“ให้ตายเถอะ ใจกล้ามากจากไหน แค่คนผ่านทางจะมาปล้นพวกโจรอย่างเราเนี้ยนะ!”“ให้เงินเขาไม่ได้เด็ดขาด ถ้าข่าวแพร่ออกไป ค่ายอีเซี่ยนเทียนของเรายังจะมีหน้าอยู่อีกหรือ?”พวกโจรโกรธมากปล้นมาหลายปี มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ปล้นคนผ่านทาง มีคนผ่านทางที่ไหนมาปล้นพวกเขากัน?ปล่อยให้พวกเจ้าผ่านไปก็ดีแล้ว แต่เจ้ากลับมาปล้นพวกเรา ไม่มีจรรยาบัญเลยรึไง?“ทุกคนหุบปากไปเลย!”หลังจากตวาดโจรให้เงียบลง จินเฉียนสู่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า "พวกเราจ่ายเงินให้เจ้าหนึ่งพันตำลึง จะถือเป็นค่าชดเชยของเจ้า โปรดปล่อยเจ้ารองหัวหน้าของเราไป!"“หนึ่งพันตำลึง!”หวังหยวนหัวเราะเยาะ "รองหัวหน้าของเจ้ามีค่าหนึ่งพันตำลึงทองงั้นหรือ?""มารดาเจ้าเถอะ!"จินเฉียนสู่อยากจะด่าสาป เขาพูดถึงเงิน แต่บัณฑิตใจร้ายคนนี้บอกว่าทอง แต่เขาไม่กล้าปฏิเสธต่อหน้าผู้คน ไม่เช่นนั้นก็เหมือนเป็นการบอกว่ารองหัวหน้าไร้ค่า รองหัวหน้าอารมณ์รุนแรง ในอนาคตเขาต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแน่ จำยอมกำหมัดและโค้งคำนับทำความเคารพเท่านั้น“ท่านบัณฑิต แม้ว่าค่ายอีเซี่ยนเทียนจะมีชื่อเสียงมาก แต่ก็มีคนกินอยู่ห้าถึงหกร้อยคน นอกจากนี้ซื้อขายก็ไม่สะดวก ในปีนี้เราใช้
“ใครมาช่วยข้า!”ตอนที่หูเมิ่งอิ๋งออกไปนางยังสับสนอยู่ แต่ในไม่ช้านางก็ตระหนักว่าไม่ใช่พี่เหลิ่งอวิ๋นที่ลงมือระหว่างทางลงภูเขาพร้อมกับพวกโจร ได้ยินพวกโจรพวกนี้สาปแช่งชายแซ่หวังจากหมู่บ้านต้าหวังมาตลอดทางด่าขาว่าขี้ขลาดเหมือนหนู น่ารังเกียจ ใจดำ เขามันโหดร้ายยิ่งกว่าโจร ด่าเขาว่าไอหนุ่มไร้ยางอาย!ในเขณะเดียวกัน จากข้อมูลที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันที่ได้ฟังก็พอะติดปะต่อได้ หวังหยวนสั่งให้คนสิบคนเอาชนะกลุ่มโจรด้วยการซุ่มโจมตี จับตัวหงเยี่ยและเรียกค่าไถ่เป็นทองคำ!ตลอดทางลงจากภูเขา นางนึกภาพการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย!ตอนนั้นคิดแค่ว่าเขาเป็นบัณฑิตรูปหล่อ ที่ค้นพบวิธีลับในการทำสบู่ต่อมาข้าได้ยินว่าเขาได้ทำลายล้างค่ายซานหู่ จึงได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถรอบด้านทั้งบุ๊นและบู๊!แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะสามารถจัดการกับโจรอีเซี่ยนเทียนได้ กล้าข่มขู่พวกโจรด้วย!อย่างไรก็ตาม ในเมืองได้ปล่อยข่าวชื่อเสียงของเขาออกไปอย่างเลวร้าย!เมื่อรวมข้อมูลทุกอย่างเข้าด้วยกัน ดูเหมือนว่าชายแปลกหน้าคนนี้อยู่ในม่านหมอก!มันยากที่จะมองทะลุปรุโปร่ง!เมื่อมาถึงเชิงเขา ก็ไม่มีโจรมาขวางทางนาง หูเมิ่งอิ๋งเดินไ
จินเฉียนสู่ขมวดคิ้ว "ปล่อยคนซะ เงินก็ให้เจ้าแล้ว ถ้าเราไม่ปล่อยรองหัวหน้าของเราไป เจ้าออกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!"หวังหยวนกล่าวว่า "เจ้าส่งคนยี่สิบคนมาติดตามนาง หากออกจากเขตค่ายอีเซี่ยนเทียนได้ประมาณสามสิบลี้ ข้าจะปล่อยนางไป แบบนี้ทุกคนก็จะปลอดภัย!""ดี!"หลังจากปรึกษากับคนอื่นแล้ว จินเฉียนสู่ก็เลือกผู้ชายยี่สิบคน!ให้กลุ่มนี้เตรียมออกเดินทาง!"เดี๋ยวก่อน!"หูเมิ่งอิ๋งที่เงียบมาตลอด ลุกขึ้นแล้วพูดว่า "คนรับใช้ตระกูลหูที่มากับข้าอยู่ที่ไหน"โจรคนหนึ่งลุกขึ้นยืน "คนของเจ้าทั้งหมดสิบคน สังหารพวกเขาไปแล้วห้าคน ศพของพวกเขาถูกโยนทิ้งที่หน้าผาแล้ว คนบาดเจ็บสี่คนกำลังพักฟื้นอยู่บนเขา!"ดวงตาของหูเทียนแดงก่ำ ทั้งสิบคนเติบโตมาด้วยกัน ไม่ใช่พี่น้องก็เหมือนเป็นพี่น้องกัน!หูเมิ่งอิ๋งผู้งดงามพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม "นำศพผู้ตายกลับมา และส่งพวกเขาไปที่จวนตระกูลหูที่เมืองฝูพร้อมกับผู้บาดเจ็บ หากเจ้าส่งคนไปที่นั่น และรับจดหมายที่ข้าเขียนให้เจ้าไปมอบให้ เจ้ารับเงินหนึ่งพันตำลึงไป"พวกโจรก็สงสัยหากส่งศพห้าศพและผู้บาดเจ็บสี่คนกลับไป จะได้เงินหนึ่งพันตำลึง!นี่คงเป็นกับดัก ผู้หญิงคนนี้เกลียดพวกเขา
ในชาติที่แล้วได้ดูถ่ายทอดสด มีสาวสวยมากมายเหลือเกินที่แต่งหน้าปกปิดใบหน้า แล้วพวกเธอก็ทำให้คนอื่นสับสน แต่เมื่อใบหน้าที่แท้จริงถูกเปิดเผย พวกเขาก็ทำให้คนกลัวจนวิ่งหนี!แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าหูเมิ่งอิ๋งสวย แต่เขาก็จะไม่คิดส่งเดชจนกว่าจะเห็นหน้านางแม้ว่าข้าจะถูกชน แต่ก็ยังรู้สึกสงบเหมือนน้ำได้!ปัง!ทันใดนั้นล้อก็ชนเข้ากับหินก้อนใหญ่ และรถก็เขย่าอย่างแรง ร่างของหูเมิ่งอิ๋งเซมาชน มือนางปัดโดนผ้าคลุมหน้าแล้วซบไปในอ้อมแขนของหวังหยวนอีกครั้ง“โอ๊ะ...คุณหนูหู ไม่เป็นไรใช่ไหม?”หวังหยวนตกใจ เขาจับเอวนางอย่างประหม่า และช่วยประคองนางลุกขึ้นภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้น รูปหน้าอ่อนโยน ดวงตากลมโตน่ารัก คางเรียวได้รูป และแก้มกลมที่นุ่มเนียนเหมือนทารก เป็นใบหน้าที่ใสบริสุทธิ์และมีเสน่ห์เหมือนตัวร้ายที่สวยที่สุดในละครชาติก่อน ที่ถูกฆ่าตายเหลือเพียงชื่อเท่านั้น!ดวงตาช่างสวยงาม น่าสงสาร และไร้เดียงสา!"ไม่เป็นไร!"ร่างกายบอบบางของหูเมิ่งอิ๋งสั่นเทา นางลุกขึ้นนั่งตัวตรงและสวมผ้าคลุมอีกครั้งหวังหยวนถามอย่างสงสัย "ทำไมคุณหนูหูถึงสวมผ้าคลุมหน้า ไม่เปิดเผยใบหน้าให้คนอื่นเห็น?"หูเมิ่งอิ๋งยิ้มอย่างเศ
"ธุระอะไร? มีธุระอะไรก็มาหาข้านี่!"เอ้อหู่ที่เพิ่งหลับตาพูดอย่างไม่ไยดี "ไม่เห็นรึไวว่าพี่หยวนเพิ่งเข้าไปในรถ และกำลังนอนอยู่กับคุณหนูหู ถ้าเจ้ารบกวนพวกเขาตอนนี้ เจ้านี่มันไม่เข้าใจอะไรเลย!"ในรถม้า ใบหน้างดงามหูเมิ่งอิ๋งกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความเขินอาย เจ้าโง่คนนี้พูดอะไรที่ไม่ควรพูดจริง ๆ!ขึ้นรถไปนอนกับนางหมายความว่าอย่างไร ทั้งสองคนนอนแยกกัน ไม่ได้อยู่ข้างกันสักหน่อย!หงเยี่ยเริ่มโกรธมากขึ้น เขามองไปที่ด้านข้างของเอ้อหู่ และในที่สุดก็อดไม่ไหวอีกต่อไป "ข้าอยากถ่ายเบา ให้หาเจ้า ให้เจ้าช่วยได้รึไง ไสหัวไปเลยไป!""อะแฮ่ม!"เอ้อหู่หน้าแดง “โจรสาวคนนี้พูดจาไม่ชัดเจน ถ้าบอกว่าจะไปฉี่ ข้าจะบอกให้เจ้าหาข้าทำไม ข้า หวังพั่วหลู่เป็นคนซื่อสัตย์และเที่ยงตรง ข้าจะทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้ได้อย่างไร!อุ้บ คิก...ทุกคนที่ยังไม่ได้หลับก็หัวเราะออกมา!หูเมิ่งอิ๋งหน้าบูดบึ้งลงจากรถม้า "ข้าจะไปช่วยนาง!"“แก้เชือกรอบข้อเท้าของนางเท่านั้น!”หวังหยวนก็ลงจากรถม้า และนำหน้าไม้ขงเบ้งขึ้นสายเตรียมพร้อม“ข้าไปถ่ายเบา เจ้าตามข้ามาทำไม เจ้าหน้าด้านขนาดนั้นเลยเหรอ”เชือกที่เท้าของนางถูกมัดไว้ แต่มือขอ
หวังหยวนดึงจุกถุงน้ำออก “ล้างมือ!”“อ๊ะ ขอบคุณคุณชาย!”หูเมิ่งอิ๋งรู้สึกเขินอายและพึงพอใจ นางยื่นมือขาวเนียนนุ่มออกไป แล้วเริ่มล้างด้วยน้ำคุณชายคนนี้เข้าใจผู้หญิงจริง ๆผู้หญิงรักความสะอาด นางอยากล้างมือมานานแล้ว แต่กลัวโดนตำหนิว่าใช้น้ำเปลือง!ทั้งสองกลับขึ้นไปบนรถม้า!ต้าหู่ที่กำลังเฝ้ายามถอนหายใจด้วยความโล่งอกหงเยี่ยบ่นพึมพำ “เจ้าโจรบ้า หากเจ้ากล้าแย่งพี่สะใภ้ของข้าไปจากข้า ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าไม่ช้าก็เร็ว!”กรอด!ในรถม้า หวังหยวนกัดฟันกำหมัดแน่น นึกอยากจะรีบออกไปตีก้นแม่โจรสาวหูเมิ่งอิ๋งหน้าแดงและพูดว่า “คุณชายอย่าฟังเรื่องไร้สาระของนาง!”“พักผ่อนเถอะ!”ในค่ำคืนอันเงียบสงบ ทั้งสองจมดิ่งสู่ห้วงนิทรากลางดึกอากาศหนาวจัด ทั้งสองคนที่กำลังนอนหนาว เหน็บเบียดเสียดกันโดยไม่รู้ตัวในตอนเช้า ทั้งสองเปลี่ยนจากเบียดกันเป็นกอดกัน ร่างกายแนบชิดเพื่อใฝ่หาความอบอุ่น“อ๊ะ!”หวังหยวนตื่นขึ้นมาเห็นโฉมสะคราญในอ้อมแขน หัวใจของเขาเต้นแรง ค่อย ๆ ปล่อยมือ ขยับตัวออกไป ก่อนลงจากรถม้า แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอกเฮ้อ!ในรถม้า หูเมิ่งอิ๋งถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นปิดใบหน้างามอันร้อนผ่าวของตัว
หงเยี่ยตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันพูดว่า “เช่นนั้นก็กลับไปตัดต้นไม้ เพื่อสร้างโล่ขนาดใหญ่ เราจะให้คนสร้างโล่ขึ้นมาเอง เพื่อเตรียมตัวรับมือเจ้าคนสกุลหวังนั่น”...“พี่หยวน!”ด้านนอกรถม้า หวังซื่อไห่ขมวดคิ้วพูดว่า “เราปล่อยแม่โจรสาวไปแล้ว แล้วขากลับเราจะทำอย่างไร? นางต้องไม่ปล่อยเราไปแน่นอน!”ทุกคนกังวลเล็กน้อย!พูดตามตรง แม้ว่าจะเอาชนะอีเซี่ยนเทียนได้ในครั้งนี้ และยังได้รับผลประโยชน์มากมายด้วย!แต่ทุกคนรู้ถึงอันตราย เป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านมาอีกเป็นครั้งที่สอง!ขากลับต้องทำอย่างไร!หวังหยวนเลิกคิ้ว แล้วพูดว่า “เจ้าต้องจำไว้ว่าการปฏิบัติตามข้อตกลง คือการสั่งสมชื่อเสียงของตน หากเจ้าต้องการรักษาชื่อเสียงที่ดีของตนเอง เจ้าต้องปฏิบัติตามข้อตกลง แม้ว่าเจ้าจะทำข้อตกลงกับศัตรูก็ตาม หากเจ้าปฏิบัติตามข้อตกลงกับศัตรู ก็จะไม่มีใครสงสัยเรื่องความน่าเชื่อถือของเจ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจคือความน่าเชื่อถือ ซึ่งถือเป็นรากฐานของชีวิต!”ทุกคนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ!ดวงตาคู่งามของหูเมิ่งอิ๋งฉายแววประหลาดใจ นางไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะศึกษาวิถีของนักธุรกิจด้วย“ส่วนเรื่องขากลับนั้น!”
เมื่อถ่ายทอดเรื่องราวในสาส์นกราบทูล จ้าวเว่ยหมินได้ตัดทอนเนื้อหาไปมาก เช่นเรื่องสามร้อยปีแห่งราชวงศ์เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อส่งสาส์นกราบทูลนี้ แต่เขากลัวว่ามันจะเกี่ยวข้องกับหวังหยวน เขาจึงตัดเนื้อความนั้นทิ้งไป!แต่เนื้อหาที่เหลือก็ยังทำให้ทั้งราชสำนักตกใจ!“ข้อเสียของแผ่นดินอยู่ที่การผนวกดินแดน และความเหลื่อมล้ำของชนชั้นทางสังคม ขุนนางและชนชั้นสูงมีพื้นที่หลายพัน หลายแสนไร่ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เสียภาษี”“สามัญชนที่ยากจนมีที่ดินเพาะปลูกสามถึงห้าไร่ บางคนกลายเป็นผู้เช่า แต่ต้องเสียภาษีหนัก ทำให้พวกเขาไม่มีอาหารกิน ไม่มีแม้เสื้อผ้าคลุมร่างกาย ไม่มีเงินเลี้ยงดูในวัยชรา และไม่มีเงินรักษาอาการป่วยของตน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แผ่นดินจะตกอยู่ในอันตราย”“การเก็บภาษีไม่มีอะไรมากไปกว่าวิธีการหาเงิน หัวใจสำคัญอยู่ที่ว่าใครมีเงิน คนจนควรได้รับการยกเว้นภาษี หรือจ่ายภาษีน้อยลง...”เจ้ากระทรวงหกคนมาถึง ถือสาส์นกราบทูลด้วยมือที่สั่นเทา และแอบด่าจ้าวเว่ยหมินในใจ ไม่รู้ว่าหาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่าหลังจากนั้นไม่นาน เสนาบดีฝ่ายซ้ายและเสนาบดีฝ่ายขวาก็มาถึงหยางเฟิ่งกั๋วเปิดอ่าน รูม่านตาของเขาห
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย