“ท่านพบเจอนางที่ใดอีกขอรับ?”ครั้งก่อนก็เพราะหลิ่วหรูเยียน ที่ทำให้เกาเล่อตกอยู่ในอันตราย!ครั้งนั้นนับว่าโชคร้ายยิ่งนักหากไม่ใช่หวังหยวนวางแผนรับมืออย่างรัดกุมด้วยตัวเอง ป่านนี้หวังหยวนคงถูกฝังอยู่ในเมืองผี...ต้นเหตุแห่งหายนะทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางผู้นี้!ต่งอวี่จะยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ ได้อย่างไร!เมื่อกลับมาถึงจวน หวังหยวนจึงวางหลิ่วหรูเยียนลงจากบ่า แล้วสั่งเหล่าทหารองครักษ์ว่า “รีบมัดนาง แล้วพาไปขังไว้ในห้องข้า”“ห้ามให้นางผู้นี้หนีไปได้เด็ดขาด!”“นางมีจิตใจชั่วร้าย มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย ต้องคุมขังไว้อย่างแน่นหนา!”ทหารองครักษ์สองนายรับคำ แล้วจับแขนหลิ่วหรูเยียนคนละข้าง ก่อนจะพานางไปยังห้องของหวังหยวนหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย หวังหยวนจึงมองต่งอวี่ ปัดฝุ่นบนมือพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่ข้ากำลังตรวจสอบโครงการชลประทาน นางก็มาหาข้าเอง แล้วบอกว่าต้องการร่วมมือด้วย”“ทองคำหนึ่งพันตำลึง แลกกับการเปิดเผยที่ตั้งฐานทัพลับของพรรคทมิฬแห่งหนึ่ง!”“จะมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้นในโลกได้อย่างไร?”“ข้าต้องสอบสวนนางให้ดี จึงจะรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของนาง”ต่งอวี่หรี่ตาพลางยก
เมื่อได้ยินเกาเล่อพูดเช่นนั้น ต่งอวี่ก็ตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง ถูกต้อง เกาเล่อพูดมีเหตุผล!”“แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน!”“รอให้เรื่องคืนนี้เสร็จสิ้น พรุ่งนี้ค่อยเค้นความจริงจากหลิ่วหรูเยียนก็ยังไม่สาย!”หวังหยวนกลอกตามองคนทั้งสองอย่างไม่สบอารมณ์เขาเพิ่งพาหลิ่วหรูเยียนกลับจวนผู้ว่าราชการเมือง ไม่นึกเลยว่าข่าวจะไปถึงหูเกาเล่อแล้วแต่เช่นนี้ก็ดี เป็นการพิสูจน์ว่าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อที่เกาเล่อก่อตั้งมีความสามารถในการแทรกซึมสูงอย่างแท้จริง ทั่วทั้งเมืองอู่เจียงล้วนมีสายลับของพวกเขาอยู่แต่คำพูดของคนทั้งสองช่างน่าโมโหนัก!หวังหยวนขี้เกียจสนใจ ได้แต่ไล่พวกเขา “ไป ไป ไป ข้าขี้เกียจคุยกับพวกเจ้าแล้ว!”เกาเล่อและต่งอวี่สบตากัน แล้วหัวเราะอย่างรู้ใจและไม่ตามหวังหยวนไปอีกเมื่อหวังหยวนเดินไปยังห้องของตน ต่งอวี่จึงค่อย ๆ หุบยิ้ม จากนั้นมองเกาเล่อพลางขมวดคิ้วถาม “เจ้าว่า... คืนนี้จะเกิดเรื่องหรือไม่?”“หมายความว่าอย่างไร?”เกาเล่อถามอย่างสงสัย“หลิ่วหรูเยียนมาที่นี่กะทันหัน ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน...”“นางผู้นี้ฉลาดหลักแหลม นี่คือคำวิจารณ์ของท่านผู้นำที่มีต่อนาง”
หากหลิ่วหรูเยียนหลุดมือพวกเขาไปอีก พวกเขาก็จะกลายเป็นคนบาป...ยิ่งไปกว่านั้น คงไม่อาจชี้แจงกับหวังหยวนได้!“ลำบากพวกเจ้าสองคนเสียแล้ว”“พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด”หวังหยวนโบกมือไล่ทหารองครักษ์ทั้งสอง ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้หลิ่วหรูเยียนปากของหลิ่วหรูเยียนถูกปิดด้วยผ้า แม้จะดิ้นรนอยู่ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยโทสะยิ่งเมื่อเห็นหวังหยวนปรากฏตัวในครรลองสายตาก็ยิ่งส่งเสียงอู้อี้ ประหนึ่งว่ากำลังประท้วงหวังหยวนอยู่หวังหยวนนั่งลงข้างเตียง แกะผ้าที่ปิดปากนางออก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะสงวนแรงไว้แทนที่จะจ้องมองข้าด้วยความโกรธเช่นนี้”“อย่าลืมสิ ครั้งก่อนเจ้าหนีจากเงื้อมมือข้าไปได้ แต่คราวนี้เจ้ากลับตกอยู่ในมือข้าอีกครั้ง”“บางทีข้าอาจเลียนแบบวิธีของต่งอวี่ด้วยการโยนเจ้าไปไว้ในกลุ่มบุรุษ เจ้าคงรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรกระมัง?”แววตาหลิ่วหรูเยียนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นางตื่นตระหนกเล็กน้อยผ่านไปสักพัก เมื่อหวังหยวนแกะผ้าที่ปิดปากออก นางจึงขมวดคิ้วถาม “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”หวังหยวนตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าต่างจากคนรอบข้างเจ้า ข้าเป็นสุภาพบุรุษ จะไม่ทำเรื่องฉวยโอกาสเ
ปรากฏว่าหวังหยวนใช้วิธีนี้เพื่อควบคุมและข่มขู่นาง!หากกินยาพิษเข้าไป แล้วแอบหนีไป พิษย่อมกำเริบจนตายซ้ำยังตายอย่างน่าอนาถ!แต่นางก็รู้ดีว่าหากไม่ยอมกินยาพิษ หวังหยวนคงไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ สุดท้ายก็คงถูกขังไว้ที่นี่ตอนนี้มีหวังหยวนอยู่ คนรอบตัวเขาจึงไม่กล้าทำอะไรเกินเลย แต่หากหวังหยวนจากไป พวกเขาอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากมีใครมารังแกนางขึ้นมา แล้วจะทำเช่นไร?หลิ่วหรูเยียนรู้สึกสับสน“ไม่กินหรือ?”“ไม่กินก็ช่าง”“ข้าไม่ได้บังคับเจ้า”หวังหยวนเตรียมเก็บขวดยาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นเจ้าก็ถูกมัดต่อไปเถิด แต่ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายเจ้าแม้แต่น้อย”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกโล่งใจแต่ความสงบสุขอยู่ได้ไม่นาน เพราะนางได้ยินหวังหยวนพูดต่อ “แต่หากพวกเขาทำเรื่องไม่เหมาะสม พวกเขากับข้าล้วนเป็นพี่น้องกัน ข้าคงไม่สามารถตำหนิพวกเขาได้”“เจ้าก็อดทนหน่อยแล้วกัน”นี่คนหรือปีศาจ?หลิ่วหรูเยียนโกรธจนหัวใจแทบหลุดออกมาจากอกนางกัดฟันแน่นจนเกิดเสียงดังกรอด โลกนี้จะมีผู้ชายน่ารังเกียจเช่นหวังหยวนได้อย่างไร?เหตุใดคนเช่นนี้จึงได้อยู่ในตำแหน่งสูงส่งเช่นนี้?สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม
แน่นอนว่าพวกเขารู้ดี ว่าหวังหยวนคำนึงถึงความปลอดภัยของพวกเขาเช่นเดียวกันพรรคทมิฬเป็นดั่งอสูรร้ายกาจ พวกเขายังไม่รู้จักพรรคทมิฬดีนัก ยิ่งไม่รู้ว่าอสูรร้ายตนนี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใดทุกอย่างต้องจัดการอย่างรอบคอบจึงจะลดการสูญเสียให้น้อยที่สุด!“ไปทำงานเถิด”หวังหยวนโบกมือ ทุกคนจึงทยอยกันออกไป ส่วนเกาเล่อและพวกพ้องก็รีบไปทำภารกิจเนื่องจากมีสถานที่มากมาย ต่งอวี่จึงร่วมมือกับเกาเล่อด้วยเมืองอู่เจียงมีหวังหยวนคอยดูแล ไม่จำเป็นต้องให้ต่งอวี่คอยระวังภัยอีกก็ยังวางใจได้“พวกเราจะไปที่ใด?”เมื่อผู้คนในห้องโถงทยอยกันออกไปหมดแล้ว หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังหวังหยวนก็เอ่ยถาม“เจ้าเป็นแค่สาวใช้ของข้า เหตุใดจึงพูดมากเช่นนี้?”“ข้าจะไปที่ใด เจ้าก็ตามข้าไปก็พอแล้ว เข้าใจหรือไม่?”“หากคราวหน้ายังพูดมากอีก อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”หวังหยวนดุก่อนจะเดินออกจากห้องโถงหลิ่วหรูเยียนโกรธจนกระทืบเท้าไปมา!คิดว่านางเป็นสาวใช้จริงหรือ?หวังหยวนช่างน่ารังเกียจ!จิตสังหารในใจนางพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง!ไม่นานทั้งสองก็มาถึงสวนหลังจวนผู้ว่าราชการเมือง มองไปรอบ ๆ แล้วเห็นบ้านหลังเล็กซ่อนตัวอยู่
อัครเสนาบดีฝ่ายขวาแห่งอาณาจักรต้าเป่ย ช่างเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่!ในอาณาจักรต้าเป่ย แค่เพียงเขากระทืบเท้า ทั่วทั้งราชสำนักก็ต้องสั่นสะเทือน!แต่นางไม่คาดคิดเลยว่า...ซือหม่าอันที่ควรจะตายไปแล้ว กลับปรากฏตัวอยู่ที่สวนหลังจวนผู้ว่าราชการเมืองของหวังหยวน แต่ไม่นานนางก็เข้าใจ ก่อนหน้านี้คงเป็นการแสดงเพื่อหลอกไป๋ชิงชาง!หวังหยวนช่างเฉลียวฉลาดเสียจริง!ทันใดนั้น หลิ่วหรูเยียนก็มองหวังหยวนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปซือหม่าอันเห็นหวังหยวนมีท่าทีเหมือนอยากจะพูดคุยด้วย จึงรีบบอกให้คนรอบข้างออกไป ก่อนจะนั่งลงตรงโต๊ะหินกับหวังหยวนเพียงลำพังหลังจากรินน้ำชาให้หวังหยวนแล้ว ก็ได้ยินหวังหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านรู้สึกอึดอัดใจหรือไม่ที่ต้องอยู่ที่นี่?”“ท่านหวังหมายความว่าอย่างไร?”ซือหม่าอันโบกมือปฏิเสธและรู้สึกตกใจ“ท่านเคยเป็นถึงอัครเสนาบดีฝ่ายขวาแห่งอาณาจักรต้าเป่ย แต่ตอนนี้กลับต้องหลบซ่อนอยู่ที่นี่ แม้แต่ตัวท่านเองและครอบครัวก็ออกไปไหนไม่ได้”“หากข้าเป็นท่าน ข้าคงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง”หวังหยวนจิบน้ำชา แล้วพูดต่อ“แต่ทั้งหมดนี้ก็พอเข้าใจได้”“ท่านคงรู้ดีว่าคนของอาณาจักรต้าเป่ยกำลังตามหาท่าน
“ครั้งก่อนข้าเคยไปที่นั่น ข้ายังนึกไม่ออกเลยว่าจะพัฒนาที่นั่นได้อย่างไร”“แต่เมืองโบราณแห่งนั้นก็เป็นดินแดนของข้า ผู้คนในนั้นก็เป็นราษฎรของข้า ข้าจะปล่อยให้พวกเขาลำบากได้อย่างไร?”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซือหม่าอันก็เข้าใจทันทีหวังหยวนต้องการให้เขาไปรับตำแหน่งที่เมืองโบราณ!ดวงตาของเขาเป็นประกาย ขณะรีบกล่าว “ท่านหวัง ข้ายินดีไปที่เมืองโบราณ!”“เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านจะเชื่อใจข้าหรือไม่?”หวังหยวนเลิกคิ้ว แต่ไม่ได้เอ่ยคำใดครู่หนึ่งซือหม่าอันจึงส่ายหน้าอธิบาย “ตอนนี้ข้าเพิ่งมาสวามิภักดิ์ท่าน หากข้าไปเมืองโบราณ ทั้งครอบครัวก็ต้องไปด้วย”“หากข้าแอบหนีไปกลางทาง จะไม่เป็นการทรยศต่อความหวังดีของท่านหรือ?”“แม้ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น แต่ก็ต้องบอกกล่าวท่านถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้”หวังหยวนเข้าใจทันทีซือหม่าอันช่างเป็นคนรอบคอบเขาไม่ได้คิดมากถึงเพียงนั้น แต่ซือหม่าอันกลับคิดแทนเขางั้นหรือ?หวังหยวนตบไหล่ซือหม่าอัน แล้วกล่าวว่า “ข้ามีหลักการอย่างหนึ่งคือใช้คนต้องไม่สงสัย ถ้าสงสัยไม่ใช้ ในเมื่อข้ารับท่านมาอยู่ด้วย แล้วยังให้ท่านอยู่ในจวนผู้ว่าราชการเมือง นั่นหมายความว่าข้าถือว่าท่านเป็น
เห็นได้ชัดว่าซือหม่าอันมีความสุขมากจากก้นบึ้งของหัวใจหวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตราบใดที่ท่านไม่มีปัญหาก็พอแล้ว”“ในเมื่อเราตกลงกันแล้ว ท่านก็ไปเตรียมตัวเถิด คืนนี้ข้าจะให้ต่งอวี่พาท่านไปยังเมืองโบราณ”“แล้วทิ้งกองกำลังไว้คุ้มครองท่านด้วย”“ส่วนท่านจะปฏิรูปอย่างไรก็สุดแล้วแต่ความสามารถของท่าน”“แต่อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ข้าบอกสถานการณ์ของเมืองโบราณแก่ท่านแล้ว หากท่านสามารถฟื้นฟูเมืองแห่งนี้ได้ก็นับเป็นความสามารถของท่าน แต่หากทำไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร”“เพราะแม้แต่ข้าเองก็ยังทำไม่ได้”ความจริงแล้วหวังหยวนแค่ไม่อยากเสียแรงไปกับเมืองโบราณมากนักรอให้เมืองพัฒนาขึ้นในภายภาคหน้าก่อน แค่ส่งเงินไปช่วยเหลือ เมืองก็จะเจริญขึ้นมาได้เหตุใดต้องยุ่งยากเช่นนี้?ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือโครงการชลประทาน!“ท่านหวังวางใจเถิด”“ในเมื่อท่านเชื่อใจข้า ข้าย่อมไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”“ต่อไปข้าจะพัฒนาเมืองโบราณให้เจริญรุ่งเรือง!”“หากข้าทำผลงานไม่ได้ ข้าจะไม่มาพบท่านหวัง!”ซือหม่าอันกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวหลังจากพูดคุยกันอีกสักพัก หวังหยวนก็ติดต่อไปยังต่งอวี่เพื่อให้เขาจัดกองกำลังพาซือหม่าอันและครอบค
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ
“ทุกคนขึ้นเขาเดี๋ยวนี้!”“ห้ามปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้!”หวังหยวนออกคำสั่ง ขุนพลนายกองเริ่มเคลื่อนไหวคนที่อาศัยอยู่บนหน้าผาแห่งนี้ล้วนเป็นระดับสูงของพรรคทมิฬและมีตำแหน่งสำคัญ การกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้น จึงจะทำให้พรรคทมิฬหายไปอย่างสมบูรณ์!ตัดวัชพืชไม่ถอนราก เมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาก็งอกขึ้นมาใหม่!เมื่อทุกคนเข้าไปบนหน้าผาแล้ว หวังหยวนก็ออกคำสั่ง ต่งอวี่และเอ้อหู่ต่างเป็นผู้นำพาผู้ใต้บัญชาบุกขึ้นไปบนยอดเขา!ส่วนหวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ตามไปติด ๆ!“เจ้าจะทำอะไร?”หวังหยวนหันไปคว้าแขนหลิ่วหรูเยียน แล้วถามขึ้นหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา กำหมัดแน่น สีหน้าโกรธเกรี้ยวนางขมวดคิ้วกล่าวว่า “ข้าจะขึ้นไปล้างแค้นด้วยตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่ข้าเกือบตายเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาข้าก็ถูกคนของพรรคทมิฬฆ่าตาย จะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไร?”“วันนี้ไม่มีใครหยุดข้าได้ ข้าจะฆ่าตานสยงเฟย ล้างแค้นให้พ่อแม่!”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็สะบัดแขนหวังหยวนออก ก่อนจะชักกริชออกมาแล้ววิ่งขึ้นไปบนยอดเขา!แม้ว่านางจะเป็นคนบอกที่ตั้งฐานทัพนี้ให้หวังหยวน แต่ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปกว่านาง!ไม่นานพวกหวังหยวนก็ขึ้นไปถึงยอดเขา
หวังหยวนกลอกตามองเอ้อหู่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ชีวิตของทหารที่อยู่ข้างหลังเจ้าล้วนอยู่ในมือเจ้า!”“การที่เจ้าพาพวกเขามาเสี่ยงอันตราย หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็ดีไป แต่หากเกิดความผิดพลาด เจ้าจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร?”“อย่าลืมว่าการเป็นขุนพลไม่ใช่แค่เพื่อรบชนะ!”“แต่ต้องชนะอย่างสวยงาม ลดการสูญเสียให้มากที่สุด!”ทุกคนต่างตกตะลึงเดิมทีพวกเขาคิดว่าการติดตามหวังหยวนก็เพื่อหาเลี้ยงชีพ ในยุคสงคราม การมีข้าวกินก็ดีมากแล้วชีวิตพวกเขาจะสำคัญอะไร?ในสายตาของชนชั้นสูง ชีวิตพวกเขาไม่ต่างจากเศษหญ้า!เป็นเพียงเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ!แต่หวังหยวนกลับมีเมตตา เห็นใจพวกเขา ทำให้พวกเขาซาบซึ้งจริง ๆ!ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะต้องสูญเสียมากมาย พวกเขาก็ยินดีสละชีพเพื่อช่วยหวังหยวนพิชิตหน้าผาแห่งนี้ และฆ่าคนของพรรคทมิฬให้หมดสิ้น!“รีบก่อไฟทำอาหาร!”“เมื่อทุกคนอิ่มท้องแล้วก็คงถึงเวลาพอดี!”“จำไว้! ห้ามส่งเสียงดัง ประเดี๋ยวพวกมันจะรู้ตัว!”“หากพวกมันรู้ตัวจะเป็นอันตรายต่อพวกเรา!”หวังหยวนกำชับทุกคนพยักหน้ารับ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเ
ในช่วงเวลาไม่กี่วันต่อมา ด้วยการนำทางของหลิ่วหรูเยียน หวังหยวนและคนอื่น ๆ จึงไม่หลงทาง เดินทางมาถึงเชิงผาได้อย่างรวดเร็ว!บัดนี้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อก็ได้แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่โดยรอบแล้วหวังหยวนและคนอื่น ๆ ตั้งค่ายอยู่ในป่าแห่งหนึ่งเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นเงาคนมากมาย พวกเขาล้วนเป็นสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ“สืบทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?”หวังหยวนสวมชุดเกราะเตรียมพร้อมรับมือกรณีฉุกเฉินและป้องกันการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!เกาเล่อรีบเข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สืบเรียบร้อยแล้วขอรับ คนร้ายอยู่บนเขาลูกนี้!”“แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังขนย้ายสิ่งของ ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงก็เห็นรถม้าลงมาจากเขาไม่ต่ำกว่าร้อยคันแล้ว!”“แต่พวกเราไม่ได้ลงมือเพื่อไม่ให้พวกมันตื่นตัว!”“ข้าได้ส่งคนไปตามเส้นทางที่พวกมันใช้ หลังจากที่พวกเราจัดการเรื่องบนหน้าผาแล้ว จากนั้นจึงไปกวาดล้างพวกมัน!”“แล้วทรัพย์สมบัติของพวกมันก็จะตกเป็นของพวกเรา!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเรื่องนี้จัดการได้ดีมาก!เหตุผลที่พรรคทมิฬเติบโตอย่างรวดเร็วก็เพราะความร่ำรวย!หากตัดเส้นทางการเงินของพวกมัน แม้ว่าตานเฟยจ
ตานเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจช่วงนี้หลังจากถูกหวังหยวนจับตามอง เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา!แม้แต่การหาสาวกใหม่ก็ยังยากลำบาก!หวังหยวนคอยขัดขวางเขา เขาจึงต้องสั่งสอนหวังหยวนบ้าง!แต่น่าเสียดาย...ยังหาโอกาสไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตานเฟยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าตนเองต่างกับหวังหยวน แล้วจะสู้หวังหยวนได้อย่างไร?อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้!ดังนั้นแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นอาฆาต แต่ย่อมต้องหลีกเลี่ยง“ที่เจ้าทำงานสำเร็จก็แค่ช่วยถ่วงเวลาเท่านั้น”“ตราบใดที่หลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่ นางก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ!”“ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะฆ่านางได้ พวกเราต้องระวังตัวและดำเนินแผนการต่อไป!”“พยายามขนย้ายสิ่งของออกไป หากถึงเวลาจำเป็น พวกเราก็ต้องทิ้งฐานที่มั่นแห่งนี้”ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายหน้าผาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เพียงแต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!จึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!แม้ว่าสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะกระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งเก้า แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงหน้าผาแห่งนี้!แต่น่าเสียดา
สตรีผู้นี้...หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจช่างไม่รู้จักบุญคุณเอาเสียเลย!เหตุผลที่เขาไม่อยากให้หลิ่วหรูเยียนไปด้วยก็เพื่อปกป้องนาง เพราะหลังจากที่รู้ชาติกำเนิดของนางแล้ว หวังหยวนก็รู้สึกเห็นใจ!หลายปีมานี้ นางต้องเผชิญกับความทุกข์ยากมากมาย บัดนี้ในที่สุดก็ได้พบกับญาติ จึงควรได้ใช้เวลากับครอบครัว!แต่นางกลับดื้อรั้น ยืนกรานจะตามไปเสี่ยงอันตรายกับเขา ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!“เจ้าตัดสินใจแล้วจริงหรือ?”หวังหยวนถามย้ำ“ใช่แล้ว!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่น“ได้!”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ประเดี๋ยวเจ้าไปเตรียมตัวได้เลย เช้านี้พวกเราจะออกเดินทาง!”ตานเฟยเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก ต้องรีบจัดการเขา ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะมีโอกาสหนีไปได้!เมื่อถึงเวลานั้นจะเสียทั้งฮูหยินและรี้พล!หวังหยวนไม่อยากพลาดโอกาสนี้!“ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!”หลิ่วหรูเยียนกล่าว แล้วเดินออกไป ในดวงตาของนางปราศจากแววตื่นเต้น กลับมีแต่ความเย็นชา!การล้างแค้นคือเป้าหมายเดียวในใจนาง!ครึ่งชั่วยามต่อมา หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างก็เตรียมพร้อม เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญ หวังหยวนจึงเตรียมการอย่างรัดกุมไม่เพียงแต่เรียกทหาร
“เขาชื่อตานเฟย อายุสี่สิบกว่าปี แต่ข้ารู้แค่ชื่อ ส่วนหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ข้าไม่รู้”“ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่คนอื่น ๆ ในพรรคทมิฬต่างไม่รู้เช่นกัน”“หลายปีมานี้ เขาสวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่ให้ใครเห็นหน้าตาที่แท้จริง!”หลิ่วหรูเยียนอธิบายหวังหยวนพยักหน้า คนของพรรคทมิฬชอบปิดบังตัวตน จึงไม่ยอมเปิดเผยหน้าตาไม่เช่นนั้นคงไม่สะดวกในการทำงาน!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดีหวังหยวนใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วถามขึ้นว่า “แล้วฐานทัพพรรคทมิฬอยู่ที่ไหน?”“เจ้าน่าจะรู้ใช่หรือไม่?”“ได้ยินว่าตานเฟยรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อใจคนอื่น แต่ย่อมต้องเชื่อใจเจ้า และพาเจ้าไปด้วยใช่หรือไม่?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็เปลี่ยนไป นางกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวปรากฏว่าหลายปีที่ผ่านมา นางเห็นโจรเป็นพ่อมาโดยตลอด!ซ้ำยังช่วยเหลือโจรผู้นี้ทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนช่วยเหลือ นางคงกลายเป็นหุ่นเชิดในมือของตานเฟย!ยิ่งคิด ยิ่งโมโห!“ข้ารู้!”“สถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างไกลและอยู่ในหุบเขาลึก แม้ว่าข้าจะบอกท่าน ท่านก็คงหาไม่พบ!”“ข้ามีวิธีหนึ่ง ให้ข้านำทางพาท่า
ในคืนนั้น หลิ่วหรูเยียนอยู่กับลุงของนางในห้อง ทั้งสองพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลินหลิ่วหรูเยียนไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเป็นเพียงคนเดียวดาย แม้ว่าประมุขพรรคทมิฬจะดูแลนาง แต่นางกลับรู้สึกว่ามีความห่างเหินกับเขา ความรู้สึกนี้ แม้แต่นางเองก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนอาจเป็นความรู้สึกแปลกแยกกระมัง?เพราะทั้งสองไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแม้ว่าจะเห็นเขาเป็นญาติ แต่ก็ไม่ใช่ญาติที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เขากลับเป็นคนที่ฆ่าบิดาของนาง!หลิ่วหรูเยียนเข้าใจทุกอย่างแล้ว หวังหยวนไม่ได้หลอกลวงนาง ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง หลักฐานอยู่ตรงหน้า แม้จะไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ!รุ่งเช้า หวังหยวนตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเงาของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเมื่อเขาเดินออกไปก็เห็นสตรีคนหนึ่งยืนอยู่หากไม่ใช่หลิ่วหรูเยียน แล้วจะเป็นใครได้?“เจ้าตื่นเช้าจัง!”“ลุงของเจ้าเล่า?”“เท่าที่ข้ารู้ ตั้งแต่เมื่อวานพวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันตลอด เหตุใดตอนนี้จึงแยกกันแล้วเล่า?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางขมวดคิ้วกล่
เมื่อหลิ่วหรูเยียนและชายผู้นั้นหยดเลือดลงในชาม ก็เห็นเลือดทั้งสองหยดรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เป็นเช่นนี้จริง ๆ!นั่นแสดงว่าทั้งสองมีสายเลือดเดียวกัน!“ท่านลุง!”ทันใดนั้น หลิ่วหรูเยียนก็ร้องไห้ออกมา แล้วจับมือชายผู้นั้นพลางเรียกเขานางไม่นึกเลยว่านางยังมีญาติอยู่ในโลกนี้!ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างพากันยินดีกับหลิ่วหรูเยียนช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี!เจียงเสี่ยวอวี๋ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลส่วนหวังหยวนส่ายหน้าพลางยิ้มฝืดเฝื่อน เขาเป็นคนต่างยุคย่อมเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งการพิสูจน์สายเลือดด้วยการหยดเลือดลงน้ำไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดมารองรับ!ตราบใดที่เลือดสองชนิดเป็นหมู่เดียวกันย่อมสามารถรวมตัวกันได้ แต่หมู่เลือดเป็นแค่การแบ่งประเภทเท่านั้นบางทีนี่อาจเป็นฟ้าลิขิตก็ได้ใช่หรือไม่?ยิ่งกว่านั้น คนในยุคนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องหมู่เลือดด้วย ในเมื่อเลือดของทั้งสองสามารถรวมตัวกันได้ ประกอบกับเกาเล่อได้สืบหาข้อมูลมานานแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าทั้งสองเป็นญาติกันจริง!ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นการช่วยให้หลิ่วหรูเยียนมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วยเขาจึงไม่ขัดจังหวะ“ดี! ดี! ดี!”“น้องชายข้าม