“เจ้าค่ะ”ต้าหู่รีบเดินตามหวังหยวนไป ทั้งสองก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าตรงไปบ้านตระกูลหยางเมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลหยาง หวังหยวนก็เดินไปที่ประตู แล้วเคาะประตูเบา ๆไม่นาน ชายชราวัยห้าสิบก็เปิดประตูออกมา“พวกท่านไม่คุ้นหน้า ขอถามได้หรือไม่ว่าพวกท่านมาจากที่ใดกัน?”คนพูดคือพ่อบ้านตระกูลหยาง เขามองหวังหยวนด้วยความสับสน พิจารณาจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่“ท่านผู้เฒ่า ข้าชื่อหวังหยวน วันนี้ข้าต้องการเข้าพบหัวหน้าตระกูลหยาง โปรดแจ้งให้ข้าด้วย”ชายชราพยักหน้า ยิ้มอย่างสุภาพแล้วพูดว่า “ทราบแล้วขอรับ เช่นนั้นกรุณารอที่ประตูสักครู่”ชายชราหันหลังเดินเข้าไปในห้องโถงที่หยางอู่ตวนอยู่“นายท่าน มีชายผู้หนึ่งอ้างว่าชื่อหวังหยวนต้องการเข้าพบขอรับ”“หวังหยวนหรือ?”เมื่อหยางอู่ตวนได้ยินชื่อนั้น นัยน์ตาของเขาก็ฉายแววจริงจังทันที เขาวางถ้วยชาในมือลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ไม่ให้พบ”“ขอรับ นายท่าน”ก่อนที่พ่อบ้านจะออกไป เขาก็ได้ยินหยางอู่ตวนพูดอีกครั้ง “ช่างเถอะ พาพวกเขาไปรอในห้องโถงใหญ่”“บอกว่าข้ามีเรื่องต้องจัดการ ให้พวกเขารอสักครู่ หากชาหมดก็ให้เติมเรื่อย ๆ จนกว่าพวกเขาจะจากไป”
“ต่อให้ภรรยาจะคลอดบุตร แต่ก็ควรรู้ว่าเป็นการปล่อยให้แขกที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยมานั่งรอนานถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงไม่แวะมาหาแขกก่อนล่ะ?”หวังหยวนวางถ้วยชาลง ส่ายหน้าเบา ๆ เแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าเดาว่า เราคงไม่ได้พบหัวหน้าตระกูลหยางในวันนี้”“เหตุใดกัน?”หลี่ซื่อหานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อมองหวังหยวน ก็เห็นสีหน้าที่แสดงออกว่า ‘ข้าเดาได้ตั้งนานแล้ว’“หากเขาต้องการพบเรา คงไม่มีข้อแก้ตัวมากมายถึงเพียงนี้”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วพูดกับทุกคน “เอาล่ะ เราจะกลับไปกันก่อน วันนี้ท่านหยางคงไม่ออกมาพบพวกเรา”ต้าหู่ยังคงดูไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินตามออกไปทันทีที่ทุกคนก้าวออกไป ก็เห็นพ่อบ้านเฒ่ารีบเข้ามาหาอย่างกระตือรือร้นเขาพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้มสุภาพบนใบหน้า “ต้องขออภัยทุกท่านด้วย จู่ ๆ เจ้านายของพวกข้ารู้สึกไม่สบายขอรับ”“เขาเพิ่งทำงานเสร็จ แล้วรู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อยจึงกลับไปพักผ่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษา จึงไม่อาจมาพบท่านได้ ต้องขออภัยด้วย”ต้าหู่มีสีหน้าไม่พอใจ ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นหวังหยวนส่ายหน้าเบา ๆ“เช่
หยางอู่ตวนไม่ได้โกรธ แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามของลูกชายตามตรง เขาถามกลับว่า“ลูกพ่อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าระหว่างทางมาที่นี่ หวังหยวนทำอะไรไปบ้าง?”หลังจากที่หยางอู่ตวนพูดจบแล้ว หยางถิงก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าหวังหยวนกำลังสร้างเส้นทางการค้าบางอย่าง นี่น่าจะเป็นเรื่องที่ดีขอรับ”“ถูกต้อง ถือได้ว่าเป็นเรื่องดี บอกพ่อสิว่ามันดีอย่างไร?”หยางอู่ตวนถามอีกครั้งหยางถิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ผลประโยชน์ขอรับ วิธีนี้จะทำให้เราเก็บค่าคุ้มครองได้มากขึ้นขอรับ”หยางอู่ตวนพยักหน้า “ใช่แล้ว เจ้าพูดถูก เราจะได้รับค่าคุ้มครองเพิ่มขึ้นแน่นอน”“แต่มันยังไม่เพียงพอ เพียงเพราะค่าคุ้มครอง พ่อไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น”หยางถิงไม่เข้าใจว่าพ่อของเขาจะสื่ออะไร แต่เขาก็ยังถาม“ท่านพ่อ ยังมีความหมายลึกซึ้งอะไรอีกหรือขอรับ?”หยางถิงพูดจบ หยางอู่ตวนก็พยักหน้า“แน่นอนว่าพ่อแค่ต้องการแสดงให้เขาเห็น ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาเข้าใจได้ว่า มันไม่ง่ายเลยที่จะร่วมมือกับเรา การต่อรองราคาก็จะเป็นเรื่องง่าย”“หวังหยวนผู้นี้เป็นเศรษฐี หากไม่ฆ่าก็จะไม่ถูกฆ่า”หลังจากที่หยางอู่ตวนพูดจบ หยางถิงก็ตกต
แม้หยางถิงจะรู้ว่าหวังหยวนเป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหวังหยวนมีสินค้าอะไรบ้างเมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้เขาก็ตกใจเล็กน้อย!สิ่งเหล่านี้ช่างดีจริง ๆ!แต่ละอย่างขายดีมาก!“สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่หวังหยวนต้องการจะขาย นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาเปิดเส้นทางการค้าด้วย”“ลูกพ่อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าของพวกนี้ทำกำไรได้เท่าใด?”หยางถิงย่อมเข้าใจสิ่งที่หยางอู่ตวนจะสื่อสิ่งเหล่านี้หาได้ยาก“โดยเฉพาะแก้วคริสตัลนี้ ดูเนื้อสัมผัสสิ ช่างพิเศษเหลือเกิน! หวังหยวนมีความสามารถในการสร้างอะไรเช่นนี้จริง ๆ!”“นี่เป็นสิ่งที่คนรวยหลายคนชอบ มันมีค่ามาก หากควบคุมมูลค่าตลาดได้ คงจะทำเงินได้มหาศาล”หยางอู่ตวนพูดจบ ก็มองหยางถิง ลูกชายของเขาด้วยรอยยิ้มหยางถิงเข้าใจทันทีว่าพ่อของเขาหมายความว่าอย่างไร!หลังจากใช้เวลาอยู่นาน เขาก็เกิดความคิดขึ้นมา!หวังหยวนต้องการขายสินค้าเหล่านี้ ผ่านเส้นทางสายหลักเส้นนี้พวกเขาก็สามารถเรียกค่าคุ้มครองได้ แต่จะได้เท่าใดกันเชียว?มันไม่มีค่าเท่าสิ่งเหล่านี้!“ท่านพ่อขอรับ ท่านต้องการ...”หยางถิงพูดจบ หยางอู่ตวนก็หัวเราะทันที“ใช่แล้ว หากสิทธิ์ในการขายสินค้า
หลังจากที่หูเมิ่งอิ๋งพูดจบ หวังหยวนก็พยักหน้าแต่หวงเจียวเจียวก็พูดทันที “พวกเขาเอาแต่ใจมากเช่นนี้ จะร่วมมือกับพวกเขาได้อย่างไร!”แม้ว่าหลี่ซื่อหานจะเข้าใจความหมายของหูเมิ่งอิ๋ง แต่นางก็พยักหน้าและพูดว่า “ข้าเกรงว่าการร่วมมือกับพวกเขานั้น ไม่ง่ายเลย!”หวังหยวนหัวเราะอีกครั้ง มองสตรีทั้งสามแล้วพูดว่า “พวกเขาไม่ได้มองหาผลกำไรอันน้อยนิดจากค่าคุ้มครองหรอก”พูดจบ หลี่ซื่อหานและหวงเจียวเจียวก็นิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว“สามี ท่านหมายความว่าพวกเขาสนใจสินค้าของเราหรือเจ้าคะ?”หลี่ซื่อหานถามทันทีหวังหยวนพยักหน้า “แน่นอน ค่าคุ้มครองเป็นรายได้เท่าใดกันเชียว แต่หากพวกเขาสามารถขายสินค้านี้ได้ พวกเขาก็จะทำเงินได้มหาศาล”หลี่ซื่อหานตกใจ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เช่นนั้น ตระกูลหยางก็จงใจทำเรื่องยุ่งยากให้แก่สามี เพียงเพราะต้องการแสดงอำนาจ เพื่ออำนวยความสะดวกในความร่วมมือในอนาคตหรือเจ้าคะ?”หวังหยวนพ่นลมหายใจ “ใช่ อย่างน้อยนั่นก็คือการคาดเดาของข้า”แต่หวงเจียวเจียวกลับพูดอย่างไม่พอใจ “ความร่วมมือก็คือความร่วมมือสิ ใช้วิธีเช่นนี้ ช่างหน้าซื่อใจคดยิ่งนัก”เมื่อได้ยินเช่น
หูเมิ่งอิ๋งก็เห็นด้วยเช่นกัน “ด้วยวิธีนี้ เราก็มีสิทธิเริ่มดำเนินการครอบครองได้!” หลังจากที่สตรีทั้งสามพูดจบ หวังหยวนก็หัวเราะทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า มีภรรยาเช่นนี้ สามีอย่างข้าก็ไม่ขออะไรอีก พวกเจ้าสมกับที่เป็นภรรยาของข้าจริง ๆ!” หวังหยวนมีความสุขมาก สตรีทั้งสามคนสามารถคิดเรื่องเหล่านี้ได้ ซึ่งทำให้เขาพอใจมากจริง ๆ! หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ พวกนางก็สามารถช่วยตัวเองในเส้นทางของการทำกิจการในอนาคตได้ แน่นอนว่าหวังหยวนพูดสิ่งเหล่านี้และสอนพวกนาง ไม่เพียงแต่ให้พวกนางช่วยเขาเท่านั้น แต่ยังให้พวกนางเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองอีกด้วย สตรีทั้งสามคนต่างก็มีความสุขมาก ใบหน้าสวยของพวกนางแดงก่ำ และรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ข้า...ข้ายังไม่ได้ตกลงแต่งงานกับท่านเลย” หวงเจียวเจียวอายมากจนนางอดไม่ได้ที่จะกระซิบพูดเบา ๆ ก่อนที่หวังหยวนจะเอ่ยปากพูด หลี่ซื่อหานเม้มริมฝีปากของนางแล้วยิ้ม “เอาน่าน้องหวง เจ้าบอกว่า แม้ว่าท่านพี่จะไม่กลับมาทั้งชีวิตนี้ เจ้าก็จะไม่แต่งงานกับใครอีก” “ข้าก็ได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน” หูเมิ่งอิ๋งที่อยู่ด้านข้างก็เข้าร่วมการสนทนาด้วย “ไอหย๊า พวกท่านอย่าล้อเลียนข้าเลยนะ ท
“อย่าคิดว่าที่เราขายของราคาถูกเพราะสินค้ามีปัญหา” ต้าหู่มีรอยยิ้มราบเรียบบนใบหน้า และอธิบายอย่างจริงจัง “เหตุผลที่เราทำเช่นนี้ก็เพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น!” ต้าหู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้เรามาที่นี่เพื่อนำเสนอสินค้าของเรา เพื่อให้ทุกคนได้รับสินค้าราคาถูกและมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น!” “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สินค้าทั้งหมดที่ขายในร้านของเรา ทุกท่านสามารถเข้าไปซื้อได้ในร้านค้าตระกูลหยาง!” “ไม่ว่าพวกท่านคนใดคิดจะซื้อของเรา หรือต้องการซื้อจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม ทุกท่านสามารถไปสั่งจองที่ร้านค้าตระกูลหยางได้!” “เนื่องจากเราได้ร่วมมือกับตระกูลหยางสำเร็จแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกท่านสามารถไปซื้อสินค้าได้อย่างมั่นใจ!” เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของพวกเขาก็ตื่นเต้นอย่างมาก! ต้องรู้ไว้ว่าของที่ทั้งถูกและดีแบบนี้หายากนัก ตอนนี้ต้องคว้าโอกาสนี้และซื้อเท่าที่ไหวให้ได้มากที่สุด! ดังนั้นหลังจากที่คนกลุ่มหนึ่งซื้อของทั้งหมดจนหมดเกลี้ยง พวกเขาก็รีบตรงไปที่ร้านค้าตระกูลหยางทันที! ขณะนี้ เถ้าแก่ของร้านค้าตระกูลหยางกำลังต้อนรับแขกทั้งหลาย คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝ
ผู้ดูแลจวนร้อนใจยิ่งนัก เขาเดินเข้าไปด้วยสีหน้าวิตกกังวลมากและเอ่ยพูดอย่างเร่งรีบ “นายท่าน แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วขึ้นขอรับ!” “เกิดอะไรขึ้น? ทำท่าทางตื่นตระหนก?” หยางอู่ตวนขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมมองดูผู้ดูแลจวนที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกมาก “หวังหยวนผู้นั้นแพร่ข่าวลืออยู่ข้างนอก โดยบอกว่าตระกูลหยางของเราร่วมมือกับเขาแล้ว ทำให้ลูกค้าจำนวนมากมาที่ร้านของเราเพื่อซื้อสินค้าครึ่งราคา!” ผู้ดูแลจวนดูกังวลและพูดว่า “เนื่องจากในร้านมีคนมามากเกินไป ผู้ดูแลร้านจึงไม่ได้บอกว่าร้านของเราไม่ขายของเหล่านี้ แค่บอกพวกเขาว่าเราจะแจ้งวันขายให้พวกเขารู้ในภายหลัง” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของหยางอู่ตวนก็ดูตกใจมาก! เขายืนขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมมีสีหน้าตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความประหลาดใจว่า “หวังหยวนคนนี้ ช่างมีความสามารถเสียจริง...” “คิดไม่ถึงเลยว่าเขาถึงกับจะใช้วิธีนี้เพื่อบังคับให้ตระกูลหยางของเราประนีประนอม?” หยางถิงยังดูตกใจเช่นกันและพึมพำ “หวังหยวนคนนี้กำลังเตรียมใช้พลังของมวลชนเพื่อกดดันตระกูลหยางของเรา!” “ถึงกับใช้เรื่องแบบนี้วางแผนต่อต้านตระกูลหยาง
ทันใดนั้นซูหนานอันก็รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ร่างกายเสียหลักทรุดลงคุกเข่ากับพื้น...“ท่าน...”“ท่านคือหวังหยวน!”ชื่อเสียงของหวังหยวนเลื่องลือไปทั่วหล้า!แม้เขาจะไม่เคยพบหน้าหวังหยวน แต่ก็รู้จักอาวุธลับที่หวังหยวนใช้!เพราะทั่วทั้งใต้หล้านี้ไม่มีอาวุธเช่นนี้อีกแล้ว!ซูหนานอันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าเหตุใดคนของตระกูลเฉินจึงรีบรุดมาช่วยเหลือราวกับสุนัขรับใช้!ที่แท้ก็เพื่อเอาใจหวังหยวนนี่เอง...บัดนี้เฉินเจิ้นหนานแทบอยากจะตบหน้าตนเอง เหตุใดเขาจึงโง่งมถึงเพียงนี้!“เจ้าหนุ่ม สิ่งนั้นมันอะไรกัน?”“ประทัดหรือ?”ซูอวิ่นอู่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีของพ่อ กลับชี้หน้าหวังหยวนแล้วพูดขึ้นคนของตระกูลซูหลายคนต่างหัวเราะเยาะหัวเราะไปเถิด ให้เจ้าหัวเราะให้เต็มที่!“อีกสักพักเจ้าจะร้องไห้กันไม่ทัน!”เฉินเทียนสบถในใจ“บังอาจ!”“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเดี๋ยวนี้!”“เจ้ามันช่างไร้ประโยชน์ รีบคุกเข่าขอขมาท่านหวังเดี๋ยวนี้!”ซูหนานอันตวาดซูอวิ่นอู่ เหตุใดเขาจึงมีลูกชายโง่เขลาเช่นนี้?ไม่เห็นหรือว่าเขากำลังคุกเข่าอยู่!ยังกล้าพูดจาอวดดีกับหวังหยวน ช่างไม่รู้จักกลัวตายเอาเสียเลย!“ท่านพ่อ ท
ทว่าเฉินเจิ้นหนานไม่ได้สนใจซูหนานอัน กลับรีบวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางประจบสอพลอนี่เป็นโอกาสอันดี!หากสามารถสร้างความสัมพันธ์กับหวังหยวนได้ ประกอบกับการกระทำอันอุกอาจของตระกูลซู ต่อไปในเมืองอู่เจียง เขาย่อมเหนือกว่าตระกูลซู!เปรียบได้กับปลากระโดดลงน้ำเลยทีเดียว!เฉินเจิ้นหนานจะไม่รู้จักฉวยโอกาสเช่นนี้ได้อย่างไร?“เฉินเจิ้นหนาน!”“ท่านไม่ได้ยินที่พ่อข้าพูดหรือไร?”“เหตุใดต้องแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด!”ซูอวิ่นอู่เห็นเฉินเจิ้นหนานเมินเฉยต่อพ่อของตนจึงตะโกนด้วยความโกรธแม้แต่ตงฟางฮั่นที่ยืนอยู่ข้างหวังหยวนก็เกือบหลุดหัวเราะ ทั้งเฉินเจิ้นหนานและซูหนานอันล้วนเป็นวีรบุรุษแห่งยุค!เขารู้จักทั้งสองคนเป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งคนทั้งสองต่างสร้างฐานะของตระกูลขึ้นมาด้วยสองมือของตนเอง ทั้งยังไต่เต้าขึ้นมาจนมีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!น่าเสียดาย...แม้สุภาษิตจะกล่าวว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แต่ทายาทของพวกเขากลับเทียบไม่ได้กับบรรพบุรุษ!ไม่สิ!ต้องบอกว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว!“ซูอวิ่นอู่!”“ที่ผ่านมาข้าอดทนกับเจ้าก็มากพอแล้ว วันนี้เจ้ายังกล้าด่าทอพ่อข้าต่อหน้าข้าอีกหรือ?”“เจ้าคนสารเลว!”
ซูหนานอันผ่านพบผู้คนมากมาย ย่อมมีวิจารณญาณที่แตกต่างจากคนทั่วไปขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หวังหยวนก็เอื้อมมือไปตบบ่าเขา กิริยาเช่นนี้ทำให้พี่น้องตระกูลซูต่างไม่พอใจ“ช่างบังอาจ!”“รีบเอามือสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”ซูอวิ่นอู่ขึ้นชื่อเรื่องความบุ่มบ่ามอยู่แล้ว ผู้คนในเมืองอู่เจียงต่างรู้ถึงนิสัยใจร้อนของเขา แม้แต่บุตรหลานของอีกสามตระกูลใหญ่ก็ยังไม่กล้าต่อกรกับเขาซึ่งหน้าด้วยซ้ำไม่เพียงแต่มีนิสัยใจร้อนเท่านั้น เขายังมีพละกำลังมหาศาล มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ชายธรรมดาที่จะเข้าใกล้เขาได้ แม้แต่คนสี่ห้าคนก็ยังเข้าใกล้ได้ยาก!ช่างเป็นตัวปัญหายิ่งนัก!“เจ้าจำข้าไม่ได้จริงหรือ?”หวังหยวนจ้องมองซูหนานอัน แม้จะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ก็แผ่รังสีความกดดันที่มองไม่เห็นออกมา!ซูหนานอันส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่สมองกลับครุ่นคิดอย่างหนัก พยายามนึกถึงใบหน้าของหวังหยวน...แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเคยพบเจอหวังหยวนที่ใดมาก่อน!“ตระกูลซูของเจ้านี่ช่างน่าเกรงขามนัก”“คนที่ไม่รู้คงนึกว่าเมืองอู่เจียงนี้ตกเป็นของตระกูลซูเข้าแล้ว”หวังหยวนพึมพำกับตนเองซูหนานอันยิ่งงุนงง
“หากไม่อยากตายก็หลีกทางให้ข้า”หวังหยวนเป่าควันดำที่ลอยขึ้นจากปืนคาบศิลา ทอดสายตามองคนทั้งสองอย่างเย็นชาองครักษ์เฝ้าประตูทั้งสองสบตากัน ก่อนจะรีบหลีกทางให้หวังหยวนด้วยความหวาดหวั่น จะกล้าขวางทางต่อไปได้อย่างไร?เพราะพวกเขาไม่เคยพบเห็นอาวุธลับที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน!หากถูกอาวุธนี้เล่นงานคงต้องสิ้นชีพอย่างแน่นอน...หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลซูอย่างองอาจ ในชั่วพริบตา ทั้งสองก็มาถึงลานกว้างภายในคฤหาสน์เสียงดังจากหน้าประตูทำให้ผู้คนในตระกูลซูแตกตื่น ทุกคนต่างกรูกันออกมา ขณะนี้พวกเขากำลังยืนล้อมรอบลานบ้าน ใบหน้าบึ้งตึงหวังหยวนและตงฟางฮั่นถูกล้อมไว้ทุกทิศทาง“ให้หัวหน้าตระกูลของพวกเจ้าออกมาพบข้า”หวังหยวนกล่าวเสียงเรียบครู่ต่อมาฝูงชนก็แยกออกเพื่อเปิดทาง เผยให้เห็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมหรูหราเดินออกมาจากด้านหลังแม้จะมีอายุมากแล้ว แต่ก็ยังคงมีสง่าราศีน่าเกรงขามชายผู้นั้นกวาดสายตามองหวังหยวน ก่อนจะเอ่ยปากอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงบังอาจบุกรุกคฤหาสน์ตระกูลซู”“หรือเจ้าอยากรนหาที่ตาย?”ข้างกายซูหนานอันมีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ บุตรชายทั้งสองของเขาต
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด