เมื่อวางจดหมายลง หวังหยวนก็ถอนหายใจ ทันใดนั้น ต้าหู่ก็นำจดหมายอีกฉบับมาให้ด้วย!จดหมายนี้เขียนอย่างเรียบง่าย ด้วยถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ‘พูดคุยกันนอกเมือง’จดหมายฉบับนี้ ไม่จำเป็นต้องมองลายมือก็รู้ว่าเป็นของใคร มันย่อมเป็นของเจิ้งไท่ชิงหวังหยวนยกยิ้ม แล้วพูดว่า “มาเถอะ ไปพบกับขุนพลเจิ้งคนนี้กับข้า”พูดจบ หวังหยวนก็เดินทางออกจากเมืองไปทันที แม้ว่าในสายตาของทุกคน สงครามยังไม่หยุด แต่บางคนก็รู้ว่าสงครามหยุดแล้ว!กองทัพชิงชวนจะไม่รุกคืบอย่างหุนหันพลันแล่นอีกต่อไป!บัดนี้มีเพียงสองคนนั่งอยู่ในศาลานอกเมือง ขณะกำลังชงชา“ท่านพ่อ เขาจะมาจริงหรือขอรับ?”เจิ้งเซิ่งถามด้วยความสงสัยในเวลานี้“เซิ่งเอ๋อร์ เจ้าว่าอย่างไร?” เจิ้งไท่ชิงถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าคิดว่าเขา... เขาน่าจะมา แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะฉลาดเท่าที่ท่านพ่อคิดขอรับ”เจิ้งเซิ่งกล่าวว่าตอนนี้สถานการณ์ชัดเจนแล้ว หวังหยวนย่อมรู้ดีแล้วว่าไม่มีอันตราย ดังนั้นเขาย่อมมาแต่เขารู้สึกว่าหวังหยวนไม่ได้ฉลาดเท่าที่พ่อของเขาบอกไว้“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นเจ้าก็แค่รอดู”เจิ้งไท่ชิงส่ายหน้าและยิ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากในเวลานี้ มีม้าสูงสองตัวกำลังวิ่ง
เจิ้งเซิ่งเหลือบมองหวังหยวน ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านหวัง ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเหตุใดเจ้าถึงเดาความคิดของพ่อข้าได้”จากการกบฏของกองทัพชิงชวน ไปจนถึงการพูดคุยยามค่ำคืนที่นี่ มีเพียงการแลกเปลี่ยนทางจดหมาย และการเผชิญหน้ากันในค่ายเสบียงหนัก เหตุใดชายคนนี้ถึงสามารถมองทะลุผ่าน และถ่ายทอดสิ่งที่เขาต้องการแสดงให้พ่อของเขาฟังได้เหตุใดกัน ทั้งที่ไม่ได้เห็นเรื่องนี้ด้วยตัวเองหวังหยวนเหลือบมองเจิ้งเซิ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วอธิบาย“มันไม่ใช่การเดา แต่เป็นความเข้าใจตามเหตุผล นับตั้งแต่ที่พ่อของเจ้ามาที่เฉิงโจว ข้าก็รู้ว่าเขาคิดอะไรเมื่อออกคำสั่งครั้งแรก และเขาก็เตือนข้าด้วย”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เจิ้งเซิ่งก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่าง แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พ่อของข้าบอกว่า... ทำลายเมืองหรือ?”เจิ้งเซิ่งตกตะลึง เพราะเมืองถูกทำลาย เขาจึงมั่นใจได้ว่าพวกเขาไม่มีเจตนาจะฆ่าจริง ๆ งั้นหรือ“แล้วจดหมายฉบับที่สอง เป็นการทดสอบหรือ?”เจิ้งเซิ่งถามด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้ฉลาดถึงเพียงนั้น แต่เมื่อกองทัพชิงชวนยึดชายแดน คนของหวงเหยียนก็ยื่นไมตรีมาให้
“ท่านหวังหยวน ข้าไม่รู้ว่าท่านรู้จักหวงเหยียนของเรามากแค่ไหน?”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หวังหยวนก็หรี่ตา พูดตามตรง เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหวงเหยียนมากนัก นอกจากเรื่องอ๋องถูหนานกับอากู่ฉา ลูกชายของเขา“ไม่ค่อยรู้เท่าใดนัก ดังนั้นอยากจะขอให้ขุนพลเจิ้งช่วยชี้แนะข้าบ้าง ข้าจะขอบคุณมาก”หวังหยวนรู้ว่าเจิ้งไท่ชิงมาที่นี่ในวันนี้ อาจเป็นเพราะเรื่องนี้!บอกข้อมูลเกี่ยวกับหวงเหยียนให้กับเขา แม้ว่าจะมีบางสิ่งที่เขาสามารถรู้ได้เมื่อไปถึงหวงเหยียนก็ตามแต่เขาทำเช่นนี้เพียงเพื่อให้เขารู้อะไรบางอย่างล่วงหน้า เพื่อที่เขาจะได้วางแผนล่วงหน้าให้ดี!เมื่อคิดได้ดังนั้น หวังหยวนก็ย่อมรู้สึกขอบคุณเจิ้งไท่ชิงมากขึ้นจากนั้นเจิ้งไท่ชิงก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วยกยิ้ม “ไม่เป็นอะไร ข้าคิดว่านี่คือสิ่งที่คนผู้นั้นอยากให้ท่านรู้ ข้าเพิ่งตัดสินใจโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเพิ่งมาบอกท่าน!”เมื่อได้ยินดังนั้น หวังหยวนก็ยิ้ม จากนั้นยกมือขึ้นพูดว่า “ไม่ว่าใครจะอยากให้ข้ารู้ก็ตาม ขุนพลเจิ้งก็ช่วยบอกข้าเรื่องนี้ ข้าจดจำไว้แล้ว”เจิ้งไท่ชิงหัวเราะ “เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องพูดสุภาพนักหรอก ให้ข้าบอกท่านว่าสถานการณ์ในหวง
หวังหยวนไม่ได้คัดค้านเมื่อได้ยินดังนั้น หากเขาไม่ใช้ความรู้จากโลกอื่น มันก็จะยากเกินไปที่จะเอาชนะได้สิ่งที่ทำให้อ๋องถูหนานแพ้พ่ายไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่เป็นกาลเวลา!สิ่งนั้นเป็นอาวุธสังหารที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นโดยคนนับไม่ถ้วน และตอนนี้เขาแค่ขนย้ายมันมาเท่านั้นแม้ว่าจะได้รับชัยชนะ แต่ใจหวังหยวนก็ไม่เคยดูถูกอ๋องถูหนานเลย“หวังหยวน ความจริงแล้วท่านมีทางอื่นให้เลือก ก็คือให้คำแนะนำแก่อ๋องเจิ้นตงและอ๋องเซ่อเป่ย ช่วยพวกเขาให้ได้ครองเมืองหวง ด้วยวิธีนี้มันอาจจะง่ายกว่า!”“ไม่ทราบว่าท่านคิดอย่างนั้นหรือไม่?”เจิ้งไท่ชิงยิ้มและพูดเหมือนกำลังพูดเรื่องธรรมดา แต่ในคำพูดของเขาแฝงเร้นไปด้วยบางอย่างหวังหยวนหัวเราะ “คำถามนี้... ข้าไม่คิดว่าจะต้องตอบ”เมื่อได้ยินดังนั้น เจิ้งไท่ชิงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “หืม? เพราะเหตุใด?”“ยังไม่ถึงเวลา” หวังหยวนตอบอย่างใจเย็น“ท่านกำลังรอให้พวกเขาเรียกตัวไปคุยอยู่หรือเปล่า? ท่านกำลังรอเงื่อนไขที่พวกเขาเสนออยู่หรือเปล่า?” เจิ้งไท่ชิงอดไม่ได้ที่จะถาม“นั่นไม่เป็นความจริง ข้าไม่ได้สนใจพวกเขาเลย” หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเจิ้งไท่ชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยุดถา
แต่หวังหยวนเข้าใจแนวทางของหวงเหยียนมากขึ้นแล้วแต่ว่าเขาแค่ไม่ชอบทุกสิ่งที่ต้องอธิบายได้รับการอธิบายอย่างชัดเจนแล้ว และการตัดสินใจของหวังหยวนที่จะไปหาหวงเหยียน ก็ได้รับการตัดสินแล้ว ไม่มีที่ว่างสำหรับการทะนงตัวในเรื่องนี้เช้าวันรุ่งขึ้น หวังหยวนพาถังหม่าง ต้าหู่ และทหารผ่านศึกเกราะทมิฬสิบคนไปที่ประตูนอกจากหลี่ซื่อหานจะมาพบเขาแล้ว เฉิงเหลียวก็มาด้วยความกังวลด้วยไป๋เฟยเฟยก็มาด้วย แต่สิ่งที่ทำให้หวังหยวนประหลาดใจก็คือ พ่อและลูกชายตระกูลฟ่านก็มาด้วยแต่มีแววของความเย็นชาและความภาคภูมิใจในดวงตาของพวกเขาหวังหยวนขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจ เหลือบมองหลี่ซื่อหานแล้วคลี่ยิ้ม“ไม่ต้องห่วง เจ้าก็รู้ว่าสามีของเจ้าทำอะไรได้บ้าง อีกไม่นานข้าจะกลับมา”หวังหยวนยิ้มและกอดหลี่ซื่อหานที่เสียงสั่นเครือ “ข้ารู้ ข้าจะรอให้ท่านกลับมา... ใช่แล้ว แล้วก็คุณหนูหูด้วย...”หลี่ซื่อหานกำลังยิ้ม แต่ความจริงเป็นการยิ้มฝืน นางไม่อยากให้หวังหยวนกังวล นางจึงพยายามทำตัวให้ดูเข้มแข็ง“ข้าจะดูแลครอบครัวของข้า”สายตาของหลี่ซื่อหานแน่วแน่ หมู่บ้านต้าหวังเป็นรากฐานของหวังหยวน และมันเป็นผลมาจากการทำงานหนักของเขา นา
ในขณะนี้ หลังจากที่วังฉงโหลวเปิดจดหมาย เขาก็ถอนหายใจทันที มีร่องรอยของความผิดหวังฉายชัดในดวงตาของเขา!นั่นคือความหวังแห่งต้าเย่!ยังมีความชื่นชมอีกด้วย!นั่นคือความชื่นชมหวังหยวน!ไปเผชิญชะตากรรมคนเดียวในหวงเหยียน ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าน แต่หวังหยวนไปที่นั่นโดยไม่ลังเล!“ดูเหมือน... ข้าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!”วังฉงโหลวกล่าวขณะออกจากหมู่บ้านต้าหวัง พร้อมจดหมาย...ไม่เพียงแต่วังฉงโหลวเท่านั้น แต่หูเมิ่งอิ๋งก็ได้รับจดหมายเช่นกัน นางถึงกับหลั่งน้ำตาเงียบ ๆ“ข้าจะรอให้เจ้ากลับมา… จะปกป้องฐานทัพนี้ให้กับเจ้า…”หูเมิ่งอิ๋งรีบเช็ดน้ำตา สายตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น!ในขณะนี้ ในหุบเขาชิงหลง หงเยี่ยและคนอื่น ๆ ก็ได้รับจดหมายนี้เช่นกัน!หลายคนอ่านจดหมายแล้วเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“เจ้าสารเลว! ฮ่องเต้ชั่วร้ายยอมให้หวังหยวนไปหาหวงเหยียนจริง ๆ! รวบรวมกองกำลังแล้วไปรับหวังหยวนกลับมา!”ในเวลานี้ หงเยี่ยออกคำสั่งทันที!แต่ในขณะนี้ จ้าวป๋อเซี่ยวรีบพูดว่า “นายท่านใหญ่ ทำอย่างนั้นไม่ได้!”“เหตุใดจะไม่ได้ล่ะ? เราจะปล่อยให้หวังหยวนไปยังสถานที่อันตรายเช่นนั้นได้จริงหรือ!”หงเยี่ยมีสีหน้า
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเซี่ยซานหู่และอู่จั้งโหว รู้สึกว่าหวังหยวนมีไหวพริบและมีพรสวรรค์ สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้แต่หงเยี่ยพูดว่า “ไม่รู้ รีบบอกมาสิ”ตอนนี้ความคิดของหงเยี่ยสับสนมาก ไม่สามารถฟังสิ่งใดได้เลยจ้าวป๋อเซี่ยวจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่านายท่านใหญ่กำลังกังวลในขณะนี้ เขาจึงพูดทันที “ที่ท่านเสนาธิการทหารตัดสินใจไป ก็เพราะได้วางแผนทุกอย่างไว้แล้ว และทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”“อีกทั้งท่านเสนาธิการทหารยังกล่าวอีกว่า ยังไม่ถึงเวลา ข้าคิดว่าเสนาธิการทหารอาจกำลังรอโอกาสนี้อยู่ เขาอยู่ห่างไกลในถิ่นหวงเหยียน เขาจึงสามารถสังเกตความสับสนวุ่นวายภายใน แล้วรอให้ผู้อื่นก่อกบฏก่อนได้”“ตราบใดที่ยังมีโอกาสนี้ ข้าคิดว่าเสนาธิการทหารจะกลับมาแน่นอน และสิ่งที่เราต้องทำคือเตรียมกองกำลังของเรา เฝ้ารอจนกว่าวันที่เสนาธิการทหารจะกลับมา!”หลังจากจ้าวป๋อเซี่ยวพูดจบ หัวใจของทุกคนก็สั่นเทา“เขาคิดเช่นนี้จริงหรือ?”หงเยี่ยพูดด้วยความประหลาดใจ“แน่นอนว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น นั่นคือ... ท่านเสนาธิการทหาร เห็นใจพวกเราด้วย…”ทุกคนไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของจ้าวป๋อเ
สิ่งแรกที่อู๋หลิงพูดเมื่อเขาเจอหวังหยวน ก็คือจะพาเขาออกไปเรื่องนี้ทำให้หวังหยวนรู้สึกซาบซึ้งมาก เขาเข้าใจว่าความรู้สึกส่วนตัวของอู๋หลิง ในใจเขา ความเคียดแค้นชิงชังนั้นไม่สำคัญเท่ากับความชอบธรรมของแผ่นดินจะเห็นได้ว่าอู๋หลิงใส่ใจเขาจริง ๆ ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่กล้าฝ่าฝืนราชโองการ ด้วยการคิดจะพาหวังหยวนกลับไป!“อู๋หลิง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนอู๋หลิงหายใจเข้าลึก ๆ “ในถิ่นหวงเหยียน อาจรอดจากปากเหยี่ยวปากกา แต่ท่านกับอากู่ฉามีความแค้นใจต่อกัน ความเกลียดชังที่ท่านฆ่าพ่อของเขานั้น ไม่อาจลบล้างได้ เขาย่อมจะฆ่าท่าน!”“ดังนั้น... ไม่อาจไปถิ่นหวงเหยียนได้!”เมื่ออู๋หลิงพูดเช่นนี้ เขาพูดด้วยเสียงดังทรงพลัง แต่หวังหยวนก็ถอนหายใจ แล้วพูดว่า “หากเจ้าดึงข้ากลับไป เจ้าจะขัดราชโองการ เจ้าไม่กลัวหรือ?”“ไม่กลัว! ข้าจะขอร้องฝ่าบาทให้ส่งคนอื่นไปเป็นทูตหวงเหยียนแทน!”อู๋หลิงพูดทันที ดูเหมือนจะไม่กลัวจริง ๆ“หากทำเช่นนั้นได้ เหตุใดข้าต้องไปล่ะ? ก่อนข้ามา ข้าได้รับจดหมายจากเสนาบดีฝ่ายซ้าย แม้แต่เขาก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอะไรได้บ้าง?”แม้ว่าประโยคนี้จะค่อนข้างโ
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดื่มสุรากับท่านสักสองจอกที่นี่ก็ถือว่าได้สหายเพิ่มอีกคน”“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ดูจากความร่ำรวยของท่านแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการเงินทอง ท่านคงเป็นผู้ช่วยที่ดี”ชายคนนั้นไม่เกรงใจ เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจหวังหยวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเนื่องจากไท่สื่อลี่ได้เตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของไท่สื่อลี่อย่างไรเสีย หวังหยวนก็ไม่อยากดื่มสุรากับคนทั้งเผ่า ประสบการณ์ครั้งก่อนยังคงแจ่มชัด เขาไม่อยากจะประสบพบเจออีก...อีกอย่าง ครั้งนี้ที่ต้องการจะดื่มสุราก็เพราะชายตรงหน้าคนนี้คนผู้นี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่มีความสามารถที่แท้จริง หวังหยวนเป็นคนชอบคนเก่ง หากสามารถทำให้คนผู้นี้มาทำงานให้ตนได้ ภายภาคหน้าย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเขา!“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปยังบ้านของไท่สื่อลี่ สายตาของหวังหยวนก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น“ท่านไม่ต้องสุภาพมากนักหรอก เรียกข้าว่าเฉินอวิ่นก็พอ”เฉินอวิ่นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนคนพเนจร ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เฉินอ
หวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับแต่งกายเรียบง่าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาใช้เงินเท่าที่จำเป็น คาดว่าเงินทองส่วนเกินคงจะมอบให้ผู้อื่นไปหมดแล้ว”“นี่อาจจะเป็นความหมายของคำว่าคุณธรรมก็เป็นได้”“แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ หากต้องการจะพิชิตใจคนผู้นี้ ดูท่าแล้วคงต้องใช้ความคิดมากกว่านี้”เกาเล่อพยักหน้าเห็นด้วย เป็นเช่นนั้นจริงๆครึ่งชั่วยามผ่านไป ชายคนนั้นกระโดดลงมาจากที่สูงเพียงไม่กี่ครั้งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกหวังหยวน ในมือของเขาถือเกสรดอกไม้ที่ส่องประกาย“นี่คือเกสรของดอกหน้าผาชันหรือ?”ดวงตาของหวังหยวนก็เป็นประกาย เขากำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ชายคนนั้นหดมือกลับ“สหาย ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง จ่ายเงินแล้วค่อยรับของ เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง”“หากข้าไม่เห็นเงิน ข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งนี้ให้ท่านได้”ชายคนนั้นมีท่าทีที่หนักแน่นหวังหยวนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทองนั้นมากมายยิ่งนัก แต่สำหรับข้าแล้วนั้นไม่นับว่ามากมาย เพียงแต่ว่าข้าไม่ได้พกทองติดตัวมามากมายเพียงนั้น หรือว่าท่านจะติดตามข้าไปยังเผ่
ดังเช่นที่ชายคนนั้นได้กล่าวไว้ บนหน้าผาสูงตระหง่านแห่งนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!แม้ว่าเกาเล่อจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศและฝึกฝนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อาจปีนป่ายหน้าผาได้!เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจะเสี่ยงอันตราย หากสามารถนำดอกหน้าผาชันกลับมาได้ย่อมเป็นเรื่องดีแต่หากไม่สำเร็จ คงต้องสูญเสียชีวิตไป...ในขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหวผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็เห็นชายคนนั้นมาถึงข้างกาย ใช้เถาวัลย์พันรอบเอวของเขา แล้วพาเขากลับลงสู่พื้นดินทุกอย่างราวกับความฝัน ทำให้เกาเล่อไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น!หลังจากที่ชายคนนั้นช่วยเหลือเกาเล่อแล้ว ก็ไม่ได้เสียเวลาพูดคุยกับพวกหวังหยวนอีก แต่กลับมุ่งหน้าไปยังหน้าผาอีกครั้ง!การเคลื่อนไหวนั้นช่างชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ!ทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนหน้าผารู้สึกราวกับกำลังชมการร่ายรำ เพียงแต่ว่าท่วงท่าอันงดงามนี้ หากเกิดความผิดพลาดเพียงครึ่งก้าวย่อมต้องแลกมาด้วยชีวิต!ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่งนัก!หวังหยวนและเกาเล่อสบตากัน เกาเล่อเอ่ยขึ้นว่า “ชาติที่แล้วเจ้านี่คงเกิดเป็นลิง ทักษะของเขาจะดีเยี่ยมปานนี้ได้อย่างไร? หรือว่าจะเป็นผู้มีวิชาที่เ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี
ในขณะที่หวังหยวนกับเกาเล่อกำลังพูดคุยกัน พลันได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น“เขาพูดถูก หากตกลงมาจากยอดเขานี้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน!”“ถึงตอนนั้น สภาพย่อมดูไม่จืด!”หวังหยวนกับเกาเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด รีบหันไปมองตามต้นเสียงเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกตว่าในความมืดมิดนั้นยังมีผู้อื่นซ่อนอยู่ด้วย!“พวกท่านไม่ต้องเครียด! ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน!”ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน อายุใกล้เคียงกับหวังหยวน ใบหน้าใต้แสงจันทร์ ของเขาเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”“เหตุใดจึงมาที่นี่ในยามนี้?”ภูเขาทางเหนือตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านไม่มีบ้านเรือนผู้คน แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!ไม่เช่นนั้น หวังหยวนคงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาหลายชั่วยาม!แต่ในสถานที่เช่นนี้กลับมีคนแปลกหน้าปรากฏตัว จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?ชายคนนั้นยิ้มพลางโบกมือเอ่ยว่า “ข้าก็เพียงแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ เห็นพวกท่านทั้งสองกำลังเตรียมปีนหน้าผา จึงคิดจะดูความสนุกสักหน่อย”“แต่ข
ในใจนางก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และที่พูดเช่นนี้กับไฉจวิ้นก็เพราะว่านางมองว่าไฉจวิ้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนางเองไม่ใช่หรือ?หากปฏิบัติต่อคนนอกย่อมไม่ใช่ท่าทีเช่นนี้หยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหรูเยียนอาจจะรู้สึกเหนื่อยจึงหลับไปอย่างรวดเร็วในคืนนั้น หลังจากที่หวังหยวนกินอาหารเสร็จก็ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบหลายชั่วยามต่อมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน หวังหยวนมายืนอยู่ตรงหน้าผาของภูเขาทางเหนือเมื่อมองออกไป อาจเป็นเพราะความมืดมิด จึงมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของหน้าผา ให้ความรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก!หวังหยวนกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม“พายุใหญ่คลื่นยักษ์แบบไหนที่ไม่เคยพบเจอ?”“สถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยประสบ?”“เพียงแค่หน้าผา คิดจะขวางทางข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันนัก!”ขณะที่พูด หวังหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังเขาหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ สายตาจับจ้องไปที่ผู้มาเยือน ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเกาเล่อ!ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหวัง
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ...”เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของหวังหยวน ไท่สื่อลี่ก็ไม่ได้กล่าวต่ออีก สุดท้ายก็จำต้องจากไปส่วนหวังหยวนนั่งลงศึกษาแผนที่อย่างละเอียดภายในห้องเมื่อไฉจวิ้นกลับมา หลิ่วหรูเยียนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาไฉจวิ้นอย่างรวดเร็ว พลิกดูห่อผ้าในมือเขาอย่างตื่นเต้น“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”“ซื้อของดี ๆ มาฝากข้ามากมายเพียงนี้เลยหรือ?”“ต่อไปต้องมอบเรื่องเช่นนี้ให้เจ้าจัดการแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนลูบศีรษะของไฉจวิ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มไฉจวิ้นรู้สึกอึดอัด นี่นางเห็นเขาเป็นเด็กน้อยชัด ๆ แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว อายุอานามก็ไม่น้อย กลับถูกปฏิบัติเหมือนเด็กงั้นหรือ?ช่างน่าเจ็บใจนัก!แต่พี่สะใภ้ผู้นี้ก็เป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกิน จึงทำได้เพียงอดทนหากเป็นผู้อื่นที่กล้าลูบศีรษะของเขา นี่ถือว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!“จริงสิ พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ไหน?”“เมื่อครู่เขาออกไปกับไท่สื่อลี่ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนกินขนมพลางเอ่ยถามไฉจวิ้นชี้ไปที่นอกประตู แล้วตอบว่า “พี่ใหญ่อยู่ในลานบ้านขอรับ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เขากำลั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่