ในเมื่อสวรรค์มอบเส้นทางใหม่ให้ เขาย่อมต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าเพื่อตอบแทนบุญคุณของสวรรค์!“เช่นนั้นเอง...”“พี่ใหญ่ก็เป็นแค่คนธรรมดาเช่นกัน”ไฉจวิ้นหัวเราะ แล้วรีบเดินตามหวังหยวนไป ทุกคนมุ่งหน้าออกจากเมืองหลวงในวัดร้างแห่งหนึ่ง ห่างจากเมืองหลวงไปห้าสิบลี้หลังจากหวังหยวนและพรรคพวกหนีออกมาได้ เขาก็ส่งจดหมายถึงเกาเล่อให้นัดพบกันที่นี่เมืองหลวงของต้าเย่กลายเป็นสถานที่อันตราย ตอนนี้การรีบออกจากที่นี่คือทางออกที่ดีที่สุดภายในวัดร้าง ทุกคนต่างมารวมตัวกันสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้อกระจายกำลังกันไป บางส่วนอยู่ในเมืองหลวง บางส่วนอยู่รอบกายหวังหยวน แต่ซ่อนตัวอยู่ คอยสอดส่องสถานการณ์!เพื่อป้องกันการโจมตีกะทันหันของซือฟางตอนนี้พวกหวังหยวนไม่มีอะไรที่จะคุกคามซือฟางได้ อีกอย่างคือพวกเขายังพาไป๋อวิ๋นเฟยมาด้วย นั่นเป็นเหมือนระเบิดเวลาการดำรงอยู่ของไป๋อวิ๋นเฟยทำให้ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีรู้สึกหวาดระแวงดังนั้นช่วงนี้คงจะไม่สงบสุขเสียแล้ว...“ท่านผู้นำ ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ?”“จะกลับไปเมืองหลิงหรือจะอยู่ที่นี่เพื่อต่อกรกับซือฟางต่อ?”เกาเล่อเอ่ยถามไป๋อวิ๋นเฟยและไป๋ลั่วห
สีหน้าท่าทางของเกาเล่อ หลิ่วหรูเยียนและไฉจวิ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักแต่ที่พวกเขายังอยู่ที่นี่ก็เพราะหวังหยวนไม่เช่นนั้นพวกเขาจะสนใจรางวัลพวกนี้หรือ?หวังหยวนเข้าไปพยุงไป๋อวิ๋นเฟย ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “วางใจเถิด ในเมื่อข้ารับปากจะช่วยท่านแล้ว ข้าจะไม่ล้มเลิกกลางคัน อีกอย่าง ข้าสนิทกับเสด็จแม่ของท่าน ข้าจะปล่อยให้แผ่นดินของราชวงศ์ไป๋ตกอยู่ในมือคนอื่นได้อย่างไร...”“พวกเราไม่ต้องกังวล แต่ตอนนี้ท่านต้องคิดให้ดี...”“สถานการณ์ขอท่านเริ่มอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ”หืม?ไป๋อวิ๋นเฟยเลิกคิ้วมองหวังหยวนด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าจะสื่ออะไร“ตอนที่ท่านอยู่ในวังหลวง แม้จะถูกกักบริเวณ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าฆ่าท่าน เพราะเกรงว่าจะเสียชื่อเสียง”“แต่ตอนนี้ท่านออกมาพร้อมข้า จึงเป็นโอกาสของพวกเขา”“หากพวกเขาฆ่าท่าน แล้วโยนความผิดให้ข้า นอกจากจะกำจัดท่านได้แล้ว ยังทำให้คนในต้าเย่เกลียดข้าด้วย ถือว่าได้ประโยชน์สองต่อ!”หวังหยวนรู้ทันซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีสองคนนั้นเจ้าเล่ห์ คงไม่ปล่อยไป๋อวิ๋นเฟยไปง่าย ๆไม่เช่นนั้น ต่อไปไป๋อวิ๋นเฟยจะเป็นภัยต่อพวกเขา!“ท่านหวังยังไม่กลัว ข้าจะกลัวได้อย่างไร?”
ไป๋ลั่วหลีถอนหายใจยาวนางต้องการช่วยเหลือไป๋อวิ๋นเฟยออกจากทะเลแห่งความทุกข์ยาก จะมีเวลาดูแลคนอื่นได้อย่างไร?“แล้วจะทำอย่างไรดี!”ไป๋อวิ๋นเฟยร้อนใจเหมือนมดบนกระทะร้อน“เจ้าไม่ต้องกังวล ตอนนั้นเสี่ยวเต๋อจื่อออกจากวังได้อย่างไร?”หวังหยวนถามไป๋อวิ๋นเฟยไม่กล้าปิดบัง รีบเล่าเรื่องทั้งหมดให้หวังหยวนฟัง“เช่นนั้นเอง...”“หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะแจ้งคนของร้านอาหารชิงเหอ เมื่อเสี่ยวเต๋อจื่อมา ข้าจะให้คนพาเขาออกจากเมืองเพื่อความปลอดภัยของเขา”หวังหยวนโบกมือเรียกเกาเล่อ แล้วสั่งการทันทีร้านอาหารชิงเหอคือฐานที่มั่นสุดท้ายในเมืองหลวง และเป็นสถานที่รวบรวมข่าวสารคนที่นี่ล้วนเชื่อถือได้ หวังหยวนจึงบอกทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง“ได้!”เกาเล่อรับคำ แล้วเดินออกไป“ขอบพระคุณท่านหวัง!”“ครั้งนี้ท่านช่วยข้าไว้มาก!”“ความหวังดีของเสี่ยวเต๋อจื่อ ข้าจะจดจำไว้ตลอดไป วันหน้าจะตอบแทนเขาอย่างดี!”“แต่พวกท่านก็มีน้ำใจกับข้า ข้าจะไม่ลืมบุญคุณนี้!”ไป๋อวิ๋นเฟยกล่าวขอบคุณอีกครั้งหวังหยวนยกยิ้มพลางโบกมือ แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ เราไม่ต้องสุภาพกันมากเกินไปแล้ว”“พวกเราจะไปเมืองเหอเน่ย เฉินซานเตา ขุนพลแห่งเหอ
“ใต้เท้า! ต้องมีเรื่องเข้าใจผิด! ท่านต้องตรวจสอบให้ดี!”เสี่ยวเต๋อจื่อร้องไห้ พยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายแก้ต่างให้ตัวเอง!เขารู้ดีว่าหากยอมรับ ชีวิตเขาคงไม่รอด จึงต้องถ่วงเวลารอให้ไป๋อวิ๋นเฟยมาช่วย!เขามีบุญคุณกับไป๋อวิ๋นเฟย ตอนนี้ไป๋อวิ๋นเฟยออกจากวังไปแล้ว และร่วมมือกับหวังหยวนจึงเหมือนปลาได้น้ำ!ตอนนี้มีแต่ไป๋อวิ๋นเฟยเท่านั้นที่ช่วยเขาได้!ในใจเขามีเพียงความคิดเดียว คือกัดฟัน ไม่ยอมปริปากพูด!ซือฟางหัวเราะเยาะ รับแส้จากทหาร แล้วฟาดลงบนตัวเสี่ยวเต๋อจื่อ!เสียงร้องโหยหวนของเสี่ยวเต๋อจื่อดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่างน่าเวทนายิ่งนัก!แต่คนรอบข้างกลับมีรอยยิ้มเย็นชา มองดูด้วยความสนุกสนาน ไม่มีใครสงสารเสี่ยวเต๋อจื่อเลยแม้แต่น้อยกล้าขัดขืนซือฟางย่อมมีจุดจบเช่นนี้!เสี่ยวเต๋อจื่อถูกใช้เป็นตัวอย่าง!“ท่านขุนพลใหญ่! ข้าเป็นแค่คนไร้ค่า ต่อให้ท่านฆ่าข้า ข้าก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”“ในเมื่อท่านเชื่อว่าข้าเกี่ยวข้องก็ฆ่าข้าให้ตายเสียเถิด!”ร่างกายเสี่ยวเต๋อจื่อทนการถูกโบยไม่ไหวแล้ว!ตอนนี้ขอแค่ตายอย่างรวดเร็วเพื่อหลุดพ้น...“หึ”ซือฟางหัวเราะเยาะ เดินไปหาเสี่ยวเต๋อจื่อ แล้วกระชากผ
หวังหยวนนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่เขารักผู้ใต้บัญชาทุกคน รวมถึงคนขององค์กรเครือข่ายผีเสื้อ แต่น่าเสียดาย...พวกเขาต้องตายเพราะเขา!“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า!”“ไม่นึกเลยว่าเสี่ยวเต๋อจื่อจะทรยศข้า...”ไป๋อวิ๋นเฟยเดินเข้ามา อยากจะตบหน้าตัวเอง เพราะปัญหาเกิดจากเสี่ยวเต๋อจื่อ!“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเสี่ยวเต๋อจื่อ”“ข้าสืบมาแล้ว เสี่ยวเต๋อจื่อถูกจับไปหนึ่งวัน คงถูกทรมานหนักมากจึงยอมบอกเรื่องร้านอาหารชิงเหอ...”เกาเล่ออธิบายไป๋อวิ๋นเฟยจึงเข้าใจ หากเสี่ยวเต๋อจื่อคิดทรยศจะส่งจดหมายให้เขาตั้งแต่แรกได้อย่างไร?อีกอย่างคือเรื่องนี้เพิ่งจะมาเกิดขึ้นช่างไม่สมเหตุสมผล“ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจเสี่ยวเต๋อจื่อผิด...”“แต่ข้าก็ทำให้เขาเดือดร้อน ไม่เช่นนั้นเสี่ยวเต๋อจื่อคงไม่เป็นเช่นนี้”“เขาคงตายไปแล้ว”ไป๋อวิ๋นเฟยถอนหายใจทุกอย่างเกิดจากเขา ผู้ใต้บัญชาของหวังหยวนถูกซือฟางจับ เสี่ยวเต๋อจื่อก็ตาย ล้วนเกี่ยวข้องกับเขาทั้งสิ้นหากต้าเย่ไม่วุ่นวาย เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?ตอนนี้ยากที่จะแก้ไข“ยังไม่รู้ว่าเสี่ยวเต๋อจื่อเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ข้าได้ข่าวว่าเขายังอยู่ในคุก...”เกาเล่อกล
“อืม เจ้าก็ดูแลตัวเองด้วย!”กล่าวจบ หวังหยวนก็พาผู้ใต้บัญชามุ่งหน้าไปยังเมืองเหอเน่ยเมื่อหวังหยวนและพวกเข้าเมือง เฉินซานเตาก็ออกมาต้อนรับ เขารู้ล่วงหน้าว่าหวังหยวนจะมา จึงมารออยู่ก่อนแล้ว“ท่านคงจะเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงกระมัง?”บุรุษร่างกำยำเดินเข้ามาหาหวังหยวน เขามีองครักษ์ติดตามมา มองจากขมับที่นูนสูงก็รู้ว่าพวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือ!“ท่านคือขุนพลเฉินหรือ?”หวังหยวนมองสำรวจ ปรากฏว่าต่างจากที่เขาจินตนาการไว้เขาคิดว่าเฉินซานเตาคงเป็นคนหยาบกระด้าง นั่นเพราะชื่อของเขาฟังดูเหี้ยมโหดน่ากลัว!แต่เมื่อได้พบ หวังหยวนก็เปลี่ยนความคิด แม้เฉินซานเตาจะมีชื่อดุดัน แต่กลับดูสุภาพและสง่างามมากถึงแม้จะมีร่างกายกำยำ แต่หากไม่สวมชุดเกราะก็ดูเหมือนบัณฑิต“ใช่แล้ว!”“ข้าคือเฉินซานเตา!”เฉินซานเตาตบหน้าอกด้วยรอบยิ้ม แล้วกล่าวว่า “การที่ท่านหวังมาเยือน ถือเป็นเกียรติของเมืองเหอเน่ยของพวกเรายิ่งนัก! แม้ข้าจะเพิ่งพบกับท่าน แต่ก็ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานาน!”“วันนี้ได้พบตัวจริง ท่านเป็นดั่งหงส์เหินมังกรทะยานสมคำร่ำลือ!”หวังหยวนโบกมือพลางยกยิ้ม “ท่านขุนพลเฉิน ท่านชมกันเกินไปแล้ว”“เชิญก่อ
เฉินซานเตากล่าวด้วยรอยยิ้มจากนั้นเขาก็มองไปที่หวังหยวนพลางกล่าวต่อ “องค์ชาย พระองค์ช่างมีวาสนา สามารถดึงท่านหวังมาช่วยได้ มีกองหนุนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ การโค่นล้มซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีคงไม่ใช่เรื่องยากแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ไป๋อวิ๋นเฟยไม่ได้เอ่ยคำใด การทวงคืนอำนาจไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะซือฟางควบคุมกองทัพส่วนใหญ่ เว้นแต่หวังหยวนจะยกทัพมาช่วยจึงจะมีโอกาสแต่หากเป็นเช่นนั้น ทั้งเมืองหลิงและต้าเย่ก็จะบอบช้ำ!ในดินแดนทั้งเก้ายังมีอีกสองแคว้นที่จ้องจะโจมตี อีกทั้งยังมีชนเผ่าเล็ก ๆ รอบ ๆ ที่คอยหาโอกาสรุกรานดินแดนทั้งเก้า!สถานการณ์ไม่สู้ดี!“ค่อย ๆ คิดไปทีละก้าว ข้าเชื่อว่าท่านหวังจะช่วยพลิกสถานการณ์ได้”ไป๋อวิ๋นเฟยฝากความหวังไว้ที่หวังหยวน ด้วยตัวเขาเองคนเดียวจะทำอะไรมากได้อย่างไร?การจะพลิกสถานการณ์นั้นขึ้นอยู่กับหวังหยวน จึงต้องดูความสามารถของหวังหยวนไม่นานพวกเขาก็มาถึงจวนเจ้าเมืองอาหารและสุราถูกจัดเตรียมไว้ นางกำนัลและบ่าวไพร่ยืนก้มหน้าต้อนรับอยู่หน้าประตู “พวกเจ้าออกไปให้หมด”“หากข้าไม่เรียก ห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด!”“ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย!”เฉินซานเตาตะคอกใส่บ่าวไพร่ แล้วห
“ข้ามีแผนการในใจแล้ว”หวังหยวนกล่าวพลางดื่มสุรา “ตอนนี้ซือฟางมีอำนาจ แต่แผ่นดินก็ยังเป็นของราชวงศ์ไป๋ ผู้ที่ครองราชย์ก็คือไป๋หมิง”“ในระยะเวลาอันสั้น ซือฟางคงไม่ทำอะไรไป๋หมิง เขาแค่ต้องการใช้ฐานะของไป๋หมิงเพื่อควบคุมราชสำนัก เมื่อเขามีอำนาจมั่นคง ไป๋หมิงก็จะหมดประโยชน์”“แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ยังอีกนาน ดังนั้นพวกเรายังมีโอกาส!”เมื่อเห็นทุกคนมองมาที่เขา หวังหยวนจึงกล่าวต่อ “ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีไม่ใช่คนธรรมดา แต่พวกเขาประสบความสำเร็จและมีอำนาจในเวลาอันรวดเร็ว คงจะเหลิงในอำนาจไม่น้อย”“อีกอย่าง เขายังกำจัดสายลับของข้าในเมืองหลวง ตอนนี้คงไม่เกรงกลัวอะไรแล้ว!”“เช่นนั้นพวกเราก็ใช้จุดอ่อนของเขา หาทางโค่นล้มเขาให้ได้!”การต่อสู้โดยตรงคงสู้ไม่ได้ จึงต้องใช้กลอุบายง่าย ๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์!ด้วยวิธีนี้ ต้าเย่ก็จะไม่เสียหาย!สี่แคว้นใหญ่มีความสมดุลกัน หากสมดุลนี้พังทลาย ดินแดนทั้งเก้าก็จะเกิดสงคราม!ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่หวังหยวนต้องการ!หลายปีที่ผ่านมาเกิดสงครามขึ้น ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัย โจรผู้ร้ายชุกชุม ประชาชนยากลำบาก!หากเกิดเรื่องแบบนี้อีก ความพยายามที่ผ่านมาก็จะสูญเปล่า“ท่านหวัง
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห