หวังหยวนไม่ได้คัดค้านเมื่อได้ยินดังนั้น หากเขาไม่ใช้ความรู้จากโลกอื่น มันก็จะยากเกินไปที่จะเอาชนะได้สิ่งที่ทำให้อ๋องถูหนานแพ้พ่ายไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่เป็นกาลเวลา!สิ่งนั้นเป็นอาวุธสังหารที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นโดยคนนับไม่ถ้วน และตอนนี้เขาแค่ขนย้ายมันมาเท่านั้นแม้ว่าจะได้รับชัยชนะ แต่ใจหวังหยวนก็ไม่เคยดูถูกอ๋องถูหนานเลย“หวังหยวน ความจริงแล้วท่านมีทางอื่นให้เลือก ก็คือให้คำแนะนำแก่อ๋องเจิ้นตงและอ๋องเซ่อเป่ย ช่วยพวกเขาให้ได้ครองเมืองหวง ด้วยวิธีนี้มันอาจจะง่ายกว่า!”“ไม่ทราบว่าท่านคิดอย่างนั้นหรือไม่?”เจิ้งไท่ชิงยิ้มและพูดเหมือนกำลังพูดเรื่องธรรมดา แต่ในคำพูดของเขาแฝงเร้นไปด้วยบางอย่างหวังหยวนหัวเราะ “คำถามนี้... ข้าไม่คิดว่าจะต้องตอบ”เมื่อได้ยินดังนั้น เจิ้งไท่ชิงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “หืม? เพราะเหตุใด?”“ยังไม่ถึงเวลา” หวังหยวนตอบอย่างใจเย็น“ท่านกำลังรอให้พวกเขาเรียกตัวไปคุยอยู่หรือเปล่า? ท่านกำลังรอเงื่อนไขที่พวกเขาเสนออยู่หรือเปล่า?” เจิ้งไท่ชิงอดไม่ได้ที่จะถาม“นั่นไม่เป็นความจริง ข้าไม่ได้สนใจพวกเขาเลย” หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเจิ้งไท่ชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยุดถา
แต่หวังหยวนเข้าใจแนวทางของหวงเหยียนมากขึ้นแล้วแต่ว่าเขาแค่ไม่ชอบทุกสิ่งที่ต้องอธิบายได้รับการอธิบายอย่างชัดเจนแล้ว และการตัดสินใจของหวังหยวนที่จะไปหาหวงเหยียน ก็ได้รับการตัดสินแล้ว ไม่มีที่ว่างสำหรับการทะนงตัวในเรื่องนี้เช้าวันรุ่งขึ้น หวังหยวนพาถังหม่าง ต้าหู่ และทหารผ่านศึกเกราะทมิฬสิบคนไปที่ประตูนอกจากหลี่ซื่อหานจะมาพบเขาแล้ว เฉิงเหลียวก็มาด้วยความกังวลด้วยไป๋เฟยเฟยก็มาด้วย แต่สิ่งที่ทำให้หวังหยวนประหลาดใจก็คือ พ่อและลูกชายตระกูลฟ่านก็มาด้วยแต่มีแววของความเย็นชาและความภาคภูมิใจในดวงตาของพวกเขาหวังหยวนขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจ เหลือบมองหลี่ซื่อหานแล้วคลี่ยิ้ม“ไม่ต้องห่วง เจ้าก็รู้ว่าสามีของเจ้าทำอะไรได้บ้าง อีกไม่นานข้าจะกลับมา”หวังหยวนยิ้มและกอดหลี่ซื่อหานที่เสียงสั่นเครือ “ข้ารู้ ข้าจะรอให้ท่านกลับมา... ใช่แล้ว แล้วก็คุณหนูหูด้วย...”หลี่ซื่อหานกำลังยิ้ม แต่ความจริงเป็นการยิ้มฝืน นางไม่อยากให้หวังหยวนกังวล นางจึงพยายามทำตัวให้ดูเข้มแข็ง“ข้าจะดูแลครอบครัวของข้า”สายตาของหลี่ซื่อหานแน่วแน่ หมู่บ้านต้าหวังเป็นรากฐานของหวังหยวน และมันเป็นผลมาจากการทำงานหนักของเขา นา
ในขณะนี้ หลังจากที่วังฉงโหลวเปิดจดหมาย เขาก็ถอนหายใจทันที มีร่องรอยของความผิดหวังฉายชัดในดวงตาของเขา!นั่นคือความหวังแห่งต้าเย่!ยังมีความชื่นชมอีกด้วย!นั่นคือความชื่นชมหวังหยวน!ไปเผชิญชะตากรรมคนเดียวในหวงเหยียน ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าน แต่หวังหยวนไปที่นั่นโดยไม่ลังเล!“ดูเหมือน... ข้าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!”วังฉงโหลวกล่าวขณะออกจากหมู่บ้านต้าหวัง พร้อมจดหมาย...ไม่เพียงแต่วังฉงโหลวเท่านั้น แต่หูเมิ่งอิ๋งก็ได้รับจดหมายเช่นกัน นางถึงกับหลั่งน้ำตาเงียบ ๆ“ข้าจะรอให้เจ้ากลับมา… จะปกป้องฐานทัพนี้ให้กับเจ้า…”หูเมิ่งอิ๋งรีบเช็ดน้ำตา สายตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น!ในขณะนี้ ในหุบเขาชิงหลง หงเยี่ยและคนอื่น ๆ ก็ได้รับจดหมายนี้เช่นกัน!หลายคนอ่านจดหมายแล้วเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“เจ้าสารเลว! ฮ่องเต้ชั่วร้ายยอมให้หวังหยวนไปหาหวงเหยียนจริง ๆ! รวบรวมกองกำลังแล้วไปรับหวังหยวนกลับมา!”ในเวลานี้ หงเยี่ยออกคำสั่งทันที!แต่ในขณะนี้ จ้าวป๋อเซี่ยวรีบพูดว่า “นายท่านใหญ่ ทำอย่างนั้นไม่ได้!”“เหตุใดจะไม่ได้ล่ะ? เราจะปล่อยให้หวังหยวนไปยังสถานที่อันตรายเช่นนั้นได้จริงหรือ!”หงเยี่ยมีสีหน้า
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเซี่ยซานหู่และอู่จั้งโหว รู้สึกว่าหวังหยวนมีไหวพริบและมีพรสวรรค์ สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้แต่หงเยี่ยพูดว่า “ไม่รู้ รีบบอกมาสิ”ตอนนี้ความคิดของหงเยี่ยสับสนมาก ไม่สามารถฟังสิ่งใดได้เลยจ้าวป๋อเซี่ยวจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่านายท่านใหญ่กำลังกังวลในขณะนี้ เขาจึงพูดทันที “ที่ท่านเสนาธิการทหารตัดสินใจไป ก็เพราะได้วางแผนทุกอย่างไว้แล้ว และทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”“อีกทั้งท่านเสนาธิการทหารยังกล่าวอีกว่า ยังไม่ถึงเวลา ข้าคิดว่าเสนาธิการทหารอาจกำลังรอโอกาสนี้อยู่ เขาอยู่ห่างไกลในถิ่นหวงเหยียน เขาจึงสามารถสังเกตความสับสนวุ่นวายภายใน แล้วรอให้ผู้อื่นก่อกบฏก่อนได้”“ตราบใดที่ยังมีโอกาสนี้ ข้าคิดว่าเสนาธิการทหารจะกลับมาแน่นอน และสิ่งที่เราต้องทำคือเตรียมกองกำลังของเรา เฝ้ารอจนกว่าวันที่เสนาธิการทหารจะกลับมา!”หลังจากจ้าวป๋อเซี่ยวพูดจบ หัวใจของทุกคนก็สั่นเทา“เขาคิดเช่นนี้จริงหรือ?”หงเยี่ยพูดด้วยความประหลาดใจ“แน่นอนว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น นั่นคือ... ท่านเสนาธิการทหาร เห็นใจพวกเราด้วย…”ทุกคนไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของจ้าวป๋อเ
สิ่งแรกที่อู๋หลิงพูดเมื่อเขาเจอหวังหยวน ก็คือจะพาเขาออกไปเรื่องนี้ทำให้หวังหยวนรู้สึกซาบซึ้งมาก เขาเข้าใจว่าความรู้สึกส่วนตัวของอู๋หลิง ในใจเขา ความเคียดแค้นชิงชังนั้นไม่สำคัญเท่ากับความชอบธรรมของแผ่นดินจะเห็นได้ว่าอู๋หลิงใส่ใจเขาจริง ๆ ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่กล้าฝ่าฝืนราชโองการ ด้วยการคิดจะพาหวังหยวนกลับไป!“อู๋หลิง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนอู๋หลิงหายใจเข้าลึก ๆ “ในถิ่นหวงเหยียน อาจรอดจากปากเหยี่ยวปากกา แต่ท่านกับอากู่ฉามีความแค้นใจต่อกัน ความเกลียดชังที่ท่านฆ่าพ่อของเขานั้น ไม่อาจลบล้างได้ เขาย่อมจะฆ่าท่าน!”“ดังนั้น... ไม่อาจไปถิ่นหวงเหยียนได้!”เมื่ออู๋หลิงพูดเช่นนี้ เขาพูดด้วยเสียงดังทรงพลัง แต่หวังหยวนก็ถอนหายใจ แล้วพูดว่า “หากเจ้าดึงข้ากลับไป เจ้าจะขัดราชโองการ เจ้าไม่กลัวหรือ?”“ไม่กลัว! ข้าจะขอร้องฝ่าบาทให้ส่งคนอื่นไปเป็นทูตหวงเหยียนแทน!”อู๋หลิงพูดทันที ดูเหมือนจะไม่กลัวจริง ๆ“หากทำเช่นนั้นได้ เหตุใดข้าต้องไปล่ะ? ก่อนข้ามา ข้าได้รับจดหมายจากเสนาบดีฝ่ายซ้าย แม้แต่เขาก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอะไรได้บ้าง?”แม้ว่าประโยคนี้จะค่อนข้างโ
“ท่านพ่อ... แม้ว่าข้าจะสัญญากับท่านว่าข้าจะปกป้องต้าเย่ แม้ว่าข้าจะไม่ต้องการก็ตาม แต่ข้าก็ไม่อยากไม่เชื่อฟังท่าน”“แต่ว่า... หลังจากวันนี้ ข้ายังมีบางอย่างที่ข้าต้องทำให้สำเร็จในชีวิตนี้ นั่นก็คือ... ข้าจะไม่ยอมให้หวังหยวนต้องตกอยู่ในอันตรายเหมือนวันนี้อีก! แม้ว่าข้าต้องแลกชีวิตก็ตาม!”อู๋หลิงแอบสาบานในใจ!หลังจากออกจากที่นี่ หวังหยวนและกลุ่มของเขาก็เดินทางบนหลังม้า ด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ในดินแดนต้าเย่ ทุกอย่างจะยังราบรื่นปลอดภัยดี“พรุ่งนี้เราจะถึงชายแดน ซึ่งมีอันตรายซ่อนอยู่”ในเวลานี้หวงเจียวเจียวเหลือบมองหวังหยวน แล้วพูดเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม“คุณหนูหวงกลัวหรือเปล่า?” หวังหยวนอดยิ้มไม่ได้หวงเจียวเจียวหรี่ตา “เมื่อมีคุณชายอยู่ที่นี่ด้วย จะกลัวได้อย่างไร?”“ฮ่าฮ่าฮ่า...”หวังหยวนหัวเราะและไม่พูดอะไรอีก เป็นเวลาดึกแล้ว กลุ่มของพวกเขาก็ไปโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อนพรุ่งนี้จะถึงชายแดนแล้ว ในต้าเย่จะมีอันตรายได้อย่างไร?ประโยคนี้มันไม่จริงเลย!หากเป็นเขา เขาจะฆ่าศัตรูที่เขาต้องการจะฆ่าในแผ่นดินของคนอื่น!เหตุผลง่าย ๆ คือ เขาไปปฏิบัติภารกิจที่ถิ่นหวงเหยียน หากเขาตายที่ถิ่นหวงเหยี
แน่นอนว่าหวังหยวนไม่สามารถเอาชนะคนเหล่านี้ได้ หากมีเพียงคนเดียว เขาก็ยังพอจะลองสู้ได้แต่เขาไม่กลัวเลย เขาค่อย ๆ ยกปืนคาบศิลาขึ้นมา แล้วยิงชายคนนั้นเข้าที่หัวเต็ม ๆ!ปัง!ชายคนนั้นที่รีบวิ่งเข้ามา ล้มลงกับพื้นสิ้นชีวิตทันที!“เจ้า...เจ้ามีปืนไฟจริง ๆ!”ทุกคนถึงกับตกตะลึง!แม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะการต่อสู้สูงส่ง แต่ก็ไม่ได้ทรงพลังเท่าปืน!หวังหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “หากไม่มีสิ่งนี้ ข้าจะกล้าดีอย่างไรมานั่งรอให้พวกเจ้าฆ่าข้า?”“บอกมา ใครในเมืองหวงที่เป็นคนส่งพวกเจ้ามาที่นี่?”ทันทีที่คำถามนี้ดังขึ้น คนเหล่านั้นก็ตกตะลึงทันที!“เจ้า... เจ้ารู้ได้อย่างไร... ว่าพวกข้ามาจากเมืองหวง?”พวกเขาตกใจกับคำพูดของหวังหยวน ต่างตกตะลึงกันถ้วนหน้า“เรื่องนี้เดาได้ไม่ยาก หากข้าเป็นคนเมืองหวง ข้าก็จะทำแบบเดียวกัน แต่ในบรรดาอ๋องทั้งสามของเมืองหวง ใครสั่งให้พวกเจ้ามาจัดการข้า?”หวังหยวนถามอย่างใจเย็น จากนั้นเล็งปืนไปที่พวกเขาทันที!“หากไม่ยอมก็ต้องตาย”หวังหยวนไม่ได้ล้อเล่น ใบหน้าของพวกเขาเคร่งเครียด แต่ไม่มีใครพูดอะไรเลย“เฮ้… ไม่เชื่อหรือ?”หวังหยวนไม่ได้พูดเหลวไหล ยิงปืนใส่อีกคนหนึ่งอีกนัดสัง
หวังหยวนหยิบมาไว้ในมือ พยักหน้า แล้วเก็บไป“เอาไว้ลองถามคนที่รู้ เอาล่ะ รีบจัดการแล้วไปนอนเร็ว ๆ เถอะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นต้าหู่และคนอื่น ๆ ก็แบกศพคนเหล่านี้ออกไปทันที จากนั้นขุดหลุมฝังศพเช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งกลุ่มออกเดินทาง เกือบเที่ยงพวกเขาก็มาถึงชายแดน“ชายแดนอยู่ข้างหน้าแล้ว...”หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อเขาก้าวมาที่นี่ เขาก็เข้าสู่อาณาเขตของหวงเหยียนพูดตามตรง หวังหยวนไม่คุ้นเคยกับหวงเหยียนมากนักแต่เขาก็ยังมั่นใจว่าเขาจะกลับไปได้อย่างปลอดภัย“ไปกันเถอะ เมื่อเข้าไปในถิ่นหวงเหยียนได้ ก็จะปลอดภัยแล้ว”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังขึ้น ถังหม่างและหวงเจียวเจียวก็สับสน แต่ต้าหู่เข้าใจดีเพราะในเขตชายแดน เจิ้งไท่ชิงกำลังรออยู่“คุณชายหวัง เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?”หวงเจียวเจียวยิ้ม และอดไม่ได้ที่จะถามหวังหยวนไม่พูดอะไร มองพื้น แล้วชี้ไปไม่ไกล“เพราะว่า... เขา!”หลังจากพูดเช่นนี้ หวงเจียวเจียวก็มองไปในระยะไกล แล้วเห็นว่ากลุ่มคนกำลังมา!มองไปรอบ ๆ ก็พบว่ามีคนไม่ต่ำกว่าสองสามพันคน!“นั่นคือ... ขุนพลเจิ้ง!”หวงเจียวเจียวเข้าใจท
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห