าใจ มารดาของน

  • บัวขาวแต้มสี   บทที่25

    บทที่25หลังจากกินอาหารและอาบน้ำกันเรียบร้อยทั้งสองก็มานอน เยว่เหลียนนอนไม่หลับ เฉกเช่นเดียวกันกับตงห่าว คนหนึ่งไม่หลับเพราะเป็นห่วงท่านตาของตน แต่อีกคนเป็นห่วงภรรยา และแน่นอนท่านตาของภรรยา“ท่านพี่ถาวกู่นั่น...” เยว่เหลียนกำลังจะบอกว่านางไม่ได้ตั้งใจจะเก็บของที่ตงเนี่ยนเจินให้เอาไว้ดูต่างหน้านะ แต่ก็เป็นตงห่าวที่พูดออกมาเสียก่อน “ถาวกู่ที่ข้าซ่อมให้เจ้าน่ะหรือ” เยว่เหลียนพยักหน้า“มีสิ่งใดหรือ” เยว่เหลียนที่ได้ยินคำถามก็ตัดสินใจอยู่นานนางกับสามีไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไรกัน นางก็ไม่อยากให้ผิดใจกันเพราะเรื่องเช่นนี้ “ที่ข้าเก็บเอาไว้เพราะลืมทิ้งนะเจ้าคะ ข้าไม่ได้คิดอะไรกับตงเนี่ยนเจินจริง ๆ ” ตงห่าวยิ้ม ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ แม้จะมีเรื่องไม่สบายของท่านตา แต่ปกติเยว่เหลียนไม่ค่อยเปิดเผยความในใจ ตอนนี้นางกลับดูกระวนกระวายเพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด“ที่จริงข้าเองก็มีความจริงจะบอกเจ้า แล้วก็ดีแล้วที่เจ้าไม่ทิ้งมันไป เพราะถาวกู่อันนั้นข้าเป็นคนให้เจ้าเอง ที่จริงตงเนี่ยนเจินไม่เคยส่งอะไรมาให้เจ้า ขนมหรือของฝากก็ล้วนเป็นข้าทั้งสิ้น หลัง ๆ ข้าไม่อยากโกหกเจ้าแล้วเลยบอกว่าเป็นของฝากข้าเอ

  • บัวขาวแต้มสี   บทที่24

    บทที่24“ท่านตา ท่านตาอยู่ที่ใดเจ้าคะ” เยว่เหลียนเดินไปรอบ ๆ เรือนจนไปเจอเข้ากับสาวใช้ “ท่านตาข้าอยู่ที่ใดกัน” สาวใช้ทำท่าอึกอักก่อนจะเดินนำไปยังห้องพักของเจ้าของเรือน“ท่านตาของคุณหนูไม่ยอมให้พวกเราส่งข่าวไป ท่านเจ็บออด ๆ แอด ๆ มาพักใหญ่แล้วเจ้าค่ะ กินอาหารก็ไม่ค่อยได้ ให้หมอมาดูแล้วก็ไม่ดีขึ้น ที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่รักษาตามอาการไปเรื่อย ๆ เจ้าค่ะ” คำของสาวใช้ทำให้เยว่เหลียนรู้สึกว่านางนั้นเป็นหลานที่อกตัญญูยิ่งนักที่ไม่ดูดำดูดีท่านตาที่เลี้ยงนางมาอย่างดีแม้ว่านางจะไม่ได้เพียบพร้อมแบบคุณหนูในเมืองแต่ท่านตาก็เลี้ยงนางมาได้ดีมาก นางไม่เคยรู้สึกขาดอะไรเลยแม้แต่น้อย “ท่านตา เหลียนเอ๋อร์มาแล้วเจ้าค่ะ ท่านตาได้ยินหลานไหมเจ้าคะ” หญิงสาวจับมือที่เหี่ยวแห้ง ส่วนตงห่าวก็บอกให้คนสนิทของเขาที่ติดตามมาด้วยส่งคนไปตามหมอฝีมือดีในเมืองฉีให้เร่งเดินทางมาที่นี่โดยไว“เหลียนเอ๋อร์รึ” เสียงแหบแห้งของคนชราดังขึ้น “น้ำ ขอน้ำหน่อย” เยว่เหลียนเร่งรินน้ำใส่ถ้วยให้ท่านตาของนาง “น้ำเจ้าค่ะท่านตา” เมื่อคนสูงอายุลุกขึ้นมาดื่มน้ำได้แล้วเยว่เหลียนก็ยิ่งร้องไห้หนัก “ทำไมท่านตาไม่ส่งจดหมายไปบอกข้า ข้าส่งข่าวทุกอย่

  • บัวขาวแต้มสี   บทที่23

    บทที่23ผ่านไปไม่ถึงปีความสามารถของฮูหยินของซื่อจื่อก็เป็นที่เล่าลือไปทั่ว และนั่นก็ต้องขอบคุณท่านแม่นมเป็นอย่างมาก “เหนื่อยไหม” เยว่เหลียนหันกลับไปยิ้มให้สามีของตน ตงห่าวดึงร่างสวยขึ้นจากโต๊ะหนังสือ “เพลา ๆ งานบ้างนะ” เยว่เหลียนยิ้ม จะให้นางเพลาได้เช่นไร เพราะท่านยายของตงห่าวสิ้นไปนานแล้ว หน้าที่การดูแลตำหนักจวิ้นอ๋องจึงไม่มีพระชายาจัดการ ก่อนหน้านี้ก็ถูกแบ่งหน้าที่กันไป แต่ยามนี้มีเยว่เหลียน จวิ้นอ๋องจึงให้หลานสะใภ้เป็นคนจัดการ โดยบอกว่าเป็นการฝึกเอาไว้ล่วงหน้า แน่นอนว่าหากเยว่เหลียนไม่เคยได้จัดการบัญชีจวนตระกูลตงมาก่อน นางจะต้องหัวหมุนเป็นแน่ ตอนนั้นก็เหมือนการฝึกงาน งานตรงนี้ต่างหากที่เป็นงานที่รับมือยากจริง ๆ เพราะทั้งคนที่ต้องดูแลก็จำนวนมากกว่า และเงินที่ต้องใช้จ่ายแต่ละเดือนก็มากกว่าหลายสิบเท่าเลยทีเดียวนี่ไม่ใช่งานเพียงอย่างเดียวที่เยว่เหลียนต้องจัดการ เพราะถึงแม้หน้าที่ดูแลตำหนักจวิ้นอ๋องจะสำคัญ แต่ท่านตาของซื่อจื่ออย่างตงห่าวนั้นสนใจเรื่องทายาทมากกว่า แล้วทั้งสองก็ดูเหมือนจะเอาแต่ทำงานกันทั้งคู่จนท่านตาเริ่มกังวล“เดินทางครานี้ก็พาเหลียนเอ๋อร์ไปด้วยสิ” คำของท่านตาไม่ได้

  • บัวขาวแต้มสี   บทที่22

    บทที่22เยว่เหลียนทิ้งความรู้สึกทั้งหมดไปแล้วและตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนข้างกาย “ต้องเดินทางไกลเจ้าไม่กังวลใช่หรือไม่” หญิงสาวส่ายหน้าตอบสามีของตน ม่านของรถม้าถูกเปิดออกเพื่อรับอากาศ “เรื่องตอนนี้เหมือนกับความฝันเลยรู้หรือไม่” ตงห่าวอยากบอกความในใจของตนให้กับเยว่เหลียนรู้ อย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีใครมาแย่งหญิงสาวไปจากเขาได้อีกแล้ว“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” คำของเยว่เหลียนทำให้ดวงใจของตงห่าวสั่นไหว “ก่อนหน้านี้เจ้าเองก็ชอบข้าเช่นนั้นหรือ” เยว่เหลียนละสายตาจากบรรยากาศข้างทางกลับมามองหน้าสามีของนางก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “เจ้าค่ะ” แม้จะยากที่จะตอบคำถามนี้แต่เยว่เหลียนก็ตอบไปตามตรง ยามนี้ตงห่าวไม่ได้เป็นเพียงหมากที่ใช้ในการแก้แค้นอีกแล้วเมื่อลองนึกดูดี ๆ หากชายหนุ่มที่เอาแต่มาเยี่ยมเยียนนาง เอ่ยคำว่ารักตั้งแต่นางยังไม่กลับไปเมืองหลวงบางทีเยว่เหลียนก็อาจจะตอบรับอีกฝ่ายไปนานแล้ว ต่อให้ท่านพ่อจะตำหนิก็เถอะ แต่ไม่ใช่เยว่เหลียนคิด ตอนนั้นนางเป็นเพียงสาวบ้านนอกหากนางเข้าไปเจอกับจวิ้นอ๋องหรือคนอื่นๆ ในตอนนั้นชีวิตของนางก็อาจจะจบลงในแบบที่เป็นในตอนที่แต่งไปกับตงเนี่ยนเจินบางทีชีวิตตอนนี้อาจจะเหมา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status