ทหารร้อยนายนี้ล้วนเป็นทหารชั้นยอด ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรองขุนพลหลายคนติดตามไป ทำให้ซือฟางวางใจได้ทันทีที่ซือฟางและพรรคพวกออกจากเมืองไปแล้ว เจี๋ยงโฉ่วอีก็กลับไปที่จวน แล้วเรียกพ่อบ้านมาพบ“รีบเก็บข้าวของ พวกเราจะออกจากเมืองเดี๋ยวนี้! เร็วเข้า!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อบ้านถึงกับตกตะลึงไปครู่ใหญ่ แล้วรีบถามว่า “นายท่าน เหตุใดพวกเราจึงต้องจากไปตอนนี้ด้วยเล่าขอรับ? ตอนนี้ทุกอย่างราบรื่น ท่านมีอำนาจมาก ต่อไปท่านต้องได้ดีแน่นอนนะขอรับ!”ภรรยาของเจี๋ยงโฉ่วอีก็รีบมาหลังทราบข่าว นางมองเจี๋ยงโฉ่วอีด้วยความสงสัยนางรู้ว่าเจี๋ยงโฉ่วอีนั้นรอบคอบ คงไม่สั่งให้ทุกคนเก็บข้าวของและออกจากเมืองโดยไม่มีเหตุผล หรือว่า...เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว?“พวกเจ้าไม่ต้องถามมาก รีบเก็บข้าวของ ประเดี๋ยวพวกเราก็จะไปแล้ว! หากอยู่ต่อ ข้าเกรงว่าครอบครัวของเราจะไม่ปลอดภัย!”เจี๋ยงโฉ่วอีกล่าวอย่างหนักแน่น พ่อบ้านและภรรยาต่างมองหน้ากัน แม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่ก็พยักหน้ารับเจี๋ยงโฉ่วอีนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ มองทุกคนที่กำลังวุ่นวาย แน่นอนว่าในใจรู้สึกขมขื่นกว่าเขาจะมีทุกวันนี้ได้ล้วนเป็นเพราะความสามารถของเขา ใกล้จะได้สุขส
หวังหยวนนั่งอยู่บนขั้นบันไดหินหน้าประตู สายตามองไปยังระยะไกล แล้วกล่าวอย่างใจเย็นว่า “พวกเขาอยู่ที่ใดแล้ว?”เกาเล่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบตอบว่า “ซือฟางพาผู้ใต้บัญชาร้อยคนมุ่งหน้ามาที่นี่ พวกเขาขี่ม้าเร็วมาก หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จะมาถึงแล้วขอรับ”“พวกเราควรเตรียมตัวได้แล้ว”ตอนนี้ที่นี่เต็มไปด้วยกับดัก เพียงแต่คนทั่วไปมองไม่ออก!ในป่ายังคงเงียบสงบ!แต่หวังหยวนคิดจะฆ่าซือฟาง หากซือฟางมาถึงที่นี่วันนี้ก็คงหนีไม่รอด!“รีบไปแจ้งท่านขุนพลเฉินให้เขาทำตามแผน!”แผนการซ้อนแผนการ หวังหยวนได้เตรียมแผนการที่เชื่อมโยงกันไว้อย่างรอบคอบหมดแล้ว!ครั้งนี้ต้องกำจัดซือฟางให้ได้!“ขอรับ!”เกาเล่อรับคำ แล้วรีบส่งจดหมายแจ้งเฉินซานเตาด้วยนกพิราบส่งสารกองกำลังต่าง ๆ พร้อมแล้ว!เมื่อซือฟางและเหล่าทหารเข้าใกล้หวังหยวนมากขึ้น ซือฟางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี แม้แต่ม้าของเขาก็ยังไม่อยากเดินหน้าต่อ“ท่านขุนพลใหญ่! ข้างหน้าคงจะอันตรายเป็นแน่ขอรับ!”“ม้าวิญญาณเพลิงตัวนี้มีลางสังหรณ์สูงส่ง ตอนอยู่สนามรบ มันก็เคยเป็นเช่นนี้ขอรับ!”“มันสัมผัสได้ถึงอันตราย!”“ตอนนี้แม้แต่ม้าก็ยังไม่อยากเดิน
“พวกมันมาถึงชายป่าแล้วขอรับ”เกาเล่อกลับมายังข้างกายหวังหยวน บนใบหน้ามีรอยยิ้มเย้ยหยันกับดักพร้อมแล้ว แผนการทั้งหมดเริ่มดำเนินการ หากซือฟางและคนอื่น ๆ เดินผ่านป่าแห่งนี้ก็จะมาถึงวัดร้างและพบกับหวังหยวน!เพียงแต่ป่าแห่งนี้ไม่ใช่แค่กำแพงขวางกั้นธรรมดา ตอนนี้ที่นี่กลายเป็นกรงรอให้พวกเขาเดินเข้ามา!สุดท้ายพวกเขาก็จะกลายเป็นเต่าในไห!“ลงมือเลย”หวังหยวนโบกมือสั่งเกาเล่อไม่ใช่ว่าหวังหยวนชอบโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ครั้งนี้ที่ยกทัพมาอาณาจักรต้าเย่ เขาได้สูญเสียคนไปมากจึงไม่อยากให้มีการสูญเสียอีก การใช้ป่าเป็นกำแพงขวางกั้นสามารถใช้ประโยชน์จากสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อได้อย่างเต็มที่!และยังช่วยลดการสูญเสียของฝั่งพวกเขาด้วย!เกาเล่อพยักหน้า ชักดาบออกมาแล้วเดินเข้าไปในป่าหวังหยวนลุกขึ้น ในสถานการณ์เช่นนี้เขาต้องปรากฏตัว อย่างน้อยก็ต้องให้ซือฟางรู้ตัวว่าเหตุใดตนถึงต้องตาย“ข้าจะไปกับท่านด้วย”หลิ่วหรูเยียนที่เดินมาจากข้างหลังคว้าแขนหวังหยวนหวังหยวนชี้ไปยังซือเฉิงเวยที่ถูกมัดอยู่ในวัดร้าง ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอยู่ที่นี่กับคุณหนูไป๋เถิด คอยจับตาดูเขาไว้”“แต่ไม่ว่าเขาจะต
หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไป๋ลั่วหลีจึงโยนดาบทิ้งไปแต่นางรู้ดีว่าแม้ว่าตอนนี้จะไว้ชีวิตคนชั่วคนนี้ แต่เขาคงอยู่ได้อีกไม่นาน อย่างไรก็ต้องตาย!เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น!ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเทียบกับซือเฉิงเวยแล้ว นางอยากเห็นซือฟางตายต่อหน้าต่อตามากกว่า!ในเวลาเดียวกัน ที่บริเวณหนึ่งในป่าเมื่อซือฟางและพรรคพวกเข้าไปในป่าก็มีฝนธนูตกลงมา แม้ว่าทุกคนจะเป็นทหารชั้นยอด แต่ก็ไม่ทันตั้งตัว ทำให้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก!ในบรรดาทหารร้อยนายที่ซือฟางนำมา ตอนนี้หนึ่งในสามนอนตายจมกองเลือด!ทหารหลายคนลงจากหลังม้า เพื่อใช้ม้าของตนเป็นโล่กำบังฝนธนู!“บัดซบ! ที่นี่มีกับดักหรือ?”“ใครคิดลอบทำร้ายข้า!”“หรือว่าเจี๋ยงโฉ่วอีพูดถูก ทั้งหมดนี้เป็นแผนของหวังหยวน?”“แต่หวังหยวนอยู่ที่เหอเน่ย จะมาที่นี่ได้อย่างไร?”“ไม่สิ! ต้องมีบางอย่างผิดปกติ!”ซือฟางตะโกนลั่นพวกผู้ใต้บัญชารีบใช้โล่ปกป้องซือฟาง!“การที่พวกเราตั้งรับอยู่แบบนี้มีแต่จะตายเร็วขึ้น!”“พวกเราต้องหาทางออกจากป่าแห่งนี้ให้ได้!”“พวกเราขี่ม้าการต่อสู้ในป่าไม่สะดวก! ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังมีหมอกพิษด้วยทำให้มองไม่เห็นศัตรู! หากพวกเร
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ตัวแล้วว่าข้าซุ่มโจมตีเจ้า”“ต้องยอมรับว่าเจ้าฉลาดมาก แต่น่าเสียดายที่ใช้ความฉลาดไปในทางที่ผิด จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”หวังหยวนส่ายหน้ากล่าวหลิ่วหรูเยียน ไป๋ลั่วหลีและเกาเล่อต่างก็ยืนอยู่ข้างหวังหยวนสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อที่อยู่ในป่าก็ปรากฏตัวขึ้น ประกอบกับคนของหวังหยวนที่อยู่รอบวัดร้างอีกมากมายตอนนี้ซือฟางเหมือนเต่าในไห ถูกล้อมไว้ทุกทิศทุกทาง แม้ว่าม้าของเขาจะว่องไวเพียงใดก็หนีไม่พ้น!เพราะเขาเห็นว่าในมือของสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมีปืนคาบศิลาอยู่!ดูเหมือนว่าครั้งนี้หวังหยวนต้องการฆ่าเขาจริง ๆ!เมื่อครู่ตอนอยู่ในป่า ทุกคนไม่ได้ใช้ปืนคาบศิลา แต่ใช้ธนูโจมตีพวกเขาแต่ตอนนี้เล่า?พวกเขาเปลี่ยนมาใช้อาวุธที่ทันสมัยกว่า ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนคนของฝ่ายเขาเองก็ลดลง แล้วจะรอดได้อย่างไร?มาถึงขั้นนี้แล้ว ซือฟางรู้ดีว่าการขอความเมตตาไร้ประโยชน์ เขาจึงโยนทวนทิ้ง แล้วหัวเราะลั่น ยังคงมีท่าทีองอาจ!“ผู้ชนะเป็นราชาผู้แพ้เป็นโจร ข้าคาดการณ์ไว้แล้ว”“ในเมื่อวันนี้ข้าพ่ายแพ้ ข้าก็ยอมรับ! ไม่รู้สึกเสียใจเลย!”“เจ้าเองก็เป็นถึงขุนพลใหญ่ แม้ว่าจะเป็นถึงผู้นำ
ไป๋ลั่วหลีที่กำหมัดแน่นกัดฟันพูดออกมา ตอนนี้นางแทบอยากฉีกทึ้งซือฟางให้แหลกเป็นชิ้น ๆ!เหตุใดในโลกนี้จึงมีคนเนรคุณเช่นนี้?“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้ามีล้วนเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทมอบให้ทั้งนั้น หากปราศจากฝ่าบาท เจ้าจะมีวันนี้ได้อย่างไร?”“ฝ่าบาทเพิ่งจะสวรรคต! เจ้ากลับบีบบังคับองค์ชายใหญ่จนต้องหลบหนี ซ้ำยังเกือบจะปลงพระชนม์องค์ชายใหญ่!”“เจ้าทำเช่นนี้สมกับบุญคุณของฝ่าบาทหรือ?”ไป๋ลั่วหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมสูง นี่เป็นครั้งแรกที่หวังหยวนเห็นนางมีท่าทางเช่นนี้ ดูเหมือนว่าไป๋ลั่วหลีคงจะโกรธมากคิดดูแล้วก็ไม่แปลก เพราะไป๋ลั่วหลีสนิทสนมกับไป๋เหยียนเฟย ครั้งหนึ่งไป๋เหยียนเฟยยังแต่งตั้งนางเป็นบัณฑิตหญิงอันดับหนึ่งของอาณาจักรต้าเย่!บัดนี้อาณาจักรต้าเย่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไป๋ลั่วหลีจะไม่เสียใจได้อย่างไร?ซือฟางหัวเราะในลำคอ ผลักเกาเล่อออกไปแล้วเดินเข้าหาไป๋ลั่วหลี“ฝ่าบาทดีกับข้ามาก ทำให้ข้ามีวันนี้ได้ สิ่งที่เจ้าพูดล้วนเป็นความจริง!”“แต่บุญคุณคืออะไร?”“ครั้งก่อนตอนที่อาณาจักรต้าเป่ยบุกอาณาจักรเรา หากไม่ใช่ข้าช่วยเหลือ อาณาจักรต้าเย่จะอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้หรือ?”“แม้ว่าสุดท้ายการที่สองอา
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะสามารถยุยงคนของข้าได้!”ซือฟางคำรามกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาหวังหยวนส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าไม่มีความสามารถถึงเพียงนั้นหรอก และข้าก็ไม่คิดจะทำเช่นนั้นด้วยเพราะจะเสียเวลา เวลาของข้ามีค่ามากกว่าเวลาของเจ้า”“เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ซือฟางขมวดคิ้วถาม“ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมองค์ชายไป๋อวิ๋นเฟยไปแล้วกระมัง?”ซือฟางเข้าใจทันที เขาสูดหายใจกล่าวว่า “เจ้าหลอกล่อให้ข้าออกจากเมือง ไม่ใช่แค่เพราะต้องการฆ่าข้า แต่ยังต้องการแย่งอำนาจทหารของข้าไปด้วย!”“ไป๋อวิ๋นเฟยคงร่วมมือกับเจ้า ตอนนี้คงเข้าเมืองไปแล้วสินะ?”“หากข้าเดาไม่ผิด คนที่พาเขาไปคือเฉินซานเตาใช่หรือไม่?”หวังหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ปฏิเสธตอนนี้คนของซือฟางล้วนติดกับหมดแล้ว ไม่มีอันตรายใด ๆ จึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกมาถึงขั้นนี้ซือฟางก็เข้าใจแล้ว ที่แท้คนที่วางแผนทั้งหมดคือหวังหยวน!แผนการทั้งหมดช่างไร้ช่องโหว่ น่าทึ่งจริง ๆ!เมื่อเทียบกับหวังหยวนแล้ว เขาด้อยกว่ามาก!“แปะ แปะ แปะ!”แม้ว่าซือฟางจะรู้ว่าตนเองพ่ายแพ้แล้ว แต่ก็ยังหยิ่งผยอง ยอมยืนตายดีกว่าคุกเข่ามีชีวิตอยู่!เขาปรบมือ ก่อนจะพยั
จะปล่อยคนชั่วช้าเช่นนี้ไปได้อย่างไร?นี่เป็นความเลวร้ายที่ฝังลึกอยู่ในสันดาน แม้ว่าจะไม่มีซือฟางคอยปกป้อง ต่อไปเขาก็คงจะทำเรื่องเลวร้ายอีก!ยิ่งกว่านั้นคือยังมีคนที่ถูกซือเฉิงเวยฆ่าตายด้วย ต้องทวงคืนความยุติธรรมให้พวกเขา!“ท่านหวัง...”ซือฟางไม่สนใจท่าทีของสองสาว มองไปที่หวังหยวนด้วยแววตาเว้าวอนหวังหยวนส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าไม่ชอบการฆ่าล้างตระกูล จึงจะไม่ทำร้ายครอบครัวของเจ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะปล่อยซือเฉิงเวยไป เขาต้องตายเพราะการกระทำของเขา เจ้าควรรู้ใช่หรือไม่?”“ข้ารับรองว่านอกจากเจ้าและลูกชาย คนอื่นในตระกูลเจ้าจะรอด”นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่หวังหยวนทำได้แน่นอนเขาไม่ได้ล้อเล่น เขาไม่ชอบการฆ่าล้างตระกูลจริง ๆคนคนเดียวทำผิด จะลงโทษทั้งครอบครัวได้อย่างไร?เช่นนั้นพวกเขาจะต่างอะไรกับปีศาจ?ตอนนี้อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่เขา ทุกคนจึงไม่กล้าเอ่ยคำใดอีกยิ่งกว่านั้น พวกเขาแค่ต้องการให้ซือฟางและซือเฉิงเวยได้รับโทษ ส่วนคนอื่น ๆ ไม่สำคัญ“ขอบคุณ...”ซือฟางกล่าวด้วยความเจ็บปวดนี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วกระมัง?ขณะที่ซือฟางกำลังจะฆ่าตัวตาย หวังหยวนก็กล่าวว่า “จริ
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดื่มสุรากับท่านสักสองจอกที่นี่ก็ถือว่าได้สหายเพิ่มอีกคน”“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ดูจากความร่ำรวยของท่านแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการเงินทอง ท่านคงเป็นผู้ช่วยที่ดี”ชายคนนั้นไม่เกรงใจ เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจหวังหยวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเนื่องจากไท่สื่อลี่ได้เตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของไท่สื่อลี่อย่างไรเสีย หวังหยวนก็ไม่อยากดื่มสุรากับคนทั้งเผ่า ประสบการณ์ครั้งก่อนยังคงแจ่มชัด เขาไม่อยากจะประสบพบเจออีก...อีกอย่าง ครั้งนี้ที่ต้องการจะดื่มสุราก็เพราะชายตรงหน้าคนนี้คนผู้นี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่มีความสามารถที่แท้จริง หวังหยวนเป็นคนชอบคนเก่ง หากสามารถทำให้คนผู้นี้มาทำงานให้ตนได้ ภายภาคหน้าย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเขา!“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปยังบ้านของไท่สื่อลี่ สายตาของหวังหยวนก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น“ท่านไม่ต้องสุภาพมากนักหรอก เรียกข้าว่าเฉินอวิ่นก็พอ”เฉินอวิ่นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนคนพเนจร ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เฉินอ
หวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับแต่งกายเรียบง่าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาใช้เงินเท่าที่จำเป็น คาดว่าเงินทองส่วนเกินคงจะมอบให้ผู้อื่นไปหมดแล้ว”“นี่อาจจะเป็นความหมายของคำว่าคุณธรรมก็เป็นได้”“แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ หากต้องการจะพิชิตใจคนผู้นี้ ดูท่าแล้วคงต้องใช้ความคิดมากกว่านี้”เกาเล่อพยักหน้าเห็นด้วย เป็นเช่นนั้นจริงๆครึ่งชั่วยามผ่านไป ชายคนนั้นกระโดดลงมาจากที่สูงเพียงไม่กี่ครั้งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกหวังหยวน ในมือของเขาถือเกสรดอกไม้ที่ส่องประกาย“นี่คือเกสรของดอกหน้าผาชันหรือ?”ดวงตาของหวังหยวนก็เป็นประกาย เขากำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ชายคนนั้นหดมือกลับ“สหาย ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง จ่ายเงินแล้วค่อยรับของ เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง”“หากข้าไม่เห็นเงิน ข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งนี้ให้ท่านได้”ชายคนนั้นมีท่าทีที่หนักแน่นหวังหยวนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทองนั้นมากมายยิ่งนัก แต่สำหรับข้าแล้วนั้นไม่นับว่ามากมาย เพียงแต่ว่าข้าไม่ได้พกทองติดตัวมามากมายเพียงนั้น หรือว่าท่านจะติดตามข้าไปยังเผ่
ดังเช่นที่ชายคนนั้นได้กล่าวไว้ บนหน้าผาสูงตระหง่านแห่งนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!แม้ว่าเกาเล่อจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศและฝึกฝนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อาจปีนป่ายหน้าผาได้!เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจะเสี่ยงอันตราย หากสามารถนำดอกหน้าผาชันกลับมาได้ย่อมเป็นเรื่องดีแต่หากไม่สำเร็จ คงต้องสูญเสียชีวิตไป...ในขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหวผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็เห็นชายคนนั้นมาถึงข้างกาย ใช้เถาวัลย์พันรอบเอวของเขา แล้วพาเขากลับลงสู่พื้นดินทุกอย่างราวกับความฝัน ทำให้เกาเล่อไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น!หลังจากที่ชายคนนั้นช่วยเหลือเกาเล่อแล้ว ก็ไม่ได้เสียเวลาพูดคุยกับพวกหวังหยวนอีก แต่กลับมุ่งหน้าไปยังหน้าผาอีกครั้ง!การเคลื่อนไหวนั้นช่างชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ!ทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนหน้าผารู้สึกราวกับกำลังชมการร่ายรำ เพียงแต่ว่าท่วงท่าอันงดงามนี้ หากเกิดความผิดพลาดเพียงครึ่งก้าวย่อมต้องแลกมาด้วยชีวิต!ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่งนัก!หวังหยวนและเกาเล่อสบตากัน เกาเล่อเอ่ยขึ้นว่า “ชาติที่แล้วเจ้านี่คงเกิดเป็นลิง ทักษะของเขาจะดีเยี่ยมปานนี้ได้อย่างไร? หรือว่าจะเป็นผู้มีวิชาที่เ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี
ในขณะที่หวังหยวนกับเกาเล่อกำลังพูดคุยกัน พลันได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น“เขาพูดถูก หากตกลงมาจากยอดเขานี้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน!”“ถึงตอนนั้น สภาพย่อมดูไม่จืด!”หวังหยวนกับเกาเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด รีบหันไปมองตามต้นเสียงเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกตว่าในความมืดมิดนั้นยังมีผู้อื่นซ่อนอยู่ด้วย!“พวกท่านไม่ต้องเครียด! ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน!”ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน อายุใกล้เคียงกับหวังหยวน ใบหน้าใต้แสงจันทร์ ของเขาเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”“เหตุใดจึงมาที่นี่ในยามนี้?”ภูเขาทางเหนือตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านไม่มีบ้านเรือนผู้คน แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!ไม่เช่นนั้น หวังหยวนคงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาหลายชั่วยาม!แต่ในสถานที่เช่นนี้กลับมีคนแปลกหน้าปรากฏตัว จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?ชายคนนั้นยิ้มพลางโบกมือเอ่ยว่า “ข้าก็เพียงแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ เห็นพวกท่านทั้งสองกำลังเตรียมปีนหน้าผา จึงคิดจะดูความสนุกสักหน่อย”“แต่ข
ในใจนางก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และที่พูดเช่นนี้กับไฉจวิ้นก็เพราะว่านางมองว่าไฉจวิ้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนางเองไม่ใช่หรือ?หากปฏิบัติต่อคนนอกย่อมไม่ใช่ท่าทีเช่นนี้หยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหรูเยียนอาจจะรู้สึกเหนื่อยจึงหลับไปอย่างรวดเร็วในคืนนั้น หลังจากที่หวังหยวนกินอาหารเสร็จก็ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบหลายชั่วยามต่อมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน หวังหยวนมายืนอยู่ตรงหน้าผาของภูเขาทางเหนือเมื่อมองออกไป อาจเป็นเพราะความมืดมิด จึงมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของหน้าผา ให้ความรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก!หวังหยวนกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม“พายุใหญ่คลื่นยักษ์แบบไหนที่ไม่เคยพบเจอ?”“สถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยประสบ?”“เพียงแค่หน้าผา คิดจะขวางทางข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันนัก!”ขณะที่พูด หวังหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังเขาหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ สายตาจับจ้องไปที่ผู้มาเยือน ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเกาเล่อ!ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหวัง
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ...”เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของหวังหยวน ไท่สื่อลี่ก็ไม่ได้กล่าวต่ออีก สุดท้ายก็จำต้องจากไปส่วนหวังหยวนนั่งลงศึกษาแผนที่อย่างละเอียดภายในห้องเมื่อไฉจวิ้นกลับมา หลิ่วหรูเยียนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาไฉจวิ้นอย่างรวดเร็ว พลิกดูห่อผ้าในมือเขาอย่างตื่นเต้น“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”“ซื้อของดี ๆ มาฝากข้ามากมายเพียงนี้เลยหรือ?”“ต่อไปต้องมอบเรื่องเช่นนี้ให้เจ้าจัดการแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนลูบศีรษะของไฉจวิ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มไฉจวิ้นรู้สึกอึดอัด นี่นางเห็นเขาเป็นเด็กน้อยชัด ๆ แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว อายุอานามก็ไม่น้อย กลับถูกปฏิบัติเหมือนเด็กงั้นหรือ?ช่างน่าเจ็บใจนัก!แต่พี่สะใภ้ผู้นี้ก็เป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกิน จึงทำได้เพียงอดทนหากเป็นผู้อื่นที่กล้าลูบศีรษะของเขา นี่ถือว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!“จริงสิ พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ไหน?”“เมื่อครู่เขาออกไปกับไท่สื่อลี่ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนกินขนมพลางเอ่ยถามไฉจวิ้นชี้ไปที่นอกประตู แล้วตอบว่า “พี่ใหญ่อยู่ในลานบ้านขอรับ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เขากำลั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่