“นี่...”หานเทาลังเล ดวงตาฉายแววเย็นชาเขาจะไม่อยากกำจัดหวังหยวนได้อย่างไร?“ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีไม่ใช่คนโง่ หากข้าไปหาพวกเขา พวกเขาก็คงไม่ร่วมมือกับข้า!”“หวังหยวนไม่กล้าใช้กำลังทหารกับต้าเย่ เพราะหากเขาทำเช่นนั้น พวกเราย่อมฉวยโอกาสโจมตีได้ง่ายดาย ต่อให้เขาจะยังคงอยู่ในต้าเย่ในตอนนี้ อย่างมากก็เป็นเพียงการเข้าร่วมในความวุ่นวายภายในของราชวงศ์เท่านั้นเอง”“แต่ซือฟางมีอำนาจ หวังหยวนมาคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้!”“เอาอย่างนี้!”ทันใดนั้น หานเทาก็ชี้ไปที่คนผู้หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เจ้าพาผู้ใต้บัญชาแอบเข้าไปในต้าเย่ ไม่ต้องติดต่อกับคนของซือฟาง แค่แอบดูสถานการณ์!”“หากมีโอกาส ก็ยุยงให้พวกมันทะเลาะกัน!”“ยิ่งหวังหยวนกับซือฟางขัดแย้งกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีกับพวกเรา!”คนผู้นั้นรีบพยักหน้า “ได้เลยขอรับ!”...อีกด้านหนึ่ง ในเมืองหลวงของต้าเย่ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีอยู่ในวังหลวง ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยซือฟางมองไปที่ห้องบรรทม แล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน? ยังบรรทมอยู่หรือ?”“ใช่”เจี๋ยงโฉ่วอีส่ายหน้ากล่าวว่า “จักรพรรดินีองค์ก่อนช่างเก่งกาจ ทำให้ต้าเย่พัฒนาจากที่เคยอ่อนแอจนกลายเป็นแข็ง
ซือฟางถามขึ้นเปลี่ยนเรื่องทันทีเขาคิดว่าควรจะรีบตามล่าหวังหยวนและพวก แล้วฆ่าไป๋อวิ๋นเฟยและหวังหยวนให้สิ้นจึงจะหมดห่วง!ต้าเย่ก็จะตกเป็นของพวกเขา!ต่อไปแม้ไป๋หมิงจะโตขึ้นและอยากจะทวงคืนอำนาจก็คงไม่มีโอกาส!“ข้าคิดว่าพวกเราควรจะอยู่เฉย ๆ...”เจี๋ยงโฉ่วอีกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สายลับรายงานว่าหวังหยวนไปเมืองเหอเน่ยเพื่อร่วมมือกับเฉินซานเตา!”“ก่อนหน้านี้พวกเราเคยไปหาเฉินซานเตา แต่เขาบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมมอบตราประทับทหารให้!”“ดูเหมือนว่าเขาคิดจะช่วยไป๋อวิ๋นเฟยทวงคืนอำนาจ!”ซือฟางแค่นเสียงกล่าวว่า “แล้วจะอย่างไร? เฉินซานเตามีทหารแค่หนึ่งแสนนาย จะสู้พวกเราได้อย่างไร”“ในเมื่อเขาอยากเล่น พวกเราก็เล่นกับเขาไปเลย!”“ก่อนที่เขาจะยกทัพ พวกเราก็ชิงลงมือก่อนเพื่อทำลายแผนการของเขา ดีหรือไม่?”ใบหน้าของซือฟางเต็มไปด้วยจิตสังหาร อยากจะสู้กับหวังหยวนตัวต่อตัว!นั่นเพราะเขามองหวังหยวนเป็นเสี้ยนหนาม หากกำจัดหวังหยวนได้ก็จะหมดห่วง!“ไม่ได้!”“ตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์ แม้กองทัพของเฉินซานเตาจะอยู่ไม่ไกล แต่ข้าให้คนไปสืบแล้ว หากเฉินซานเตามีความเคลื่อนไหว พวกเราก็จะลงมือทันที!”“ชิงลงมือก่อน!”
“ไอ้สารเลวคนไหนทำเช่นนี้?”“ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก!”เฉินซานเตารีบวิ่งเข้ามาดูศพเสี่ยวเต๋อจื่อ แล้วตะโกนออกมาด้วยความโกรธ!ฆ่าคน แค่ตัดหัวก็พอ เหตุใดจึงต้องทรมานเช่นนี้ คนลงมือช่างไร้มนุษยธรรมเหลือเกิน!ไป๋อวิ๋นเฟยสีหน้าเคร่งเครียด พลางกัดฟันกล่าว “ต้องเป็นไอ้สารเลวซือฟาง...”“ตอนนั้นข้ายังเข้าใจเสี่ยวเต๋อจื่อผิด คิดว่าเขาทรยศ ทำให้คนในร้านอาหารชิงเหอต้องตาย”“เห็นสภาพของเสี่ยวเต๋อจื่อ ข้าจึงรู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดมาก จึงยอมบอกเรื่องร้านอาหารชิงเหอ คงจะภาวนาให้ตัวเองตายอย่างรวดเร็วเพื่อหนีพ้นจากความทุกข์ทรมาน”ไป๋อวิ๋นเฟยรู้สึกเจ็บปวด ที่เสี่ยวเต๋อจื่อเป็นเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะเขา!ซือฟางช่างโหดเหี้ยมอำมหิต ทรมานคนอื่นเช่นนี้ ช่างน่าสะเทือนใจยิ่ง!“หากไม่แก้แค้น ข้าก็ไม่ใช่คน!”“ซือฟาง! เจ้ารอก่อนเถิด! ข้าจะแก้แค้นให้ได้!”“ข้าจะทำให้เจ้าได้รับผลกรรมที่ทำเอาไว้!”ทุกคนเงียบ ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของไป๋อวิ๋นเฟย...ในวังหลวง ไม่มีใครกล้าเข้าข้างเขา ไม่มีใครกล้าบอกข่าวเขาเลย เสี่ยวเต๋อจื่อเป็นคนแรกและคนเดียว สำหรับไป๋อวิ๋นเฟยจึงมีความหมายมาก!เขายังคิดจะตอบแทนบุญคุณเสี่ยวเต๋อจื่อ
หวังหยวนกล่าวอย่างใจเย็น “อย่าลืมว่าถึงแม้ซือฟางจะเป็นคนบ้าบิ่นและโหดเหี้ยม อยากจะฆ่าพวกเราให้หมด แต่ข้างกายมันมีเจี๋ยงโฉ่วอีอยู่”“ท่านเจี๋ยง!”เฉินซานเตาตบหน้าผาก ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าลืมคนเจ้าเล่ห์คนนี้ไปได้อย่างไร!”“ท่านเจี๋ยง เป็นปราชญ์คนสำคัญของจักรพรรดินี เคยช่วยเหลือพระองค์ไว้มาก! หากไม่มีท่านเจี๋ยง พวกเราคงไม่สามารถ ทำให้ดินแดนทั้งเก้าสงบสุขได้...”“คนผู้นี้เก็บงำความรู้สึกและรู้จักรอคอยจังหวะ หากไม่มั่นใจจะไม่ลงมือ!”“หากได้ลงมือก็จะจัดการศัตรูให้สิ้นซากได้อย่างแน่นอน!”“ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นจริง...”ก่อนหน้านี้เฉินซานเตาสนใจแต่ซือฟาง เพราะซือฟางคุมกำลังพล ย่อมเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขาส่วนเจี๋ยงโฉ่วอีทำงานในราชสำนัก คอยจัดการเรื่องต่างๆ!ด้วยเหตุนี้ เจี๋ยงโฉ่วอีจึงไม่ค่อยเป็นที่สนใจ แต่นี่คือความฉลาดของเขา หากวันใดซือฟางพ่ายแพ้ เขาก็ยังมีโอกาส!อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกประชาชนประณาม!ความผิดทั้งหมดจะตกเป็นของซือฟาง!“ข้าเคยได้ยินเรื่องราวของเจี๋ยงโฉ่วอี”“ดังนั้นการที่เขาอยู่ข้างซือฟาง ย่อมจะช่วยเหลือซือฟาง”“การลงมือกับพวกเราตอนนี้จะทำให้ต้าเย่อ่อนแอ เขารู้ดี
“จริงสิ ช่วงนี้เฉิงเวยทำอะไร? เหตุใดข้าจึงไม่ค่อยเจอเลย?”ซือฟางไม่ได้สนใจเรื่องของไป๋อวิ๋นเฟยอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเรื่องถามถึงลูกชายแทนมีคำกล่าวว่าพ่อเป็นเสือลูกไม่เป็นหมา แต่กับเขาไม่เป็นเช่นนั้น เขามีความสามารถทั้งทางด้านพลเรือนและการทหาร แม้แต่ตอนที่จักรพรรดินียังอยู่ เขาก็เป็นขุนพลใหญ่มีชื่อเสียง แต่ลูกชายของเขากลับไม่ได้เรื่อง...หลายปีผ่านไปก็ยังไม่ยอมโต ตอนนี้อายุปาเข้าไปสามสิบแล้ว แต่กลับเอาแต่เที่ยวเล่นกับผู้หญิง!หากไม่ใช่ลูกชายสืบสายเลือดและเป็นลูกชายคนเดียว ซือฟางคงจะตัดหางปล่อยวัดไปนานแล้ว!“คุณชายใหญ่...”คนผู้นั้นลังเล แล้วกระแอมออกมา ไม่พูดต่อราวกับกลัวอะไรบางอย่างซือฟางขมวดคิ้วกล่าวว่า“ต่อหน้าข้ายังจะอ้ำอึ้งอีก? หรือคิดจะปิดบังเรื่องเจ้าเด็กบ้านั่น?”“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเขาทำอะไร มีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ ถึงแม้ข้าจะมีอำนาจ แต่เขาก็ห้ามทำตัวเหลวไหลเด็ดขาด!”“ไม่เช่นนั้นไม่เพียงแต่เขาจะเดือดร้อน ข้าก็จะมีปัญหาไปด้วย!”คนผู้นั้นรีบพยักหน้าหลังจากที่ถูกซือฟางดุ ผู้ใต้บัญชาผู้นั้นจึงรีบเช็ดเหงื่อแล้วออกจากห้องทันที!ว่ากันว่า แม
เมื่อบ่าวคนเดิมที่เพิ่งรายงานสถานการณ์ให้ซือฟางมาถึงหอจื่อเยวี่ย ก็มาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าซือเฉิงเวยทางด้านซือเฉิงเวยมีหญิงงามสองคนนั่งซ้ายขวา หญิงคนหนึ่งกำลังป้อนองุ่นให้เขา ช่างเป็นภาพที่ยั่วยวน!ภายในห้องมีกลิ่นสุราคลุ้ง ทำให้บ่าวคนนั้นแทบจะลืมตาไม่ขึ้น บนพื้นเต็มไปด้วยไหสุรา ดูเหมือนว่าซือเฉิงเวยอยู่ที่นี่มาหนึ่งสัปดาห์แล้ว คงจะดื่มสุราหาความสำราญทุกวันกระมัง?บ่าวยังพูดไม่จบ ซือเฉิงเวยก็ลุกขึ้นเดินมาหาบ่าว พลางกล่าวอย่างใจเย็น “เจ้าเอาเรื่องของข้าไปบอกหมดแล้วหรือ?”“ไม่เลยขอรับ!”“ข้าจะทรยศคุณชายใหญ่ได้อย่างไร! ตอนนั้นข้าแค่บอกว่าไม่รู้เรื่อง แต่ท่านขุนพลใหญ่ก็ยังสงสัย หากท่านยังไม่กลับบ้าน ข้าเกรงว่าท่านขุนพลใหญ่จะออกมาตามหาท่านขอรับ!”“ผู้ใต้บัญชาของท่านขุนพลใหญ่ล้วนเป็นยอดฝีมือ อีกอย่างเมืองหลวงยังอยู่ในกำมือท่านขุนพลใหญ่ แค่ใช้เล่ห์เหลี่ยมก็สามารถหาท่านพบ ถึงตอนนั้นท่านคงจะเดือดร้อนนะขอรับ!”“ข้ามาที่นี่เพื่อเตือนท่าน ป้องกันไม่ให้ท่านขุนพลใหญ่มาหาแล้วทำให้ท่านเดือดร้อนขอรับ!”บ่าวคนนี้ฉลาดมาก รู้จักชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย เขายอมทำให้ซือฟางขุ่นเคือง แต่จะไม่ทำให้ซือเฉ
หลังจากร่วมอภิรมย์กับหญิงงามสองคนแล้ว ซือเฉิงเวยก็ออกจากหอจื่อเยวี่ยด้วยความอาลัยซือเฉิงเวยให้องครักษ์กลับไปก่อน ทางด้านตนเองนั้นก็เดินโซเซกลับจวนขุนพลใหญ่ยามค่ำคืน ผู้คนบนท้องถนนบางตา แต่เมื่อคนผ่านไปมาเห็นซือเฉิงเวยก็ต่างหลีกทาง ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะซือเฉิงเวยมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในเมืองหลวง คนส่วนใหญ่ย่อมรู้จักเขา!แต่ไม่ใช่ชื่อเสียงในทางที่ดีปกติเขาชอบแย่งชิงผู้หญิง แถมยังรังแกชาวบ้านไปทั่วด้วย ซือฟางก็ไม่เคยลงโทษ นานวันเข้าผู้คนจึงหลีกเลี่ยง แต่ในใจก็เอือมระอาเพียงแต่ไม่กล้าแสดงออก!“ข้าเป็นหมาป่าหรืออย่างไร? เห็นข้าแล้วเหตุใดต้องหนี!”ซือเฉิงเวยมองคนเดินถนนพลางบ่นพึมพำเขาพยุงกำแพงเดินโซเซเข้าไปในซอย “พวกต่ำช้า! รอให้บิดาข้าเป็นฮ่องเต้ก่อนเถิด ข้าก็จะได้เป็นไท่จื่อ! ถึงตอนนั้นข้าจะสั่งสอนพวกเจ้า!”ขณะที่ซือเฉิงเวยกำลังจะเดินออกจากซอยก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าซือเฉิงเวยดื่มสุรามากเกินไปจึงตาพร่ามัว อีกทั้งยามค่ำคืนจึงเห็นแค่เงา แต่ที่นี่คือเมืองหลวงที่เป็นเขตของเขา ต่อให้มีคนมากมายมาดักรอเขาก็ไม่กลัว!ซือเฉิงเวยเดินต่อไปราวกับไม่เห็นคนพวกนั้น เมื่อเห็นว่าพวกเขายังค
...รุ่งเช้าวันต่อมา เมื่อฟ้าสางที่จวนขุนพลก็มีเสียงคำรามด้วยความโกรธของซือฟางดังขึ้นตอนนี้ซือฟางยืนอยู่ที่หน้าห้องของซือเฉิงเวย บนประตูมีรอยเท้าประทับอยู่ เขาตะโกนด้วยความโกรธว่า “เจ้าเด็กเหลือขอซือเฉิงเวยยังไม่กลับมาอีกหรือ? เมื่อวานข้าให้คนไปตามแล้วไม่ใช่หรือ? หรือว่าเขาไม่สนใจคำสั่งข้า?”“เจ้าลูกทรพีคนนี้ยิ่งดื้อรั้นมากขึ้นทุกที ข้ามีชื่อเสียงมาตลอด เหตุใดจึงมีลูกชายเช่นนี้?”บ่าวไพร่ต่างพากันคุกเข่า ไม่กล้าพูด พวกเขาจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!ปกติแล้วคนรับใช้ในจวนขุนพลล้วนระมัดระวังตัว ทำงานด้วยความรอบคอบ ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวพลาดเพียงก้าวเดียว มิฉะนั้นอาจนำภัยมาสู่ตน!ส่วนในคนที่รับใช้ซือเฉิงเวยก็ยิ่งหวาดกลัวมากกว่า ต่างพากันหวาดผวาเพราะกลัวว่าหากทำให้ซือเฉิงเวยไม่พอใจแล้วจะถูกฆ่าตาย!พวกเขาจะกล้ายุ่งเรื่องของซือเฉิงเวยได้อย่างไร?“พวกเจ้าเป็นใบ้กันหมดหรืออย่างไร?”ซือฟางชี้นิ้วไปที่ทุกคน แล้วตะโกนต่อ “เหตุใดยังยืนเฉยกันอยู่? รีบไปตามซือเฉิงเวยกลับมาเดี๋ยวนี้!”ทุกคนรีบวิ่งออกประตูไปพ่อบ้านรีบเข้ามาพยุงซือฟางไปนั่งบนเก้าอี้ รินชาใส่แก้วให้ แล้วกล่าวว่า ”ท่านขุนพลใจเย็นก
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห