จากนั้นหลิ่วหรูเยียนก็ไอออกมาสองสามครั้งนางเพิ่งฟื้น ร่างกายจึงอ่อนแอมากเจียงเสี่ยวอวี๋รีบยื่นน้ำให้นาง ก่อนจะช่วยพยุงนางให้ดื่มน้ำ เสียงไอจึงค่อยบรรเทาลงแต่ใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนยังคงซีดเผือด แสดงให้เห็นว่านางบาดเจ็บสาหัสเพียงใด“ในเมื่อพี่หรูเยียนฟื้นแล้ว เจ้าก็อย่ามัวอยู่ที่นี่ต่อเลย”“ข้ามีเรื่องต้องคุยกับหลิ่วหรูเยียน เจ้าออกไปก่อนเถิด”หวังหยวนไล่เจียงเสี่ยวอวี๋ทางอ้อมหลิ่วหรูเยียนนอนนิ่งบนเตียง หลับตาพักผ่อนตลอดเวลาแม้ว่าเจียงเสี่ยวอวี๋จะไม่เต็มใจ แต่ก็จำต้องออกจากห้องไปก่อน“ข้าไม่ไป!”“สองวันนี้ข้าจะอยู่ที่วังแห่งนี้เพื่อช่วยดูแลพี่หรูเยียน!”“และป้องกันไม่ให้ท่านรังแกนางด้วย!”เมื่อเห็นว่าหวังหยวนไม่ได้สนใจตน เจียงเสี่ยวอวี๋จึงพูดขณะเดินออกไปว่า “เช่นนั้นข้าจะรออยู่หน้าประตู รอจนกว่าพวกท่านจะคุยกันเสร็จ แล้วข้าจะเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนพี่หรูเยียน”เมื่อเจียงเสี่ยวอวี๋ออกจากห้องไปแล้ว หวังหยวนก็เดินไปข้างเตียงหลิ่วหรูเยียน แล้วมองลงมาที่นาง“หากคนของข้าไปพบเจ้าไม่ทัน เจ้าคงตายไปแล้ว”“เมื่อครู่เจ้าพูดเช่นนั้น แสดงว่าเจ้ารู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่?”ห
“ข้าไม่อยากให้เป็นเขา...”“เพราะว่า...”หลิ่วหรูเยียนพูดไม่ออก แต่หวังหยวนเข้าใจดีว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาแม้จะไม่ใช่สามีภรรยา ก็คงเป็นคู่รักหากถูกคนรักลงมือทำร้าย ใครจะรับได้?ยิ่งเป็นสตรีด้วยแล้ว จะไม่ยิ่งเสียใจได้อย่างไร?“ข้าสงสัยว่าเหตุใดสตรีโฉมงามเช่นเจ้าจึงยอมทำงานให้พรรคทมิฬ?”“มีเรื่องราวอะไรซ่อนเร้นอยู่หรือไม่?”หวังหยวนถามขึ้นอีกครั้ง“ใช่แล้ว”“ข้าเป็นเด็กกำพร้า ถูกท่านประมุขเก็บมาเลี้ยง เขาเคยบอกข้าว่าเป้าหมายของพรรคทมิฬคือการปลดปล่อยประชาชน ไม่ให้พวกเขาต้องทุกข์ยาก”“สงครามที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทำให้ประชาชนเดือดร้อน หากพรรคทมิฬรวมแผ่นดินได้ ย่อมจะทำให้ใต้หล้าสงบสุข”“ข้าจึงเชื่อคำพูดของเขา”“แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาแค่ต้องการอำนาจเท่านั้น”หลิ่วหรูเยียนไม่ใช่คนโง่เขลา แต่เป็นสตรีที่เฉลียวฉลาดการจะหลอกลวงนางจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร?ตอนที่นางยังเด็กย่อมไม่รู้อะไรมากมาย แต่เมื่อนางมาอยู่ที่เมืองอู่เจียง แล้วได้พบปะผู้คนมากขึ้น จึงเริ่มระแวง และความคิดก็เปลี่ยนไปมากเป้าหมายของพรรคทมิฬคงไม่ได้ใสซื่อเช่นนั้น!ไม่
แน่นอนว่านางไม่ได้สนใจคำพูดของหวังหยวน ประชาชนทั่วหล้าเกี่ยวอะไรกับนาง?นางเป็นเพียงคนอาภัพคนหนึ่ง จะไปสนใจผู้อื่นเพื่ออะไร?ช่างน่าขันสิ้นดี!“ได้สิ!”“เจ้าเชื่อใจข้าได้!”“อย่าลืมว่าข้ามีองค์กรข่าวกรองที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!”“เพียงข้าเอ่ยปาก พวกเขาก็จะรีบสืบหาชาติกำเนิดของเจ้า ไม่นานก็คงมีข่าวดี รับรองว่าเจ้าจะต้องพอใจ!”“ข้าเป็นคนรักษาคำพูด และไม่เคยผิดสัญญากับสตรี!”หวังหยวนกล่าวอย่างหนักแน่นเขาไม่ได้ล้อเล่น ความสามารถขององค์กรเครือข่ายผีเสื้อเหนือกว่าองค์กรข่าวกรองของอีกสามกองกำลังเป็นอย่างมาก!ไม่ใช่เพียงเพราะหวังหยวนทุ่มเงินจำนวนมากให้กับองค์กรเครือข่ายผีเสื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเกาเล่อด้วย!เขาเป็นบุคลากรชั้นเยี่ยมที่หาได้ยาก!มีเกาเล่ออยู่เคียงข้าง จึงไม่ต้องกังวลอะไร!หลิ่วหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า “ขอข้าคิดดูก่อน ให้เวลาข้าสักหน่อยได้หรือไม่?”“ได้!”“เช่นนั้นข้าจะรอคำตอบจากเจ้า”หลังจากพูดจบ หวังหยวนก็ออกจากห้องไปช่วงนี้หลิ่วหรูเยียนพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าใครก็ตามคงต้องใช้เวลาทำใจหลิ่วหรูเยียนก็เช่นกันหวังหยวนจะไม่บีบค
“ขอรับ!”เกาเล่อรับคำ แล้วเดินจากไป เมื่อชายชาติทหารได้รับภารกิจ ย่อมต้องทำให้สำเร็จแม้ต้องแลกด้วยชีวิต!หวังหยวนนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ มีเกาเล่อเป็นคนจัดการจึงไม่ต้องกังวลอะไร!เขารู้ดีว่าเมื่อสืบหาชาติกำเนิดของหลิ่วหรูเยียนได้แล้ว ก็จะทำให้นางยอมบอกทุกอย่างที่รู้ เมื่อถึงเวลานั้นจึงจะสามารถกำจัดพรรคทมิฬได้!นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้!...ในช่วงครึ่งเดือนต่อมา หลิ่วหรูเยียนยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง เนื่องจากบาดแผลสาหัส การที่นางรอดชีวิตมาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว จึงต้องพักรักษาตัวให้หายดี!แต่กลับไม่มีข่าวคราวใดจากเกาเล่อระหว่างนั้น เขาเคยส่งจดหมายมาบอกหวังหยวนว่าคนของพรรคทมิฬเหมือนจะรู้ว่าพวกเขากำลังสืบเรื่องของหลิ่วหรูเยียนอยู่ จึงทำให้เกาเล่อทำงานลำบากแต่โชคดีที่หลายปีมานี้ เกาเล่อได้สร้างองค์กรเครือข่ายผีเสื้อให้เป็นองค์กรข่าวกรองอันดับหนึ่งในใต้หล้า ครั้งนี้เขายังพาลูกน้องฝีมือดีไปด้วย หากให้เวลาเขาอีกสักหน่อย เขาย่อมสามารถแก้ปัญหาได้แน่!แต่ก็มีข่าวดีเช่นกัน อาการป่วยของหลิ่วหรูเยียนนั้นเริ่มดีขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกครึ่งเดือนนางก็จะหายเป็นปกติดิน
“เช่นนั้นท่านก็บอกข้ามาสิ ข้าอยากรู้ว่าข้านั้นด้อยตรงไหน?”“ใครบ้างไม่รู้ว่าในบ้านท่านมีภรรยาโฉมงามหลายคน แต่แล้วอย่างไรเล่า?”“หากท่านเป็นสุภาพบุรุษจริงคงไม่หาภรรยามามากมายเช่นนี้หรอก!”เจียงเสี่ยวอวี๋ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หัวเราะไม่หยุดคนทั้งสองนี้ช่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะพบกันเมื่อใดก็ต้องทะเลาะกันเสมอ!หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะเป็นสุภาพบุรุษหรือไม่ เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ แล้วข้ามีภรรยากี่คน เกี่ยวกับเจ้าอย่างไรไม่ทราบ?”“ผู้ชายมีสามภรรยาสี่อนุไม่ใช่เรื่องปกติหรือ?”“ลองดูฮ่องเต้ในยุคนี้สิ มีนางสนมตั้งหลายร้อยคนไม่ใช่หรือ?”“แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ฮ่องเต้ แต่ข้าก็เป็นผู้ชาย พวกนางอยากอยู่กับข้า เจ้าจะทำอะไรได้?”ช่างพูดจาคารมคมคาย!น่าโมโหยิ่งนัก!หลิ่วหรูเยียนกลอกตามองหวังหยวน ก่อนจะเลิกสนใจเขาอีกหวังหยวนขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง มีคนกล่าวว่าสตรีและคนถ่อยคบด้วยได้ยาก วันนี้เขาเข้าใจแล้วว่าคำกล่าวนี้ถูกต้อง!อย่างน้อยหลิ่วหรูเยียนตรงหน้าเขาก็ยังร้ายกาจกว่าคนถ่อยด้วยซ้ำ!“อะแฮ่ม”ขณะที่ทั้งสองกำลังเถียงกันก็มีเสียงกระแอมเบา ๆ ดังขึ้น เจียงเสี่ยวอวี๋รีบยืนขวางหน้าทั้งสอง แล้วกล่
“ข้ารีบเดินทางกลับมาเมื่อคืนนี้ และได้สืบเรื่องที่ท่านสั่งไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ!”เกาเล่อโค้งคำนับก่อนจะรายงานหวังหยวนเมื่อเขากลับมาถึงก็รีบมาหาหวังหยวนทันที เมื่อรู้ว่าหวังหยวนอยู่ที่สวนหลังวังจึงรีบตามมาที่จริงแล้วเขาเห็นหวังหยวนกับหลิ่วหรูเยียนทะเลาะกันอยู่ จึงไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะแต่ต้องยอมรับว่าแม้ว่าทั้งสองจะทะเลาะกัน แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนคู่สามีภรรยาที่มักจะมีปากเสียงกันเสมอ“ท่านให้เขาไปสืบเรื่องอะไร?”หลิ่วหรูเยียนรีบคว้ามือหวังหยวนพลางถามขึ้นนางมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับนาง!เจียงเสี่ยวอวี๋ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้เอ่ยคำใดหวังหยวนยกยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไปแล้วหรือ? ยังจะมายุ่งเรื่องนี้เพื่ออะไร?”“ท่าน...”หลิ่วหรูเยียนกัดฟัน ช่างเป็นผู้ชายที่น่าโมโหนัก!ให้เขาลงจากบันไดแล้วยังไม่ยอมลงอีกหรือ?หากผู้ชายทั้งโลกเป็นเหมือนหวังหยวน นางขออยู่เป็นโสด ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายเช่นนี้!ไม่เช่นนั้นคงต้องตายเพราะความโมโห!“ไป!”“พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า”หวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วพาเขาไปยังห้องโถงใหญ่เป็นไปตามที่เขาคาด แม้จะไม่ได้ช
“ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้ดีใช่หรือไม่?”เกาเล่อกล่าวอย่างหนักแน่น“เท่าที่ข้ารู้ คนที่ลงมือทำร้ายเจ้าครั้งนี้คือพรรคทมิฬ! แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกเจ้ามีความขัดแย้งอะไรกัน แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าคงหมดประโยชน์แล้ว พวกเขาจึงคิดกำจัดเจ้า!”“เพราะเจ้ารู้ความลับมากมาย พวกเขาคงไม่ปล่อยเจ้าไป!”เกาเล่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลิ่วหรูเยียนกัดฟันแน่น ไม่เอ่ยคำใดแม้ว่านางจะไม่อยากเชื่อ แต่ความจริงก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น...หลิ่วหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”“เพียงแค่จดหมายฉบับนี้จะทำให้ข้าเชื่อเจ้าได้หรือ?”แม้ว่าคนของพรรคทมิฬจะไม่น่าไว้ใจ แต่เกาเล่อก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือไง?บางทีหวังหยวนอาจจะแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากนางก็เป็นได้!เพราะต้องการล้วงข้อมูลจากนางเพื่อไปจัดการพรรคทมิฬ!“ข้าพบญาติสายตรงของเจ้าแล้ว!”“เจ้าแค่ไปพิสูจน์กับเขาก็จะรู้เองว่าข้าพูดจริงหรือไม่?”เกาเล่อกล่าวพลางดื่มน้ำชาในเมื่อเขากลับมาแล้ว ฤก็แสดงว่าสืบเรื่องทุกอย่างจนกระจ่างแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมาพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?ดวงตาของหลิ่วหรูเยียนเบิกกว้าง รีบถามว่า “ข้ายังมีญาติอยู่หรือ?”
“ข้าไม่ได้ไม่เชื่อใจเจ้า!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม“เพียงแต่ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดชังพรรคทมิฬยิ่งนัก จึงอาจมองพวกเขาในแง่ลบเกินไป ข้าแค่อยากให้เจ้าใจเย็นสักหน่อย อย่าได้บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อหลอกล่อให้หลิ่วหรูเยียนบอกความจริง”“หากเป็นเช่นนั้น เมื่อหลิ่วหรูเยียนรู้ความจริง เรื่องราวคงจะยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม!”“เมื่อถึงเวลานั้น การจะล้วงข้อมูลจากนางคงจะเป็นเรื่องยาก!”เกาเล่อพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดแต่เขารู้ดีว่าตนเองทำอะไรอยู่ จึงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของหวังหยวน!ยิ่งกว่านั้น เขายังตระหนักถึงมิตรภาพระหว่างเขากับหวังหยวนมากขึ้นด้วย!ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้!หวังหยวนจะสงสัยและตำหนิเขาได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เขากล่าวล้วนเป็นความจริง!“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่จัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าแล้ว”“เจ้าคงเหนื่อยล้าจากการเดินทาง รีบไปพักผ่อนเถิด”“เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเกาเล่อพยักหน้า แล้วจากไป เป็นเช่นที่หวังหยวนกล่าว เขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่งเพราะช่วงนี้เขาทำงานหนักจนดึกดื่นทุกวันเพื่อสืบหาความจริงโดยเร็ว โชคดีที่
น้ำเสียงของประมุขพรรคทมิฬเย็นยะเยือกน่าสะพรึงกลัว แววตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าราวกับพร้อมจะฆ่าทุกคน!โอวหยางอวี่หวาดผวา เสื้อด้านหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น!เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนหน้าผาก!ตอนนี้เขาอยากรู้ความจริงโดยเร็ว!ไม่มีทางที่หลิ่วหรูเยียนจะยังมีชีวิตอยู่!“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราต้องเตรียมรับมือ!”ทันใดนั้น ชายสวมชุดดำคนหนึ่งก็เดินออกมาเขาเป็นหนึ่งในสี่องครักษ์ผู้มีอำนาจสูงส่ง“ลั่วเฉิน!”“นับจากนี้เจ้าจงรับผิดชอบองครักษ์นองเลือด!”“ข้าได้รับข่าวมาแล้ว จึงรู้เส้นทางของพวกหวังหยวน และเพิ่งรู้ว่าหลิ่วหรูเยียนยังมีญาติอยู่!”“ห้ามปล่อยให้คนผู้นั้นเข้าเมืองอู่เจียงได้!”“ต้องฆ่าให้ได้!”“แม้ว่าหวังหยวนจะช่วยชีวิตหลิ่วหรูเยียน แต่หลิ่วหรูเยียนก็คงจะนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนาง คงไม่ยอมบอกที่ตั้งฐานทัพของเราให้หวังหยวนรู้!”“แต่หากเกาเล่อสืบจนรู้ความจริง แล้วพาญาติของหลิ่วหรูเยียนมาพบ หลิ่วหรูเยียนอาจจะทรยศพวกเรา ทำให้พวกเราเสียเปรียบ!”“จำไว้! ต้องฆ่าคนผู้นั้นให้ได้!”“และส่งคนไปสืบที่เมืองอู่เจียง ดูว่าหลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!”ประมุขพรรคทมิฬออกคำ
“ข้าไม่ได้ไม่เชื่อใจเจ้า!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม“เพียงแต่ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดชังพรรคทมิฬยิ่งนัก จึงอาจมองพวกเขาในแง่ลบเกินไป ข้าแค่อยากให้เจ้าใจเย็นสักหน่อย อย่าได้บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อหลอกล่อให้หลิ่วหรูเยียนบอกความจริง”“หากเป็นเช่นนั้น เมื่อหลิ่วหรูเยียนรู้ความจริง เรื่องราวคงจะยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม!”“เมื่อถึงเวลานั้น การจะล้วงข้อมูลจากนางคงจะเป็นเรื่องยาก!”เกาเล่อพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดแต่เขารู้ดีว่าตนเองทำอะไรอยู่ จึงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของหวังหยวน!ยิ่งกว่านั้น เขายังตระหนักถึงมิตรภาพระหว่างเขากับหวังหยวนมากขึ้นด้วย!ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้!หวังหยวนจะสงสัยและตำหนิเขาได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เขากล่าวล้วนเป็นความจริง!“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่จัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าแล้ว”“เจ้าคงเหนื่อยล้าจากการเดินทาง รีบไปพักผ่อนเถิด”“เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเกาเล่อพยักหน้า แล้วจากไป เป็นเช่นที่หวังหยวนกล่าว เขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่งเพราะช่วงนี้เขาทำงานหนักจนดึกดื่นทุกวันเพื่อสืบหาความจริงโดยเร็ว โชคดีที่
“ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้ดีใช่หรือไม่?”เกาเล่อกล่าวอย่างหนักแน่น“เท่าที่ข้ารู้ คนที่ลงมือทำร้ายเจ้าครั้งนี้คือพรรคทมิฬ! แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกเจ้ามีความขัดแย้งอะไรกัน แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าคงหมดประโยชน์แล้ว พวกเขาจึงคิดกำจัดเจ้า!”“เพราะเจ้ารู้ความลับมากมาย พวกเขาคงไม่ปล่อยเจ้าไป!”เกาเล่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลิ่วหรูเยียนกัดฟันแน่น ไม่เอ่ยคำใดแม้ว่านางจะไม่อยากเชื่อ แต่ความจริงก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น...หลิ่วหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”“เพียงแค่จดหมายฉบับนี้จะทำให้ข้าเชื่อเจ้าได้หรือ?”แม้ว่าคนของพรรคทมิฬจะไม่น่าไว้ใจ แต่เกาเล่อก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือไง?บางทีหวังหยวนอาจจะแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากนางก็เป็นได้!เพราะต้องการล้วงข้อมูลจากนางเพื่อไปจัดการพรรคทมิฬ!“ข้าพบญาติสายตรงของเจ้าแล้ว!”“เจ้าแค่ไปพิสูจน์กับเขาก็จะรู้เองว่าข้าพูดจริงหรือไม่?”เกาเล่อกล่าวพลางดื่มน้ำชาในเมื่อเขากลับมาแล้ว ฤก็แสดงว่าสืบเรื่องทุกอย่างจนกระจ่างแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมาพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?ดวงตาของหลิ่วหรูเยียนเบิกกว้าง รีบถามว่า “ข้ายังมีญาติอยู่หรือ?”
“ข้ารีบเดินทางกลับมาเมื่อคืนนี้ และได้สืบเรื่องที่ท่านสั่งไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ!”เกาเล่อโค้งคำนับก่อนจะรายงานหวังหยวนเมื่อเขากลับมาถึงก็รีบมาหาหวังหยวนทันที เมื่อรู้ว่าหวังหยวนอยู่ที่สวนหลังวังจึงรีบตามมาที่จริงแล้วเขาเห็นหวังหยวนกับหลิ่วหรูเยียนทะเลาะกันอยู่ จึงไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะแต่ต้องยอมรับว่าแม้ว่าทั้งสองจะทะเลาะกัน แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนคู่สามีภรรยาที่มักจะมีปากเสียงกันเสมอ“ท่านให้เขาไปสืบเรื่องอะไร?”หลิ่วหรูเยียนรีบคว้ามือหวังหยวนพลางถามขึ้นนางมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับนาง!เจียงเสี่ยวอวี๋ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้เอ่ยคำใดหวังหยวนยกยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไปแล้วหรือ? ยังจะมายุ่งเรื่องนี้เพื่ออะไร?”“ท่าน...”หลิ่วหรูเยียนกัดฟัน ช่างเป็นผู้ชายที่น่าโมโหนัก!ให้เขาลงจากบันไดแล้วยังไม่ยอมลงอีกหรือ?หากผู้ชายทั้งโลกเป็นเหมือนหวังหยวน นางขออยู่เป็นโสด ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายเช่นนี้!ไม่เช่นนั้นคงต้องตายเพราะความโมโห!“ไป!”“พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า”หวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วพาเขาไปยังห้องโถงใหญ่เป็นไปตามที่เขาคาด แม้จะไม่ได้ช
“เช่นนั้นท่านก็บอกข้ามาสิ ข้าอยากรู้ว่าข้านั้นด้อยตรงไหน?”“ใครบ้างไม่รู้ว่าในบ้านท่านมีภรรยาโฉมงามหลายคน แต่แล้วอย่างไรเล่า?”“หากท่านเป็นสุภาพบุรุษจริงคงไม่หาภรรยามามากมายเช่นนี้หรอก!”เจียงเสี่ยวอวี๋ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หัวเราะไม่หยุดคนทั้งสองนี้ช่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะพบกันเมื่อใดก็ต้องทะเลาะกันเสมอ!หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะเป็นสุภาพบุรุษหรือไม่ เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ แล้วข้ามีภรรยากี่คน เกี่ยวกับเจ้าอย่างไรไม่ทราบ?”“ผู้ชายมีสามภรรยาสี่อนุไม่ใช่เรื่องปกติหรือ?”“ลองดูฮ่องเต้ในยุคนี้สิ มีนางสนมตั้งหลายร้อยคนไม่ใช่หรือ?”“แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ฮ่องเต้ แต่ข้าก็เป็นผู้ชาย พวกนางอยากอยู่กับข้า เจ้าจะทำอะไรได้?”ช่างพูดจาคารมคมคาย!น่าโมโหยิ่งนัก!หลิ่วหรูเยียนกลอกตามองหวังหยวน ก่อนจะเลิกสนใจเขาอีกหวังหยวนขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง มีคนกล่าวว่าสตรีและคนถ่อยคบด้วยได้ยาก วันนี้เขาเข้าใจแล้วว่าคำกล่าวนี้ถูกต้อง!อย่างน้อยหลิ่วหรูเยียนตรงหน้าเขาก็ยังร้ายกาจกว่าคนถ่อยด้วยซ้ำ!“อะแฮ่ม”ขณะที่ทั้งสองกำลังเถียงกันก็มีเสียงกระแอมเบา ๆ ดังขึ้น เจียงเสี่ยวอวี๋รีบยืนขวางหน้าทั้งสอง แล้วกล่
“ขอรับ!”เกาเล่อรับคำ แล้วเดินจากไป เมื่อชายชาติทหารได้รับภารกิจ ย่อมต้องทำให้สำเร็จแม้ต้องแลกด้วยชีวิต!หวังหยวนนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ มีเกาเล่อเป็นคนจัดการจึงไม่ต้องกังวลอะไร!เขารู้ดีว่าเมื่อสืบหาชาติกำเนิดของหลิ่วหรูเยียนได้แล้ว ก็จะทำให้นางยอมบอกทุกอย่างที่รู้ เมื่อถึงเวลานั้นจึงจะสามารถกำจัดพรรคทมิฬได้!นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้!...ในช่วงครึ่งเดือนต่อมา หลิ่วหรูเยียนยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง เนื่องจากบาดแผลสาหัส การที่นางรอดชีวิตมาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว จึงต้องพักรักษาตัวให้หายดี!แต่กลับไม่มีข่าวคราวใดจากเกาเล่อระหว่างนั้น เขาเคยส่งจดหมายมาบอกหวังหยวนว่าคนของพรรคทมิฬเหมือนจะรู้ว่าพวกเขากำลังสืบเรื่องของหลิ่วหรูเยียนอยู่ จึงทำให้เกาเล่อทำงานลำบากแต่โชคดีที่หลายปีมานี้ เกาเล่อได้สร้างองค์กรเครือข่ายผีเสื้อให้เป็นองค์กรข่าวกรองอันดับหนึ่งในใต้หล้า ครั้งนี้เขายังพาลูกน้องฝีมือดีไปด้วย หากให้เวลาเขาอีกสักหน่อย เขาย่อมสามารถแก้ปัญหาได้แน่!แต่ก็มีข่าวดีเช่นกัน อาการป่วยของหลิ่วหรูเยียนนั้นเริ่มดีขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกครึ่งเดือนนางก็จะหายเป็นปกติดิน
แน่นอนว่านางไม่ได้สนใจคำพูดของหวังหยวน ประชาชนทั่วหล้าเกี่ยวอะไรกับนาง?นางเป็นเพียงคนอาภัพคนหนึ่ง จะไปสนใจผู้อื่นเพื่ออะไร?ช่างน่าขันสิ้นดี!“ได้สิ!”“เจ้าเชื่อใจข้าได้!”“อย่าลืมว่าข้ามีองค์กรข่าวกรองที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!”“เพียงข้าเอ่ยปาก พวกเขาก็จะรีบสืบหาชาติกำเนิดของเจ้า ไม่นานก็คงมีข่าวดี รับรองว่าเจ้าจะต้องพอใจ!”“ข้าเป็นคนรักษาคำพูด และไม่เคยผิดสัญญากับสตรี!”หวังหยวนกล่าวอย่างหนักแน่นเขาไม่ได้ล้อเล่น ความสามารถขององค์กรเครือข่ายผีเสื้อเหนือกว่าองค์กรข่าวกรองของอีกสามกองกำลังเป็นอย่างมาก!ไม่ใช่เพียงเพราะหวังหยวนทุ่มเงินจำนวนมากให้กับองค์กรเครือข่ายผีเสื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเกาเล่อด้วย!เขาเป็นบุคลากรชั้นเยี่ยมที่หาได้ยาก!มีเกาเล่ออยู่เคียงข้าง จึงไม่ต้องกังวลอะไร!หลิ่วหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า “ขอข้าคิดดูก่อน ให้เวลาข้าสักหน่อยได้หรือไม่?”“ได้!”“เช่นนั้นข้าจะรอคำตอบจากเจ้า”หลังจากพูดจบ หวังหยวนก็ออกจากห้องไปช่วงนี้หลิ่วหรูเยียนพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าใครก็ตามคงต้องใช้เวลาทำใจหลิ่วหรูเยียนก็เช่นกันหวังหยวนจะไม่บีบค
“ข้าไม่อยากให้เป็นเขา...”“เพราะว่า...”หลิ่วหรูเยียนพูดไม่ออก แต่หวังหยวนเข้าใจดีว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาแม้จะไม่ใช่สามีภรรยา ก็คงเป็นคู่รักหากถูกคนรักลงมือทำร้าย ใครจะรับได้?ยิ่งเป็นสตรีด้วยแล้ว จะไม่ยิ่งเสียใจได้อย่างไร?“ข้าสงสัยว่าเหตุใดสตรีโฉมงามเช่นเจ้าจึงยอมทำงานให้พรรคทมิฬ?”“มีเรื่องราวอะไรซ่อนเร้นอยู่หรือไม่?”หวังหยวนถามขึ้นอีกครั้ง“ใช่แล้ว”“ข้าเป็นเด็กกำพร้า ถูกท่านประมุขเก็บมาเลี้ยง เขาเคยบอกข้าว่าเป้าหมายของพรรคทมิฬคือการปลดปล่อยประชาชน ไม่ให้พวกเขาต้องทุกข์ยาก”“สงครามที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทำให้ประชาชนเดือดร้อน หากพรรคทมิฬรวมแผ่นดินได้ ย่อมจะทำให้ใต้หล้าสงบสุข”“ข้าจึงเชื่อคำพูดของเขา”“แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาแค่ต้องการอำนาจเท่านั้น”หลิ่วหรูเยียนไม่ใช่คนโง่เขลา แต่เป็นสตรีที่เฉลียวฉลาดการจะหลอกลวงนางจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร?ตอนที่นางยังเด็กย่อมไม่รู้อะไรมากมาย แต่เมื่อนางมาอยู่ที่เมืองอู่เจียง แล้วได้พบปะผู้คนมากขึ้น จึงเริ่มระแวง และความคิดก็เปลี่ยนไปมากเป้าหมายของพรรคทมิฬคงไม่ได้ใสซื่อเช่นนั้น!ไม่
จากนั้นหลิ่วหรูเยียนก็ไอออกมาสองสามครั้งนางเพิ่งฟื้น ร่างกายจึงอ่อนแอมากเจียงเสี่ยวอวี๋รีบยื่นน้ำให้นาง ก่อนจะช่วยพยุงนางให้ดื่มน้ำ เสียงไอจึงค่อยบรรเทาลงแต่ใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนยังคงซีดเผือด แสดงให้เห็นว่านางบาดเจ็บสาหัสเพียงใด“ในเมื่อพี่หรูเยียนฟื้นแล้ว เจ้าก็อย่ามัวอยู่ที่นี่ต่อเลย”“ข้ามีเรื่องต้องคุยกับหลิ่วหรูเยียน เจ้าออกไปก่อนเถิด”หวังหยวนไล่เจียงเสี่ยวอวี๋ทางอ้อมหลิ่วหรูเยียนนอนนิ่งบนเตียง หลับตาพักผ่อนตลอดเวลาแม้ว่าเจียงเสี่ยวอวี๋จะไม่เต็มใจ แต่ก็จำต้องออกจากห้องไปก่อน“ข้าไม่ไป!”“สองวันนี้ข้าจะอยู่ที่วังแห่งนี้เพื่อช่วยดูแลพี่หรูเยียน!”“และป้องกันไม่ให้ท่านรังแกนางด้วย!”เมื่อเห็นว่าหวังหยวนไม่ได้สนใจตน เจียงเสี่ยวอวี๋จึงพูดขณะเดินออกไปว่า “เช่นนั้นข้าจะรออยู่หน้าประตู รอจนกว่าพวกท่านจะคุยกันเสร็จ แล้วข้าจะเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนพี่หรูเยียน”เมื่อเจียงเสี่ยวอวี๋ออกจากห้องไปแล้ว หวังหยวนก็เดินไปข้างเตียงหลิ่วหรูเยียน แล้วมองลงมาที่นาง“หากคนของข้าไปพบเจ้าไม่ทัน เจ้าคงตายไปแล้ว”“เมื่อครู่เจ้าพูดเช่นนั้น แสดงว่าเจ้ารู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่?”ห