บัดนี้ไป๋หมิงกลายเป็นหุ่นเชิดในมือของพวกเขาไปแล้ว!แผ่นดินของราชวงศ์ไป๋ตกอยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว!...ภายในวังหลวงไป๋อวิ๋นเฟยถูกกักบริเวณไว้ในตำหนักลึกภายในสวนรกชัฏ ภายในห้องไม่มีแม้แต่นางกำนัลหรือขันทีด้วยซ้ำ ดูเงียบเหงายิ่งนักด้วยฐานะองค์ชายและเพื่อรักษาหน้าตา ซือฟางจึงไม่ฆ่าเขา ยังให้คนนำอาหารมาส่งทุกวัน แต่อาหารนั้น แม้แต่บ่าวไพร่ก็ยังไม่รับประทาน!นี่ช่างเป็นการหยามเกียรติไป๋อวิ๋นเฟยอย่างหนัก!แต่เพื่อมีชีวิตรอดและเพื่อทวงคืนแผ่นดินของเสด็จแม่ ไป๋อวิ๋นเฟยจึงต้องอดทน ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในสถานที่อันมืดมิดแห่งนี้!“หวังหยวน! พวกเจ้าจะกลับมาเมื่อไหร่?”“หรือว่าลืมข้าไปเสียแล้ว?”ไป๋อวิ๋นเฟยนั่งอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าหม่นหมอง มองแสงแดดที่ส่องลอดเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างห้องนี้มืดสลัว แม้ข้างนอกจะสดใส แต่ในห้องกลับไม่มีแสงสว่าง หากไป๋อวิ๋นเฟยไม่มีจิตใจเข้มแข็งคงทุกข์ทรมานจนตายไปแล้ว!“องค์ชายใหญ่!”ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกเบา ๆ ดังขึ้นไป๋อวิ๋นเฟยตาเป็นประกาย มองไปทางต้นเสียงแล้วรีบถามว่า “ใคร?”“กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ!”ไม่นานก็มีคนแต่งกายแบบขันทีเดินเข้ามามองซ้ายมองขวา เม
“ฝ่าบาท บัดนี้กระหม่อมเป็นเพียงคนรับใช้ในห้องเครื่อง จะช่วยเหลือพระองค์ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”เสี่ยวเต๋อจื่อเลียริมฝีปากแห้งผาก สีหน้าดูลังเลไป๋อวิ๋นเฟยรีบกระซิบ “ข้าจะเขียนจดหมาย เจ้าหาทางนำออกไปนอกวัง ไปที่ร้านอาหารชิงเหอที่ถนนเหยียนเหอ แล้วมอบจดหมายนี้ให้เจ้าของร้านอาหาร ให้เขารีบบอกเรื่องนี้กับหวังหยวน!”ถึงเวลาแล้ว ต้องรีบขอความช่วยเหลือจากหวังหยวนแม้ไป๋อวิ๋นเฟยจะอยู่ในวังหลวง แต่ก็พอจะรู้เรื่องราวข้างนอก ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีมีอำนาจมาก หากไม่หยุดยั้ง แผ่นดินของราชวงศ์ไป๋คงจะถูกแย่งชิง!ต่อให้เขาตาย ก็คงตายตาไม่หลับ...คงไม่มีหน้าไปพบเสด็จแม่!นี่มัน...เสี่ยวเต๋อจื่อลังเล มือสั่นเทา เขากลืนน้ำลายก่อนกล่าวเบา ๆ ว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมอยากช่วยเหลือท่าน แต่กระหม่อมออกจากวังไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”“เรื่องนี้สำคัญมาก หากมอบจดหมายให้คนอื่น กระหม่อมก็ไม่มีคนที่ไว้ใจได้ หากเรื่องนี้รู้ถึงหูท่านขุนพลใหญ่และท่านเจี๋ยง ไม่เพียงแต่ชีวิตกระหม่อมจะไม่รอด ฝ่าบาทก็จะเดือดร้อนไปด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ!”ไป๋อวิ๋นเฟยครุ่นคิด ตบหน้าผากแล้วกล่าวว่า “เท่าที่ข้ารู้ ห้องเครื่องต้องออกไปซื้อผักสดทุกวันไม่ใช่หร
“วันนี้ถือว่าพวกเราไม่เคยพบกัน”“ข้ามีจดหมาย อยากให้ท่านรีบมอบให้หวังหยวนโดยเร็วที่สุด ท่านคงเข้าใจใช่หรือไม่?”เสี่ยวเต๋อจื่อหยิบจดหมายออกมายื่นให้เจ้าของร้านอาหารอย่างรวดเร็วเจ้าของร้านอาหารหรี่ตาลง ที่นี่คือจุดส่งข่าวที่เกาเล่อจัดตั้งขึ้น มีแต่หวังหยวนและพวกพ้องเท่านั้นที่รู้ แต่ตอนนี้กลับมีคนลึกลับนำจดหมายมาส่ง คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!และน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับหวังหยวนอย่างแน่นอนในขณะที่เจ้าของร้านอาหารกำลังจะถามอะไรเพิ่มเติม เสี่ยวเต๋อจื่อก็หันหลังและรีบออกไปอย่างรวดเร็วหากชักช้าอาจเกิดเรื่องไม่ดี!แม้ว่าเขาจะเติบโตในวังหลวงตั้งแต่เด็ก แต่การทำงานของเขานั้นระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง และนี่คือสิ่งที่ทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นขันทีคนสนิทของไป๋เหยียนเฟยได้แต่น่าเสียดาย...เขายังไม่ทันได้เสวยสุขไปกับอำนาจ ไป๋เหยียนเฟยกลับล้มป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งทำให้เขากลับคืนสู่สภาพเดิม…แต่เขาเชื่อมั่นว่าอีกไม่นานไป๋อวิ๋นเฟยจะต้องทวงคืนราชบัลลังก์ได้ เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะได้เป็นวีรบุรุษ!“เจ้าของร้าน คนผู้นั้นเชื่อถือได้หรือไม่?”“พวกเราควรเปิดจดหมายอ่านเนื้อความข้างในก่อนดีหร
หวังหยวนคิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจไป๋อวิ๋นเฟยเป็นไพ่ใบสำคัญ มีประโยชน์ต่อซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีอย่างมากหากใช้ไพ่ใบนี้สุ่มสี่สุ่มห้าย่อมมีแต่ผลเสียและจะเป็นอันตรายต่อทั้งคู่สองคนนั้นไม่ใช่คนโง่ จะทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ได้อย่างไร?“ข้าได้รับจดหมายจากเมืองหลวง ตรวจสอบแล้วเป็นลายมือของไป๋อวิ๋นเฟยจริง อีกอย่างเขายังติดต่อจุดส่งข่าวในเมืองหลวง หากไม่เกิดเรื่องใหญ่ เขาคงไม่เสี่ยงเช่นนี้ขอรับ!”“ที่สำคัญ ข้าได้รับข่าวว่าซือฟางกำลังติดสินบนขุนพลแปดคน แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามีกี่คนที่กลายเป็นพวกของซือฟาง!”ขุนพลแปดคนหรือ?หวังหยวนเลิกคิ้ว เขารู้เรื่องของต้าเย่น้อยมาก“ท่านผู้นำ ขุนพลแปดคนมีอำนาจการทหาร คานอำนาจซึ่งกันและกัน”“อีกอย่าง ไป๋เหยียนเฟยเคยตั้งกฎไว้ว่า แม้แต่ซือฟางที่เป็นขุนพลใหญ่ก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับขุนพลทั้งแปด ไม่ต้องพูดถึงการหาข้ออ้างแย่งชิงอำนาจการทหาร!”“แต่ตอนนี้ไป๋เหยียนเฟยไม่อยู่แล้ว ซือฟางคงไม่ปล่อยให้ขุนพลแปดคนมีอำนาจมากขึ้น ไม่เช่นนั้น ต่อไปคงเกิดการแบ่งแยก ต้าเย่จะไม่เป็นปึกแผ่น แผนการของซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีก็คงล้มเหลว...”เกาเล่อคือสายลับของหวังหยวน คำพูดของเข
คำพูดของหวังหยวนมีเหตุผล หากลงมือโดยพลการแล้วจะได้อะไร?ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือ?“เจ้าเล่าเรื่องขุนพลแปดคนให้ข้าฟังหน่อย พวกเขาเป็นใคร มีกำลังพลเท่าไหร่?”“เจ้าคิดว่าในบรรดาพวกเขา จะมีใครที่ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีติดสินบนไม่ได้บ้าง?”หวังหยวนถามแม้เกาเล่อจะเป็นสายลับของหวังหยวน รู้ข่าวสารต่าง ๆ ทั่วหล้า แต่ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย ไป๋ลั่วหลีก็เป็นคนของต้าเย่ เคยเป็นผู้ช่วยคนสนิทของไป๋เหยียนเฟย ไม่มีใครรู้เรื่องในต้าเย่ดีไปกว่านางไป๋ลั่วหลีลังเล จากนั้นเลียริมฝีปากกล่าวว่า “ในบรรดาขุนพลแปดคน มีสองคนที่เป็นคนดี ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่ยอมตกเป็นพวกของเจี๋ยงโฉ่วอีและซือฟาง พวกเราอาจจะติดต่อพวกเขาเพื่อขอให้พวกเขาช่วยเหลือได้เจ้าค่ะ”ตอนนี้พวกเขาต้องการผู้ช่วยจำนวนมาก ไป๋ลั่วหลีรู้ดีว่าหวังหยวนคงไม่ใช้กองกำลังของตัวเอง แต่ช่วยเหลือพวกเขาด้วยวิธีนี้ทว่าเพียงเท่านี้ก็พอแล้วนางไม่กล้าหวังมากเกินไปการที่หวังหยวนอยู่ข้างพวกนางก็เป็นข้อต่อรองที่ดีในการเจรจากับขุนพลทั้งแปดแล้ว เพราะหวังหยวนมีทั้งฐานะและกำลังพล ไม่ใช่คนธรรมดา!หวังหยวนพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็รับหน้าที่ติดต่อขุนพลสอง
“เสี่ยวเต๋อจื่อหรือ?”หวังหยวนทำหน้างง“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!”ไป๋ลั่วหลียืนยัน “เสี่ยวเต๋อจื่อเป็นคนที่ฝ่าบาททรงไว้ใจมากที่สุด คอยดูแลชีวิตประจำวันของพระองค์มาโดยตลอด แม้จะอายุยังน้อย แต่ก็ทำงานรอบคอบอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ ฝ่าบาทจึงให้อยู่รับใช้ใกล้ชิด”“ตอนที่ฝ่าบาทสวรรคต เสี่ยวเต๋อจื่อได้หายตัวไป ข้าคิดว่าเขาคงถูกฆ่าไปแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาคงแอบไปซ่อนตัว และกลายเป็นสายลับขององค์ชาย”“หากพวกเราหาเสี่ยวเต๋อจื่อพบก็จะติดต่อกับองค์ชายได้”ศัตรูอยู่ในที่สว่าง พวกเขาอยู่ในที่มืด ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ห้ามเปิดเผยตัว ไม่เช่นนั้นซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีจะระวังตัวสองคนนั้นไม่ใช่คนดี!“จริงด้วย”“แต่ตามที่เขาเล่า เสี่ยวเต๋อจื่อเป็นคนรอบคอบ ตอนมาที่ร้านอาหารก็ทำตัวลึกลับ พวกเราคงหาตัวเขายากใช่หรือไม่?”“เจ้าอยู่ในวังหลวงมานาน มีเพื่อนสนิทที่ยังอยู่ในวังบ้างหรือไม่?”“อาจจะขอความช่วยเหลือได้บ้าง”หวังหยวนมองไป๋ลั่วหลี เฝ้ารอคำตอบไป๋ลั่วหลีส่ายหน้า แล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่ชอบให้คนรวมกลุ่ม แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ข้าถูกยกย่องเป็นหญิงงามผู้มีความสามารถอันดับหนึ่ง ย่อมมีคนมากมายอยากคบค้าสมาคม แต
“เรื่องในต้าเย่วุ่นวายราวกับน้ำโคลนขุ่น ใครเข้าไปก็มีแต่จะเดือดร้อน ไม่เพียงแต่ไม่มีทางทำให้น้ำใสเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้ตัวเองแปดเปื้อนไปด้วย...”“ไม่ใช่ว่าท่านเห็นแม่นางไป๋หน้าตาสะสวย จึงอยากช่วยนางให้ช่วยไป๋อวิ๋นเฟยได้ใช่หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวนด้วยความแปลกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยหวังหยวนหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “เหตุใดเจ้าคิดมากนัก? ข้าเป็นคนเห็นแก่ผู้หญิงหรือ?”“ที่ข้าทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล!”“เจ้าไม่คิดบ้างหรือ หากซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีทำให้ไป๋หมิงเป็นหุ่นเชิด เรื่องในต้าเย่ก็จะขึ้นอยู่กับพวกเขา ข้ากับพวกเขาเป็นศัตรูกัน หากพวกเขามีอำนาจขึ้นมา เจ้าว่าพวกเขาจะเล่นงานใครก่อน?”หลิ่วหรูเยียนเข้าใจในทันทีดูเหมือนว่านางจะคิดเล็กคิดน้อยเกินไป...ต้าเย่และเมืองหลิงที่หวังหยวนปกครองต่างก็อยู่ในดินแดนทั้งเก้า หากเกิดสงคราม ถึงแม้หวังหยวนจะใช้ปืนใหญ่จนชนะศึก แต่ก็ต้องเกิดความสูญเสียมากมาย!ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่หวังหยวนต้องการอีกอย่างคือต้าเป่ยก็ยังจ้องจะโจมตี หากพวกเขาฉวยโอกาสในเวลานั้น หวังหยวนก็จะตกอยู่ในวงล้อมของทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน!ผลที่ตามมาคงจะเลวร้าย!“การเป็นศัต
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เลือกคืนนี้เลยก็แล้วกัน”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นยกถ้วยน้ำชาขึ้นมองไปยังท้องฟ้าคืนนี้คงเป็นคืนที่นอนไม่หลับอีกด้านหนึ่ง ไป๋ลั่วหลีควบม้าอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังค่ายทหาร!เวลาคือทุกสิ่ง นางต้องรีบหาคนมาช่วยเหลือไป๋อวิ๋นเฟยให้เร็วที่สุด!ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ต้าเย่จึงจะกลับคืนสู่ความสงบสุขได้อีกครั้ง!และยังใช้โอกาสนี้กำจัดซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีได้ด้วย!...ค่ำคืนมาเยือน หวังหยวนเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ มุ่งหน้าไปยังประตูวังหลวงเพียงลำพังด้วยคำขอร้องของหลิ่วหรูเยียนและไฉจวิ้น หวังหยวนจึงจำใจพาทั้งสองไปด้วย แต่ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งแม้จะเตรียมการไว้พร้อมแล้ว แต่คนฉลาดก็อาจพลาดพลั้งได้ หากเกิดความผิดพลาด พวกเขาทั้งสามคงต้องติดอยู่ในต้าเย่ตลอดไป...ทั้งสองรู้เรื่องนี้ดี แต่ยังยืนหยัดที่จะติดตามเขา มิตรภาพเช่นนี้ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด!“พวกเจ้าตัดสินใจแล้วหรือ?”เมื่อใกล้จะถึงประตูวัง หวังหยวนถามขึ้น“เหตุใดท่านจึงลังเล?”“ท่านอย่าบอกนะว่าจะเปลี่ยนใจ?”“ข้าบอกไว้ก่อน! หากท่านไม่พาข้าไปด้วย ข้าจะวิ่งชนกำแพงตายตรงนี้แหละ!”“ข้าเกิดมายังไม่เคยเข้าวังหลวง วันน
หวังหยวนนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่เขารักผู้ใต้บัญชาทุกคน รวมถึงคนขององค์กรเครือข่ายผีเสื้อ แต่น่าเสียดาย...พวกเขาต้องตายเพราะเขา!“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า!”“ไม่นึกเลยว่าเสี่ยวเต๋อจื่อจะทรยศข้า...”ไป๋อวิ๋นเฟยเดินเข้ามา อยากจะตบหน้าตัวเอง เพราะปัญหาเกิดจากเสี่ยวเต๋อจื่อ!“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเสี่ยวเต๋อจื่อ”“ข้าสืบมาแล้ว เสี่ยวเต๋อจื่อถูกจับไปหนึ่งวัน คงถูกทรมานหนักมากจึงยอมบอกเรื่องร้านอาหารชิงเหอ...”เกาเล่ออธิบายไป๋อวิ๋นเฟยจึงเข้าใจ หากเสี่ยวเต๋อจื่อคิดทรยศจะส่งจดหมายให้เขาตั้งแต่แรกได้อย่างไร?อีกอย่างคือเรื่องนี้เพิ่งจะมาเกิดขึ้นช่างไม่สมเหตุสมผล“ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจเสี่ยวเต๋อจื่อผิด...”“แต่ข้าก็ทำให้เขาเดือดร้อน ไม่เช่นนั้นเสี่ยวเต๋อจื่อคงไม่เป็นเช่นนี้”“เขาคงตายไปแล้ว”ไป๋อวิ๋นเฟยถอนหายใจทุกอย่างเกิดจากเขา ผู้ใต้บัญชาของหวังหยวนถูกซือฟางจับ เสี่ยวเต๋อจื่อก็ตาย ล้วนเกี่ยวข้องกับเขาทั้งสิ้นหากต้าเย่ไม่วุ่นวาย เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?ตอนนี้ยากที่จะแก้ไข“ยังไม่รู้ว่าเสี่ยวเต๋อจื่อเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ข้าได้ข่าวว่าเขายังอยู่ในคุก...”เกาเล่อกล
“ใต้เท้า! ต้องมีเรื่องเข้าใจผิด! ท่านต้องตรวจสอบให้ดี!”เสี่ยวเต๋อจื่อร้องไห้ พยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายแก้ต่างให้ตัวเอง!เขารู้ดีว่าหากยอมรับ ชีวิตเขาคงไม่รอด จึงต้องถ่วงเวลารอให้ไป๋อวิ๋นเฟยมาช่วย!เขามีบุญคุณกับไป๋อวิ๋นเฟย ตอนนี้ไป๋อวิ๋นเฟยออกจากวังไปแล้ว และร่วมมือกับหวังหยวนจึงเหมือนปลาได้น้ำ!ตอนนี้มีแต่ไป๋อวิ๋นเฟยเท่านั้นที่ช่วยเขาได้!ในใจเขามีเพียงความคิดเดียว คือกัดฟัน ไม่ยอมปริปากพูด!ซือฟางหัวเราะเยาะ รับแส้จากทหาร แล้วฟาดลงบนตัวเสี่ยวเต๋อจื่อ!เสียงร้องโหยหวนของเสี่ยวเต๋อจื่อดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่างน่าเวทนายิ่งนัก!แต่คนรอบข้างกลับมีรอยยิ้มเย็นชา มองดูด้วยความสนุกสนาน ไม่มีใครสงสารเสี่ยวเต๋อจื่อเลยแม้แต่น้อยกล้าขัดขืนซือฟางย่อมมีจุดจบเช่นนี้!เสี่ยวเต๋อจื่อถูกใช้เป็นตัวอย่าง!“ท่านขุนพลใหญ่! ข้าเป็นแค่คนไร้ค่า ต่อให้ท่านฆ่าข้า ข้าก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”“ในเมื่อท่านเชื่อว่าข้าเกี่ยวข้องก็ฆ่าข้าให้ตายเสียเถิด!”ร่างกายเสี่ยวเต๋อจื่อทนการถูกโบยไม่ไหวแล้ว!ตอนนี้ขอแค่ตายอย่างรวดเร็วเพื่อหลุดพ้น...“หึ”ซือฟางหัวเราะเยาะ เดินไปหาเสี่ยวเต๋อจื่อ แล้วกระชากผ
ไป๋ลั่วหลีถอนหายใจยาวนางต้องการช่วยเหลือไป๋อวิ๋นเฟยออกจากทะเลแห่งความทุกข์ยาก จะมีเวลาดูแลคนอื่นได้อย่างไร?“แล้วจะทำอย่างไรดี!”ไป๋อวิ๋นเฟยร้อนใจเหมือนมดบนกระทะร้อน“เจ้าไม่ต้องกังวล ตอนนั้นเสี่ยวเต๋อจื่อออกจากวังได้อย่างไร?”หวังหยวนถามไป๋อวิ๋นเฟยไม่กล้าปิดบัง รีบเล่าเรื่องทั้งหมดให้หวังหยวนฟัง“เช่นนั้นเอง...”“หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะแจ้งคนของร้านอาหารชิงเหอ เมื่อเสี่ยวเต๋อจื่อมา ข้าจะให้คนพาเขาออกจากเมืองเพื่อความปลอดภัยของเขา”หวังหยวนโบกมือเรียกเกาเล่อ แล้วสั่งการทันทีร้านอาหารชิงเหอคือฐานที่มั่นสุดท้ายในเมืองหลวง และเป็นสถานที่รวบรวมข่าวสารคนที่นี่ล้วนเชื่อถือได้ หวังหยวนจึงบอกทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง“ได้!”เกาเล่อรับคำ แล้วเดินออกไป“ขอบพระคุณท่านหวัง!”“ครั้งนี้ท่านช่วยข้าไว้มาก!”“ความหวังดีของเสี่ยวเต๋อจื่อ ข้าจะจดจำไว้ตลอดไป วันหน้าจะตอบแทนเขาอย่างดี!”“แต่พวกท่านก็มีน้ำใจกับข้า ข้าจะไม่ลืมบุญคุณนี้!”ไป๋อวิ๋นเฟยกล่าวขอบคุณอีกครั้งหวังหยวนยกยิ้มพลางโบกมือ แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ เราไม่ต้องสุภาพกันมากเกินไปแล้ว”“พวกเราจะไปเมืองเหอเน่ย เฉินซานเตา ขุนพลแห่งเหอ
สีหน้าท่าทางของเกาเล่อ หลิ่วหรูเยียนและไฉจวิ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักแต่ที่พวกเขายังอยู่ที่นี่ก็เพราะหวังหยวนไม่เช่นนั้นพวกเขาจะสนใจรางวัลพวกนี้หรือ?หวังหยวนเข้าไปพยุงไป๋อวิ๋นเฟย ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “วางใจเถิด ในเมื่อข้ารับปากจะช่วยท่านแล้ว ข้าจะไม่ล้มเลิกกลางคัน อีกอย่าง ข้าสนิทกับเสด็จแม่ของท่าน ข้าจะปล่อยให้แผ่นดินของราชวงศ์ไป๋ตกอยู่ในมือคนอื่นได้อย่างไร...”“พวกเราไม่ต้องกังวล แต่ตอนนี้ท่านต้องคิดให้ดี...”“สถานการณ์ขอท่านเริ่มอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ”หืม?ไป๋อวิ๋นเฟยเลิกคิ้วมองหวังหยวนด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าจะสื่ออะไร“ตอนที่ท่านอยู่ในวังหลวง แม้จะถูกกักบริเวณ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าฆ่าท่าน เพราะเกรงว่าจะเสียชื่อเสียง”“แต่ตอนนี้ท่านออกมาพร้อมข้า จึงเป็นโอกาสของพวกเขา”“หากพวกเขาฆ่าท่าน แล้วโยนความผิดให้ข้า นอกจากจะกำจัดท่านได้แล้ว ยังทำให้คนในต้าเย่เกลียดข้าด้วย ถือว่าได้ประโยชน์สองต่อ!”หวังหยวนรู้ทันซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีสองคนนั้นเจ้าเล่ห์ คงไม่ปล่อยไป๋อวิ๋นเฟยไปง่าย ๆไม่เช่นนั้น ต่อไปไป๋อวิ๋นเฟยจะเป็นภัยต่อพวกเขา!“ท่านหวังยังไม่กลัว ข้าจะกลัวได้อย่างไร?”
ในเมื่อสวรรค์มอบเส้นทางใหม่ให้ เขาย่อมต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าเพื่อตอบแทนบุญคุณของสวรรค์!“เช่นนั้นเอง...”“พี่ใหญ่ก็เป็นแค่คนธรรมดาเช่นกัน”ไฉจวิ้นหัวเราะ แล้วรีบเดินตามหวังหยวนไป ทุกคนมุ่งหน้าออกจากเมืองหลวงในวัดร้างแห่งหนึ่ง ห่างจากเมืองหลวงไปห้าสิบลี้หลังจากหวังหยวนและพรรคพวกหนีออกมาได้ เขาก็ส่งจดหมายถึงเกาเล่อให้นัดพบกันที่นี่เมืองหลวงของต้าเย่กลายเป็นสถานที่อันตราย ตอนนี้การรีบออกจากที่นี่คือทางออกที่ดีที่สุดภายในวัดร้าง ทุกคนต่างมารวมตัวกันสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้อกระจายกำลังกันไป บางส่วนอยู่ในเมืองหลวง บางส่วนอยู่รอบกายหวังหยวน แต่ซ่อนตัวอยู่ คอยสอดส่องสถานการณ์!เพื่อป้องกันการโจมตีกะทันหันของซือฟางตอนนี้พวกหวังหยวนไม่มีอะไรที่จะคุกคามซือฟางได้ อีกอย่างคือพวกเขายังพาไป๋อวิ๋นเฟยมาด้วย นั่นเป็นเหมือนระเบิดเวลาการดำรงอยู่ของไป๋อวิ๋นเฟยทำให้ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีรู้สึกหวาดระแวงดังนั้นช่วงนี้คงจะไม่สงบสุขเสียแล้ว...“ท่านผู้นำ ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ?”“จะกลับไปเมืองหลิงหรือจะอยู่ที่นี่เพื่อต่อกรกับซือฟางต่อ?”เกาเล่อเอ่ยถามไป๋อวิ๋นเฟยและไป๋ลั่วห
ทุกคนกำลังรอคอยจังหวะที่จะหลบหนี!หวังหยวนรอให้ซือฟางยอมหลีกทาง ส่วนซือฟางก็กำลังคิดว่าจะปล่อยหวังหยวนไปหรือไม่!“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พวกเราก็คุกคามชีวิตหวังหยวน”“หมาจนตรอกยังกัด หวังหยวนจะยอมง่าย ๆ เชียวหรือ?”เจี๋ยงโฉ่วอีเดินไปข้างซือฟาง แล้วกระซิบว่า “ข้าเคยได้ยินว่าหวังหยวนเป็นคนรอบคอบ หากไม่มั่นใจ มันคงไม่กล้าเสี่ยง”“ตอนที่สู้กับพวกต้าเป่ยก็เห็นได้ชัดว่าหวังหยวนเป็นคนเช่นนี้จริง”“ด้วยเหตุนี้ ขุนพลใหญ่หานเทาของต้าเป่ยจึงหวาดกลัวหวังหยวน”“ดังนั้น ข้าคิดว่าพวกเราควรหลีกทางให้มันก่อนดีหรือไม่?”“ปล่อยหวังหยวนไปก็เท่ากับปล่อยพวกเราเองด้วย!”“พวกเรามีอำนาจทางการทหารของต้าเย่อยู่ในการควบคุม อนาคตสดใสรออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเพราะหวังหยวนแค่คนเดียว!”เจี๋ยงโฉ่วอีพยายามเกลี้ยกล่อมซือฟางแม้หวังหยวนจะเป็นคนรอบคอบ แล้วเจี๋ยงโฉ่วอีจะไม่รอบคอบได้อย่างไร?อีกอย่าง เจี๋ยงโฉ่วอีเข้าใจหลักการที่ว่าตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนตราบใดที่ยังมีชีวิต ต่อให้พ่ายแพ้ก็ยังมีโอกาสแก้ตัว!เมื่อเจี๋ยงโฉ่วอีพูดเช่นนี้ ซือฟางจึงยอมปล่อยมือจากดาบ เดินไปด้านข้างด้ว
หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้เขาขึ้นแทนที่ไป๋หมิงได้ย่อมจะถูกประชาชนติฉินนินทา!ช่างเป็นเรื่องยุ่งยาก!“หวังหยวน! เจ้าแค่บอกว่าอยากพบองค์ชาย ตอนนี้เจ้าได้พบแล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าพาองค์ชายไปได้อย่างไร?”“องค์ชายเป็นถึงองค์ชายของต้าเย่! ตอนนี้บ้านเมืองกำลังวุ่นวาย ข้าจะปล่อยให้เจ้าพาองค์ชายไปไม่ได้! ต่อให้ต้องสละชีวิต ข้าก็จะขัดขวาง!”ซือฟางก้าวออกมา มือแตะที่ดาบข้างเอว เห็นได้ชัดว่าพร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อ!แม้หวังหยวนจะมีสัญญาณระเบิด แต่หากลงมือฆ่าหวังหยวนก่อนที่เขาจะจุดสัญญาณ แล้วให้คนไปค้นทั่วเมืองก็จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้!แม้จะอันตราย แต่เพื่อความมั่งคั่งย่อมต้องยอมเสี่ยง!“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา!”หวังหยวนส่ายหน้าก่อนยิ้มเยาะ ล้วงมือเข้าไปในอกหยิบสัญญาณระเบิดอีกอันออกมาแกว่งไปมาต่อหน้าซือฟางเขามองสายตาของซือฟางก็เดาความคิดได้แล้ว จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากข้าเดาไม่ผิด ตอนนี้เจ้าคงอยากแย่งสัญญาณระเบิดจากข้าใช่หรือไม่?”“ข้ายกสัญญาณทั้งหมดให้เจ้าก็ได้!”“หากภายในครึ่งชั่วยาม ข้าไม่ได้พบกับคนของข้า พวกเขาก็จะจุดระเบิดทั้งหมดอยู่ดี!”“สุดท้ายผลลัพธ์ไม่
ณ ที่แห่งหนึ่งในเมืองหลวงเกาเล่อและไป๋ลั่วหลียืนอยู่ด้วยกัน สายตาจับจ้องไปยังวังหลวงเมื่อครู่หลังจากได้รับสัญญาณ พวกเขาก็จุดระเบิดที่อยู่ใกล้เคียง แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนักหากไม่จำเป็น เกาเล่อจะไม่จุดระเบิดทั้งหมด เพราะจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากหวังหยวนแค่ลองเสี่ยง หากต้องสู้ตายค่อยจุดระเบิดทั้งหมดก็ไม่สาย!“ท่านเกา ท่านว่าซือฟางจะยอมปล่อยตัวองค์ชายหรือไม่?”ไป๋ลั่วหลีร้อนใจเหมือนมดบนกระทะร้อน เดินไปเดินมาไม่หยุด นางแทบจะอดทนไม่ไหวหากหวังหยวนไม่กลัวว่านางจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่คงพานางไปด้วยแล้วแต่ตอนนี้ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับหวังหยวน นางไม่อาจทำตามใจตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะทำลายแผนการของหวังหยวน“ตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้”“แต่ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีต่างก็รักษาหน้าตา ต่อให้พวกเขาคิดว่าท่านผู้นำโกหก ทหารพวกนั้นก็คงไม่กล้าทำอะไรท่านผู้นำ”“รอดูกันเถิด สถานการณ์ที่อันตรายกว่านี้ ข้ากับท่านผู้นำก็เคยผ่านมาแล้ว”เกาเล่ออดเป็นห่วงหวังหยวนไม่ได้ แต่ไม่อาจแสดงท่าทีใด ๆ เพราะต้องทำตัวให้เป็นคนเข้มแข็งเขาและหวังหยวนคือที่พึ่งของทุกคน ในเวลาแบบนี้ต้องห้ามหวั่นไหว จึงจะควบคุมสถ
“รีบทำตามที่สามีข้าบอก!”“รีบพาองค์ชายใหญ่ออกมาพบพวกข้า ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าสามีข้าใจร้ายเพราะจุดพลุสัญญาณอีกครั้ง ข้าเตือนแล้วนะ ทั้งอาณาจักรจะหายไปในพริบตา!”“ไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะตาย แม้แต่วังที่หรูหราแห่งนี้ก็จะพังทลายลงด้วย! นี่คืออานุภาพของดินปืน!”หลิ่วหรูเยียนตวาดหวังหยวนเคยใช้ปืนใหญ่ในสนามรบ อีกอย่างคือเขามีปืนคาบศิลา ทุกคนต่างก็รู้ถึงอานุภาพของดินปืน ใครบ้างจะกล้าต่อกรกับหวังหยวน?เหล่าทหารหยุดชะงัก ไม่มีใครกล้าก้าวเข้าไปพวกเขาล้วนกล้าหาญ แต่ก็มีครอบครัว พ่อแม่ ลูกเมีย บางคนก็อยู่ในเมืองหลวง!หากหวังหยวนพูดจริง แล้วพวกเขาลงมือ ครอบครัวของพวกเขาย่อมจะเดือดร้อน เมื่อถึงตอนนั้นคงสายเกินแก้!เมื่อเห็นทหารลังเล ซือฟางถึงกับโกรธจนกัดฟันกรอด เขาชี้ไปที่พวกทหารแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าเชื่อคำพูดของเขาหรือ?”“พวกเจ้าช่างโง่เขลา!”“พวกเจ้าไม่คิดบ้างหรือหากหวังหยวนจะระเบิดวังหลวงจริง เขาต้องใช้คนเตรียมการเยอะแค่ไหน?”“อย่าว่าแต่ไม่มีกำลังพลมากพอเลย ต่อให้มีก็ต้องใช้เวลาเตรียมการเป็นครึ่งเดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์!”“ข้าไม่รู้ว่าหวังหยวนกลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ คื