วินาทีต่อมา ไหล่ของหลิวเยี่ยนก็ถูกจับไว้ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองว่าเป็นใคร เขาก็ถูกชายคนนั้นผลักออกไป! เขาไม่ทันตั้งตัว ยืนโซเซและน้ำเต้าหู้ที่ถืออยู่ในมือก็สาดใส่ตัวเองทั้งหมด แม้ว่าจะมีเสื้อผ้าหลายชั้นกันอยู่และไม่ถูกลวกไปเสียก่อน แต่การสาดนี้ช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ ปลายลิ้นของหลิวเยี่ยนดุนที่กระพุ้งแก้มและเงยหน้าขึ้น พบว่าคนที่ลงมือนั้นคือเหวินเหยียนโจว รอยยิ้มที่ริมฝีปากยังคงเหมือนเดิม แค่รู้สึกหน้าชาเล็กน้อย "ประธานเหวิน มีอะไรก็พูดกันดี ๆ จะลงไม้ลงมือทำไม?" เหวินเหยียนโจวมองเขา "ประธานหลิว พูดจาดี ๆได้ไหม?" "ได้สิ ทําไมผมจะทำไม่ได้ล่ะ" หลิวเยี่ยนถอดเสื้อโค้ทและม้วนเป็นก้อนกลม สูทที่สั่งทําแฮนเมดตัวละหลายแสนบาท เขาโยนลงถังขยะโดยไม่กระพริบตา เขาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "ได้ยินว่าเมื่อคืนประธานเหวินส่งเลขาโหลวมาโรงพยาบาล ต้องขอบคุณมาก แต่เรื่องแบบนี้ต่อไปสามารถโทรหาผมได้โดยตรง ยังไงผมก็เป็นแฟนในอนาคตของเลขาโหลวอยู่แล้ว" เหวินเหยียนโจวจัดแขนเสื้อ โหลวฉางเยว่สังเกตเห็นว่าชุดสูทของเขาดูเหมือนจะเป็นชุดของเมื่อคืนที่เขาใส่ เขาไม่ได้กลับไปเมื่อคืนเหรอ?เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง
พอเขาพูดถึงเรื่องคฤหาสน์ลอฟฟี่ ฮิลล์ วิลล่า โหลวฉางเยว่ก็รู้สึกถึงลมหนาวของหน้าต่างที่ไม่ได้ปิดพัดเข้ามา และทะลุเข้าไปในกระดูกของตัวเอง ทั้งเจ็บทั้งปวด นั่นเป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกถึงความหยาบคายและความโหดร้ายของเหวินเหยียนโจวที่มีต่อเธอ จากนั้นเธอก็ฝันร้ายอีกครั้ง ฝันว่าเหวินเหยียนโจวมาหาเธอเพื่อคิดบัญชีที่เธอทิ้งเขาไป เขาต้องการให้เธอเปลื้องเสื้อผ้าออกทั้งหมด เธอตื่นขึ้นจากความฝันพบว่าเพิ่งจะแค่ตีสามเท่านั้น แต่เวลานี้เธอนอนไม่หลับแล้ว เธอตื่นตระหนกและเจ็บปวดหัวใจมาก ครั้งนี้เธอป่วยอย่างกะทันหัน นอกจากการเปลี่ยนสถานที่ที่ไม่คุ้นชินและความตรึงเครียดจากการทํางาน จะไม่ให้เป็นเหตุให้ไม่กังวลมากมายขนาดนี้ได้ไงเธอยังเจ็บคออยู่ พูดอย่างลําบากว่า "......สองเรื่องนี้ สามารถเปรียบเทียบกันได้ไหม?" เหวินเหยียนโจวเห็นสีหน้าของเธอซีดกว่าเมื่อคืน แต่ไม่ได้พูดออกไป โหลวฉางเยว่กลั้นหายใจ ดึงมือตัวเองอย่างแรงกลับมา และกรอกรหัสผ่านให้เสร็จ จากนั้นสองแสนบาทก็ได้โอนออกไป เธอพูดด้วยเสียงแข็งว่า "ประธานเหวินรับมันไว้เถอะค่ะ" เหวินเหยียนโจวไม่ได้พูดอะไร โหลวฉางเยว่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะ
เซวียเสี่ยวกล่าวว่า "อย่างน้อยก็เลี้ยงอาหารทุกคนสักมื้อเถอะ!" ก็แค่เชิญกินข้าวเท่านั้น ไม่มีอะไรไม่ได้ โหลวฉางเยว่ "ได้ค่ะ ฉันไม่ค่อยรู้ร้านอาหารในเมืองซีเฉิง พวกคุณกําหนดเวลาสถานที่แล้วบอกฉันด้วย" วันนี้มีงานไม่เยอะ ทุกคนสามารถเลิกงานตรงเวลาได้ จากนั้นเซวียเสี่ยวมาที่โต๊ะทํางานของโหลวฉางเยว่และพูดอย่างกระตือรือร้นว่า "เลขาโหลว วันนี้เราไปขึ้นเงินกันเถอะ ฉันเรียกเพื่อนร่วมงานแล้ว! " ตอนนี้โหลวฉางเยว่ไม่มีไข้หรือเวียนหัวแล้ว แต่ยังเจ็บคอเล็กน้อย ยังไม่ค่อยสบายและไม่ค่อยอยากปาร์ตี้นัก แต่ดูเพื่อนร่วมงานต่างก็ตั้งตารอ โหลวฉางเยว่ได้แต่ทนไว้ "ได้สิ" พวกเขาหนึ่งกลุ่มเจ็ดคน นั่งรถทั้งหมดสองคัน พอมาถึงคลับเฮาส์ที่มีป้ายเขียนว่า "เสมือนดั่งฝัน" การตกแต่งคลับเฮาส์ไม่ได้ด้อยไปกว่าพระราชวังตะวันตกของเมืองเซินเฉิงเลย โหลวฉางเยว่เธอรสนิยมดี แม้ไม่ต้องเข้าไปก็รู้ได้ทันทีว่าค่าใช้จ่ายของสถานที่แบบนี้ไม่ถูกแน่นอน เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เสมือนดั่งฝันจริง ๆ...... ที่นี่แพงแน่ ๆ เลยใช่ไหม? เกือบจะเป็นคลับเฮาส์ที่แพงที่สุดในเมืองซีเฉิงของเรา ไม่มีห้องโถง เป
หลังจากเซวียเสี่ยวรู้สึกถึงความอัปยศอดสู สีหน้าของเขาก็แดงก่ำ "ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแกล้ง เป็นเธอ......" หลิวเยี่ยนพูดว่า "อืม คุณไม่ได้ทำ แต่ผมเป็นคนจ่ายอาหารมื้อนี้ งั้นผมมีสิทธิ์ที่จะเลือกไม่เลี้ยงใคร ตอนนี้ผมก็ไม่อยากเลี้ยงคุณ รบกวนคุณกลับไปก่อนได้ไหม? คุณขวางหูขวางตาผมจริง ๆ " "......" เมื่อถูกไล่เช่นนี้ ไม่ว่าเซวียเสี่ยวจะหน้าด้านขนาดไหนก็ไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ เธอจ้องมองโหลวฉางเยว่ด้วยความแค้นและไม่พอใจ สีหน้าโหลวฉางเยว่ซีดเซียว ในที่สุดเซวียเสี่ยวก็จากไป หลิวเยี่ยนเดินไปหาโหลวฉางเยว่ โหลวฉางเยว่รู้ว่าเขากําลังช่วยเธออยู่ ไม่รู้ว่ามาดีหรือร้าย แต่เธอก็ขอบคุณจากใจจริง "ขอบคุณประธานหลิวนะคะ แต่คุณไม่จําเป็นต้องทําแบบนี้" "ไม่ได้ ใครกล้ารังแกคุณ ผมก็จะรังแกคนนั้นกลับ" หลิวเยี่ยนหัวเราะและหันไปพูดกับทุกคนว่า "วันนี้ทุกคนกิน ดื่มอย่างสบายใจได้เลย เลขาโหลวของพวกคุณเลี้ยงเอง ผมคือคนที่จีบเลขาโหลวอยู่ ผมจ่ายเอง" โหลวฉางเยว่ "......" เขานี่จริง ๆ เลย แสดงตัวตนของตัวเองได้ทุกที่ทุกเวลา——บุคคลที่กำลังตามจีบเธออยู่ ...... "ประธานเหวินเหรอ?" ลูกค้าที่อยู่ข
โทรศัพท์ของโหลวฉางเยว่ดังขึ้นทันเวลาพอดีโหลวฉางเยว่มองหน้าจอ แล้วยิ้มอย่างเสียใจ "นี่เป็นสายจากประธานเซิ่น น่าจะเป็นเรื่องด่วน ขอออกไปรับสายสักครู่นะคะ ทุกคนทานก่อนเลย ไม่ต้องรอฉัน"คนที่อยู่ในห้องโห่ร้องด้วยความผิดหวัง แต่โหลวฉางเยว่ไม่สนใจ รีบเปิดประตูกระจกบนดาดฟ้าแล้วออกไปหลิ่วเยี่ยนมองตามหลังเธอ ก่อนจะคว้าแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วดื่มหนึ่งคำ ดวงตาเต็มเขาไปด้วยความไม่ชัดเจนพอออกไป โหลวฉางเยว่ก็ปิดนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ อารมณ์แข็งกร้าวก็ลดลงทันทีเธอตัดสินใจ หลังจากคืนนี้ จะพูดกับหลิ่วเยี่ยนจริงจังอีกครั้ง ว่าอย่าทำแบบนี้อีกเล่นก็ส่วนเล่น ก่อเรื่องก็ส่วนก่อเรื่อง การคุกคามและบังคับแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจมากดาดฟ้ากว้าง เต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพันธุ์มากมาย ใช้ไฟตั้งพื้น เพื่อสร้างบรรยากาศ แสงจึงไม่ค่อยสว่างโหลวฉางเยว่ไม่รีบกลับไปห้องพัก ตั้งใจจะอยู่ข้างนอกอีกครึ่งชั่วโมงเธอเดินเล่นในแปลงดอกไม้ คิดว่าจะโทรหาแม่ดีไหมอาจเป็นเพราะอายุที่มากขึ้น หลังจากผ่านการผ่าตัดใหญ่ขนาดนี้ สภาพการฟื้นตัวของแม่โหลวไม่ค่อยดีนักเธอตอบสนองช้าลงมาก และดูงุนงง บางครั้งพูดกับเธอ ต้องใช้เวลานานกว่าจะตอบสน
"พูดจาเหลวไหล!" โหลวฉางเยว่ทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำเสียงที่สั่นเครือไม่อาจควบคุมได้ สุดท้ายเธอก็เอาชนะชายคนนี้ไม่ได้เธอถูกบีบจนต้องพูด "ทำไมถึงไม่ปฏิเสธ... มีคนอยู่ตั้งเยอะ ถ้าฉันปฏิเสธเขาต่อหน้าผู้คน คนอย่างเขา คนอย่างพวกคุณ จะไม่พาลโกรธเอาใช่ไหม? จะไม่โทษฉันใช่ไหม?"เธอเข้าใจพวกเขา กลุ่มคนมีศักดิ์ศรีพวกนี้ตอนที่พอใจ ยอมอ้อนวอน ยอมประจบสอพลอ หรือแม้กระทั่งยอมเป็นคนชั้นต่ำ แต่ถ้าหากเสียหน้าจริงๆ วันนี้เรียกว่า "Honey" พรุ่งนี้ก็เอาคืนจนเธอเอาตัวไม่รอดไม่ใช่ว่าเธอได้รับบทเรียนจากเขาแล้วเหรอ?ไม่งั้นทำไมเธอจะต้องทิ้งบ้าน ทิ้งแม่ที่ป่วยหนัก หนีจากเมืองเซิ่นเชิงไปเมืองซีเซิง?เมื่อได้ยินคำอธิบายของโหลวฉางเยว่ สีหน้าของเหวินเหยียนโจวดีขึ้น โทนเสียงก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น"ผมจ่ายค่าห้องส่วนตัวนี้ให้แล้ว ต่อไปถ้าต้องการเงิน คน หรือสถานที่ ก็บอกกับผมนะ"บอกกับเขา? พวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกัน?โหลวฉางเยว่กลั้นหายใจ หาโอกาสผลักเขาออก แต่พอแยกจากกันนิดหน่อย เขาก็กดดันเธออีกครั้ง และครั้งนี้ เขากดเธอแรงขึ้นโหลวฉางเยว่โกรธจัด น้ำเสียงข่มอารมณ์อยู่ "เหวินเหยียนโจว คุณพูดก็เหมือนไม่ได้พูด ไม่ใช่พูดว่าจะไม
คืนนี้พวกเขาเล่นกันถึงสี่ทุ่มกว่า แต่ละคนต้องกลับไปเพราะพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงาน คืนนี้หลิ่วเยี่ยนไม่ได้ดื่มเหล้าเลยสักหยด ใครชวนเขาดื่ม เขาก็พูดแต่ประโยคเดียว "ผมต้องไปส่งเลขาโหลว" ดังนั้นท้ายที่สุดโหล่วฉางเยว่จะไม่ให้เขาไปส่งก็ไม่ได้ หลิ่วเยี่ยนขับรถมาจอดที่ประตูโรงแรม โหล่วฉางเยว่ไม่เคยบอกเขาว่าเธอพักอยู่ที่ไหน แต่ชายพวกนี้ ต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ โหล่วฉางเยว่กำลังคิดเรื่องการย้ายที่อยู่ แต่โรงแรมนี้ มีระดับ ค่อนข้างปลอดภัย และมีบริการทำความสะอาดรวมถึงอาหารเช้า คุณภาพดีราคาถูก ไปทำงานก็สะดวก จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด คิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายพวกนี้ ก็ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนี้ โหล่วฉางเยว่คลายเข็มขัดนิรภัย จับที่จับประตู แต่ไม่ได้ลงทันที เธอกลับเรียก "ประธานหลิ่ว" หลิ่วเยี่ยนถอดเสื้อคลุม สวมแค่เสื้อไหมพรมที่ค่อนข้างรัดรูป ทำให้เห็นกล้ามแขนและกล้ามอกของเขาเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเปิดปากพูด กลิ่นอายฮอร์โมนส์เพศชาย ทำให้รู้สึกอึดอัด "หืม? อยากชวนผมขึ้นไปนั่งเหรอ? ไม่ดีกว่า ดึกๆแบบนี้ ชายหญิงอยู่ด้วยกัน ไม่ค่อยเหมาะสม เว้นแต่ว่าคุณจะให้สถานะกับผมก่อน"
ช่วงที่โหลวฉางเยว่ไม่ได้พูดอะไร หลิ่วเยี่ยนเปิดช่องเก็บของที่ประตูรถและยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลให้เธอ "นี่คือข้อมูลของจงซิน ลองพิจารณาดู"โหลวฉางเยว่ลังเลไม่กี่วินาทีก่อนรับถุงมา "ขอบคุณค่ะประธานหลิ่ว"หลิ่วเยี่ยนยิ้ม "ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ อย่าลืมทานยาก่อนนอน ได้หายเร็วขึ้น ฟังเสียงคุณแล้วยังแหบอยู่เลย"โหลวฉางเยว่ยังมีคำถามสุดท้าย "ประธานหลิ่วรู้ได้ยังไงว่าวันนี้ฉันจะไปที่คลับล่องลอยดุจฝันคะ?"หลิ่วเยี่ยนตอบอย่างไม่เป็นทางการ "เทพเจ้าเยว่เหล่านำพา ทำให้เราพบกัน แม้จะห่างกันหลายหมื่นลี้"โหลวฉางเยว่เปิดประตูลงจากรถหลิ่วเยี่ยนหัวเราะเบาๆไล่หลังเธอไป...วันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ไปพบลูกค้ากับเซิ่นหวายชินพวกเขานัดพบกันที่โรงละคร พูดคุยงานขณะชมการแสดง หลังจากการแสดงปิดม่าน การเจรจาขอความร่วมมือก็ดำเนินไปได้ดีพวกเขายังมีภารกิจอื่นรออยู่ จึงลุกขึ้นบอกลาขณะที่กำลังเดินลงจากชั้นสามไปชั้นสอง ก็ได้พบกับเหอชิงที่กำลังรออยู่อย่างบังเอิญเหอชิงพูดอย่างสุภาพ "ประธานเซิ่น ละครเรื่องต่อไป ฉินอิงเจิงซี เป็นเรื่องที่ประธานเหวินชอบมาก ประธานเหวินถามคุณว่างหรือไม่ ไปดูด้วยกันไหม?"เซิ่นหวายชินคิดอยู่ครู่นึง ห
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ